ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา – ตอนที่ 141 กลุ่มคนข้างชายป่าที่ไร้การเอ่ยถึง

เห็นนักเรียนหนอนหนังสือของสำนักต้นไหว คิ้วของถังซานสือลิ่วขมวดขึ้นสูงอย่างยิ่ง หางคิ้วยิ่งขึ้นสูงกว่า มาเลือกข้าสิกับมาต่อสู้กับข้าให้ความรู้สึกคล้ายคลึงกัน สรุปแล้วก็ทำให้คนรู้สึกว่าเย่อหยิ่งจนถึงขีดสุด รู้สึกอยากจะเข้ามาตีอย่างน่าประหลาด แม้ว่าหน้าตาเขาจะหล่อเหลาเช่นนี้ ในความเป็นจริง ใบหน้าของเขายิ่งหล่อเหลา สำหรับเพศเดียวกันมองเห็นแล้วยิ่งน่าตี

ผู้เข้าสอบทั้งหมดมองตามสายตาของหนุ่มน้อยหนอนหนังสือสำนักต้นไหว ต่างก็เข้าใจท่าทางที่แฝงไว้ของถังซานสือลิ่ว ถ้าหากเจ้าไม่เลือกข้า เจ้าก็เป็นหลานของข้าเสียแล้ว

หนุ่มน้อยหนอนหนังสือสำนักต้นไหวผู้นั้นเดิมทีมิได้อยากจะเลือกเขา ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร ถังซานสือลิ่วก็เป็นผู้แกร่งกล้าคนหนุ่มอยู่อันดับที่สามสิบสองของประกาศชิงอวิ๋น แต่เพราะอคติส่วนตัวจึงเลือกเขาเป็นคู่ต่อสู้หรือ เกรงว่ายากที่จะเอาชนะได้ และจะต้องกระทบถึงการต่อสู้ในรอบหลังเป็นแน่ กระทบต่อคะแนนสุดท้ายในการสอบใหญ่ของเขา เรื่องราวเช่นนี้สำหรับผู้มีสติปัญญาจะไม่กระทำ การฝึกฝนของสำนักต้นไหวก็คือหัวใจที่มีสติปัญญา แน่นอนว่าเขาจะไม่ทำเช่นนี้ สายตาที่ร่วงอยู่บนตำแหน่งข้างชายป่าของสำนักฝึกหลวง เพียงแค่อยากให้ฝ่ายตรงข้ามตึงเครียดเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าท่าทางของถังซานสือลิ่วจะอวดดียั่วยุเช่นนี้ ใบหน้าของเขาเพียงชั่วพริบตาก็เปลี่ยนเป็นไม่น่าดูเป็นพิเศษ อีกทั้งคิดไปถึงตอนพบกันบนทางเดินในป่ากว้างนั่น คำพูดที่เจ็บแสบใจดำของถังซานสือลิ่วเวลานั้น ไม่นานโลหิตพลันร้อนปะทุขึ้นมา จึงไม่อาจควบคุมความรู้สึกของตนได้อีกต่อไป ยกแขนขวาขึ้นมาแล้วชี้ไปทางถังซานสือลิ่ว

เวลานี้เอง มีมือหนึ่งยื่นออกมาจากด้านข้าง กดมือของหนุ่มน้อยสำนักต้นไหวลงไป ผู้ที่อยู่ข้างเขาก็คือเพื่อนร่วมสำนักคนหนึ่ง หนุ่มน้อยผู้นี้ใบหน้าอ่อนเยาว์ ในบรรดาคนของสำนักต้นไหวทั้งสี่คนที่มาเข้าร่วมการสอบใหญ่ มองแล้วอายุเยาว์วัยที่สุด แต่ตำแหน่งคล้ายกับว่าจะสูงที่สุด ก่อนหน้านี้อยู่ฝั่งทางเหนือของคลองฉวี่เจียง ก็เป็นเขาที่ห้ามสหายร่วมสำนักไม่ให้ไปทวงความยุติธรรมกับสำนักฝึกหลวง

หนุ่มน้อยนามว่าฮั่วกวงแห่งสำนักต้นไหวผู้นั้นมองถังซานสือลิ่วแล้วแค่นหัวเราะเย็นเยียบออกมาสองเสียง เลือกผู้เข้าสอบครึ่งหลังหนึ่งคน หลังจากนั้นเดินเข้าไปยังหอชำระธุลี

มองภาพนี้แล้ว เฉินฉางเซิงรู้สึกแปลกประหลาด ในใจครุ่นคิดอย่างคาดไม่ถึงว่าทางทิศใต้จะแตกต่างกับคนส่วนใหญ่ สำหรับพรรคกระบี่หลีซานกับสำนักต้นไหวทั้งสองแห่งนี้ ต้องเป็นลูกศิษย์ที่อายุน้อยที่สุดพูดถึงจะมีอำนาจที่สุด

การต่อสู้ลำดับที่สองสิ้นสุดเร็วกว่าลำดับแรก ใช้เวลาเพียงไม่นาน คล้ายกับว่าฮั่วกวงลูกศิษย์ของสำนักต้นไหว เพียงแค่เดินเข้าไปหอชำระธุลีกวาดสายตามอง แล้วก็เปิดประตูออกมาใหม่ คู่ต่อสู้ของเขาผู้นั้นไม่ได้ออกมา เป็นธรรมดาที่พ่ายแพ้แล้ว หลังจากนั้นถูกบรรดานักบวชส่งตัวกลับ

ก่อนหน้านี้เมื่อประลองยุทธ์ข้ามคลองฉวี่เจียง เวลาในการข้ามคลองฉวี่เจียงของนักเรียนทั้งสี่นั้นโดยพื้นฐานแล้วเท่ากัน ต่อจากฮั่วกวง เป็นธรรมดาที่จะเป็นสหายร่วมสำนักทั้งสาม มิได้เกิดเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด การต่อสู้แต่ละสนามสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว พวกเขาต่างได้รับชัยชนะในรอบแรก เพื่อเข้าสู่การต่อสู้รอบต่อไป

“สำนักต้นไหว…เดิมทีแข็งแกร่งถึงเพียงนี้” ซูม่ออวี๋เดินไปยังข้างป่าแล้วเอ่ยถอดทอนใจออกมา

ถังซานสือลิ่วมองหนอนหนังสือทั้งสี่ของสำนักต้นไหว ท่าทางค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหนักอึ้ง เขาไม่ชื่นชอบนักเรียนหนอนหนังสือสำนักต้นไหวเหล่านี้ สำหรับเขาแล้ว หนอนหนังสือแห่งต้นไหวให้ความสำคัญกับกฎระเบียบกับความรู้สติปัญญา ในความเป็นจริงชื่นชอบการรายงานเรื่องเล็กๆ กับเล่นกลอุบาย แต่เขาไม่อาจไม่ยอมรับได้ว่าพลังของหนอนหนังสือสำนักต้นไหวเหล่านี้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง

“บัณฑิตหนุ่มผู้นั้นนามว่าจงฮุ่ย ลำดับเก้าของประกาศชิงอวิ๋น”

เขารู้ว่าซูม่ออวี๋ตระหนักในเรื่องนี้ดี แต่เจ้าเด็กเฉินฉางเซิงไม่แน่ว่าจำได้หรือไม่ เอ่ยเสียงต่ำ “บัณฑิตสำนักต้นไหวสองคนนั่นต่างก็เป็นคนที่อยู่ในประกาศชิงอวิ๋น ล้วนเข้าอยู่ร้อยอันดับแรก เจ้าคนผู้นั้นนามว่าฮั่วกวงมิได้อยู่ในประกาศชิงอวิ๋น แต่พลังยังแข็งแกร่งกว่าสองคนนั้น หลายปีมานี้คงจะอ่านตำราอยู่ในสำนักต้นไหว เพื่อเตรียมการสอบใหญ่ปีนี้ทำให้คนตกตะลึง”

นักเรียนสามคนในประกาศชิงอวิ๋นบวกเข้ากับหนุ่มน้อยผู้แข็งแกร่งที่ปิดบังอำพรางตัวอีกหนึ่งคน พลังของสำนักต้นไหวคาดไม่ถึงว่าจะคาดเดายากจนผู้คนไม่อาจวัดได้ ในสนามเวลานี้ถ้าหากพิจารณาตามสำนักแล้ว นอกจากพรรคกระบี่หลีซาน สำนักต้นไหว สำนักเทียนเต้ารวมถึงสำนักฝึกหลวงที่โดดเด่นเหนือมวลชน คงจะนับได้ว่าเป็นสามสำนักที่แข็งแกร่งที่สุด

เพียงแต่เรื่องที่น่าสนใจก็คือ สี่คนของสำนักฝึกหลวงตอนนี้ร่วงไปอยู่ครึ่งหลัง ทำได้เพียงแค่รอถูกเลือก

การสอบความรู้จะต้องขีดเขียน การประลองยุทธ์จะต้องใช้พลังจิตเพื่อเรียนรู้และเตรียมการ การต่อสู้เพียงแค่เลือกคู่ต่อสู้หลังจากนั้นก็ลงมือ ยิ่งไปกว่านั้นในเรื่องของการต่อสู้ การแพ้ชนะเดิมทีเป็นเรื่องไม่กี่กระบวนท่า ไม่ว่าทั้งสองฝ่ายจะมีระดับวิทยายุทธ์ใกล้เคียงกันแค่ไหนก็ตาม ใช้เวลาไม่มากก็แยกแยะได้ว่าใครแพ้ชนะ

ประตูไม้ของหอชำระธุลีเปิดแล้วก็ปิดอีก ปิดแล้วก็เปิด น้ำมันในแกนประตูคล้ายกับว่าเพราะเปิดปิดบ่อยๆ จึงเปลี่ยนเป็นลดลง ค่อยๆ เกิดเป็นเสียงแอ๊ดๆ ดังขึ้น ในเสียงเหล่านี้ การต่อสู้รอบแรกก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในระยะเวลาอันรวดเร็วก็สิ้นสุดไปแล้วหลายสิบสนาม มีผู้เข้าสอบที่อยู่ครึ่งหน้าเป็นผู้ชนะ แต่ผู้เข้าสอบที่อยู่ครึ่งหลังก็ชนะไม่น้อย

ผู้เข้าสอบที่อยู่ครึ่งหน้าเป็นฝ่ายมีอำนาจในการเลือก สามารถเลือกคู่ต่อสู้ที่อ่อนแอกว่า แต่เพื่อการสอบใหญ่ บรรดาผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรหนุ่มน้อยได้เตรียมตัวเป็นระยะเวลาหนึ่งปีเต็มๆ ข้อมูลที่ธรรมดาหรือภาพในความทรงจำล้วนมิได้ชัดเจนอีกต่อไป ผู้ใดแกร่งกล้าหรือว่าอ่อนแอก็ยากที่จะตัดสิน การแพ้ชนะเป็นธรรมดาที่ยากจะคาดเดา

ช่วงก่อนหน้านี้ประกาศชิงอวิ๋นได้เปลี่ยนอันดับอย่างกะทันหัน กลายเป็นข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้ที่สุดของผู้เข้าร่วม อันดับแรกเป็นเพราะประกาศชิงอวิ๋นมีอำนาจและบารมีเพียงพอ การตัดสินของหอความลับสวรรค์คู่ควรที่จะเชื่อถือได้ รองลงมาเป็นเพราะการประกาศชิงอวิ๋นเพิ่งจะเปลี่ยนอันดับ พลังของคนที่อยู่ในประกาศก็คงจะเปลี่ยนไม่มาก สถานการณ์เช่นสวีโหย่วหรงกับองค์หญิงลั่วลั่ว ที่สุดแล้วก็ไม่ปรากฏออกมาบ่อยนัก

ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีผู้เข้าสอบเลือกซูม่ออวี๋เป็นคู่ต่อสู้ ผู้อยู่อันดับที่สามสิบสามของประกาศชิงอวิ๋น นอกจากผู้เข้าสอบสิบห้าอันดับแรกกับคนของสำนักต้นถง และยังมีผู้เข้าสอบที่เหลือ ความสามารถแท้จริงของเขาแล้วสามารถอยู่ห้าอันดับแรก ส่วนทางด้านของสำนักฝึกหลวงไร้ผู้คนสอบถามข่าวคราว มีเพียงแค่คนบ้าเท่านั้นถึงจะเลือกองค์หญิงลั่วลั่ว สำหรับถังซานสือลิ่ว…แม้แต่หนอนหนังสือของสำนักต้นไหวยังไม่เลือกเขา แล้วผู้ใดจะโง่เขลาเลือกเขาลงสนามเล่า

แม้แต่เซวียนหยวนผ้อก็ไม่มีใครกล้าเลือกเป็นคู่ต่อสู้ ถึงแม้เขาจะอยู่หางแถวของประกาศชิงอวิ๋น แต่ถึงอย่างไรก็เข้าอยู่ในประกาศชิงอวิ๋น อีกทั้งเผ่าปีศาจกับเผ่ามนุษย์ฝึกบำเพ็ญเพียรแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เผ่าปีศาจมีพรสวรรค์ที่ยากจะคาดเดาได้ เพราะว่าความมั่นใจ มีผู้เข้าสอบที่อยู่ครึ่งหน้ายินยอมที่จะเลือกคู่ต่อสู้ที่อยู่อันดับในประกาศชิงอวิ๋นด้านหน้าเขา แต่ไม่ยินยอมเลือกเขา

เรื่องที่น่าสนใจก็คือ หรืออาจจะกล่าวว่ามีความแปลกประหลาดก็คือ แม้แต่เฉินฉางเซิงที่มิได้อยู่ในประกาศชิงอวิ๋น ตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่มีคนเลือกเขา

ผู้เข้าสอบทั้งหมดต่างรู้ดีว่า เมื่อการเปลี่ยนอันดับของประกาศชิงอวิ๋น เฉินฉางเซิงชำระล้างกระดูกยังไม่สำเร็จ ถึงแม้ว่าภายหลังจะมีเรื่องแปลกประหลาด สามารถชำระล้างกระดูกสำเร็จด้วยความโชคดีอย่างยิ่ง การฝึกบำเพ็ญเพียรในระยะเวลาสั้นๆ แน่นอนว่าไม่เพียงพอให้พลังของเขาก้าวไปข้างหน้าอย่างฉับพลัน เขาอยู่ในสนามก็คงจะเป็นคนที่มีพลังอ่อนแอที่สุด แต่…ก็ไม่มีคนกล้าเลือกเขา

ด้านนอกหอชำระธุลีคึกคักยิ่งนัก ด้านชายป่ากลับเงียบวิเวกอย่างยิ่ง

ลั่วลั่วกอดแขนของเฉินฉางเซิง พิงร่างกายของเขา ใกล้จะหลับเสียแล้ว

เซวียนหยวนผ้อหาวออกมา ปากกว้างเสียจนขากวางสามารถเข้าไปได้ทั้งขา

ถังซานสือลิ่วไม่รู้ว่าคุยสิ่งใดกับซูม่ออวี๋ ใบหน้าของซูม่ออวี๋เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

บรรดาหนุ่มน้อยของสำนักฝึกหลวงเบื่อหน่ายยิ่งนัก

โชคดีที่ปฏิบัติตามกฎระเบียบ การรอคอยที่น่าเบื่อก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว

ประตูไม้ของหอชำระธุลีมีเสียงเปิดดังแอ๊ดขึ้นอีกคราหนึ่ง นักเรียนสตรีเยาว์วัยของวัดพยัคฆ์ลำธารเดินออกมา ใบหน้าเรียวเล็กเต็มไปด้วยคราบน้ำตาแห่งความปีติยินดี นางกระโจนเข้าสู่อ้อมอกของศิษย์พี่ คิดจะออดอ้อน กลับพบว่าบรรยากาศรอบๆ แปลกประหลาด เมื่อรู้สึกตัวจึงเช็ดน้ำตาแล้วมองไปยังสนาม

มีผู้เข้าสอบผู้หนึ่งเดินลงเท้าหนักอึ้งมายังสนาม ทอดสายตาไปยังแผ่นหินบริเวณทิศตะวันตกด้านหน้าหอชำระธุลี สีหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีด

ทางด้านนั้นหลงเหลือเพียงแค่ห้าคน ขณะนี้ เขาจะต้องเลือกจากหนึ่งในห้าเป็นคู่ต่อสู้ของตน

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ตลอดชีวิตของ เฉินฉางเซิง นั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ เริ่มต้นจากกลิ่นหอมประหลาดที่แผ่กำจายออกมาจากตัวทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตเกิดความหิวกระหาย ตามมาด้วยร่างกายที่อ่อนแอเสียจนทำให้ไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ สุดท้ายจบลงที่อาการป่วยที่ทำให้ชีวิตของเขามิอาจยืนยาว ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาทำได้แค่ท่องตำราจำนวนหลายพันเล่ม แม้จะรู้ว่าอาการป่วยมิอาจรักษา บางทีมันจะเป็นโชคชะตา แต่เขาก็อยากจะท้าทายลิขิตฟ้านี้ดูสักครั้ง เขามิใช่คนเก่ง แต่เขาอยากลอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางการพลิกโชคชะตาของเขา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset