ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ – ตอนที่ 426 ฝันถึงอดีตที่ผ่านมา

ชั้นที่ห้ามืดมากเสียจนนางมองอะไรไม่เห็น มันดูน่ากลัวอย่างแปลกประหลาด อาจเพราะตั้งแต่ชั้นที่สี่มา มันมิใช่การทดสอบตอนต้นแล้ว

“โฮกกก!”

ดวงตาที่เย็นยะเยือกปรากฏขึ้น มู่เฉียนซีพบว่าตัวเองถูกขังอยู่ในกรงและถูกขังอยู่ด้วยกันกับสัตว์วิญญาณ

“นี่คือสัตว์วิญญาณที่มีพลังต่อสู้เทียบเท่ากับเจ้า จงเอาชนะมันให้ได้”

มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เอาชนะได้หนึ่งตัวก็ถือว่าข้าชนะแล้วหรือ ?”

“เจ้าช่างไร้เดียงสาเกินไป  หากเอาชนะมันได้ ต่อไปเจ้าต้องเผชิญหน้ากับสองตัว จากนั้นก็สามตัว…”

อย่างไรก็ตาม แม้จํานวนสัตว์วิญญาณจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามลำดับ แต่ก็ไม่ใช่การเพิ่มขึ้นอย่างพร้อมกันในทีเดียว มู่เฉียนซีจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก

แต่พลังการต่อสู้ของสัตว์วิญญาณนั้นแข็งแกร่งกว่ามนุษย์มาก เพราะพวกมันมีพละกําลังกายที่พิเศษ จึงต้องยากลำบากมากกว่าในการที่จะกำจัด

มู่เฉียนซีกล่าว “ในครั้งนี้ หากข้าบรรลุเป้าหมายแล้ว เจ้าไม่หลอกข้าได้หรือไม่ สั่งหยุดทันทีได้หรือไม่ ?”

“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมั่นใจในการทดสอบนี้มาก”

“แน่นอน เป้าหมายของข้าคือชั้นที่เจ็ด เจ้าบอกข้ามาว่าได้หรือไม่ได้”

“แล้วแต่อารมณ์ข้า…”

เครื่องจักรกลไกเงียบไปในทันที มู่เฉียนซีโกรธมากจนกัดฟันแน่น “เจ้าช่างโหดร้ายเสียจริง…”

อยู่ใต้ชายคาทุกคนต้องก้มหัวลง ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเลยว่าอีกฝ่ายยังคงเป็นเครื่องจักรกลไกที่ควบคุมเจดีย์เทพทั้งหมด นางทําอะไรมันไม่ได้เลย

“โฮก!”

มู่เฉียนซีเพิ่งจะสื่อสารกับเครื่องจักรกลไกเสร็จ สัตว์วิญญาณตรงหน้าก็พุ่งเข้ามาหาทันที

มู่เฉียนซีกล่าว “ให้ข้าดูหน่อยว่าเจ้าจะเก่งกาจสักแค่ไหน”

กระบี่มังกรเพลิงส่องประกายเจิดจ้าในความมืดนี้

— ปัง! —

มู่เฉียนซีปะทะกับเจ้าสัตว์ตัวใหญ่ตรงหน้าอย่างดุเดือด!

“วารีสะท้านสวรรค์!”

มังกรวารีที่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าร่วงตกลงมา แต่กลับถูกเขากระทิงยักษ์ของสัตว์วิญญาณตรงหน้านี้ต้านไว้

— ปัง! —

เสียงระเบิดดังสนั่น มันไม่ได้ถอยหลังไปสักก้าว แต่มู่เฉียนซีกลับกระเด็นไปที่ขอบกรง ร่างกายของมันเป็นร่างกายที่ทรงพลัง มันยากเกินไปที่จะต่อกรด้วย

คิ้วของมู่เฉียนซีขมวดแน่น นางยังคงสู้ต่อไป!

แค่ตัวเดียวเท่านั้น นางสามารถจัดการได้

— ปัง!  ปัง!  ปัง! —

หลังจากการต่อสู้อย่างบ้าคลั่งหลายสิบรอบ มังกรเพลิงก็ได้พันธนาการสัตว์วิญญาณยักษ์ตัวนี้ไว้

— ปัง! —

เมื่อเจ้าตัวใหญ่ล้มลงกับพื้น มู่เฉียนซีก็ถูกดึงเข้าไปในกรงต่อสู้อีกกรงหนึ่ง

เบื้องหน้าของนางเป็นสัตว์ตัวใหญ่สองตัว!

คิ้วของมู่เฉียนซีขมวดแน่น ทว่านางยังคงกวัดแกว่งกระบี่ยาวเพื่อต่อสู้ต่อไป!

— ตูม!  ตูม!  ตูม! —

การต่อสู้แบบเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ สนามหนึ่งต่อด้วยอีกสนามหนึ่ง ไม่มีที่ว่างสําหรับการพักผ่อน

จํานวนสัตว์วิญญาณจะมากกว่าสนามเดิมอีกหนึ่งตัว จึงยากที่จะรับมือได้ แต่มู่เฉียนซีรู้ว่าชั้นเจ็ดมีดอกบัวกำเนิดเก้าวิญญาณที่รอนางอยู่ ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถยอมแพ้ได้

— ตูม! —

เสียงระเบิดหนึ่งดังออกมาจากในพื้นที่มืดมิดและไม่มีที่สิ้นสุดนี้

พื้นที่มืดมิดทําให้ผู้คนรู้สึกกดดัน ยิ่งต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งก็มักจะต้องรักษาพลังการต่อสู้ที่แข็งแกร่งไว้ แต่เป้าหมายของมู่เฉียนซีนั้นชัดเจน นางจึงพุ่งไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญเกินขีดจํากัดของตัวเอง

สามตัว สี่ตัว ห้าตัว หกตัว เจ็ดตัว…

สิบสามตัว!

ยาพิษที่ติดตัวมาใกล้จะหมดลงแล้ว เมื่อถึงสนามที่สิบสาม ในที่สุดก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป  นางนอนอยู่บนพื้นและถามขึ้นว่า “ข้าผ่านด่านหรือยัง ?”

“แท้ที่จริงแล้วบันทึกสูงสุดคือเก้าตัว เจ็ดตัวก็ผ่านด่านแล้ว” เสียงของเครื่องจักรกลไกดังออกมา

มู่เฉียนซีกัดฟันและกล่าวว่า “นั่นหมายความว่าเจ้าหลอกข้าอีกแล้ว!”

“นี่ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีสําหรับเจ้าไม่ใช่รึ ? อย่าโกรธไปเลย เจ้าดูสิ เจ้าทําลายสถิติของเจดีย์เทพอย่างต่อเนื่อง รู้สึกภูมิใจมากเลยใช่ไหม ?”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าไม่รู้สึก”

“ดี! เช่นนั้นข้าจะมอบพลังที่จะช่วยให้เจ้าฟื้นฟูความแข็งแกร่งของเจ้า” เมื่อรู้สึกถึงความโกรธของมู่เฉียนซี เขาก็เตรียมที่จะส่งลูกอมเล็ก ๆ น้อย ๆ มาประจบมู่เฉียนซี

ความมืดรอบตัวและกรงก็ได้หายไป ตอนนี้มู่เฉียนซีนอนอยู่บนทุ่งหญ้าที่อ่อนนุ่มและยังมีทะเลสาบใส ๆ อยู่ตรงหน้า

สภาพแวดล้อมนั้นสวยงามมาก ในเวลานี้แสงสีฟ้าอ่อนห่อหุ้มร่างมู่เฉียนซีเหมือนกับในชั้นสอง มู่เฉียนซีทะลวงผ่านไปอีกหนึ่งระดับอย่างราบรื่น

ราชาแห่งภูตระดับสี่

แม้ว่านางจะมีพรสวรรค์และทักษะการฝึกฝนที่ดี แต่การฝึกฝนอย่างสุดชีวิตจะต้องใช้เวลาสองถึงสามเดือนในการทะลวงผ่านไปสู่ราชาแห่งภูตอีกระดับหนึ่ง แต่ตอนนี้นางกลับทะลวงผ่านสามระดับได้อย่างต่อเนื่อง

แม้ว่าจะไม่มีโอกาสที่จะขึ้นไปได้ภายในหนึ่งก้าว แต่การที่ได้รับผลประโยชน์เช่นนี้ก็ไม่เลว และที่มากกว่านั้นคือยังมีดอกบัวกำเนิดเก้าวิญญาณ

ชั้นที่ห้าแล้ว หากว่าผ่านไปได้อีกสองชั้นก็ถึงแล้ว

ดวงตาที่หมองหม่นของมู่เฉียนซีเริ่มสว่างและตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อย ๆ

มู่เฉียนซีเพิ่มระดับพลังอีกหนึ่งระดับและฟื้นฟูความแข็งแกร่งของตนเอง นางอยากที่จะได้ดอกบัวกำเนิดเก้าวิญญาณมาอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงอุปสรรคที่จะเกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นจึงเร่งให้เครื่องจักรกลไกรีบพานางไปยังชั้นที่หก

“สาวน้อย ชั้นที่หกอันตรายจริง ๆ ยามที่เจ้าตกอยู่ในอันตราย ต่อให้เป็นข้าก็หยุดไม่ได้ เจ้าควรพักผ่อนสักหน่อยก่อนแล้วค่อยขึ้นไป”

มันเคยเห็นผู้คนมากมายมาบุกเข้าไปในเจดีย์เทพ คนไม่กลัวตายอย่างเช่นนางก็เคยเห็นมาก่อน แต่สาวน้อยผู้นี้มีความพยายามอย่างแรงกล้า ทําให้เขาให้ความสำคัญเป็นพิเศษและอดเอาใจช่วยไม่ได้

ด้วยเจตนาของมัน มันนั้นไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดอะไรกับนางเลย

มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าสร้างกับดักเช่นนั้นออกมา จะให้ข้าใจเย็นได้อย่างไรเล่า! เร็วเข้า!”

เครื่องจักรกลไกกล่าวอย่างจนใจว่า “ข้าจนปัญญากับเจ้าจริง ๆ  เอ้า! ไปก็ไป”

มู่เฉียนซีมุ่งหน้าไปที่ชั้นหก เบื้องหน้าของนางเต็มไปด้วยหมอกสีขาวหนาและไม่มีอะไรอื่นเลย

“ให้ตายเถอะ เหตุใดข้าถึงรู้สึกง่วงนักนะ…” มู่เฉียนซีรู้สึกง่วงนอนอย่างไม่อาจต้านทานได้ นางล้มลงกับพื้นและหลับไปในทันที

นางนั้นหลับใหลไป…

หลับไป…

— กริ๊งง! —

เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มู่เฉียนซีที่ปิดประตูไม่รับแขกมานานเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืนกดวางสายทิ้งอย่างรำคาญใจ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็อย่าได้รบกวนนางที่กำลังพักผ่อนเลย

— กริ๊ง!  กริ๊ง!  กริ๊ง! —

เมื่อโทรศัพท์ยังคงดังขึ้นมาใหม่อย่างต่อเนื่อง มู่เฉียนซีจึงจำต้องรับสายอย่างหงุดหงิดและถามขึ้นว่า “ใครคะ ?”

“หมอปีศาจ! ตอนนี้มีงานด่วน คุณต้องรีบช่วยชีวิตคนไข้ด่วน!”

“ถึงจะมีงานแต่ก็ต้องรอพรุ่งนี้  พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน”

“แต่คนไข้ใกล้จะตายแล้ว คุณก็น่าจะ…”

“ใกล้ตายแล้ว ถ้างั้นพวกคุณก็คิดหาวิธีทำให้เขาหอบเอาลมหายใจไว้ให้ถึงวันพรุ่งนี้ ถ้าหากว่าตายก็ถือว่าเป็นความผิดของพวกคุณ แต่ถ้าหากว่ารอดมา แน่นอนว่ารวยแน่”

“นั่น… เราทำไม่ได้”

“ทำไม่ได้ก็ติดต่อผู้รับจัดงานศพซะเถอะ! ฉันไม่คุยด้วยแล้ว!”

— ตื๊ด! —

มู่เฉียนซีวางสายทิ้ง และนอนแผ่อยู่บนเตียงอีกครั้ง

มู่เฉียนซีลืมตาโพลงอย่างกะทันหัน นางมีความฝันที่แปลกมาก

มีกลิ่นอายโบราณ และยังมีเรื่องผู้นำตระกูลอะไรอีก… และยังมีชายตาบอดคนหนึ่งที่นั่งอยู่บนรถเข็น ชายตาบอดที่ดูอบอุ่น…

การทำงานแบบเจ็ดวันเจ็ดคืนนั้นไม่ใช่ข้อจำกัดของนาง แต่ตั้งแต่นางได้ล้มลงไปในครั้งนั้น ก็ฝันแปลก ๆ อยู่เช่นนี้เสมอ

เมื่อนางตื่นขึ้นมาจากความฝัน นางก็ยังคงเป็นหมอปีศาจมู่เฉียนซีที่ไร้ซึ่งภาระอันใด นางสกัดยาที่ดีที่สุด ทำยาพิษที่ร้ายกาจอย่างที่สุด และทำงานยื้อแย่งชีวิตกับยมบาลอย่างเป็นอิสระ

เห็นได้ชัดว่าความตื่นตัวของนางนั้นไม่ดีเป็นอย่างมาก นางง่วงมากและอยากที่จะนอนหลับ แต่ทว่าภาพในหัวของนางแต่ละภาพนั้นไม่อาจลบเลือนหายไปได้ตลอดกาล

ทุกสิ่งอย่างนั้นล้วนปกติเป็นอย่างมาก ทว่านางกลับรู้สึกว่าในจิตใจของนางว่างเปล่า เหมือนกับว่าขาดสิ่งที่สำคัญเอามาก ๆ ไป

มู่เฉียนซีพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงหลายครั้ง ตาของนางพลันหลับลง มือนั้นค่อย ๆ วางลงเบา ๆ  นางรู้สึกราวกับว่าที่ข้างตัวของนาง เหมือนเคยมีคนผู้หนึ่งที่หลับนอนอยู่ข้างกายอย่างไรอย่างนั้น

.

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

Score 7.8
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ นางคือหมอปีศาจผู้เหี้ยมโหดแต่กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงอ่อนแอไร้ความสามารถที่ผู้คนพากันรังเกียจ ทว่าหลังทำพันธสัญญากับเทพอสูรโบราณ ฝึกฝนบำเพ็ญเคล็ดวิชาต้านสวรรค์จึงเปล่งประกายเจิดจรัสจนผู้คนต้องหลบตาไปตาม ๆ กัน ทั้งยังครอบครองพิษหลายแขนง ใครที่กล้ามารังแกนาง นับว่ารนหาที่ตาย! โอสถเก้าสรรพคุณน่ะหรือ นั่นมันถั่วเคลือบน้ำตาลไว้ให้สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของนางกินเล่นต่างหากเล่า ปรุงยาเป็นก็ต้องเอาแต่ใจอย่างนี้นี่ล่ะ! -------------------------- เขาคือเยี่ยอ๋องรูปงามผู้เย้ายวน ผู้คนต่างเข้าใจว่าเขาเหี้ยมโหดไร้ความปรานี แต่ทำไมกับนาง เขาถึงได้เอาแต่ตามติดจนสลัดไม่หลุดอย่างนี้นะ “ท่านจ้องข้าทำไม” “ข้ากำลังคิดอยู่ว่า เจ้าจะกลายมาเป็นสตรีของข้าอย่างถูกต้องเมื่อไหร่” ทันใดนั้น เข็มเล็กก็จ่อเข้าที่เอวของเขา นางเอื้อนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ท่านอ๋อง การหุนหันพลันแล่นเปรียบดั่งปีศาจร้าย หากพิษเข้าร่างเกรงว่าท่านคงจะต้องมีชะตาเยี่ยงขันทีไปชั่วชีวิต!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset