ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 146 ใช้ความตายชดใช้ความผิด

บทที่ 146 ใช้ความตายชดใช้ความผิด

หากเฉินผิงได้คำตัดสินว่าเป็นเผ่าพันธุ์มังกร อย่างไรมู่จิ่วก็ต้องได้รับโทษหนัก และหากแบ่งเฉินผิงเป็นปีศาจ แบบนั้นมู่จิ่วก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร

ทำไมล่ะ? เป็นเพราะตอนแรกราชามารกับอวี้ตี้มีคำสัญญาต่อกันก่อน หากปีศาจที่ก่อเหตุถูกสังหารจะไม่มีเหตุผลโทษใดสามารถเอาผิดได้

อีกอย่าง ภพมารได้แบ่งเขตแดนกับสวรรค์นานแล้ว จึงไม่สามารถออกมาสนับสนุนมังกรสี่ขาตัวหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กับเผ่าเทพไม่ชัดเจน

ระหว่าทางลู่ยาเล่าเรื่องนี้ให้มู่จิ่วฟังจบ มู่จิ่วก็ตอบรับกลับมา “เจ้าหมายความว่า หากต้องการปกป้องข้าต้องทำให้เฉินผิงเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจให้ได้?”

ทำไมนางถึงรู้สึกทำใจไม่ได้นิดหน่อยนะ? ที่จริงพ่อแม่ของเขาล้วนเป็นสัตว์เทพ แบบนี้ไม่ค่อยมีมนุษยธรรม

“ดูสถานการณ์ก่อนค่อยว่ากัน” ลู่ยาดูออกว่านางสับสน “หากสามารถพูดกับอ๋าวเชินได้ ก็ไม่จำเป็นต้องหักหน้ากัน”

มู่จิ่วพยักหน้า เงยหน้าขึ้นมองก็ถึงวังหลิงเซียวแล้ว

ลู่ยาเข้าไปในวังหลิงเซียวไม่ได้ ต้องยกเหตุผลขึ้นมาบอกว่าตนเองไม่มีหน้าที่ ไม่เหมาะเข้าไปในวัง จากนั้นหันหน้ากลับบ้านไป

หลิวจวิ้นรู้ว่าคำพูดเขาเป็นเรื่องจริง เป็นธรรมดาที่จะไม่รั้งไว้ เขาตามอ๋าวเชินเข้าไปรัวกลองสวรรค์ที่อยู่หน้าวัง

ตอนรอหลิวจวิ้นเดินไปหาทหารด้านหน้าประตูอย่างเงียบๆ พูดกับเขาหลายประโยค อีกฝ่ายก็เป็นคนของทัพทหารสวรรค์ เป็นธรรมดาที่จะเชื่อฟังอย่างมาก และเข้าไปข้างในทันที

หลายวันก่อนไท่ซ่างเหล่าจวินเสียเปรียบราชาจิ้งจอกไป และไม่สะดวกไปพูดคุยเหตุผลกับคู่กรณี จึงเก็บความอึดอัดนี้ไว้ วันถัดมาก็ยื่นคำร้องให้อวี้ตี้ แนะนำให้เข้มงวดเรื่องการปกครอง จัดการแต่ละด้านอย่างเคร่งครัด ถึงแม้อวี้ตี้อึดอัด แต่เพราะเหล่าจวินคือศิษย์ของหงจวิน ตำแหน่งสูงกว่าตนเอง อย่างน้อยก็ต้องทำท่าทางนอบน้อม ช่วงนี้จึงดูแลภพต่างๆ เป็นอย่างดี

วันนี้เห็นดอกบัวในสระหยกบานอย่างงดงาม ก็มีอารมณ์ชมดอกไม้ขึ้นมา จึงทิ้งพู่กันมาถึงสระหยก ตอนเซียนดอกบัวเซียนกระจับม่วงเดินเป็นเพื่อนเขา ได้ยินว่าด้านหน้ามีคนมาฟ้องร้องหน้าพระพักตร์ ไหนเลยจะกล้าไม่ไยดี? รีบส่งกรงนกให้เซียนดอกบัวแล้วไปตำหนักด้านหน้าทันที

หวังหมู่กำลังฟังเสียงเพลง คิดไม่ถึงว่ากลางวันแบบนี้จะมีคนมาฟ้องร้อง นางเงี่ยหูฟังทหารเข้ามาพูดหลายประโยค ทันใดนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ก่อนแต่งตัวออกไปยังวัง

รอจนถึงวังแล้ว เมื่อเห็นนางก็อึ้งไป เด็กสาวคนนี้มิใช่เจ้าหน้าที่น้อยที่ก่อนหน้านี้จับหลีหังกับอู่เต๋อมาหรือ? ทหารเพียงบอกนางว่ามีคนมาฟ้องร้องเพื่อลูกนอกสมรสที่ถูกสังหารเท่านั้น นางทนไม่ได้ที่สุดกับการได้ยินเรื่องฉาวโฉ่แบบนี้ ไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนี้กลับถูกอ๋าวเชินลากมาถึงวังได้อย่างไร?

ดังนั้นจึงพูด “พวกเจ้ามีเรื่องอะไรกัน?”

พวกมู่จิ่วสามคนคุกเข่าร้องทำความเคารพ จากนั้นจึงยืนขึ้น อ๋าวเชินพูดอย่างอดรนทนไม่ได้ “ฝ่าบาท เหนียงเหนียง เมื่อหนึ่งปีก่อน กัวมู่จิ่วพลทหารสวรรค์ประจำหน่วยลาดตระเวนสังหารลูกชายข้าเฉินผิงที่เกาะเป่ยอี๋ วันนี้ข้ามาฟ้องร้องสวรรค์ ขอฝ่าบาทกับเหนียงเหนียงจัดการแทนข้าด้วย!”

อวี้ตี้กับหวังหมู่ล้วนตกใจ “ลูกชายเจ้า? ทำไมลูกของเจ้าถึงถูกสังหารที่เกาะเป่ยอี๋ได้?”

ชัดเจนว่าพวกเขาทั้งสองยังไม่รู้เรื่องราวความรักของอ๋าวเชินกับหงส์เพลิง

มู่จิ่วจึงพูดขึ้นมา “เฉินผิงเป็นมังกรสี่ขาที่ถือกำเนิดจากราชามังกรกับหงส์เพลิง ตอนข้าน้อยไปเก็บดอกบัวกลีบม่วงได้พบเขาเข้า ตอนนั้นไม่รู้ว่าเขาคือบุตรของราชามังกรกับหงส์เพลิง ดังนั้นจึงสังหารเขาเพราะคิดว่าเป็นปีศาจ เมื่อวานข้าน้อยทำคดีอยู่ที่เขาฉีจื่อ ราชามังกรพลันปรากฏตัวต่อหน้าข้าน้อย จับข้าน้อยไป แล้วยังพูดว่าจะสังหารบูชาเฉินผิง”

“เกิดกับหงส์เพลิง? เจ้ามิใช่ว่าแต่งภรรยามีลูกนานแล้วหรือ?” หวังหมู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างลึกซึ้ง

อ๋าวเชินอดหน้าแดงไม่ได้ กลับไม่มีคำพูดใดออกมา

หวังหมู่หันไปมองอวี้ตี้คราหนึ่ง จากนั้นมองลงมาข้างล่าง “เรื่องนี้ทำไมฝ่าบาทกับข้าจึงไม่รู้?”

“ตอบเหนียงเหนียง หงส์เพลิงกับราชามังกรไม่ได้สมรสกัน หงส์เพลิงไม่ได้เข้าวังมังกร ดังนั้นตระกูลอ๋าวไม่ยอมรับเขา และไม่เคยเปิดเผยต่อเบื้องบน”

หลิวจวิ้นก็ก้าวขึ้นมาพูดอธิบายพอดี

หวังหมู่แค่นเสียงหนึ่งครา อวี้ตี้เห็นสถานการณ์จึงกระแอมไอก่อนพูด “หลิวจวิ้น การสังหารคนชดใช้ด้วยชีวิตติดหนี้คืนเงินเป็นหลักสวรรค์ เจ้าเป็นผู้บัญชาการแห่งหน่วยลาดตระเวน เรื่องแบบนี้ควรจะเป็นเจ้าตัดสินใจ ทำไมเรื่องเล็กน้อยแบบนี้กลับมาถึงข้าได้?”

“ฝ่าบาท กัวมู่จิ่วเป็นเจ้าหน้าที่สวรรค์ ราชามังกรสังหารเจ้าหน้าที่สวรรค์เองเป็นเรื่องผิดกฎ”

หลิวจวิ้นพูด “ยิ่งไปกว่านั้น กัวมู่จิ่วไม่ได้มีเจตนาสังหาร อีกทั้งได้แสดงออกต่อเขาแล้วว่าจะชดใช้คืนให้ แต่เขาไม่รับ ยืนกรานว่าต้องการสังหารคน ข้าคิดว่ามาฟ้องร้องถึงจะสามารถหยุดเรื่องนี้ได้ และเฉินผิงก็ไม่อยู่ในทะเบียนตระกูลอ๋าวด้วย จะบอกว่าเขาเป็นลูกหลานตระกูลอ๋าวได้อย่างไร ราชามังกรดื้อดึงไม่ฟังคำอธิบาย ต้องให้ฝ่าบาทตัดสิน ข้าจึงนำกัวมู่จิ่วมาที่นี่”

อวี้ตี้พูดอีก “อ๋าวเชิน แบบนั้นเรื่องนี้เป็นเจ้าที่ไม่ถูก ในเมื่อตอนแรกกัวมู่จิ่วไม่รู้ว่าเฉินผิงเป็นลูกเจ้า เรื่องนี้เหตุผลพอยอมกันได้ นางยินดีออกแรงชดใช้คืนเจ้าในเรื่องนี้ ทำไมเจ้าต้องสังหารนาง? ยิ่งไปกว่านั้นเป็นลูกชายเจ้าลงมือก่อน”

“ฝ่าบาท!” อ๋าวเชินยังไม่ได้พูด น้ำตาก็ไหลลงมา “เฉินผิงเป็นเลือดเนื้อของข้า กัวมู่จิ่วทุกคำเอาแต่บอกว่าไม่รู้ว่าลูกข้าคือลูกของใคร แต่นางกลับเก็บลูกโลหิตมังกรไฟไว้นานขนาดนั้น ถึงแม้นางไม่รู้ว่าข้าคือพ่อของเฉินผิง ก็ควรจะรู้ว่าแม่ของเขาคือใคร?”

“เฉินผิงเป็นเลือดเนื้อของข้า ไม่ได้รับการยอมรับจากตระกูลอ๋าว ใจข้าก็เหมือนถูกมีดเฉือน วันนี้หญิงคนนี้ยังสังหารเขา! ถึงแม้นางบอกว่าจะชดใช้คืน แต่นางเป็นเพียงแค่หัวเสิน จะชดใช้คืนอย่างไร? มีคุณสมบัติอะไรมาพูดว่าจะชดใช้คืนให้กับข้า? นี่จะไม่ให้ข้าเจ็บปวดใจได้อย่างไร? ฝ่าบาท โปรดเห็นใจข้าที่ต้องการปกป้องเลือดเนื้อเชื้อไขด้วย!”

อ๋าวเชินพูดพลางคุกเข่าลงไป ทั้งวังเต็มไปด้วยเสียงร้องไห้ของเขา

มู่จิ่วกระอักกระอ่วนอย่างมาก แต่ตอนนี้คนที่เขาต้องการกดดันให้ตายคือนาง นางเองก็ไม่อาจมีความคิดอื่นได้

อวี้ตี้ก็รู้สึกลำบากใจ การฟ้องร้องแบบนี้ ใครพูดคนนั้นก็มีเหตุผลเสียจริง หากตัดสินให้อ๋าวเชินชนะ กัวมู่จิ่วก็ต้องถูกป้ายสี หากตัดสินให้มู่จิ่วชนะ อ๋าวเชินที่สูญเสียลูกชายไปทั้งยังแพ้การฟ้องร้องคดีก็น่าสงสารยิ่งนัก

คิดแล้วเขาก็หันไปมองภรรยา

หวังหมู่ทำตาขวางใส่เขา ก้มหน้าดื่มชา

อวี้ตี้ไร้หนทาง ทำได้เพียงกระแอมไอพูด “อ๋าวเชิน เจ้าคิดจะทำอย่างไร?”

อ๋าวเชินกล่าว “ข้าต้องการให้มู่จิ่วชดใช้ด้วยชีวิต!”

“ไม่ได้!”

หลิวจวิ้นกับมู่จิ่วค้านออกมาพร้อมกัน

“ฝ่าบาท กัวมู่จิ่วรับได้เพียงการชดเชยให้เท่านั้น!” หลิวจวิ้นพูด “และนางยังต้องอยู่ที่หน่วยลาดตระเวนปฏิบัติงานต่อ หากไม่ใช่นาง คดีชิงชิวกับลัทธิฉ่านคงไม่รู้ว่าจะจบอย่างไร ขอให้ฝ่าบาทเห็นแก่นางที่ช่วยจัดการเรื่อง ละเว้นความไม่ตั้งใจของนาง ตัดสินให้นางชดใช้คืนเพื่อขอโทษแก่ราชามังกร จบเรื่องไปเช่นนี้!”

“ข้าไม่ยอม!” อ๋าวเชินยืนขึ้นมา “สังหารคนแค่ชดใช้คืนของก็จบไปได้ มีเหตุผลแบบนี้ด้วยหรือ!”

“พอแล้ว!”

หวังหมู่สีหน้าเย็นชา กวาดตามองมา “คิดว่าที่นี่เป็นตลาดหรือ! หลิวจวิ้น เจ้าเป็นขุนนางใหญ่ในหน่วยลาดตระเวน กลับปกปิดความผิดของพวกพ้อง เจ้ายังมียางอายอีกหรือ!” พูดจบก็ชี้อ๋าวเชิน “เจ้าเป็นราชามังกรแห่งทะเลสาบน้ำแข็ง เพื่อลูกนอกสมรสกลับก่อเรื่องวุ่นวาย ภายหลังจะเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ราษฎรได้อย่างไร? ในเมื่อเจ้าเก็บลูกไว้ที่เป่ยอี๋ ใครใช้ให้เจ้าไม่ป่าวประกาศว่านั่นคือลูกของเจ้า? ยังมีเหตุผลอีกหรือ!”

………………………………………………………………

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset