ท่านเทพมาแล้ว – ตอนที่ 395 คนมีปัญญามักคิดมาก

บทที่ 395 คนมีปัญญามักคิดมาก

“เซิ่งจุนสี่!”

อวี้ตี้กับหวังหมู่อยู่ไม่ไกลนัก จึงได้พาเหล่าองค์ชายองค์หญิงเร่งรุดมา ครั้นเห็นมู่จิ่วสำเร็จเป็นเซียนแล้ว ทั้งยังมีพลังวิญญาณยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตอีก ก็ตกใจจนไม่รู้จะพูดอะไรดี! และเมื่อมองเห็นด้านข้างมีลู่ยาอยู่ด้วย จึงรีบคุกเข่าลงไป

ลู่ยาเรียก “พวกเจ้ามาพอดี กัวมู่จิ่วคือเทพหญิงแห่งหกวิญญาณกลับชาติมาเกิด ตอนนี้สำเร็จเป็นเซียนแล้ว จิตต้นกำเนิดกลับคืนสู่ที่ สมควรแก่เวลาที่นางจะไปทำภารกิจของนางแล้ว”

อวี้ตี้กับหวังหมู่ไม่รู้ว่าจะบรรยายความตื่นตกใจนี้ว่าอย่างไรดี เพียงแค่ลู่ยาอยู่ที่นี่ก็ทำให้คนอ้าปากค้างได้แล้ว ยิ่งเขาบอกว่ามู่จิ่วคือเทพหญิงแห่งหกวิญญาณ จะให้พวกเขาทำใจรับทันทีได้อย่างไร?

แต่พวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่เง่า ดูแลสวรรค์มานานหลายปีขนาดนี้ จิตใจจะไม่เข้มแข็งได้อย่างไร?

จึงรีบสะกดใจที่สั่นไหวลงไป ค้อมตัวเอ่ย “ข้าน้อยรับคำสั่ง”

ทางนี้กำลังพูด พวกไท่ซ่างเหล่าจวินกับไท่ป๋ายจินซิงก็มาถึงแล้ว ต่อมาเหล่าเซียนบนสวรรค์ก็ล้วนมากันพร้อม

มู่จิ่วเพิ่งลงมาคุยกับพวกเขาได้ไม่กี่คำ เวลานี้แสงสีทองทางทิศเหนือเริ่มเปิดทาง แสงสว่างสีขาวสายหนึ่งนำพาเหล่าศิษย์ในชุดสีเขียวมาที่นี่ กระทั่งจุ่นถียังมาเยือน! มู่จิ่วรีบเข้าไปรับ คุกเข่าโขกศีรษะคารวะ

คนทั้งหมดต่างก็ไม่เคยเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปแล้วของจุ่นถี จึงอดสงสัยไม่ได้

ยังเป็นไท่ซ่างเหล่าจวินที่คุ้นเคยกับศิษย์ร่วมสำนักเสียหน่อย แววตาส่องประกายขณะเดินเข้าไปเอ่ย “ผู้ที่มาใช่ศิษย์น้องจุ่นถีหรือไม่?”

จุ่นถีค้อมคำนับ ก่อนจะทำความเคารพลู่ยา

หมู่คนต่างก็ตกอยู่ในความประหลาดใจ จุ่นถีหายตัวไปนานหลายปีขนาดนี้ ทุกคนคิดไม่ถึงเลยว่ามู่จิ่วที่ทำคดีไม่เพียงแต่จะมีภูมิหลังเป็นถึงเทพหญิงแห่งหกวิญญาณอันสูงส่ง หนำซ้ำยังเป็นศิษย์ของจุ่นถีอีก! สำหรับหกภพแล้วในปีนั้นลัทธิประจิมนับว่าเป็นลัทธิที่มีชื่อเสียงระบือไกล เขาหลบเร้นกายมาหลายปี เกรงว่าอาคมวิชาของเขาในตอนนี้อาจจะเหนือไท่ซ่างเหล่าจวินไปแล้วก็เป็นได้!

“ดูนั่น มีสหายมาจากทางด้านตะวันตกอีกแล้ว!”

ทางฝั่งนี้กำลังคึกคัก ไม่รู้ว่าใครปรากฏตัวขึ้น ทางด้านตะวันตกมีแสงเจ็ดสีและหงส์ฟ้าจำนวนมากนำทางมา เมื่อมองเข้าไปเห็นเพียงหมอกสีรุ้งเท่านั้น ครั้นกะพริบตาแล้วมองอีกครั้ง ก็เห็นว่าแสงนั้นกลายเป็นนกพาหนะสูงราวจั้ง บนหลังของมันมีคนสวมใส่อาภรณ์สดใสอยู่เบื้องหลังม่านหมอก ใบหน้าใจดีมีเมตตา ท่าทางนิ่งสงบน่าเกรงขาม แต้มแดงตรงระหว่างคิ้วโดดเด่นสะดุดตานัก

หวังหมู่หลุดปากพูด “เป็นเซิ่งจุนที่สาม! รีบคุกเข่าต้อนรับ!”

คนทั้งหมดล้วนคุกเข่าลง มู่จิ่วก็ทำตามเช่นกัน แต่เข่าทั้งสองกลับงอลงไปไม่ได้ เมื่อเงยหน้าขึ้นก็พบว่าหนี่ว์วากำลังยื่นมือมาทางนาง “เทพหญิงมานี่เถิด”

มู่จิ่วพยักหน้าตอบรับก่อนก้มหน้าเดินเข้าไป เมื่อมาถึงตรงหน้าหนี่ว์วาก็เอ่ยคำเรียก ‘เซิ่งจุน’ หนี่ว์วามองสำรวจนางก่อนเอ่ย “บัดนี้เจ้าได้สำเร็จเป็นเซียนแล้ว กลับคืนสู่ร่างเดิม เป็นเจ้าแห่งหกวิญญาณ ข้ารับคำสั่งของศิษย์พี่ใหญ่มารับเจ้าไปที่สวรรค์อันสูงส่งเพื่อรับการแต่งตั้ง เจ้ากับน้องสี่ตามข้าไปเถิด”

มู่จิ่วคิดไม่ถึงว่าหนี่ว์วามาเพื่อรับนางไปที่สวรรค์อันสูงส่ง ถึงแม้นางทำนายไม่ได้ว่าจะกลายเป็นเซียนเมื่อไหร่ แต่เพราะรอคอยวันนี้มานานเกินไป จึงคิดไว้ว่าถึงแม้จะกลายเป็นเซียนก็ยังสามารถอยู่บนสวรรค์ได้สักพักก่อนค่อยจากไป ต้องไปกะทันหันแบบนี้ นางยังไม่ได้เตรียมใจเลย!

นางลังเลขึ้นมา

“เป็นอะไรไป?” หนี่ว์วาถาม

นางไม่ได้ตอบ ลู่ยากลับตอบแทน “ศิษย์พี่กลับไปก่อนเถิด ผ่านไปสักหลายวันข้าจะพานางกลับไป”

คนที่คุกเข่าอยู่ยังไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างนางกับลู่ยา เมื่อได้ยินคำนี้ก็อดเงยหน้าขึ้นไม่ได้ ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้ดูสนิทสนมกับเทพหญิงแห่งหกวิญญาณเป็นพิเศษ?

หนี่ว์วาจ้องลู่ยาอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยกับมู่จิ่ว “เช่นนั้นเจ้าอย่าได้ชักช้า หลังจากเจ้าได้รับแต่งตั้งแล้วถึงจะสามารถควบคุมคลื่นจิตพสุธาและวิญญาณทั้งหกได้ รอจนกลับวังแล้วก็รับการแต่งตั้งเรียบร้อย อย่าได้ทำให้การงานล่าช้าไป แล้วอยากไปไหนข้าก็จะไม่ขวางพวกเจ้า” พูดจบนางก็ยกยิ้มมองพวกเขา แล้วมองเหล่าคนที่คุกเข่าอยู่ “พวกเจ้าลุกขึ้นมาเถิด”

เหล่าคนทั้งหมดลุกขึ้นอีกครั้ง

หนี่ว์วาเรียกไท่ซ่างเหล่วจวินเข้ามาคุยด้วย จากนั้นค่อยเรียกอวี้ตี้กับหวังหมู่เข้ามา กำชับแต่ละคนสักหลายประโยค ให้พรแก่เหล่าทวยเทพ แล้วจึงหมุนตัวจากไป

คนทั้งหมดประสานมือส่งนางจนแสงสว่างลาลับ จึงค่อยๆ แสดงท่าทีเลื่อมใส

หวังหมู่เดินเข้ามาก่อนทันที มองมู่จิ่วคล้ายคิดจะเอ่ยอะไรแต่ก็ระงับไว้

มู่จิ่วจับมือของนาง เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “เหนียงเหนียงอยากพูดอะไรก็พูดเถิด”

หวังหมู่ยิ้มอารมณ์ดี “เจ้าเด็กคนนี้ ช่างทำให้ประหลาดใจเสียจริง เดิมทีเจ้ากับข้าก็มีวาสนาต่อกัน ต่อไปข้าคงไม่กล้าเรียกเจ้าว่าเด็กน้อยอีกแล้ว เว้นไว้เพียงครั้งนี้ หากคิดถึงเจ้าก็อย่าโทษข้าเสียล่ะ”

มู่จิ่วดึงนางเข้ามากอดเบาๆ “เหนียงเหนียงดีกับข้าที่สุด ข้าจะโทษท่านได้อย่างไร”

ก่อนขึ้นมาสวรรค์ นางเคยเข้าใจว่าหวังหมู่เป็นภรรยาแสนเย็นชาผู้แข็งกระด้าง แต่ในความเป็นจริงนางไม่เพียงไม่แข็งกระด้าง แต่ยังมีเหตุผลยิ่งนัก เมื่อถึงเวลานี้นางย่อมอาลัยอาวรณ์หวังหมู่อยู่บ้าง

นอกจากหวังหมู่ยังมีหลิวจวิ้น ทั้งยังมีสหายร่วมหน่วยมากมาย…ใช่แล้ว ยังมีหลินเจี้ยนหรู!

คิดถึงตรงนี้นางก็รีบไปดูในคุก พุ่งตัวเข้าไปข้างในอย่างรวดเร็ว

เพิ่งจะเข้าไปตรงทางเดิน นางก็ชนเข้ากับอกของคนผู้หนึ่งเต็มๆ อีกฝ่ายร้องออกมาอย่างเจ็บปวดก่อนล้มลงกับพื้น มู่จิ่วรีบพยุงเขาขึ้นมา เมื่อมองไปกลับเป็นหลินเจี้ยนหรู!

“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?!” นางถาม

หลินเจี้ยนหรูลุกขึ้นมา สูดลมหายใจเข้าไปหลายครั้ง ตอบว่า “ข้าไม่เป็นไร ข้าคิดว่าไม่ควรให้พวกเขาทำร้ายข้าเปล่าๆ ทั้งชาติ ข้าจึงกัดฟันอดทน!” เมื่อเห็นดอกกล้วยไม้ตรงระหว่างคิ้วของมู่จิ่ว เขาก็ตกใจเล็กน้อย “เจ้าเป็นเซียนแล้ว? เช่นนั้นอสุนีบาตที่เพิ่มมาอีกสามสายก็คือ…”

“ไม่ผิด อสุนีบาตสามสายนั้นเป็นด่านเคราะห์ของข้าเอง! ข้ากลายเป็นเซียนแล้ว” มู่จิ่วดีใจจนตาส่องประกาย

“ดียิ่งนัก… “ หลินเจี้ยนหรูเอนพิงร่างกับกำแพงพลางยิ้ม เหมือนกับสมปรารถนาอะไรบางอย่าง

มู่จิ่วพยุงเขาออกมาพลางส่งกระแสจิตเรียกลู่ยา เมื่อออกมาที่ปากทางได้ ลู่ยาก็รออยู่ตรงนั้นแล้ว หลินเจี้ยนหรูเห็นเขาก็อดรั้งมือมู่จิ่วให้นั่งลงคุกเข่าไม่ได้

ทางด้านหลิวจวิ้นก็ตามมาเช่นกัน พอดีกับที่พวกซ่างกวนสุ่นรุ่ยเจี๋ยตามมาด้วย เมื่อเห็นมู่จิ่วกลายเป็นเซียน อีกทั้งหลินเจี้ยนหรูยังปลอดภัยดี อาฝูก็พุ่งเข้าหามู่จิ่ว ส่วนซ่างกวนสุ่นรีบกลับบ้านไปรับเสี่ยวซิงทันที!

มู่จิ่วพูดกับหลินเจี้ยนหรูอย่างยินดี “เจ้ากลับบ้านไปกับข้าก่อน ข้ายังมีเรื่องจะบอกเจ้า!”

หลินเจี้ยนหรูพยักหน้า เดินตามหลังลู่ยามุ่งตรงไปยังบ้านสกุลกัวอย่างครึกครื้น

เพิ่งเดินไปได้ไม่นาน อวี้ตี้หวังหมู่และไท่ซ่างเหล่าจวินก็ตามมา “ขอเชิญเซิ่งจุนสี่กับเทพหญิงย้ายไปยังวังสายธารเถิด” บ้านหลังเล็กๆ หลังนั้นไม่สมฐานะแล้ว…

“ไม่จำเป็น พวกเจ้าไปจัดการธุระของพวกเจ้าเถอะ” ลู่ยาบอกปัดไปคำหนึ่ง ก่อนจะพามู่จิ่วบินไปไกล

ไท่ซ่างเหล่าจวินมองส่งอยู่เนิ่นนาน ก่อนจะกุมมือเอ่ยเบาๆ “แย่แล้ว!”

หวังหมู่มองมา เขาก็มองไป นางทิ้งสายตาอันลุ่มลึกไว้แล้วจากไป

มิน่าล่ะ วันนั้นที่ลู่ยามาเยี่ยมวังโตวลวี่ถึงได้มีเซียนเด็กเพิ่มมาอีกคน ทั้งวันงานเลี้ยงลูกท้อถึงได้ไม่ยอมปล่อยเด็กสาวคนนี้ไป และลู่ยายังไปที่คลื่นจิตพสุธากับหลีหังก่อน…ที่แท้อยู่ข้างกายตลอดนี่เอง

ยังดีที่ครั้งนี้เขาแค่ใช้อสุนีบาตเก้าสาย มิฉะนั้นแล้ว…เฮอะๆ

………………………………………

ท่านเทพมาแล้ว

ท่านเทพมาแล้ว

เส้นทางการบำเพ็ญเป็นเซียนของมู่จิ่วราบรื่นนัก แต่พอถึงจุดสำคัญกลับไม่สามารถเลื่อนขั้นเป็นเซียนได้ อาจารย์ชี้ทางสว่างให้นาง เดิมทีสามารถปะปนอยู่ในแดนสวรรค์รอเวลาที่จะสำเร็จสมหวัง ไหนเลยจะรู้ว่าไปได้ครึ่งทางกลับเก็บเจ้าตัวปัญหาได้คนหนึ่ง…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset