ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 230 ยังต้องสะสมบุญกุศลหรือไม่?

บทที่ 230 ยังต้องสะสมบุญกุศลหรือไม่?

นางพูดแบบนี้จบ หลิวจวิ้นกลับชะงักไปเล็กน้อย

หลังจ้องนางมองอยู่ครู่หนึ่ง เขาถึงพูด “เรื่องนี้เจ้าไปขอร้องซือมิ่งซิงจวิน มิสู้ไปขอร้องอวี้ตี้โดยตรง”

“อวี้ตี้?”

มู่จิ่วเข้าใจไปว่าฟังผิด แม้แต่ไปขอร้องซือมิ่งซิงจวินนางยังไม่กล้า จะให้นางไปขอร้องอวี้ตี้?

“ท่านไม่ได้บอกผิด?”

“ให้เจ้าไปเจ้าก็ไป ไม่ไปก็ช่าง! ทำเหมือนข้าขอร้องให้เจ้าไป”

หลิวจวิ้นสะบัดแขนเสื้อลุกขึ้น เหลือบมองนางคราหนึ่งก่อนเดินออกไป ทิ้งมู่จิ่วให้มึนงง

กองบัญชาการถิงเว่ยโชคดีที่มีรองผู้บัญชาการสองคน แน่นอนว่าตอนที่มู่จิ่วไม่อยู่นั้นมีมาก ในกองล้วนเคยชินแล้ว ดังนั้นเรื่องใหญ่เล็กจึงจัดการได้อย่างเรียบร้อย ส่วนใหญ่ก็เพราะไม่เคยก่อเรื่องวุ่นวาย หลิวจวิ้นถึงไม่เคยทำอะไรนางจริงจัง

ระหว่างวันนางจัดการงานที่กองอยู่บนโต๊ะอย่างลวกๆ รอบหนึ่ง กลับไปถึงบ้านลู่ยาก็ถามขึ้น “เขาทำให้เจ้าลำบากใจหรือไม่?”

มู่จิ่วเล่าเรื่องที่หลิวจวิ้นเตือนให้เขาฟัง จากนั้นกล่าว “เขากลับให้ข้าไปพบอวี้ตี้”

ลู่ยาครุ่นคิด ก่อนพูด “อวี้ตี้ไม่ใช่คนใหญ่โตอะไร ไปก็ไปสิ”

เฉินผิงใช้ชีวิตอย่างไรเขาไม่สนใจ สิ่งสำคัญคือต้องมีบทสรุปที่ดีถึงนับเป็นผลงานของนางได้ แบบนั้นก็ได้แต่เพียงทำตาม สะสมบุญกุศลได้เร็วก็ยิ่งเลื่อนขั้นได้เร็วหน่อย เมื่อเลื่อนขั้นได้เร็ว พวกเขาถึงสามารถอยู่ด้วยกันได้อย่างแท้จริง ตอนนี้เขาจึงหวังให้นางฝึกฝนให้จบ ได้รับมรรคผลในเร็ววันมากกว่าใคร

แต่เมื่อพูดถึงการเลื่อนขั้น เขาก็คิดถึงเรื่องที่คุนหลุนตะวันออกขึ้นมาได้

พบหน้ากันเมื่อคืนถึงตอนเช้า วุ่นอยู่กับการพลอดรักกันตลอด จึงไม่ทันได้พูดเรื่องอื่น เรื่องนี้สำคัญนัก เขาต้องจริงจัง

เขากวักมือเรียกนางมานั่งด้วย มือจับอยู่บนชีพจรนางก่อนพูด “ช่วงนี้ยังรู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”

“ไม่มี” มู่จิ่วตอบอย่างตรงไปตรงมา “อาจารย์ก็พาข้าไปที่ป่าในเขาคุนหลุนตะวันออกเหมือนกัน บอกว่าพลังฤทธิ์ในร่างกายข้าอาจเป็นพลังที่ผนึกไว้ หากไม่มีพลังภายนอกเข้าปะทะหรืออารมณ์กระตุ้นมันจะไม่ออกมา ก่อนหน้านั้นเขาไม่มีความรู้สึกว่าในร่างกายข้าผิดปกติ ยังต้องให้ข้ากระตุ้นบึงน้ำนั้นถึงได้แน่ใจ”

ขณะพูดนางก็เล่าเรื่องที่หลิวหยางพานางไปคุนหลุนตะวันออกอย่างไร

“อาจารย์เจ้า?”

ลู่ยาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาจำได้ว่าอาจารย์ของนางเป็นจินเซียนผู้หนึ่งบนเขาหงชาง เป็นผู้บำเพ็ญตนสายธรรม จินเซียนคือตำแหน่งพลังบำเพ็ญไม่ต่ำต้อยในโลกเซียน แต่เขากลับสามารถพานางไปสำรวจพลังวิญญาณที่เขาคุนหลุนตะวันออกได้เช่นกัน เรื่องนี้ทำให้เขาประหลาดใจอยู่บ้าง ที่จริงพลังวิญญาณที่บึงน้ำดำนั้นยิ่งใหญ่ ถึงแม้เป็นจินเซียนที่มีพลังบำเพ็ญสูง ไปถึงที่นั่นก็ไม่แน่ว่าจะต้านไหว

อ๋าวเชินและอวิ๋นฉัวเป็นตัวอย่าง พวกเขาแต่ละคนล้วนมีพลังบำเพ็ญแสนปีแล้ว กลับยังถูกพลังวิญญาณนั้นทำให้บาดเจ็บ…แน่นอนว่าพวกเขาถูกโจมตีจึงไม่เหมือนกัน

แต่วันนั้นเขาก็พบหลิวหยางมาก่อนที่ภูเขาหงชาง ถึงแม้ไม่ได้พิจารณาลึกซึ้ง แต่ชั่วเวลานั้นไม่ได้เห็นว่าอีกฝ่ายพิเศษเท่าไหร่นัก

“ข้าพูดไว้นานแล้วว่าอาจารย์ข้าเก่งกาจ” มู่จิ่วเน้นย้ำ “ไม่เพียงเท่านี้ เขายังพบว่าข้าไม่มีเรื่องราวในอดีตชาติ หาเจอเพียงชาติก่อนในโลกมนุษย์ของข้า”

คิดไม่ถึงว่ายังรู้จักคุยโวด้วย

ลู่ยาไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น แต่ไม่อาจให้นางดูออกได้

เขาคิดๆ ก่อนเอ่ย “หากเขาสืบมาไม่ผิด การไม่มีอดีตชาติแสดงว่ามีความเป็นไปได้มากที่วิญญาณของเจ้าจะเป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณต้นกำเนิด นี่ยิ่งอธิบายปัญหาได้ดี พื้นเพของพลังเจ้าบริสุทธิ์เป็นพิเศษ สอดคล้องกับความบริสุทธิ์ของวิญญาณต้นกำเนิดตอนบุกเบิกฟ้าดินพอดี เพียงแต่พลังที่เป็นส่วนหนึ่งของวิญญาณต้นกำเนิดมีหลายประเภทมากในฟ้าดิน ตอนนี้ไม่มีหนทางดูว่าเจ้าเป็นส่วนหนึ่งของประเภทไหน”

มู่จิ่วถอยไปนั่งบนเก้าอี้ตัวเตี้ย เท้าคางพูด “ข้ารู้สึกว่าข้าไม่ได้ยอดเยี่ยมขนาดนั้น”

“นี่พูดยาก” ลู่ยายกถ้วยขึ้น “เพียงแต่ไม่ว่าเจ้าเป็นใคร สำหรับข้าแล้วล้วนไม่มีอะไรแตกต่าง”

มู่จิ่วยักไหล่พูด “หวังว่าจะเป็นไปตามที่ท่านพูด” ก่อนเอ่ยอีก “แบบนั้นสุดท้ายแล้วข้ายังต้องสะสมบุญกุศลเพื่อเลื่อนขั้นหรือไม่?”

ลู่ยาหยิบหนังสือเคาะลงไปบนหัวนาง “แน่นอน!

เช้าวันถัดมาเมื่อไปถึงหน่วยงาน มู่จิ่วยังจำได้ถึงคำที่หลิวจวิ้นพูดเมื่อวาน

ดูแล้วตอนนั้นเขาก็ไม่เหมือนพูดเล่น หรือว่าไปหาอวี้ตี้ได้จริง?

นางจับด้ามพู่กันครุ่นคิดอยู่สักครู่ จากนั้นตัดสินใจออกไปยังวังหลิงเซียว

ไม่ว่ามีประโยชน์หรือไม่ อย่างไรลองไปดูก่อนค่อยว่ากัน และมิใช่ว่านางไม่เคยพบอวี้ตี้มาก่อน นางจะหน้าหนาอีกสักครั้งแล้วกัน

การว่าราชการช่วงเช้าที่วังหลิงเซียวจบลงแล้ว มู่จิ่วส่งป้ายให้ผู้ติดตาม อ้างว่ามีเรื่องต้องการรายงาน ผู้ติดตามจึงช่วยนางแจ้งประสงค์ไป

ไม่นานเขาเดินออกมา “ฝ่าบาทอยู่ที่วังเซวียนหยวน”

พูดจบก็ค้อมหัวนำทางอยู่ข้างหน้า

มู่จิ่วตามอยู่ข้างหลังเขา มุ่งหน้าไปยังวังเซวียนหยวน

ความวิจิตรงดงามของวังในสวรรค์ไม่จำเป็นต้องพูดถึง ผู้ติดตามเดินช้ามาก เปิดโอกาสให้มู่จิ่วชมทิวทัศน์ระหว่างทางพอดี วังหลิงเซียวตั้งอยู่ตรงใจกลางสวรรค์ ส่วนทางด้านทิศใต้เป็นเขตปฏิบัติงานของหน่วยต่างๆ ทางเหนือเป็นวังหลัง ถนนตะวันออกของวังหลังเป็นสถานที่ที่เหล่าองค์ชายอยู่ ทางตะวันตกเป็นส่วนขององค์หญิง ส่วนทางเหนือเป็นเขตพำนักอาศัยของราชินีและนางสนม

แน่นอน ในความเป็นจริงบริเวณต่างๆ ไม่ได้แบ่งแยกอย่างชัดเจน และพื้นที่ที่ครอบครองแต่ละส่วนก็ไม่เหมือนกัน เพียงวังบรรทมของอวี้ตี้และหวังหมู่ เทียบกับที่ของนางสนมสามคนรวมกันแล้วยังใหญ่กว่า ดังนั้นสิ่งนี้จึงแสดงถึงอำนาจของอวี้ตี้และหวังหมู่เช่นกัน

วังเซวียนหยวนอยู่ที่สระหยกตะวันตก ตอนนี้ดอกบัวในสระหยกบานสะพรั่งในเมฆหมอก ในศาลาริมน้ำมีเสียงขลุ่ยของเหล่าหญิงสาวบรรเลงมา มองทะลุหมอกบางไป คนที่สวมเสื้อเหลืองปักมุกหยกบนศีรษะซึ่งนั่งอยู่ริมรั้วคงเป็นหวังหมู่ เซียนดอกบัวนำนางรำหลายคนร่ายรำอยู่ ดูแล้วหวังหมู่สุขสำราญไม่เลว

ครั้นข้ามผ่านสะพานหยกบนสระหยกไปก็ถึงวังเซวียนหยวน

อวี้ตี้กำลังปิดตาทำสมาธิ เซียนหญิงงดงามสองคนกำลังพัดให้เขา

ผู้ติดตามเดินเข้าไปพูด อวี้ตี้จึงเปิดตาขึ้น จากนั้นมองมาทางมู่จิ่ว

มู่จิ่วรีบก้าวขึ้นไปข้างหน้า ทำความเคารพก่อนเอ่ย “ข้ากัวมู่จิ่วเข้าพบฝ่าบาท”

อวี้ตี้ไม่ขยับ มองมาก่อนกล่าว “เจ้ามีเรื่องอะไร?”

มู่จิ่วเตรียมคำพูดไว้นานแล้ว จึงรายงานเรื่องคดีตระกูลอ๋าวตระกูลอวิ๋นก่อนตามที่ได้คิดไว้ จากนั้นค่อยพูดถึงเรื่องหลัก “ตอนนี้เหลือเพียงเฉินผิงที่ตายอย่างไม่เป็นธรรมและไม่ได้รับความยุติธรรม ดังนั้นหม่อมฉันจึงอยากขอให้ฝ่าบาทเมตตา ช่วยให้เฉินผิงมีอนาคตที่ดี”

“เฉินผิง?” อวี้ตี้ได้ยินชื่อนี้ก็ครุ่นคิดอยู่สักครู่ ก่อนนั่งขึ้นมาช้าๆ “เขามิใช่ลูกนอกสมรสของอ๋าวเชินกับอวิ๋นเฉี่ยนหรือ ตายก็ตายแล้ว จะจัดการให้ได้อย่างไร?”

มู่จิ่วเข้าใจความนัยในการปฏิเสธของเขา แต่ยังเหลือช่องว่างให้ต่อรอง จึงสดใสขึ้นมาทันใด นางพูด “ถึงแม้เฉินผิงเป็นลูกนอกสมรส แต่เขาไม่ได้ทำผิดอะไร แม้ทำผิดมาก่อนแต่ก็ถูกหม่อมฉันสังหารตายแล้ว ความหมายของหม่อมฉันมิใช่ให้เขากลับมามีชีวิต แต่คิดจะมาขอให้เขาลงไปเกิดอย่างสงบ”

“ขอให้ฝ่าบาทเห็นแก่ที่หม่อมฉันทำงานอย่างตั้งใจ โปรดไว้หน้าให้ด้วย”

“แบบนี้เอง” อวี้ตี้ลูบแขนเสื้อ สายตายกขึ้นไปมองทางสระหยก จากนั้นยืนขึ้นมาลูบคาง “เรื่องนี้หากเหนียงเหนียงรู้ เกรงว่าจะไม่รับปาก”

………………………………

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset