ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ – ตอนที่ 556 ระดับสูงที่สุด

ทางเข้าจวนชางไห่ ก็คือเสาวารีนั่น

ทุกคนล้วนแต่ต้องได้รับการโจมตีของเสาวารีนั่นเพื่อเข้าไปยังจวนชางไห่ จักต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งของตนเอง ไม่ว่าผู้ใดก็มิอาจช่วยเหลือได้

โม่ซางคงกล่าวถามว่า “อาจิ่น ไม่ช่วยคุณหนูมู่หรอกเหรอ ?”

การทดสอบของสัตว์เทพพิทักษ์นั้นมิใช่เรื่องเล่น ๆ เอาซะเลย

“นางเป็นจอมภูตพลังธาตุวารีเชียวนะ เจ้าอย่าได้ดูถูกนางไป”

โม่จิ่นกระโดดก้าวเข้าไปในนั้น พลังการโจมตีนี้ สำหรับเขาผู้ที่ฝึกบำเพ็ญจนเป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูตนั้นไม่ต้องเอ่ยถึงเลย

ส่วนโม่ซางคง ถึงแม้จะเป็นแค่ราชาแห่งภูตระดับสูงสุด แต่ในฐานะที่เขาเป็นถึงนายน้อยแห่งตำหนักโม่อวี่แล้ว แน่นอนว่าย่อมมีเกราะป้องกันอยู่ภายนอก

และมู่เฉียนซี ในขณะที่ก้าวเข้าไปที่เสาวารีนั่น พลังธาตุวารีบนร่างนางก็ได้รวมตัวเป็นหนึ่งเดียวกันกับเสาวารี ทำให้นางมิได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใดเลย

ไม่นานนักพวกเขาก็เข้ามาถึงในจวนที่สร้างด้วยหินอ่อนหลังหนึ่ง เสียงอันหนักแน่นเสียงหนึ่งดังขึ้น

“ยินดีต้อนรับเข้าสู่จวนชางไห่ ตำราทั้งหมดของจวนชางไห่ ก่อนออกไปสามารถหยิบอ่านได้อย่างตามใจ แต่สามารถนำออกไปได้แค่เล่มเดียวเท่านั้น และต้องได้รับอนุญาตถึงจะได้”

มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “โม่จิ่น อยู่ที่นี่ได้นานแค่ไหนกัน ?”

“มันจะบอกเอง” โม่จิ่นตอบ

“และเวลาเข้าจวนชางไห่ แล้วแต่พวกเจ้าจะเลือก จะแบ่งออกเป็นสามชั่วยาม หนึ่งวัน สามวัน หรือสามสิบวัน”

“ในแต่ละช่วงเวลา พวกเจ้าจักต้องรับกับการท้าประลอง เวลายิ่งมากเท่าไหร่ การประลองก็ยิ่งยาวนานมากขึ้นเท่านั้น หากแพ้การประลอง ก็จะถูกไล่ออกไป ขอเตือนสหายทุกท่าน ไม่ว่าจะอยู่ในที่แห่งนี้นานแค่ไหน เวลาด้านนอกยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ดังนั้นยิ่งอยู่ในที่แห่งนี้นานแค่ไหน พวกเจ้าก็จะยิ่งหาทักษะวิญญาณและทักษะลับได้ดียิ่งขึ้นมากเท่านั้น”

สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์ต้องขุดหลุมให้คนกระโดดเป็นแน่ กองกำลังทั้งสามมีผู้อาวุโสมาด้วยไม่น้อย ล้วนแต่มีประสบการณ์ทั้งสิ้น ไม่ถูกเขาหลอกได้เป็นแน่

ผู้ที่พลังวิญญาณยังไม่ถึงขั้นมหาจักรพรรดิ เลือกเวลาสามชั่วยามจะเป็นการดีที่สุด พลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิ ถึงจะท้าประลองขีดจำกัดเวลาหนึ่งวันได้

สามวัน สามสิบวัน นั่นไม่มีผู้ใดสามารถท้าประลองได้เลย หากพวกเขาเลือกวันเวลามากเกินไปเพราะจิตใจที่ละโมบ เช่นนั้นจะทำให้พวกเขาเสียเวลาเปล่าโดยไร้ประโยชน์อย่างแน่นอน

เพียงแต่ว่า มู่เฉียนซีกลับไม่รู้ ในขณะที่ทุกคนยังมิได้ปริปากกล่าวสิ่งใดนั้น มู่เฉียนซีกลับกล่าวว่า “ข้าขอเลือกสามสิบวัน!”

เวลาด้านนอกนั้นไม่เปลี่ยนแปลง นั่นหมายความว่า นางอยู่ที่นี่เป็นเวลาสามสิบวัน ก็ไม่สิ้นเปลืองเวลาของนางมากนัก

สามสิบวัน!

พวกเขาเบิกตากว้างจ้องมองมู่เฉียนซี ล้วนแต่รู้สึกว่านางบ้าไปแล้ว!

โม่จิ่นอุทานขึ้น “พระเจ้า! แย่แล้ว”

“นี่เจ้ายังไม่ได้บอกกฎของที่นี่ให้คุณหนูมู่รู้หรอกเหรอ!” โม่ซวงคงรู้สึกจนปัญญากับโม่จิ่นยิ่งนัก

“ก็ข้าลืมไปแล้วหน่ะสิ! สามสิบวัน แย่แล้ว” ถึงแม้โม่จิ่นจะรู้ว่ามู่เฉียนซีนั้นวิปริตมาก แต่การท้าทายเช่นนี้ มันยากนัก

ถ้อยคำนั้นได้กล่าวออกไปแล้ว คิดจะเปลี่ยนแปลงไม่ทันแล้ว

“ช่างเป็นสาวน้อยที่กล้าหาญยิ่งนัก” สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์กล่าว

ผู้อื่นนั้นไม่ได้เลือกสามชั่วยาม แต่เลือกเวลาสามวัน

โม่จิ่นกล่าว “หากผ่านไปไม่ได้ อย่าได้ฝืนเด็ดขาด”

มู่เฉียนซีเห็นพวกเขาเลือกก็รู้แล้วว่าระดับนี้สูงมาก นางพยักหน้าก่อนจะกล่าว “ข้ารู้”

ไม่ นางต้องพยายามให้ดีที่สุดเพื่อผ่านไปให้ได้ จะมาเสียเที่ยวไม่ได้

ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวอย่างเย็นชาว่า “สาวน้อยช่างโง่เขลายิ่งนัก เสียเวลาครั้งนี้ไปเปล่าประโยชน์”

ครืน ครืน ครืน!

พื้นดินสั่นสะเทือนอยู่ครู่หนึ่ง และได้ส่งคนเหล่านี้ไป

ในตอนนี้ มู่เฉียนซีถูกส่งไปยังสถานที่ที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่ง นางได้รับการทดสอบไม่น้อยเลย ภาพมายา การต่อสู้ และหลายด่านมากมาย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจวนชางไห่นี้จะเล่นกลอะไรอีก

ตูม ตูม ตูม!

กล่องศิลากล่องหนึ่งถูกส่งออกมา เสียง ฉ่า! ดังขึ้น กล่องศิลาถูกเปิดออก ด้านในมีตำราอยู่กองพะเนินหนึ่ง ด้านบนมีอักษรเขียนเอาไว้ว่า “ประวัติโลกสี่ทิศ”

ตำราประวัติศาสตร์ ?

มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็เปิดตำราเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านอย่างไม่ลังเล

เสียงของสัตว์ทะเลผู้พิทักษ์ดังขึ้น “ภายในหนึ่งชั่วยาม เจ้าต้องอ่านตำราประวัติศาสตร์โลกสี่ทิศให้จบ และท่องมันออกมา ก็นับว่าเจ้าผ่านด่านนี้”

ท่องตำรา ท่องประวัติศาสตร์ ?

นึกไม่ถึงว่าจะทดสอบเช่นนี้ ใบหน้าของมู่เฉียนซีเผยความประหลาดใจขึ้น

ได้ยินมาว่าจักรพรรดิชางไห่หลิงตี้เป็นผู้ที่มีความรู้ปราดเปรื่องมากพระองค์หนึ่ง นึกไม่ถึงว่าการทดสอบจะแตกต่างจากผู้อื่น

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! ตำรานี่ไม่น้อยเลย หลังจากที่มู่เฉียนซีรู้เนื้อหาของการทดสอบนี้แล้ว ก็เปิดอ่านตำราทันที ใช้พลังจิตอันแข็งแกร่งในการอ่านตำรา กวาดตัวอักษรราวกับเครื่องคัดลอกก็มิปาน

“ครั้งโลกใบนี้ได้กำเนิดขึ้น ทุกสรรพสิ่งเติบโตขึ้นด้วยความโกลาหล โลกสี่ทิศได้กลายเป็นโลกที่แบ่งออกเป็นสี่แดน แดนใต้ แดนเหนือ แดนตะวันออก แดนตะวันตก และเป็น……”

สำหรับการทดสอบเช่นนี้ มู่เฉียนซีมิได้รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังสามารถเพิ่มความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับโลกสี่ทิศแห่งนี้ให้นางอีกด้วย

ไม่นานนัก เวลาสามชั่วยามก็ได้ผ่านไป สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์กล่าวขึ้นว่า “ถึงเวลาแล้ว เจ้าเริ่มท่องได้!”

มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ได้!”

เสียงนั้นช่างงดงามดุจดั่งน้ำพุที่ใสสะอาด มู่เฉียนซีท่องตำรานั้นออกมาทีละคำอย่างนุ่มนวล สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์กล่าวขึ้นว่า “หยุด!”

“เป็นอะไรไป ? ข้าท่องผิดแล้วงั้นเหรอ ?”

“เปล่า เจ้าท่องได้ดี ต่อไปข้าจะทดสอบเจ้า ตำราเล่มที่สิบ หน้าที่สามร้อย!”

ทันใดนั้นความยากก็เกิดขึ้นมากกว่าการท่องจำไม่น้อย มู่เฉียนซีตอบอย่างราบเรียบว่า “แดนใต้……”

“ตำราเล่มที่สามสิบ……”

“……”

ไม่ว่าสัตว์ทะเลผู้พิทักษ์จะถามคำถามใด มู่เฉียนซีก็ตอบได้ถูกต้องลื่นไหลดุจดั่งสายวารี

ชั่วครู่หนึ่งสัตว์ทะเลผู้พิทักษ์ก็บ้าคลั่งขึ้นแล้ว มันกรีดร้องก่อนจะกล่าว “อ๊า อ๊า อ๊า! นี่เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่! นายท่านสั่งให้ข้าท่องตำราเหล่านี้ กว่าข้าจะท่องได้ก็เป็นเวลาตั้งสามร้อยปี นึกไม่ถึงว่าเจ้าอ่านตำราเพียงแค่หนึ่งชั่วยามก็ทำมันได้แล้ว”

“ฮือ ฮือ ฮือ! ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว ไม่อยากแล้ว”

สัตว์ทะเลตัวหนึ่งถูกบีบบังคับให้ท่องตำราประวัติศาสตร์ อีกทั้งยังใช้เวลาท่องตั้งสามร้อยปี มู่เฉียนซีรู้สึกว่าจักรพรรดิชางไห่หลิงตี้ผู้นี้ ช่างน่าสนใจมากเลยทีเดียว

สัตว์เทพผู้พิทักษ์ของจวนชางไห่บ้าคลั่งขึ้นแล้ว ทั่วทั้งจวนชางไห่เกิดสั่นสะเทือนขึ้นมา คนผู้อื่นที่กำลังได้รับการทดสอบก็ล้วนแต่มีสีหน้าที่กลัดกลุ้มใจ ฉงนสงสัย นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?

“นี่นับว่าข้าผ่านการทดสอบแล้วหรือไม่ ?” มู่เฉียนซีนอบน้อมและจริงจังเป็นอย่างมาก ถามสัตว์ผู้พิทักษ์ที่ถูกโจมตีร่างกายเนื้อตัวแตกยับไปทั่ว

สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์กล่าวอย่างกลุ้มอกกลุ้มใจว่า “เจ้า เจ้าผ่านแล้ว หากเจ้าไม่ผ่าน สวรรค์ก็คงไร้หลักการแล้ว!”

ถึงแม้ว่าจะถูกโจมตีอย่างน่าสังเวช แต่สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์ก็มิใช่เป็นผู้ไร้เหตุผล

“ต่อไป เจ้าได้รับการทดสอบขั้นต่อไปแล้ว”

แท่นศิลาแท่นหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี ด้านบนมีพู่กันกับหมึกดำวางอยู่ “เวลาหนึ่งชั่วยาม ประพันธ์บทกวีสามร้อยบท”

มู่เฉียนซีรู้สึกว่าจักรพรรดิชางไห่หลิงตี้ช่างทรมานผู้คนมากเกินไปแล้ว เพียงแค่ประเดี๋ยวเดียวจะให้คนประพันธ์กวีสามร้อยบท ต่อให้เป็นอัจฉริยะที่วิปริตเพียงใด ก็เกรงว่าไม่อาจมีความรวดเร็วเช่นนี้

ทว่า บทกวีสามร้อยบทของราชวงศ์ถังนั้นนางมีความคุ้นเคยมาก คนบนโลกนี้ก็ไม่รู้จัก มู่เฉียนซีพึมพำในใจว่า ‘หัวข้อนี้ของจักรพรรดิชางไห่หลิงตี้ช่างวิปริตเกินไปแล้ว ฉะนั้น ข้าจึงทำได้เพียงยืมบทกวีโบราณของนักกวีผู้ยิ่งใหญ่มาใช้แล้วหล่ะ’

นางยื่นมือหยิบพู่กันขึ้นและเริ่มกวัดแกว่งอักษร เริ่มจากกวีของท่านหลี่ไป๋ก่อน!

มู่เฉียนซีเขียนได้อย่างรวดเร็วมาก เพียงแค่เขียนกวีลงไป ไม่ใช่ใช้สมองประพันธ์เองสักหน่อย แน่นอนว่าต้องรวดเร็วอยู่แล้ว

เวลายังไม่หมดมู่เฉียนซีได้เขียนกวีเสร็จสิ้น นางกล่าว “ข้าทำเสร็จแล้ว เจ้าตรวจดูได้!”

“เป็นไปได้ยังไง ? เป็นไปได้ยังไงกัน ?” สัตว์ทะเลผู้พิทักษ์ถูกทำให้หงุดหงิดอีกครั้ง มันรู้สึกหวาดกลัวและกรีดร้องขึ้น มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ยังมีการทดสอบอะไรอีก มาได้เลย! ข้ายอมรับก็เป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว”

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

Score 7.8
Status: Ongoing Artist: Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ นางคือหมอปีศาจผู้เหี้ยมโหดแต่กลับต้องมาอยู่ในร่างของหญิงอ่อนแอไร้ความสามารถที่ผู้คนพากันรังเกียจ ทว่าหลังทำพันธสัญญากับเทพอสูรโบราณ ฝึกฝนบำเพ็ญเคล็ดวิชาต้านสวรรค์จึงเปล่งประกายเจิดจรัสจนผู้คนต้องหลบตาไปตาม ๆ กัน ทั้งยังครอบครองพิษหลายแขนง ใครที่กล้ามารังแกนาง นับว่ารนหาที่ตาย! โอสถเก้าสรรพคุณน่ะหรือ นั่นมันถั่วเคลือบน้ำตาลไว้ให้สัตว์เลี้ยงแสนน่ารักของนางกินเล่นต่างหากเล่า ปรุงยาเป็นก็ต้องเอาแต่ใจอย่างนี้นี่ล่ะ! -------------------------- เขาคือเยี่ยอ๋องรูปงามผู้เย้ายวน ผู้คนต่างเข้าใจว่าเขาเหี้ยมโหดไร้ความปรานี แต่ทำไมกับนาง เขาถึงได้เอาแต่ตามติดจนสลัดไม่หลุดอย่างนี้นะ “ท่านจ้องข้าทำไม” “ข้ากำลังคิดอยู่ว่า เจ้าจะกลายมาเป็นสตรีของข้าอย่างถูกต้องเมื่อไหร่” ทันใดนั้น เข็มเล็กก็จ่อเข้าที่เอวของเขา นางเอื้อนเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “ท่านอ๋อง การหุนหันพลันแล่นเปรียบดั่งปีศาจร้าย หากพิษเข้าร่างเกรงว่าท่านคงจะต้องมีชะตาเยี่ยงขันทีไปชั่วชีวิต!”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset