ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 101

 เจ้าของวังชิงเสวียน

สายฟ้าเพิ่งจะหายไป ปลายเสียงอสุนีบาตยังไม่จางหาย ก็ตามมาด้วยสายที่สองสายที่สาม! พริบตาเดียวในเรือนสั่นไหวไปทั่วราวกับมังกรพลิกตัว แต่อสุนีบาตทั้งสามสายได้มือของลู่ยารับไว้ และหลินเจี้ยนหรูที่อยู่ใต้มือไปห้าฉื่อไม่เพียงไม่โดนอสุนีบาต ทว่ายังไม่ได้รับผลกระทบอะไรทั้งสิ้น!

…ไม่ ไม่ถูกทั้งหมด!

หลังจากเสียงอสุนีบาตหายไป เลือดที่ปากและจมูกเขากลับแห้งกรัง เบ้าตาลึกกับใบหน้าที่ซูบตอบก็กลับมาสู่สภาพเดิมเล็กน้อย ครึ่งเค่อผ่านไป เขาถอนหายใจยาว จากนั้นลืมตาขึ้นช้าๆ!

“พวกเจ้า…”

เขายังพูดไม่ทันจบ มู่จิ่วก็คุกเข่าลงไปจับชีพจร คิดไม่ถึงว่าพลังก่อนหน้านี้ที่กำลังกลืนกินเขาจะกลับมาเชื่องและลื่นไหลแล้ว พลังชีวิตหนาแน่นซึ่งส่งออกมาจากจุดตันเถียนของเขา เปรียบกับก่อนหน้านี้แล้วแข็งแกร่งขึ้นมาก!

“เขา…เขาเลื่อนขั้นสำเร็จแล้ว?”

นางมองลู่ยาอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ นี่จะเป็นไปได้อย่างไร? นางเชื่อได้ว่าลู่ยารับด่านเคราะห์อสุนีบาตแทนหลินเจี้ยนหรู อาศัยการรับนี้ปกป้องเขาจากอันตราย แต่ในเมื่อป้องกันด่านเคราะห์อสุนีบาตไปหมดแล้ว เขายังจะเลื่อนขั้นได้อย่างไร?

สีหน้าลู่ยากลับไม่น่าดูนัก เขาคุกเข่าลงไป ดึงข้อมือของหลินเจี้ยนหรูออกจากมือนาง รวบรวมสมาธิ สายตาพลันเปลี่ยนไปดุร้าย “เจ้าทำอะไรมา?!”

หลินเจี้ยนหรูที่ฟื้นขึ้นมาอดไม่ได้ที่จะตกใจ แต่ไหนแต่ไรเขามองลู่ยาเป็นซ่านเซียนที่ลอยชายไปมาคนหนึ่ง ตอนนี้ถูกเขามองด้วยสายตาแบบนี้ ไหนเลยจะยังมีท่าทางเอ้อระเหยอยู่อีก? ริมฝีปากทั้งคู่เม้มแน่น ไม่พูดออกมา!

“ถึงแม้เจ้าจะเลื่อนไปสองขั้น แต่รากฐานวิญญาณเจ้าไม่สะอาด และยังมีรากฐานมารอยู่เล็กน้อย เจ้าทำอะไรมา?” นิ้วทั้งสามของลู่ยาจับชีพจรเขาไว้แน่น สายตาไม่ผ่อนคลายเลยแม้แต่น้อย “เจ้าสังหารคนมาแล้ว?”

สีหน้าหลินเจี้ยนหรูซีดขาว เขามองไปที่มู่จิ่ว เขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับคนที่สอง หรือจะเป็นนางที่พูดออกไป?

มู่จิ่วก็ไม่เข้าใจ ลู่ยากลับสามารถคาดเดาเรื่องที่เขาทำ? ประเมินสภาพการณ์ของรากฐานวิญญาณเขาได้?

เขาเก่งกาจถึงขนาดนี้…

“ข้า…ข้าแค่พลั้งมือสังหาร” หลินเจี้ยนหรูรู้ว่าตอนนี้ไม่อาจไม่พูดความจริง เมื่อครู่ตอนฟื้นขึ้นมา เขารู้สึกเพียงทั้งร่างเต็มไปด้วยพละกำลังและความสดชื่น มีพลังกล้าแกร่งขุมหนึ่งเคลื่อนไหวไปตามความคิดของเขา เขารู้ว่าทั้งหมดนี้เป็นลู่ยาที่ช่วยเขาไว้ ตอนนี้แม้แต่ชีวิตก็อยู่ในมืออีกฝ่าย เขายังจะสามารถปกปิดได้อีกหรือ?

“เจ้าสังหารใคร?” ลู่ยาขมวดคิ้ว “ได้ยินว่าสองวันก่อนพ่อเจ้าตาย เป็นเจ้าลงมือใช่หรือไม่? ยังมียาเซียนที่ปกป้องจิตต้นกำเนิดของเจ้าในร่างนั่นอีก เป็นเม็ดยาที่หลินเซี่ยสูญเสียไปใช่หรือไม่?”

หน้าผากของหลินเจี้ยนหรูมีเหงื่อไหลออกมาราวกับฝน

ลู่ยาขมวดคิ้วมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง ปล่อยเขาอย่างเหยียดหยาม จากนั้นก็ยื่นมือไปยังจุดตันเถียนของเขา

มู่จิ่วรู้ทันทีว่าเขาจะทำอะไร จึงโผเข้าไปด้วยความตกใจอย่างยิ่ง “อย่าสังหารเขา! เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้ เขาถูกมารดาบีบบังคับ!”

มือของลู่ยาถูกนางกอดไว้แน่น หลินเจี้ยนหรูตกใจจนหน้าไร้สี!

เขารู้ว่าหากมือนั้นกดลงมาจะเกิดผลอะไรตามมา เพราะตอนนั้นเขาเองก็ทำกับหลินเซี่ยแบบนี้!

เขาไม่อยากตาย เขาตายไม่ได้!

หลินเจี้ยนหรูพูดเสียงสั่น “เขาทำร้ายแม่ข้า ข้าเพียงให้เขาชดใช้ด้วยชีวิตเท่านั้น…”

ลู่ยาหรี่ตามองเขาอยู่สักครู่ พลังลมปราณในฝ่ามือก็หายไป

เขายืนขึ้น เดินออกไปโดยไม่พูดสักคำ

มู่จิ่วรีบตามไปขวางเขาไว้ “ถึงแม้หลินเจี้ยนหรูจะมีโทษปิตุฆาต แต่สิ่งที่เขาได้รับมาทั้งหมดนั้น เมื่อเทียบกับคนทั่วไปแล้วก็มากกว่านัก พูดตามตรงหากเปลี่ยนเป็นข้า ข้าก็ไม่รู้ว่าจะทำเรื่องแบบนี้หรือไม่ หรืออาจจะทนมาไม่ถึงวันนี้ก็ได้ คนธรรมดาไม่ใช่นักปราชญ์ จะไม่มีข้อผิดพลาดได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้นเขายังมีความในใจซ่อนอยู่ เจ้าอย่ารายงานเรื่องเขาได้หรือไม่?”

สายตาเย็นชาของลู่ยามองสนเขียวด้านข้างนางอยู่ครู่หนึ่ง พูดว่า “ข้าไม่จัดการเขาได้ แต่เจ้าต้องรับปากข้า ภายหลังห้ามติดต่อกับเขาอีก!”

“ทำไม?” นางงุนงง

ลู่ยาพูด “รากฐานวิญญาณเขาไม่สะอาด และมีรากฐานมารก่อตัวขึ้นนานแล้ว เจ้าเอาเขาไม่อยู่หรอก”

บางทีเขาอาจจะอคติกับหลินเจี้ยนหรูไปบ้าง แต่การอคตินี้ไม่ถึงกับขนาดทำให้เขาเจาะจงเป็นปฏิปักษ์ด้วย

สำหรับคนอื่นลู่ยายังไม่นับเป็นอะไร แต่สำหรับมู่จิ่วแล้วหัวของนางเหมือนกับกระดาษขาว ถึงแม้หลินเจี้ยนหรูชีวิตยากเข็ญ แต่จิตใจซับซ้อน หากเขาไม่มีความมุ่งร้ายที่หยั่งรากลึกแบบนี้ แม้แต่ลู่ยาอาจจะยื่นมือช่วยดึงเขาสักที แต่เขากลับกอดเอาความโกรธไว้และคอยอาฆาตแค้น เพื่อประโยชน์แล้วยังสังหารคน เช่นนี้เขาก็ไม่บริสุทธิ์แล้ว

คนใจไม่สะอาดจะสำเร็จมรรคได้อย่างไร?

มู่จิ่วนิ่งเงียบไปนาน มองดูหน้าต่างด้านหลังเขา สุดท้ายก็พยักหน้า “ข้ารับปาก”

นางกับหลินเจี้ยนหรูเป็นเพียงเพื่อน ไม่ถึงขั้นต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป วันนี้เขาเลื่อนขั้นสำเร็จแล้ว และยังกระโดดจากขั้นเจี๋ยตันไปถึงขั้นหยวนอิง คิดดูแล้วต่อไปคงไม่ต้องยืมจมูกสำนักแรกพยับหายใจแล้ว หากต้องใช้วิธีนี้แลกกับความสงบราบรื่นของเขา นางทำแบบนี้ก็ดีแล้ว

อีกทั้งนอกจากข้อนี้ นางไม่อาจเห็นด้วยกับการเลือกของหลินเจี้ยนหรูทั้งหมด นางยังหวังว่าเขาจะสงบลงและคิดให้ดีๆ

ลู่ยาพยักหน้า จับจูงมือนางเดินออกประตูลานบ้านไป

แสงแดดสาดส่องเงาร่างสูงร่างเล็ก ชวนให้เกิดความรู้สึกสุขสงบ

หลินเจี้ยนหรูเดินมาที่ประตู มองพวกเขาเคียงไหล่เดินจากไป ความอบอุ่นที่เคยมีอยู่ในสายตาเขากลับค่อยๆ เย็นเยียบลง

เขามองนางเป็นคนที่ตนไว้ใจที่สุด คิดไม่ถึงว่านางกลับแพร่งพรายเรื่องเหล่านี้แก่คนอื่น…

เขายกริมฝีปากยิ้มขมขื่น ก่อนหันหลังกลับไป

มู่จิ่วกับลู่ยากลับถึงลานจื่อหลิง เสี่ยวซิงทำอาหารเสร็จแล้ว

ซ่างกวนสุ่นวางกับข้าวสองอย่างในมือ ยังก้มหน้าลงมองในหม้อ นับว่าเขารู้ความแล้วยังรู้จักช่วย

อาฝูพยายามแทรกตัวเข้าไประหว่างเขากับเสี่ยวซิง ไม่ยอมให้เขาเข้าใกล้เสี่ยวซิงเกินไป แต่จนปัญญาที่ร่างกายอ้วนเกินจนเกือบทำให้กระต่ายล้ม ดังนั้นผลคือกลับถูกนางอุ้มไปไว้ที่ใต้ต้นจื่อเถิง

มู่จิ่วยืนอยู่ในลานบ้าน พลันเลี้ยวเข้าไปในเรือนของลู่ยา

“แท้จริงแล้วเจ้าเป็นใครกันแน่?”

ดวงตาของนางที่ยืนหันหลังให้แสงเหมือนดาวสว่างไสวในคืนเหมันต์

ลู่ยาชะงักไปครู่หนึ่ง เดินกลับมามองนาง ทุกพื้นที่บนใบหน้าเล็กนั้นต่างเขียนคำว่าจริงจังเอาไว้

“ข้าพูดไปแล้ว ข้าคือลู่ยา”

มู่จิ่วเปลี่ยนสีหน้า ริมฝีปากทั้งสองเปิดออกน้อยๆ

ลู่ยายื่นมือออกมา มือเนียนราวกับหยกแสดงภาพหนึ่งขึ้น ข้างในเป็นวังกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้นานาพรรณ เขาเอนร่างกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงหยก เหล่าหงส์ฟ้าแบ่งยืนรับใช้อยู่สองฝาก เหล่าวิหคตี้เจียงร้องรำอยู่หน้าวิหาร เหล่าวิหคดำรินชาส่งน้ำ บรรดาหงส์ไฟใช้เท้ากางพัด…

“นี่คือวังชิงเสวียนของข้า” เขาพูด “ในวังของข้าหอทั้งสี่ทิศซึ่งสูงที่สุด สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์แผ่นดินเก้าทวีปทั้งผืน”

วังชิงเสวียน…

หัวของมู่จิ่วส่งเสียงหึ่งๆ ออกมา

นางรู้ว่าเทพเซียนบรรพกาลทั้งสี่ต่างก็มีวังของตนเอง วังของลู่ยาเต้าจู่คือชิงเสวียน หลิวหยางเคยพูดไว้

หลิวหยางยังเคยพูดอีกว่า ในสวรรค์ชั้นสามสิบเก้า คนรับใช้ตำแหน่งต้อยต่ำที่สุดก็มีที่มาที่ไปไม่ธรรมดา ผู้ที่หลงใหลในความหรูหราและเจ้าสำราญที่สุดก็คือลู่ยาเต้าจู่ วังชิงเสวียนของเขาไม่เพียงแต่มีของวิเศษมีค่าจำนวนมาก ยังมีสัตว์เทพโบราณที่สามารถพบเห็นได้ทุกที่…วังชิงเสวียนของเขา…แน่นอนว่าสามารถเห็นแผ่นดินเก้าทวีปได้ทั้งหมด!

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset