ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 231 ออกมาเจอเรื่องซวย

บทที่ 231 ออกมาเจอเรื่องซวย

มู่จิ่วไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย นี่หมายความว่าอย่างไร?

ไม่รอให้นางคิดได้ อวี้ตี้กลับพูดขึ้น “แต่ได้ยินเจ้าพูดแบบนี้ เด็กคนนั้นก็น่าสงสารอยู่บ้าง หากเจ้าสามารถปิดบังเรื่องนี้ไม่ให้เหนียงเหนียงรู้ได้ ข้าจะเห็นแก่หน้าเจ้าสักครั้ง”

มู่จิ่วรับรู้ถึงสิ่งผิดปกติได้ทันที ที่แท้ต้องการให้นางปิดปากให้สนิท!

เรื่องนี้ง่ายดายนัก

นางตอบทันที “หม่อมฉันรับประกัน ไม่แพร่งพรายออกไปแน่นอน!”

เรื่องอื่นนางไม่กล้ารับประกัน แต่เรื่องเก็บความลับนางสามารถโอ้อวดได้ เพียงเขาไม่ทำพิรุธออกมาเป็นพอ

อวี้ตี้จึงค่อยพยักหน้า กวักมือให้เซียนรับใช้หญิงนำเครื่องเขียนทั้งสี่มา เขียนคำสั่งส่งให้นาง “เอาสิ่งนี้ไปหาซือมิ่งซิงจวินก็พอแล้ว”

มู่จิ่วรีบคุกเข่าลงขอบคุณ ก่อนออกจากประตูไปขณะในใจเต็มไปด้วยดอกไม้แห่งความเบิกบาน

เพียงแต่ง่ายดายขนาดนี้เขาก็รับปากแล้ว ทำให้นางรู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง และหลิวจวิ้นรู้ได้อย่างไรว่าเขาจะรับปาก?

เมื่อเดินไปถึงบนสะพานหยก นางอดหยุดฝีเท้าลงไม่ได้ หันกลับไปมองทางวังเซวียนหยวนอีกครา เห็นเพียงคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมา อวี้ตี้กำลังเดินช้าๆ ไปยังวังหลิวซิน

เรื่องของเขา!

อย่างไรก็บรรลุเป้าหมายแล้ว

คิดดังนี้นางจึงนำผ้าทอสีเหลืองเก็บเข้าไปในแขนเสื้ออย่างประณีต จากนั้นข้ามสะพานออกจากวังไป

ไหนเลยจะรู้ว่าเพิ่งถึงตีนสะพาน ลมหอมกลุ่มหนึ่งก็ลอยปะทะเข้าจมูก จากนั้นเสียงพูดคุยเดี๋ยวขาดตอนเดี๋ยวต่อเนื่องก็ดังเข้ามา ต่อจากนั้น ด้านหลังภูเขาจำลองที่ตีนสะพานพลันปรากฏกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง คนตรงกลางที่มวยผมสูง ผิวอิ่มนวลเนียน งามสง่าเป็นธรรมชาติ นัยน์ตาหงส์ถึงแม้ตอนยิ้มน้อยๆ ก็แอบเจือด้วยประกายเย็นชา เป็นหวังหมู่นี่เอง

มู่จิ่วทำความเคารพโดยสัญชาตญาณ และถอยไปด้านข้าง

“อา นั่นไม่ใช่กัวมู่จิ่วหรือ”

องค์หญิงรองเหมยอิงที่อยู่ข้างกายหวังหมู่อมยิ้มทักทายนาง กลุ่มคนที่เหลือจึงหยุดเดิน

มู่จิ่วชะงักไปราวหนึ่งวินาที ค้อมตัวเดินเข้ามาทันใด “หม่อมฉันกัวมู่จิ่วเข้าพบเหนียงเหนียง เข้าพบองค์หญิงรอง”

หวังหมู่ถาม “กัวมู่จิ่ว เจ้ากลับมาจากทะเลสาบน้ำแข็งแล้วหรือ?”

คำถามนี้ทำให้มู่จิ่วนึกขึ้นได้ว่าตอนที่กลับมารายงานจากทะเลสาบน้ำแข็ง หวังหมู่ไปหากวนอิมที่ป่าไผ่ม่วง เป็นธรรมดาที่จะไม่รู้เรื่องที่นางกลับมา จึงจำต้องอธิบาย “ตอบเหนียงเหนียง กลับมาได้หลายวันแล้วเจ้าค่ะ” พูดจบจึงเล่าเรื่องที่อ๋าวเชินปล่อยนางกลับมาก่อนได้อย่างไรให้ฟัง

หวังหมู่พยักหน้า เตรียมตัวจะจากไป

ไหนเลยจะรู้ว่าตอนเดินผ่านนาง หวังหมู่พลันหยุดเท้าจ้องแขนเสื้อของนาง

มู่จิ่วรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่นางเก็บผ้าทอสีเหลืองไว้อย่างดีแล้ว จึงไม่กลัวอีกฝ่ายเห็น

แต่หวังหมู่กลับพลันจับข้อมือมู่จิ่ว ทันใดนั้นก็หยิบผ้าทอสีเหลืองออกมาจากแขนเสื้อนาง! หวังหมู่มองก่อนยิ้มเยาะเอ่ย “ข้าว่าแล้ว! ทำไมบนร่างเจ้าถึงได้มีกลิ่นอำพันทะเล? ที่แท้ซ่อนสิ่งนี้ไว้” พูดจบก็เก็บผ้าทอสีเหลืองไป จากนั้นถามต่อ “เฉินผิงผู้นี้เป็นใคร? เหตุใดถึงต้องวางแผนส่งเขาไปเกิด?”

เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าฝากมู่จิ่ว คิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงเรื่องนี้

นางเพิ่งรับประกันกับอวี้ตี้ว่าจะไม่แพร่งพรายออกไป กลับมาเจอหวังหมู่เสียได้ นี่ใครจงใจหาเรื่องนางกัน?

ตอนนี้นางไม่พูดสิ่งใด

หวังหมู่ถาม “ทำไมไม่พูด?”

มู่จิ่วสัมผัสได้ถึงความไม่พอใจของหวังหมู่ ไม่มีทางอื่น ทำได้เพียงรายงานเรื่องตระกูลอ๋าวตระกูลอวิ๋นให้ฟัง “หม่อมฉันคิดว่ากรรมนี้ของเฉินผิงเกิดจากหม่อมฉันเอง ดังนั้นเมื่อครู่จึงไปร้องขอฝ่าบาทให้ช่วยผ่อนปรน ช่วยให้เฉินผิงไปเกิดใหม่มีชีวิตที่ดีหน่อย ฝ่าบาทแต่เดิมก็ไม่ยอมตกลง แต่ต้านทานความมีเมตตาในใจไม่ได้ ดังนั้นยามที่หม่อมฉันใช้ทั้งไม้แข็งและไม้อ่อนฝ่าบาทก็ตอบตกลง”

นางทำได้เพียงแก้ต่างแทนอวี้ตี้อย่างสุดความสามารถเท่านั้น

ใครจะรู้ว่านางจะมาเจอกับเรื่องเวรนี่ ตอนนี้หากทำพลาดนางต้องรับโทษจากทั้งสองทาง!

“คิดไม่ถึงว่าเฉินผิงจะเป็นลูกนอกสมรสของอ๋าวเชิน?!” หวังหมู่โกรธแล้ว “พวกเจ้ากลับดูแลเด็กนอกสมรสคนหนึ่งแบบนี้?!”

มู่จิ่วเหงื่อหลั่งราวกับสายฝน ที่แท้อวี้ตี้ไม่ให้นางบอกหวังหมู่ก็เพราะเหตุผลนี้!

หวังหมู่ไม่เพียงไม่ชอบอ๋าวเชินที่เลี้ยงดูภรรยารอง แต่ยิ่งไม่ชอบผลผลิตจากการลักลอบคบชู้ของพวกเขา!

แย่แล้ว หวังหมู่ต้องไม่คืนผ้าทอสีเหลืองให้นางแน่ และต้องไปคิดบัญชีกับอวี้ตี้!

อวี้ตี้เคยทำอะไรมาก่อนกันแน่? จนหวังหมู่ไม่ชอบเขาแบบนี้!

“เหนียงเหนียงโปรดระงับโทสะ! เป็นหม่อมฉันที่ร้องขอต่อฝ่าบาทเองจริงๆ ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่าบาท” นางกัดฟันพูดออกไป เทพเซียนทะเลาะกัน ผีน้อยกลับรับกรรม ใครจะรู้ว่าภายหลังพวกเขาสามีภรรยาคืนดีกันแล้วจะกลับมาหาเรื่องนางหรือไม่ หากเป็นแบบนี้มิสู้นางรับไปก่อน “เป็นหม่อมฉันที่เห็นเฉินผิงไร้ความผิด จึงร้องขอต่อฝ่าบาทอย่างไม่ลดละ”

ตามหลักเหตุผล เมื่อพูดถึงขนาดนี้หวังหมู่ควรรามือได้แล้ว ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องคอขาดบาดตายอะไร เฉินผิงเป็นลูกนอกสมรสไม่ผิด แต่สวรรค์เดินตามแบบแผนของลัทธิขงจื่อตั้งแต่เมื่อไหร่? อีกอย่างพวกเขาเป็นเทพเซียนที่น่าเคารพ อย่างไรก็ยังต้องรักษาหน้าไว้สองส่วน หากเรื่องสามีภรรยาขัดกันในเรื่องเล็กนี้แพร่ออกไปก็ไม่ดีนัก

แต่ความคิดของหวังหมู่ไม่ใช่สิ่งที่นางจะมองได้ทะลุปรุโปร่ง หวังหมู่มองนางอย่างล้ำลึกคราหนึ่ง ทำหน้านิ่งก่อนเอ่ย “ตามข้ามา!”

มู่จิ่วไม่รู้เลยว่าหวังหมู่คิดจะทำอะไร ทั้งหัวนางไร้ความรู้สึก แต่เพียงดูก็รู้ว่าไม่ได้เดินไปทางที่พำนักของอวี้ตี้ และข้างกายก็ไม่มีทหารนายพลอะไร สถานที่ที่มุ่งหน้าไปเป็นตำหนักซึ่งเป็นส่วนตัวอย่างมาก จึงพลันวางใจลงได้เล็กน้อย หากอีกฝ่ายต้องการทำร้ายนางจริง คิดแล้วก็ไม่ถึงกับต้องเปลี่ยนสถานที่จึงค่อยลงมือ

นางรีบเดินตามหวังหมู่ไป

เมื่อเดินทางเข้าไปวังหลินจื่อ หวังหมู่สั่งคนที่เหลือให้ถอยร่นไปอยู่ที่ปากประตูวัง จากนั้นเหลือบมองมู่จิ่วก่อนเข้าไปในตำหนัก

มู่จิ่วไม่กล้าชักช้า เดินเคียงเข้าไปทีละก้าว

หลังจากเข้าประตู หวังหมู่นั่งบนตั่งคนงาม ใบหน้าไร้ความรู้สึกยามมองนางที่ก้มหน้ายืนอยู่ เรียกได้ว่าไม่โกรธแต่ยังแผ่ความน่าเกรงขาม

ขณะกำลังกดดัน พลันได้ยินเสียงหวังหมู่ตบโต๊ะดังตึง ถาดลิ้นจี่บนโต๊ะกระเด้งขึ้น อวัยวะภายในของมู่จิ่วก็เหมือนกระโดดตามขึ้นมาเช่นกัน

แต่หลังจากตบเสร็จ หวังหมู่ไม่ได้พูดทันที เมื่อกดดันมู่จิ่วนานพอแล้ว นางถึงได้วางแขนบนที่เท้าแขน สองตาเหลือบมองมู่จิ่วก่อนพูด “เมื่อครู่ตอนพบข้าที่ตีนสะพาน ทำไมทำท่าทางเหมือนขโมย? เจ้ารู้ว่าข้าจะไม่รับปาก?”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ” มู่จิ่วผ่อนคลายลงมาก “หม่อมฉันเพียงคิดไม่ถึงว่าจะพบเหนียงเหนียงพอดี”

“ยังคิดหลอกลวงข้า” หวังหมู่ยกมุมปาก กลับไม่เจืออารมณ์ขันแม้แต่นิด “กัวมู่จิ่ว เจ้ากินหัวใจหมีดีเสือมาหรือ?”

“หม่อมฉันไม่กล้า!” มู่จิ่วก้มหน้าไม่กล้าส่งเสียงอีก

สายตาของหวังหมู่กวาดมองไปด้านนอกประตูเล็กน้อย บีบลิ้นจี่ในมือ แล้วจึงเอ่ยอีก “ตัวเจ้าไม่รู้ว่าข้าจะไม่รับปาก แน่นอนว่าต้องเป็นฝ่าบาทบอกเจ้าไม่ให้เจ้าบอกข้าใช่หรือไม่?”

เหงื่อของมู่จิ่วไหลออกมาอีกแล้ว หวังหมู่ช่างไม่เสียแรงที่เป็นหวังหมู่ มองคราเดียวเห็นเรื่องราวทั้งหมดปรุโปร่ง

แบบนี้นางยังหวังว่าจะสามารถหลอกอะไรหวังหมู่ได้?

มู่จิ่วกัดฟัน ครุ่นคิดอยู่สักครู่ จึงยกชุดคลุมขึ้นคุกเข่าลงไป “เหนียงเหนียงปรีชาสามารถ ฝ่าบาทไม่ได้พูดแบบนี้ เพียงบอกว่าเรื่องนี้ไม่เหมาะเปิดเผยออกไป เพราะทำให้กฎสูญเสียความศักดิ์สิทธิ์ ความผิดล้วนเป็นของหม่อมฉัน ขอให้เหนียงเหนียงโปรดไว้ชีวิต”

“ไว้ชีวิต?” หวังหมู่หัวเราะขึ้นมา “ง่ายดายเช่นนั้น?”

มู่จิ่วไม่รู้จะพูดต่ออย่างไร

หวังหมู่กวาดตามองนาง ไม่ได้รีบร้อนพูดต่อ ทว่าปอกลิ้นจี่ที่หยิบมาจากถาด

……………………………………………………

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset