ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 288 เจ้ามีประโยชน์ที่สุด!

มู่จิ่วเงยหน้าขึ้นมองอาฝูที่อยู่บนหลังคา เห็นเพียงเขาเดินไปเดินมาบนนั้น ท่าทางลุกลี้ลุกลนมากกว่าเดิม…เมื่อครู่เขาดูประหลาดขนาดนั้น หรือสัมผัสถึงสถานการณ์ของซื่ออินได้แล้ว?

นางครุ่นคิดก่อนพูด “เซวียนหยวนฮุ่ยไม่รู้ซ่อนอยู่ที่ไหน แต่ไม่ว่าอย่างไร พวกเราคิดหาหนทางพาซื่ออินออกมาก่อนค่อยว่ากัน!”

“แต่จะช่วยอย่างไรเล่า?” อวี๋เหิงกล่าวอย่างกังวล

มู่จิ่วมองทุกคน สุดท้ายสายตาจับจ้องไปบนร่างจื่อจิ้ง

จื่อจิ้งกุมหน้าอก สะดุ้งตกใจ ถอยหลังไปโดยพลัน “เจ้าอย่ามาหาข้า!”

มู่จิ่วเข้าไปจับแขนเขา “เจ้านี่แหละ! เจ้าเข้าไปปะทะกับพวกเขาสักหน่อย เอาคำสาปโชคร้ายไปให้พวกนั้นที เรื่องที่เหลือพวกเราก็ไม่พึ่งเจ้าแล้ว!”

จื่อจิ้งกระโดดเข้ามา “เจ้าพวกหมาหมู่คู่นี้! ไม่ต่างกันเลย! คนหนึ่งกัดไม่ปล่อย คนหนึ่งจะส่งข้าไปตาย! ข้าขอให้เจ้าคลอดลูกออกมาไม่…!”

“เรื่องคลอดลูกไม่ต้องให้เจ้ากังวล!” มู่จิ่วจับเขาผลักเข้าไปในเรือน ทั้งตัวเขาพุ่งไปราวกับกระสุน

ประตูใหญ่ถูกชนล้ม เผยให้เห็นซื่ออินที่ถูกล่ามไว้กลางอากาศ และนายทหารเสือลายเหลืองที่ถือกระบี่ล้อมหน้าล้อมหลัง!

ซื่ออินใส่เพียงเสื้อผ้าชั้นใน ลมหายใจแผ่วเบา ก้มหน้าลงอย่างไร้เรี่ยวแรง บนเสื้อผ้าเต็มไปด้วยรอยเลือด ส่วนผิวหนังหลายจุดที่เผยออกมาเละเทะจนมองไม่ออก ปลายเท้าที่ลอยขึ้นยังมีเลือดไหลหยด!

“ซื่ออิน!”

เสียงของเหลียงจีแปรเปลี่ยน พุ่งเข้าไปโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง มู่จิ่วที่เตรียมพร้อมนานแล้วดึงนางกลับมา

“ซื่ออิน!”

นางทรุดลงร้องไห้ที่พื้น ร่างกายที่ไม่อาจควบคุมได้สั่นสะท้านอย่างรุนแรง

ซื่ออินค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมา สายตาส่องประกายแสงตอนที่มองหน้านาง แต่ไม่นานนักก็ก้มกลับลงไปเพราะไร้เรี่ยวแรง

นายทหารเสือลายเหลืองทั้งสี่ในเรือนคิดไม่ถึงว่าจื่อจิ้งจะชนประตูพัง กระบี่หลายเล่มพลันจ่อสกัดที่จุดลมปราณแต่ละแห่งของซื่ออิน

จื่อจิ้งกลิ้งเข้าไปพร้อมด่าทอตลอดทาง ชนเข้ากับเสือลายเหลืองที่อยู่หน้าสุดก่อน จากนั้นอาศัยแรงส่งชนเสือลายเหลืองทางตะวันตก ส่วนเสือลายเหลืองทางเหนือเตรียมยกเท้าหนี จื่อจิ้งกลับยืดขาไปขัดจนล้มคะมำเสียก่อน แล้วค่อยชนเข้ากับเสือลายเหลืองทางตะวันออก!

ทำแบบนี้ต่อเนื่องจนสำเร็จในรวดเดียว เสือลายเหลืองทั้งหลายเห็นจื่อจิ้งเป็นเพียงเด็กอายุสิบกว่าขวบเท่านั้น ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย จึงยิ้มเยาะเย้ยก่อนถือกระบี่เข้าไปหาซื่ออิน แต่กระบี่ในมือพลันถูกกระเบื้องที่อาฝูเหยียบอยู่หล่นลงมาบาดข้อมือ กระบี่ยาวหล่นลงพื้น คนที่เหลือสามคนตกใจ เงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นเพียงเสือขาวตัวกลมกลิ้งหลุนๆ ลงมาทับหัว!

“องค์ชาย!”

พวกอวี๋เหิงเห็นดังนั้นจึงกระโจนเข้าไปฉวยโอกาสก่อน ถึงแม้เสือลายเหลืององอาจเกินธรรมดาและเฝ้าอยู่รอบด้านอย่างมั่นคง แต่พวกนั้นกลับถูกสะกดไว้ ตอนกระบี่แทงออกไปจะมียุงบินเข้ามาบดบังสายตาพอดี ตอนส่งฝ่ามือจะพลาดเป้าโดนตีเข้าอย่างจัง เพราะสหายออกกระบวนท่ากะทันหัน!

อาฝูอาศัยช่วงชุลมุนเข้าไปกัดโซ่ล่าม มู่จิ่วกับเหลียงจีเข้ามารับซื่ออินพอดี!

“พวกเรารีบไปเร็ว!”

มู่จิ่วรีบร้องบอก จากนั้นเรียกเมฆมาแล้วขี่ขึ้นไป

“จะไปไหน?!”

ตอนนี้เองพลันมีเสียงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดดังมา ตามด้วยเสียงเกราะและอาวุธทหารกระทบกันไม่ขาดสาย เมื่อเงยหน้ามองไป เห็นเพียงบนหลังคารอบด้านมีทหารนายพลเสือลายเหลืองยืนเต็มไปหมด ส่วนเซวียนหยวนฮุ่ยที่หนีไปก่อนหน้านี้ ตอนนี้ขี่งูแดงเข้ามา ถือลูกทรงกลมที่ส่องแสงรอบทิศอยู่กลางอากาศพลางเหลือบมองพวกเขา

มู่จิ่วตึงเครียด คิดไม่ถึงว่าเขาจะกลับมาเร็วขนาดนี้ และยังพาทหารกลับมามากเพียงนี้ด้วย!

จะหนีไปตอนนี้คงยาก!

ไม่รู้ว่าลู่ยาไปทางไหน?

มู่จิ่วหันกลับมามองในเรือน พวกอวี๋เหิงยังคงพัวพันอยู่กับเสือลายเหลือง อาฝูกลับมาบนเมฆแล้ว สองตามองเซวียนหยวนฮุ่ยออย่างโกรธแค้น

มู่จิ่วนำน้ำเต้าหยกที่ลู่ยาให้มาก่อนหน้านี้ออกมา เปิดจุกชี้ไปยังซื่ออิน มองดูซื่ออินที่ไม่มีสติค่อยๆ ตัวเล็กลง จนสุดท้ายมีขนาดเท่าเมล็ดข้าวสาร ก่อนเข้าไปในน้ำเต้า! นางปิดจุกน้ำเต้าแล้วส่งให้เหลียงจี หยิบดอกบัวทองยืนขึ้นมา ตะโกนเสียงดังว่า “อวี๋เหิง พวกเจ้าหลบไป!”

พวกอวี๋เหิงรับคำสั่ง ถอยทัพไปอย่างรวดเร็ว

ดอกบัวทองขยับไหวอีกครั้ง เกสรดอกบัวกลายเป็นมีดทองนับหมื่นปักเข้าไปยังหัวใจของเสือลายเหลืองทั้งสี่!

พวกเหลียงจีตกตะลึง เสือลายเหลืองบนหลังคาเริ่มขยับอย่างกระวนกระวาย เซวียนหยวนฮุ่ยบนงูแดงก็หน้าถอดสีทันที!

“เจ้าเป็นอะไรกับลู่ยา?!”

เขายังคู่ควรจะเอ่ยนามลู่ยารึ?

มู่จิ่วสายตาเย็นเยียบ พลันถือดกบัวทองพุ่งเข้าไปหาเขา

ครั้งนี้เซวียนหยวนฮุ่ยไม่รีบร้อนรับการโจมตี แต่กระตุ้นลูกวิญญาณในมือทันที

ลูกวิญญาณเคลื่อนไหว เมฆดำเหนือหัวเริ่มหนาทึบจนไม่เห็นแสงอาทิตย์ ลมหนาวพัดเข้ามารอบด้าน เงามารที่มองไม่เห็นมากมายเหมือนกับลมพัดผ่านหูไป และยังทำให้สายตาพร่าเลือน พวกอวี๋เหิงเริ่มโซเซ ฝีเท้าของเหลียงจีก็ไม่มั่นคง ถึงแม้สองมือจับระเบียงทางเดินไว้แน่น แต่ท่าทางดูพยุงไม่อยู่แล้ว

มีเพียงอาฝูที่ดวงตาเป็นประกายจับจ้องเงามารเหล่านี้ เขามีแต่ความเดือดดาล ไม่มีท่าทางมึนงง…บางทีอาจเป็นเพราะเคยถูกลู่ยาชี้นำจิตใจมาก่อน เขาจึงมีสติแจ่มใส!

จื่อจิ้งก็ไม่มีปัญหา เขาเป็นของวิเศษแห่งสวรรค์อันสูงส่ง และมีอาคมของปฐมวิญญาณปกป้อง วิชาทำให้งงงวยประเภทนี้ทำอะไรเขาไม่ได้

“นี่ต้องเป็นวิญญาณร้ายแน่!” มู่จิ่วเอ่ย แต่ไม่รู้ตัวว่าตนเองก็สติแจ่มใสภายใต้พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งนี้เหมือนกัน นางจ้องลูกวิญญาณที่กำลังมอมเมาผู้คนไม่หยุด คิ้วขมวดแน่น

“ลู่ยาไม่ได้บอกไว้หรือว่าเสือขาวนั่นมีพลังหยางสูง สามารถทำลายวิชาหยินได้? เรียกเขามาเร็ว!”

จื่อจิ้งกระโดดเร่งอยู่ข้างๆ

มู่จิ่วพลันกระจ่าง รีบส่งสัญญาณให้อาฝู อาฝูร้องอย่างเกรี้ยวกราด ก่อนจะพุ่งเข้าหาลูกวิญญาณนั้น!

แต่เซวียนหยวนฮุ่ยเหมือนจะคาดเดาไว้แล้ว ตอนที่อาฝูห่างจากลูกวิญญาณสามจั้ง เขายื่นมือขวาออกมาทันใด มือนั้นพลันกลายเป็นกรงเล็บเสือขนาดใหญ่ จับคออาฝูไว้แน่น!

มู่จิ่วแอบร้องว่าแย่แล้วในใจ กำลังจะพุ่งเข้าไป ข้อมือกลับโดนมืออีกข้างหนึ่งจับไว้ทันควัน “ไม่ต้องไป! อาฝูรับมือได้!”

ไม่รู้ลู่ยากลับมาตอนไหน เขามองอาฝูที่กำลังต่อสู้อย่างว่องไวกับเซวียนหยวนฮุ่ย แต่ถึงแม้ปากบอกว่าสามารถรับมือได้ แต่สีหน้ากลับไม่ผ่อนคลายแม้แต่น้อย มู่จิ่วจึงอดถามไม่ได้ “ในมือเซวียนหยวนฮุ่ยมีลูกวิญญาณนะ!”

“นั่นก็ช่วยไม่ได้!” ลู่ยาพูด “เซวียนหยวนฮุ่ยจะต้องถูกเขาสังหาร!”

มู่จิ่วไม่รู้จะพูดอะไร นี่คือคำพูดใดกัน!

“โฮกกก..”

ระหว่างคุยกัน เสียงต่อสู้ฝั่งนั้นดังมาอีก อาฝูดุร้ายเยี่ยงเสือ เซวียนหยวนฮุ่ยก็ไม่ถอยแม้แต่น้อย ทั้งสองประจันหน้ากันกลางอากาศ อาฝูหมุนตัวอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวก็กัดเท้าซ้ายอีกฝ่าย! เซวียนหยวนฮุ่ยกระอักเลือดออกมา ตัวเอนไปข้างหน้า งูแดงที่อยู่ข้างล่างและเหล่าเสือลายเหลืองรอบทิศพลันพุ่งเข้าหาอาฝูราวกับคลื่น ล้อมเขาอยู่ตรงกลางในชั่วพริบตา!

……………………………………………

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset