ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา – ตอนที่ 124 ไร้สิ่งสกปรก

มังกรดำมิได้ทำสิ่งใด เพราะมันชัดเจนยิ่งนักว่าตนมิอาจช่วยเฉินฉางเซิงได้ ถึงแม้จะเป็นบิดาที่เป็นพญามังกรของมันอยู่ที่นี่ด้วยก็มิอาจช่วยเหลือเจ้าหนุ่มผู้นี้ได้ ละอองดาวของฟ้าดินแปรเปลี่ยนเป็นพลังปราณแท้ฟ้าดินของผู้ฝึกบำเพ็ญเพียร ขั้นตอนเหล่านี้รวมถึงการขับเคลื่อนพลังปราณแท้ ต้องการความแข็งแกร่งของร่างกายผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรสูงอย่างยิ่ง ทว่าเฉินฉางเซิงมิได้สำเร็จการชำระล้างกระดูก ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อ โครงกระดูก และอวัยวะภายในนั้นต่ำอย่างยิ่ง เดิมทีก็ไร้หนทางจะแบกรับได้ เวลานี้พลังปราณแท้ขับเคลื่อนจากภายในปะทุออกมาภายนอก เหมือนกับว่านำใบมีดที่เล็กแต่กลับแหลมคมที่สุด เฉือนไปยังร่างกายของเขา ถึงแม้เป็นแดนอเวจีเพียงชั่วพริบตาก็พังพินาศ แล้วผู้ใดจะกล้าช่วยเขาเล่า

สีหน้าของเฉินฉางเซิงเปลี่ยนเป็นยิ่งนานยิ่งแดงฝาด ไม่ใช่แดงแบบแข็งแรง ทำให้ผู้คนหวาดกลัว ร่างกายของเขามีไอหมอกลอยปกคลุมท่วมตัว หัวคิ้วขมวดแน่น ใบหน้าบิดเบี้ยว คล้ายกับว่าทุกข์ทรมานอย่างยิ่ง ได้ยินเพียงแค่เสียงเปรี้ยง หางตาของเขาก็มีเส้นโลหิตปูดนูนขึ้นมา ไม่อาจทนรับแรงกดดันได้ จึงแตกออกมา

โลหิตสดก็เหมือนกับดอกไม้สาดกระเซ็นออกจากใบหน้าของเขา มาถึงในอากาศที่หนาวเย็น จะเกิดไอหมอกร้อนขึ้นมา หลังจากนั้นเป็นผลึกแก้วฉับพลัน ร่วงหล่นบนพื้น คล้ายกับว่าเป็นหินปะการัง เวลาต่อมา เส้นโลหิตร่างกายภายนอกของเขายิ่งนานยิ่งสาดกระเด็น โลหิตสดหลายสิบหยดกระเซ็นขึ้น ห่างจากร่างกายของเขา นำอุณหภูมิที่ร้อนผะผ่าว พื้นที่ข้างใต้ที่อบอุ่นเพียงชั่วครู่ก็หนาวเย็น หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นแช่แข็งอย่างรวดเร็ว

พื้นที่บริเวณรอบๆ เฉินฉางเซิง ปรากฏเป็นโลหิตสีแดงยิ่งนานยิ่งทวีคูณขึ้น คล้ายกับปะการังธรรมดา มองแล้ววิจิตรสวยงามยิ่งนัก ทว่ากลับเป็นกลิ่นคาวโลหิต

หลังจากเส้นโลหิตแตก ต่อมาสิ่งที่ฉีกขาดก็คือผิวหนัง และก็เป็นกล้ามเนื้อ โลหิตสดบนร่างกายเขาจำนวนไม่ถ้วนไหลรินไปทั่ว บางครั้งบางคราวเห็นกระดูกสีขาวทะมึนทึบ เขาหลับตาแน่นด้วยความทรมาน ไร้หนทางที่จะรักษาการนั่งตัวตรงได้ต่อไป ล้มชักกระตุกอยู่บนพื้น ทุกขั้นตอนกับทุกภาพที่ไม่อาจรับความเจ็บปวดทรมานได้ น่าหวาดกลัวผิดปกติ

มังกรดำยกเท้าหน้าขวาขึ้นบังดวงตาของตน มิได้มองต่อไป รู้สึกเสียใจต่อสิ่งนี้อย่างลึกล้ำ หนุ่มน้อยเผ่ามนุษย์ที่ไม่เลวนักผู้นี้เสียชีวิตแล้ว ไร้หนทางจะช่วยเรื่องนั้นของตนให้สำเร็จลุล่วงไปได้ มันเดิมทีสามารถยับยั้งทั้งหมดทั้งมวลได้ แต่นี่เป็นหนทางเสียชีวิตที่เฉินฉางเซิงเลือกเอง มันมองขาแกะย่าง ด้วยเหตุนี้จึงมิได้ก้าวก่ายเรื่องนี้เป็นเพราะแสดงความเคารพ

เวลานี้เอง มังกรดำมิได้คิดเรื่องที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการ และก็มิได้คิดถึงเรื่องโดดเดี่ยวอ้างว้าง หลายร้อยปีมานี้รวมทั้งหลังจากนั้นก็อาจจะกลับมาโดดเดี่ยวซ้ำอีกครั้ง มีเพียงแค่ความเงียบเชียบ คาดหวังว่าเฉินฉางเซิงจะเสียชีวิตได้เร็วกว่านี้อีกเล็กน้อย ไม่ต้องแบกรับความทุกข์ทรมานมากมายเช่นนี้ ความทรมานเพียงแค่สิ้นสุดรวดเร็วอีกหน่อย นั่นถึงจะเรียกว่าสบายใจ นั่นถึงจะคู่ควรกับความกล้าหาญในการเสียชีวิตอย่างสงบนิ่งของเฉินฉางเซิง

พื้นที่ข้างใต้เหน็บหนาวตลอดทั้งปีดังเช่นฤดูหนาว บนพื้นมีเกล็ดหิมะและเศษน้ำแข็งกำลังสะสมอยู่ เฉินฉางเซิงล้มอยู่บนพื้น กล้ามเนื้อฉีกขาดกระดูกแตกหัก โลหิตสดร้อนผะผ่าวไหลไปยังน้ำแข็งหิมะที่หนาวเหน็บ มีเสียงดังฟู่ๆ ขึ้น เพียงชั่วพริบตาก็มีไอหมอกสีขาวนับไม่ถ้วน ละอองดาวในร่างกายเขาลุกไหม้ดุเดือด สุดท้ายคล้ายกับว่าโลหิตได้เดือดปุดๆ แล้ว

ก็เหมือนกรณีการแพทย์ที่บันทึกภาคผนวกในคัมภีร์การถอดจิตสี่ประการ ถ้าหากคืนนี้ไม่ใช่ในพื้นที่ด้านล่างอันหนาวเหน็บ ผลลัพธ์สุดท้ายของเฉินฉางเซิงก็คงจะเป็นการแผดเผาตนเองเสียชีวิต ขณะนี้ตามบรรยากาศหนาวเย็นที่มังกรดำนำมา เขาไม่ได้เกิดเผาไหม้จนระเบิดขึ้น ทว่าที่จริงแล้วเป็นเพียงแค่การเปลี่ยนวิธีเสียชีวิตให้งดงามขึ้นเท่านั้นเอง

เวลาค่อยๆ หมุนไปเชื่องช้า

หลังจากผ่านไปเนิ่นนาน มังกรดำวางเท้าหน้าข้างขวาลง เตรียมไว้อาลัยด้วยความโศกเศร้ากับเฉินฉางเซิง แท้จริงแล้วหนุ่มน้อยเผ่ามนุษย์ผู้นี้เป็นคนแรกที่มันรู้จักอย่างแท้จริงในเวลาที่ถูกคุมขังเป็นเวลาหลายร้อยปี

คิดไปถึงเรื่องนี้ มันตัดสินใจว่าต่อให้ศพของเฉินฉางเซิงจะกลายเป็นเนื้อสุกที่น่าสะอิดสะเอียน แต่อีกสักครู่ตนจะปิดจมูกนำเขาลงฝัง

จ้องมองบนพื้นที่เต็มไปด้วยปะการังโลหิต ลูกตาของมังกรดำพลันหดเล็กลง นัยน์ตาดำขลับปรากฏความรู้สึกหวาดกลัวจำนวนมาก

บนพื้นยังคงมีไอหมอกสีขาวพรั่งพรูออกมา โลหิตในหิมะน้ำแข็งเหล่านั้นยังเดือดปุดๆ มิได้จับตัวเป็นก้อนน้ำแข็งอย่างรวดเร็วเพราะความตายของเฉินฉางเซิง

เพราะว่า…เฉินฉางเซิงยังไม่เสียชีวิต!

เพราะเหตุใดเขายังไม่เสียชีวิต เขายังไม่เสียชีวิตได้อย่างไร!

แน่นอนว่ามังกรดำมิได้คาดหวังให้เขาเสียชีวิต แต่มันตกตะลึงสิ่งที่เห็นด้านหน้าทั้งหมด ทั้งหมดนี้อยู่เหนือความรู้ของเผ่ามังกรที่ก้าวผ่านโลกใบนี้ ผู้คนล้วนแต่ทราบดี เผ่ามังกรมีความรู้กว้างไกลลึกซึ้งต่อโลกใบนี้

ละอองดาวออกมาจากด้านในแล้วลุกไหม้สู่ด้านนอก อวัยวะภายในจนถึงกล้ามเนื้อล้วนแต่ถูกทำลาย นี่เป็นสิ่งที่ไร้หนทางจะยับยั้ง เป็นขั้นตอนที่ไม่อาจพลิกผันได้

เพราะเหตุใดเขายังมีชีวิตอยู่อีก

มังกรดำสะกดกลั้นความตกตะลึงในจิตใจและความหวาดกลัวที่แปลกประหลาด ค่อยๆ ล่องลอยไปยังเบื้องหน้า

ตามการเคลื่อนไหวที่ใหญ่มหึมาของร่างกายมัน พื้นข้างใต้จึงมีลมเย็นพัดกระพือขึ้นมา

สายลมเหล่านั้น พัดพาให้ปะการังโลหิตที่อยู่บนพื้นกลิ้งหลุนๆ ไปมามิหยุด พัดโลหิตเดือดปุดๆ กระจายออกเป็นไอหมอกสีขาว พัดโชยปากบาดแผลที่น่าเวทนากับฟองโลหิตบนร่างกายเฉินฉางเซิง จนปรากฏเป็นภาพที่อยู่ด้านในสุดนั่น

การเผาไหม้ของละอองดาว ที่จริงแล้วจากด้านในมายังด้านนอก ร่างกายภายในของเขา อวัยวะภายในร่างกายส่วนใหญ่ของเขาได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

ทว่าในหัวสมองเขา ยังคงมีสรรพสิ่งที่มีพลังกำลังเคลื่อนไหว!

หัวใจของเขายังคงเต้นอย่างทรงพลัง!

นัยน์ตามังกรดำหดเล็กลง

แน่นอนว่า มันรู้ดีว่าหัวใจของมนุษย์มีลักษณะเช่นไร

แต่เดิมทีมันไม่เคยเห็นที่สะอาดสะอ้านเช่นนี้มาก่อน เป็นหัวใจที่งดงาม

รอยเปื้อนโลหิตด้านนอกหัวใจ ตามการเต้นของหัวใจทุกครั้ง ล้วนแต่ถูกสั่นสะเทือนหนึ่งด้าน ปรากฏเป็นรูปร่างดังเดิมของหัวใจ

เป็นดวงที่สะอาดสะอ้าน คล้ายกับผลึกแก้วก็มิปาน หัวใจดวงสีชมพู มองแล้วมิได้มีความรู้สึกสะอิดสะเอียน ยิ่งเหมือนผลไม้ที่ถูกลำธารชะล้างจนสะอาดมานานหลายปี

อารมณ์ของมังกรดำสั่นสะเทือน เหมือนกับ…มองเห็นกระดูกมังกรที่ว่างเปล่าก็มิปาน

กล้ามเนื้อ ผิวหนังจนกระทั่งกระดูกของเฉินฉางเซิงล้วนแต่ถูกทำลาย ขณะนี้ตามเวลาที่หมุนผ่าน ละอองดาวเหล่านั้นยังไม่หยุดเผาไหม้ ร่างกายของเขายังพุพองไม่หยุด แต่เพราะเหตุใดภายในร่างกายของเขาถึงไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นแม้แต่น้อย ดวงใจดวงนี้ใช้สิ่งใดทำ คิดไม่ถึงว่าจะสมบูรณ์แบบไม่เสียหายแม้แต่น้อย!

สายตาของมังกรดำร่วงลงมายังปะการังโลหิตบนพื้นรวมถึงระหว่างไอร้อนของโลหิต ความรู้สึกยิ่งนานยิ่งแปลกประหลาด ชัดเจนยิ่งนักว่าเป็นฉากของเลือดเนื้อที่ผสมปนเปกัน ทว่ากลับมิได้ทำให้มันเกิดความรู้สึกขยะแขยง เผ่ามังกรที่สูงส่งแท้จริงแต่ไหนแต่ไรมามิได้นำสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาดมาเป็นอาหาร โลหิตกับเนื้อหนังมังสาเหล่านั้นคล้ายกับมิใช่เลือดเนื้อ แต่เป็นบางสิ่งบางอย่าง

ใช่แล้ว ก็คือปะการัง ก็คือผลึกแก้ว ก็คือความสะอาดสะอ้าน โปร่งแสง

มังกรดำจ้องมองไปหัวใจเฉินฉางเซิงอีกครา คล้ายกับว่าเข้าใจอะไรบางอย่างเลือนราง

แสงดวงดาวชำระล้างกระดูก ชำระล้างก็คือคราบสกปรก ให้หลงเหลือความสะอาดสะอ้านไว้ ชำระล้างกระดูกเป็นเรื่องที่ผู้ชำระล้างกระดูกจะต้องทำตลอดชีวิต เป็นขั้นสุดที่ต้องเสาะแสวง ก็คือ ไร้สิ่งสกปรก

ร่างกายเฉินฉางเซิงมีความพิเศษยิ่งนัก มีหลายแห่งที่ไม่อาจกล่าวอธิบายได้ ดังเช่นเส้นลมปราณที่ขาดเป็นเก้าท่อน เช่นนั้นอาจจะเป็นกระดูก กล้ามเนื้อและโลหิตของเขาไม่เหมือนกับคนทั่วไป จนกระทั่งอาจจะ…มิได้เปรอะเปื้อนมาแต่กำเนิด ถึงแม้ภายหลังที่เกิดมาแล้วได้สูดอากาศและทานอาหารเข้าไป มีอากาศที่ปนเปื้อนบนโลกใบนี้มากเกินไป แต่ก็น้อยอย่างยิ่ง เมื่อเขาดึงแสงดวงดาวชำระล้างกระดูก ต้องการเพียงแค่ชั่วพริบตา ก็สามารถสำเร็จขั้นตอนนั้นได้

เช่นนั้นแสงดวงดาวชำระล้างกระดูกยังจะสามารถชำระล้างสิ่งใดได้อีกหรือ

เมื่อแสงดวงดาวร่วงหล่นบนสิ่งของที่เป็นสี สามารถปรากฏออกมาเป็นสีสัน ทว่าเมื่อร่วงหล่นบนสิ่งของโปร่งแสง แล้วจะปรากฏออกเป็นสีอะไร

โปร่งแสง ก็ไม่มีสี

แสงดวงดาวจึงไม่ได้ทิ้งอะไรไว้เป็นธรรมดา

จากฤดูใบไม้ผลิมาถึงขณะนี้ ทุกวันเฉินฉางเซิงจะดึงแสงดวงดาวชำระล้างกระดูก แสงดวงดาวเหล่านั้นส่งผลกระทบอยู่บนเส้นผม ขน กล้ามเนื้อ และผิวหนังของเขา กระดูกก่อเกิดความสัมพันธ์การเปลี่ยนแปลงใดๆ อีกทั้งยังสามารถทะลุผ่านร่างกายเข้าไป ถือตามปฏิกิริยาโต้ตอบระหว่างฟ้าดินเล็กกับฟ้าดินใหญ่ มาถึงยังด้านนอกแดนอเวจีของเขา

สถานที่ที่อยู่ด้านในลึกที่สุด มีสถานที่หนึ่ง

นั่นก็คือแดนอเวจี

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ตลอดชีวิตของ เฉินฉางเซิง นั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ เริ่มต้นจากกลิ่นหอมประหลาดที่แผ่กำจายออกมาจากตัวทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตเกิดความหิวกระหาย ตามมาด้วยร่างกายที่อ่อนแอเสียจนทำให้ไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ สุดท้ายจบลงที่อาการป่วยที่ทำให้ชีวิตของเขามิอาจยืนยาว ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาทำได้แค่ท่องตำราจำนวนหลายพันเล่ม แม้จะรู้ว่าอาการป่วยมิอาจรักษา บางทีมันจะเป็นโชคชะตา แต่เขาก็อยากจะท้าทายลิขิตฟ้านี้ดูสักครั้ง เขามิใช่คนเก่ง แต่เขาอยากลอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางการพลิกโชคชะตาของเขา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset