ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 208 ข้าจัดการเอง!

บทที่ 208 ข้าจัดการเอง!

เดินไปแบบนี้หลายลี้แต่ไม่พบอะไร เมื่อเดินไปอีกหลายลี้จึงออกจากป่า จนมาถึงภายในกองหินระเกะระกะ

กองหินระเกะระกะนี้ถึงแม้ไม่เป็นระเบียบ แต่ภูมิประเทศรอบด้านกลับมีแบบแผนท่ามกลางความรกนั้น ตอนยังเล็กมู่จิ่วเรียนเรื่องธาตุทั้งห้าและผังแปดทิศกับหลิวหยาง มองออกรางๆ ว่ามันเหมือนผังแปดทิศ แต่คนอยู่หุบเขาจะเห็นไม่ชัดเจน กำลังจะกระโดดขึ้นเมฆดู ลู่ยากลับพูดขึ้น “ข้าจะไปดูรอบๆ เจ้ารออยู่ที่นี่” พูดจบก็กระโดดขึ้นเมฆไปไกล

มู่จิ่วเงยหน้ามองฟ้า บนนภาจันทร์กระจ่างดาวน้อย เป็นคืนพระจันทร์สว่างที่ดีคืนหนึ่ง

ก็ไม่รู้ว่าพวกซ่างกวนสุ่นกับอาฝูพบอะไรหรือไม่?

“กัวมู่จิ่ว”

กำลังคิดถึงพวกเขา อ๋าวเจียงพลันเรียกอยู่ข้างหลัง

มู่จิ่วหันหน้าไป

เขาพูด “เจ้ากับเขาเป็นคู่หมั้นกันจริงหรือ?”

พูดจบหน้าเขาก็ร้อนผ่าว แต่ก็ไม่ได้หลบ เพียงแค่ก้มหน้าลงน้อยๆ เท่านั้น

ประโยคนี้เขาเก็บไว้ทั้งวัน ดีร้ายก็มีโอกาสถามแล้ว แต่เมื่อถามออกไปจริง ใจกลับแขวนอยู่กลางอากาศ

“นี่เกี่ยวอะไรกับเจ้า?” มู่จิ่วชะงักไปสักครู่ ก่อนตอบเขากลับ

คำพูดนี้หากเป็นแต่ก่อนนางต้องตอบเขาโดยไม่คิดว่าไม่ใช่ แต่ตอนนี้นางไม่อยากแบ่งความสัมพันธ์กับลู่ยาตามแต่ใจ แต่ไหนแต่ไรนางไม่คิดไขว่คว้าเขา เพียงแต่นางรู้สึกว่า หากให้ลู่ยาได้ยินนางปฏิเสธชัดเจนขนาดนี้ คงรู้สึกว่านางกำลังรีบร้อนปฏิเสธข้อกล่าวหากระมัง?

เขาคนนั้นชอบคิดมาก ทางที่ดีที่สุดนางไม่หาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า

“ทำไม?” อ๋าวเจียงทำหน้าตึง น้ำเสียงแผ่วอยู่บ้าง

“ไม่ทำไม ยังต้องทำไมอีกหรือ?” มู่จิ่วมองเขา “หรือเจ้าว่าข้าไม่คู่ควร?”

“ไม่ใช่…”

ใจอ๋าวเจียงสับสนยุ่งเหยิงราวกับมีกลุ่มหญ้าขวางไว้

เขาไม่ได้รู้สึกว่านางแย่ ตอนแรกที่เพิ่งเจอหน้ากันเขาก็แพ้อยู่ภายใต้เงื้อมมือนางแล้ว ภายหลังนางช่วยเขาลักพาอวิ๋นซี ทั้งยังพบที่อยู่ของอวิ๋นรองด้วยตัวคนเดียว แล้วยิ่งสามารถหากุญแจจันทราหยางเจอ เรื่องมากมายขนาดนี้ ไม่มีสักเรื่องที่เขาเทียบนางได้ เขาจะรู้สึกว่านางไม่คู่ควรได้อย่างไร?

เขาเพียงรู้สึกว่านางหมั้นหมายเร็วเกินไปหน่อยหรือไม่?

รีบร้อนขนาดนั้น ขนาดยังไม่ได้เป็นทั้งเซียนทั้งเทพก็รีบหมั้นหมายกัน ไม่กลัวว่าจะเสียใจภายหลังหรือ?

แต่เมื่อคิดว่าอีกฝ่ายเป็นลู่ยา บางทีบนโลกนี้คงไม่มีใครเสียใจภายหลังหรอก

ยังไม่ต้องพูดถึงอิทธิพลของเขาในฟ้าดิน เพียงพูดถึงท่าทางที่เขานั่งกระตุ้นพลังฤทธิ์บนแท่นดอกบัวก่อนหน้านี้ แม้แต่อ๋าวเจียงเห็นแล้วใจยังเต็มไปด้วยความเคารพบูชา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนางที่เขาดูแลทุกอย่างเลย ถึงแม้อ๋าวเจียงจะโง่ ตลอดทางที่ผ่านมานี้กลับเดาออกว่าเขามีฐานะอะไร คนเช่นเขายังถึงกับเอาเด็กสาวผู้หนึ่งมาดูแลไว้ในก้นบึ้งของหัวใจได้ ความจริงพบได้ไม่มากนัก

“ไม่ต้องสนใจมากขนาดนั้นหรอก สนใจเรื่องหยุมหยิมมากทำให้แก่เร็ว”

มู่จิ่วมองเขาสองครา เดินไปข้างหน้าสองก้าวก่อนนั่งบนก้อนหิน

นางไม่อยากให้เขาพูดเรื่องนี้ต่อ

เพราะนางก็ไม่กล้าคิดลึกลงไป

ถึงแม้ทุกประโยคของลู่ยาพูดรวมถึงอนาคตร่วมกับนาง แต่นางกลับไม่มีคุณสมบัติตอบสนองเขา นางไม่รู้ว่าจะมอบความสุขกับอายุยืนยาวตามที่เขาหวังได้อย่างไร แต่ก่อนนางไม่สนใจว่าตนเองจะอยู่ได้นานขนาดไหน แต่ตอนนี้กลับใส่ใจเป็นพิเศษ นางกลัวว่าวันไหนตนเองถึงอายุขัยจริงแล้วจากไป จะลืมเรื่องราวเกี่ยวกับเขาจนหมดสิ้น

แต่มู่จิ่วไม่ยินยอมลืมช่วงเวลาที่อยู่กับเขา ถึงแม้เขามีวิชาคืนฟ้าทำให้นางกลับมาเกิดใหม่ แต่สุดท้ายก็ไม่มีทางทำให้ความทรงจำในชาติก่อนของนางกลับมาได้ หากรอจนจบชาตินั้นแล้วกลับไปยังสะพานไน่เหอ ถึงจะรู้ว่าชาตินี้ทำอะไรไป และพลาดอะไรไปบ้าง ทั้งหมดก็ล้วนไม่มีความหมายแม้แต่น้อย

ดังนั้นบางครั้งนางจึงรู้สึกว่าเหมือนเล่นกับไฟ ทั้งที่ในใจต่อต้านแบบนี้ กลับยังเหมือนผีเสื้อราตรีพุ่งเข้ากองไฟ

หลิวหยางไม่เคยสอนนางว่าความรักเป็นเรื่องที่ห้ามใจได้ยากแบบนี้ นางนี่ช่างประมาทจริงๆ

“เจ้าอย่าโกรธเลย ข้าแค่ถามไปเท่านั้น”

อ๋าวเจียงเห็นนางเงียบไม่พูด จึงเดินไปกล่าวข้างหน้าด้วยความรู้สึกเสียใจ

เขาก้าวมาข้างหน้ากลับไม่เข้าใกล้ เพียงยืนอยู่เยื้องด้านหลังห่างไปสองก้าว

มู่จิ่วหันหน้าไปมองเขา แย้มยิ้มเล็กน้อย

เจ้าคนนี้บื้อเสียจนไม่เหมือนกับพ่อเขาที่กะล่อน

ที่จริงนางไม่ได้รู้สึกไม่ดีอะไรกับเขา โดยพื้นฐานนางจะไม่รู้สึกแย่อะไรกับใครนาน ถึงแม้เป็นหยางอวิ้นและอวี๋เสี่ยวเหลียนที่เคยทำร้ายนางมาก่อน ตอนนั้นอยากจะส่งพวกนางออกไป แต่เรื่องผ่านพ้นไปแล้ว มู่จิ่วก็ปล่อยวางไปเรียบร้อย

อ๋าวเจียงไม่ได้ทำให้นางโกรธอะไร ทำไมต้องทำให้เขาเครียดด้วย?

กำลังจะพูดเพื่อให้ผ่อนคลาย ตอนนี้เอง ป่าด้านหลังกลับมีลมแรงพัดมากะทันหัน จากนั้นพลันได้ยินเสียงหอนของเสือแหวกอากาศมา…

“เป็นอาฝู!”

มู่จิ่วตกใจจนยืนขึ้นมา! เสียงของอาฝูนางจะฟังผิดได้อย่างไร? และที่นี่แม้แต่นกสักตัวยังไม่มี ไม่ต้องพูดถึงเสือตัวอื่น หากไม่ใช่พวกเขาได้รับอันตรายแล้วจะเป็นใครไปได้อีก?

อ๋าวเจียงได้ยินเสียง ใบหน้าพลันเปลี่ยนสี!

“พวกเขาอยู่ที่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ! พวกเราไปเร็ว!”

ลู่ยาไม่รู้ไปไหนแล้ว แต่นางรอเขาไม่ไหว! นางไม่อาจให้อาฝูมีอันตรายได้!

มู่จิ่วพูดประโยคนี้แล้วเข้าไปในป่าลึกทันที

อ๋าวเจียงรีบตามไปด้านหลัง พุ่งเข้าไปยังทิศตะวันตกเฉียงเหนือที่มีเสียงลอยมา

ในป่าลึกแต่เดิมแสงก็มืดสลัวอยู่แล้ว บนพื้นยังมีตะใคร่น้ำ อย่างไรก็เร็วกว่านี้ไม่ได้ เสียงร้องอันโกรธขึ้งของอาฝูดังขึ้นมาเสียงแล้วเสียงเล่า ทำให้มู่จิ่วร้อนใจดั่งไฟเผา อดเรียกใช้วิชากระบี่เดินทางไปไม่ได้

ไม่นานก็กลับมาถึงริมบ่อน้ำดำ เสียงร้องของเสืออยู่ใกล้แล้ว แต่พลังประหลาดอึมครึมจากรอบด้านยิ่งชัดเจนขึ้นมาก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สนใจเรื่องมากมายขนาดนั้นไม่ได้ ทำได้เพียงมุ่งไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง พวกนางเพิ่งเดินได้สองสามลี้ ก็เห็นบนศีรษะพลันมีลมที่เกิดจากฝ่ามือกดลงมา นางพูดขึ้น “แย่แล้ว” ขณะเดียวกันก็ชักกระบี่ อาศัยกำลังของมันหลบออกไป จากนั้นกลับมีพายุม้วนเข้ามาหาพวกเขา!

“รีบหลบเร็ว!”

ที่จริงอ๋าวเจียงมีพลังบำเพ็ญมากกว่านางหมื่นกว่าปี ถึงแม้พลังการต่อสู้ยังห่างชั้นกับนางนัก แต่สายตาและการฟังสูงกว่าขั้นหนึ่ง ตอนพายุนั้นกดลงมาเหนือมู่จิ่ว เขาพุ่งเข้าไปนำนางออกมาเหมือนกับดาวตก ก่อนจะขวางอยู่หน้านางเพื่อต่อสู้กับพายุนี้!

การเคลื่อนไหวของพายุนี้รวดเร็วนัก การตอบสนองคล่องแคล่วว่องไวอย่างมาก!

หลังจากมู่จิ่วยืนได้มั่นคงแล้วจึงรีบเข้าไปต่อสู้

อย่างไรก็ตาม พายุไม่ใช่คน ตอนอ๋าวเชินต่อสู้กับนางที่เขาฉีจื่อ เมฆวนที่เขาส่งออกมามีความเร็วไม่รุนแรงแบบนี้ ถึงแม้สองคนสู้เอาเป็นเอาตาย แต่พายุนั้นยังเหมือนมีดฟันเข้ามาบนหน้าบนมือของพวกเขา ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่มีหนทางตัดมัน!

“พายุนี้ตรงมาอย่างโหดเหี้ยม ต้องเป็นไอมาร! เจ้าถอยไปหน่อย ข้าจะจัดการมันเอง!”

มู่จิ่วพูดจบ นางกัดฟันหยิบตาข่ายสวรรค์ที่หลิวหยางให้มาจากในกำไลทองเก็บของบนข้อมือ ร่ายคาถา ทำให้ตาข่ายเงินขนาดเท่าฝ่ามือกลายเป็นตาข่ายใหญ่เท่าฟ้า พุ่งเข้าไปหามันในพริบตาเดียว!

พายุนั้นเริ่มหมุนต่อต้านภายใต้การเข้าใกล้ของตาข่ายสวรรค์ ความกดดันที่พวกมู่จิ่วได้รับหายไปในพริบตา กำลังของตาข่ายสวรรค์ไม่ใช่โอ้อวด เห็นเพียงตาข่ายสีเงินละเอียดเหมือนปีกจักจั่นลอยอยู่กลางอากาศ พายุนั้นเปลี่ยนตำแหน่งเคลื่อนไปไม่หยุด และระหว่างที่เคลื่อนย้ายมันเล็กลงอย่างต่อเนื่องและเชื่องช้าลง ค่อยๆ กลายเป็นคลื่นอากาศกลางตาข่ายเงิน สุดท้ายจึงหายไปโดยไร้ร่องรอย

…………………………………………………

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset