ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา – ตอนที่ 174 เมื่อหลับตาพบเทือกเขากับทะเลสาบ

ทุ่งหิมะหนาจริงๆ ไม่รู้ว่าหนาเท่าใด ทุกละอองหิมะหรือกระทั่งทุกเกล็ดน้ำแข็ง ล้วนแต่เป็นละอองดาวที่ซุกซ่อนพลังไว้จำนวนมาก ทุ่งหิมะผืนหนึ่ง บริเวณรอบนอกยาวหลายร้อยจั้ง ไม่รู้ว่ามีละอองหิมะหรือว่าเกล็ดหิมะจำนวนกี่หมื่น ไม่รู้ว่าซุกซ่อนพลังไว้มากน้อยเท่าใด หากวันหนึ่งถูกดวงจิตจุดเปลวเพลิง เพียงชั่วพริบตาก็เปล่งแสงและความร้อนนับไม่ถ้วน ต่อหน้ามังกรดำใต้บ่อน้ำในตอนแรกเริ่ม เฉินฉางเซิงเคยข้ามผ่านการชำระล้างกระดูก แล้วนั่งถอดจิตโดยตรง เพียงครู่เดียวก็เกือบตายแรงเผาไหม้จากแสงและความร้อนนั่น หากมิใช่เพราะได้อาบโลหิตมังกร เขาอาจจะเสียชีวิตไปนานแล้ว ก่อนหน้านี้ที่ต่อสู้กับจวงห้วนอวี่ เขาได้จุดไฟทุ่งหิมะอีกครา ถึงแม้ร่างกายเคยอาบโลหิตมาก่อนแล้วทำให้มีความแข็งแกร่งมากกว่าเดิมหลายเท่าตัว แต่ยังคงยากที่จะรับได้ ถ้าหากมิใช่สายฝนที่จู่ๆ ก็ตกลงมา เขาอาจจะเสียชีวิตไปแล้วก็เป็นได้

ทุ่งหิมะทั้งผืนเปล่งแสงและความร้อนได้น่าหวาดกลัวเช่นนี้ ทำให้เขาไม่อาจรับได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงจุดไฟทุ่งหิมะทั้งสิบผืนพร้อมกัน เดิมทีเขาก็ไม่อาจรับได้ ทั้งหมดล้วนเป็นการเดิมพันด้วยชีวิต

เขาจะต้องเอาชนะโก่วหานสือเพื่อเอาอันดับแรกประกาศแรก ถึงจะเข้าไปในหอหลิงเหยียนเพื่อพบกับความลับของการพลิกฟ้าเปลี่ยนโชคชะตา ก็เป็นดังเช่นที่เขาเคยเอ่ยไว้ เขาจะต้องพยายามรักษาชีวิตของตนอย่างสุดชีวิต

เวลาเพียงแค่ลมหายใจ ร่างกายของเขาก็เปลี่ยนเป็นร้อนระอุ อุณหภูมิของร่างกายสูงจนยากจะจินตนาการได้ เม็ดฝนที่ร่วงบนร่างกายก็ระเหยออกไปอย่างรวดเร็ว ฝนที่ตกโปรยปราย สุดท้ายก็ไม่อาจทำให้ร่างกายของเขาเปียกชื้นได้เพียงน้อยนิด ตรงกันข้าม เขาเริ่มมีเหงื่อผุดออกมาไม่หยุด เหงื่อไหลออกมาประหนึ่งของเหลว หลังจากทะลักออกมาบนผิวภายนอกร่างกายก็ระเหยอย่างรวดเร็ว

เขาถูกห่อหุ้มไว้ด้วยไอระเหยสีขาวปกคลุมทั่วทั้งร่างกาย สายฝนและเม็ดเหงื่อ รสชาติแปลกประหลาดอย่างยิ่ง เวลาเดียวกัน ในไอหมอกที่ห่างออกไปเห็นใบหน้าของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลง แปลกประหลาดอย่างยิ่ง

เพียงเวลาชั่วครู่ เสื้อผ้าของเขาเปียกชื้นและเหือดแห้งสลับกันสิบกว่ารอบ เนื้อผ้าของเสื้อผ้าจะแข็งแรงเพียงใด ก็ไม่อาจรับสิ่งที่กลับไปกลับมาเช่นนี้ได้ หลังจากสายฝนที่ร่วงหล่นมาจากท้องฟ้าบนหอชำระธุลีเปลี่ยนเป็นหนักขึ้น แรงสายฝนเปลี่ยนเป็นรุนแรงขึ้น เสื้อผ้าพลันถูกกระทบจนขาด กลายเป็นเศษผ้าสิบกว่าริ้วห้อยอยู่บนร่างกายท่อนบนที่เปล่าเปลือยของเขา มองแล้วรู้สึกตลกขบขัน แต่ว่าสำหรับผู้คนบนหอชั้นสอง กลับตกตะลึงเป็นพิเศษ

ใช่แล้ว สายฝนที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้าบนชั้นสองรุนแรงยิ่งนัก ประหนึ่งรู้ว่าเขากำลังอยู่ในสถานการณ์แห่งความเป็นความตาย เม็ดฝนได้ร่วงหล่นลงสุดชีวิต ในเสียงซ่าๆ ราวกับว่ามีคนทวงก้นทะเลสาบสวรรค์ออก อีกทั้งน้ำฝนเหล่านั้นเยือกเย็นอย่างยิ่ง ราวกับว่าเป็นฝนห่าสุดท้ายของฤดูใบไม้ร่วง

ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เมื่อสายฝนที่โหมกระหน่ำรุนแรงหนาวเหน็บราดบนร่างกายเขาก็ไม่อาจยับยั้งอุณหภูมิที่สูงขึ้นของเขาได้ ในกลุ่มก้อนของไอระเหยสีขาว ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความทุกข์ทรมาน

เสียงจักจั่นด้านนอกหอชำระธุลียิ่งนานยิ่งดังขึ้น ยิ่งร้องเสียงแหลม

ด้านนอกและด้านในหอราวกับว่ามีโลกสองใบ มีสองฤดู

กล้ามเนื้อของเฉินฉางเซิงปวดเมื่อยจนไร้ที่เปรียบ คล้ายกับว่ากำลังฉีกออกจากกัน ผิวหนังเปลี่ยนเป็นรับรู้ได้ไวยิ่ง เม็ดฝนทุกหยด ต่างก็ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกถลกหนัง สุดท้ายแล้วเขาเหมือนถูกแผดเผาจริงๆ ถึงแม้มองไม่เห็นรูปร่างเปลวเพลิง อากาศรอบๆ ร่างกายก็เปลี่ยนเป็นเบาบาง เป็นภาพที่แปลกประหลาดอย่างยิ่ง

การแผดเผาละอองดวงดาวที่น่ากลัวเช่นนี้ ความเจ็บปวดที่ยากจะรับเช่นนี้ กลับไม่อาจทำให้เขาปิดตาลงได้ เขาจ้องมองดวงตาโก่วหานสือเขม็ง มือขวาที่ถูกผ้าผูกติดด้ามกระบี่แน่นขาวซีดไร้ที่เปรียบ ย่างก้าวเริ่มเคลื่อนไหวเชื่องช้าทว่ามั่นคง วางแผนคิดหาโอกาสที่จะชนะ

เขาไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ตนจะเจ็บปวดจนสลบไป และเมื่อไหร่ที่จะถูกแผดเผาจนเสียชีวิต เขาจะต้องทนความเจ็บปวดรวดร้าว ถือโอกาสเมื่อพลังปราณแท้แข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แล้วเอาชนะคู่ต่อสู้

โก่วหานสือเห็นเขามีหมอกสีขาวค่อยๆ แผ่ออกมา ท่าทางในดวงตาหนักอึ้งไร้สิ่งใดเปรียบ ขยับแขนขวาเล็กน้อย กระบี่ยาวทะลวงอากาศออกไป แม้นุ่มนวลแต่กลับมุ่งสังหารเฉินฉางเซิงอย่างแน่วแน่

เงาร่างเขาในสายฝนพลันเปลี่ยนเป็นรวดเร็ว เฉินฉางเซิงใช้ความรวดเร็วและย่างก้าวหยั่งเทวาที่น่าหวาดกลัว หลบพลังกระบี่ที่อ่อนโยนแต่กลับแข็งแกร่ง กระบี่สั้นในมืออาศัยพลังสายฝน ร่วงหล่นไปยังโก่วหานสือ

ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ คนทั้งสองได้ใช้ไปแล้วสิบหกกระบวนท่า

เพลงกระบี่หลีซานของโก่วหานสือจะต้องยอดเยี่ยมแข็งแกร่งเป็นแน่ การโต้ตอบของเฉินฉางเซิงกลับดีเลิศไร้ที่เปรียบ เวลานี้ได้ดัดแปลงพลองพลิกขุนเขาให้เป็นวิชาเพลงกระบี่ บวกกับวิชาเพลงกระบี่ของหลายสำนักหลายพรรคถูกเขาหยิบมาใช้อย่างง่ายดาย ผนวกกับที่เขาคุ้นเคยกับวิชาเพลงกระบี่เขาหลีซาน สุดท้ายแล้วก็ทัดทานพลังการโจมตีนี้ได้

สถานการณ์ที่ตึงเครียด ผู้คนที่ชมการต่อสู้บนชั้นสองเงียบนิ่งไม่เอ่ยสิ่งใด ในใจกลับมีระลอกคลื่นนับไม่ถ้วนโหมซัดกระหน่ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำชื่นชมแก่เฉินฉางเซิงที่มีมากขึ้น มองการต่อสู้ของกระบี่นี้ คิดตามกันว่าจวงห้วนอวี่นั้นพ่ายแพ้อย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม

ในการต่อสู้สนามนี้ เฉินฉางเซิงเผยให้เห็นจิตใจนักสู้ที่เรียกได้ว่าน่ากลัว และยังเผยให้เห็นความสามารถในการเรียนรู้ที่ดีเยี่ยมไร้ที่เปรียบ เมื่อแรกเริ่ม เผชิญหน้ากับจวงห้วนอวี่เพลงกระบี่ของเขาไร้ความเชื่อมั่น เวลานี้เมื่อต่อสู้ไประยะหนึ่งกับโก่วหานสือที่ทุกคนต่างรู้ว่ามีวิชาเพลงกระบี่อันแข็งแกร่ง เพลงกระบี่ของเขาสุดท้ายแล้วยิ่งนานยิ่งเฉียบแหลม เป็นการนำความรู้ในตำราของการฝึกบำเพ็ญเพียรเปลี่ยนเป็นพลังการต่อสู้อย่างแท้จริง

สิ่งที่น่าเสียดายก็คือ สำนักฝึกหลวงมีธรณีประตู พระราชวังหลีมีธรณีประตู หอชำระธุลีก็มีธรณีประตู บนโลกใบนี้ทุกที่ล้วนแต่มีธรณีประตู กั้นคนไว้จำนวนมาก ตรงหน้าของโก่วหานสือก็มีธรณีประตู เฉินฉางเซิงไม่ว่าจะดีเลิศเพียงใด จิตใจจะแน่วแน่แค่ไหน ก็ไม่อาจก้าวผ่านไปได้ สุดท้ายแล้วเขาก็เริ่มฝึกบำเพ็ญเพียรอย่างเป็นทางการไม่ถึงหนึ่งปี ถ้าหากนับตั้งแต่การชำระล้างกระดูกสำเร็จ ก็คงเป็นเวลาไม่กี่เดือน

เสียงดังชัดเจน ด้านในหอชำระธุลีสายฝนพัดกระหน่ำได้หยุดลงทันที

สายฝนที่โหมซัดกระหน่ำได้หยุดลง ก็เป็นเพราะอุณหภูมิร่างกายของเฉินฉางเซิงได้กลับมาเป็นดังแรกเริ่มอีกครา

สิ่งที่โชคดีอย่างยิ่งก็คือ เขามิได้เสียชีวิต เกิดเป็นความโชคดีที่ไม่โชคดี พลังปราณแท้ในร่างกายได้สูญเสียไปในการต่อสู้จนหมดสิ้นแล้ว

ด้านในหอชำระธุลีทั่วทั้งผืนเงียบสนิท

โก่วหานสือยืนนิ่งอยู่บนพื้น แขนเสื้อข้างขวาตกลงเล็กน้อย สีหน้าขาวซีด

เฉินฉางเซิงยืนอยู่ตรงข้าม เสื้อผ้าชำรุด บนร่างกายเปล่าเปลือยมีโลหิตไหลรินไม่หยุด

การต่อสู้ได้ดำเนินมาถึงตอนสุดท้ายแล้ว เขาสูญเสียโอกาสที่จะชนะ แต่กลับเหนือความคาดหมายของผู้คนจำนวนมาก จนถึงขนาดว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็คิดไม่ถึง เขามิได้ก่อเกิดความรู้สึกท้อใจมากเกินไป ยิ่งมิได้มีความคิดเจ็บปวดทรมานไม่ยินยอมแต่อย่างใด เขาสงบอย่างยิ่ง

เพราะว่าเขาได้พยายามอย่างเต็มที่แล้ว

เพราะว่าต้องการมีชีวิตต่อไป เขาได้พยายามอย่างสุดชีวิต

ถ้าหากเช่นนี้ยังไม่อาจสำเร็จ ก็คงจะอธิบายได้ว่ากฎสวรรค์หรือว่าโชคชะตากำหนดไว้เช่นนี้แล้ว เขาไม่ได้ยอมรับ เลือกทดลองที่จะต่อสู้ จากนั้นพ่ายแพ้ ก็เป็นเพียงแค่นี้

หลังจากทุ่งหิมะสิบผืนนั้น เขาก็ได้จุดเพลิงต่อเนื่องกันอีกสองผืน ครั้งสุดท้ายนั่นได้จุดทุ่งหิมะทั้งหมดแล้ว เขาพยายามจนสุดชีวิตจริงๆ เพียงแค่ไม่สำเร็จเท่านั้น

เขามีคุณสมบัติที่จะสงบจิตใจ จนถึงขนาดว่าภาคภูมิใจ

เขาก้มศีรษะมองมือขวา กระบี่สั้นถูกผ้าผูกมัดเข้ากับมือ

การต่อสู้สนามนี้จากเริ่มต้นถึงสุดท้าย กระบี่ของเขากับโก่วหานสือยังไม่ได้ปะทะกันจริงๆ ด้านหนึ่งเป็นเพราะว่าโก่วหานสือหวาดกลัว อีกด้านหนึ่งก็อธิบายได้ว่าพลังของเขายังห่างไกลอีกมาก

ควรที่จะสงบนิ่ง เพราะเหตุใดถึงยังรู้สึกไม่ยินยอมเล่า

เฉินฉางเซิงมองกระบี่ในมือ เงียบนิ่งครุ่นคิด

จากนั้นเขาแหงนหน้าขึ้น ยกกระบี่มุ่งไปทางโก่วหานสือ

เขาทราบดี นี่จะเป็นการยกกระบี่ขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย

เป็นเช่นนี้จริงๆ

โก่วหานสือขยับแขน เขาล้มลงกลับไปอีก ถลาไปยังกำแพงหิน

ล่องลอยอยู่กลางอากาศ เขารู้สึกเหนื่อยล้าเล็กน้อย รู้สึกสงบสุข เพราะว่าสุดท้ายไม่ต้องไปครุ่นคิด สุดท้ายไม่ต้องรู้สึกว่าไม่ยินยอม จากนั้นเขารู้สึกว่าท้องฟ้าสีครามช่างแยงตา

เขาปิดตา

ทว่ากลับมิได้มืดมิด

เขาจ้องมองเปลวเพลิงที่เผามอดแล้ว ราวกับว่าเป็นทุ่งหิมะที่ถูกเผาจนไหม้เกรียม

เห็นสายน้ำเล็กๆ ที่หลงเหลือไหลรินอยู่ในทุ่งหญ้า

มองเห็นสถานที่ยิ่งไกลออกไป

ที่แห่งนั้น มีทะเลสาบ ลอยอยู่กลางท้องฟ้า

วันนี้เขาเพิ่งจะมองได้ชัดเจน ในทะเลสาบแห่งนั้น คาดไม่ถึงว่าจะมียอดเขา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ตลอดชีวิตของ เฉินฉางเซิง นั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ เริ่มต้นจากกลิ่นหอมประหลาดที่แผ่กำจายออกมาจากตัวทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตเกิดความหิวกระหาย ตามมาด้วยร่างกายที่อ่อนแอเสียจนทำให้ไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ สุดท้ายจบลงที่อาการป่วยที่ทำให้ชีวิตของเขามิอาจยืนยาว ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาทำได้แค่ท่องตำราจำนวนหลายพันเล่ม แม้จะรู้ว่าอาการป่วยมิอาจรักษา บางทีมันจะเป็นโชคชะตา แต่เขาก็อยากจะท้าทายลิขิตฟ้านี้ดูสักครั้ง เขามิใช่คนเก่ง แต่เขาอยากลอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางการพลิกโชคชะตาของเขา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset