ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา – ตอนที่ 191 กล่องโชคชะตา

ไข่มุกราตรีวางพิงข้างผนังที่หน้าเท้าของเขา ลำแสงส่องจากล่างขึ้นบน กระบี่ที่แทงจมอยู่ในผนังถูกลำแสงส่องเป็นเงายาวเหยียดตรงไปที่หลังคาราวกับคานดำ

หนึ่งฉื่อแล้วหนึ่งฉื่อเล่า กระบี่สั้นค่อยๆ แทงเข้าไปในผนัง ถูกกลืนเข้าไปช้าๆ เฉินฉางเซิงจับด้ามกระบี่ มองบริเวณที่กระบี่สัมผัสกับผนัง จังหวะหายใจยิ่งมายิ่งกระชั้น สีหน้ายิ่งมายิ่งตื่นเต้น

จิตใจของเขาอยู่ที่กระบี่ ราวกับเดินหน้าไปยังถนนกลางคืนที่ไร้แสงไฟ ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น ความรู้สึกที่ไม่รู้อะไรโดยสิ้นเชิงชนิดนี้ มากกว่าความคาดหวังคือความไม่เป็นสุข

ในที่สุด กระบี่สั้นหวนความรู้สึกเบิกบานกลับมา หลังปลายแหลมลึกเข้าไปยังผนังอีกครึ่งฉื่อ สัมผัสกับสิ่งของที่คุณสมบัติแข็งอะไรสักอย่าง เฉินฉางเซิงจ้องมองผนังที่อยู่ตรงหน้า หลังเงียบไปสักพักก็ออกแรงอีกครั้ง ยืนยันว่ากระบี่สั้นยากจะแทงเข้าไปอีก รู้สึกตกใจเล็กน้อย ด้วยไม่ทราบว่าสิ่งของด้านในทำมาจากอะไร ถึงขนาดกระบี่ของตนเองยังยากที่จะแทงทะลุ ในขณะเดียวกัน เขาก็เริ่มแน่ใจแล้วว่านี่คือสิ่งที่ตนเองกำลังตามหา

เขาปล่อยมือซ้าย ยกชายเสื้อแขนซ้ายขึ้นเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก จากนั้นจับที่ด้ามกระบี่ใหม่ ครั้งนี้ไม่ได้ลองแทงให้ลึกกว่าเดิม แต่เริ่มขยับตามแนวพื้นผิว ให้เพียงความรู้สึกปลายฝ่ามือเท่านั้น กระบี่สั้นตัดผนังมรกตที่ตั้งตรงแข็งแกร่งช้าๆ นอกจากเศษหินที่ตกร่วงลงมาดั่งเต้นรำ ก็ไม่มีเสียงอื่นใด

กระบี่สั้นตัดผ่านอย่างเงียบเชียบ ขยับเขยื้อนอยู่ภายใต้ผนังอิฐมรกตตลอดเวลา ในที่สุดก็เดินทางมาถึงจุดเดิม ตัดออกเหลือรูปร่างบนผนัง เฉินฉางเซิงพิศรูปร่างนั้น รู้สึกคุ้นตา ชั่วครู่ก็นึกออก รอบนอกของป่าต้มเวลาก็ดูเหมือนจะเป็นรูปร่างนี้

เขาดึงกระบี่สั้นออก ขยับเข้าไปในผนังอิฐมรกตมากกว่าเดิม ใช้ปลายกระบี่ที่แหลมคมเสียบไปตามซอกที่กว้างหน่อย แล้วเริ่มดึงสิ่งนั้นออกมาภายนอกด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่อง

บริเวณนี้เป็นผนังที่อยู่บริเวณขวามือของภาพวาดหวังจือเช่อ ตามการกระทำของเขา อิฐมรกตก้อนหนึ่งความกว้างระยะเท่าเส้นผม ค่อยๆ ขยับออกมาข้างนอก จนกระทั่งสามารถเห็นนูนออกมาเต็มสองตา

ไม่ทราบผ่านไปนานขนาดไหน อิฐมรกตก้อนนี้ในที่สุดก็ถูกตัดออกมาห่างกับผนังอิฐมรกตได้ครึ่งฝ่ามือ เฉินฉางเซิงเก็บกระบี่กลับเข้าฝัก สองมือรองอยู่ที่อิฐมรกตของสองฝั่ง หายใจเข้าลึก ปราณแท้ค่อยๆ กระจายออกเปล่งรัศมีทั่วร่าง รวมกำลังไว้ที่มัดกล้ามเนื้อ

เสียงเสียดทานทุ้มต่ำละเอียดดังขึ้น ลำแสงนุ่มนวลของไข่มุกราตรี เศษหินลอยว่อนยิ่งมายิ่งมาก อิฐมรกตที่ไม่เป็นรูปเป็นร่าง ถูกเขาค่อยๆ เอาออกมาจากผนัง

ผนังอิฐมรกตถูกตัดออกมาเป็นรูปสี่เหลี่ยม ส่วนลึกด้านในพอจะมองเห็นกล่อง กล่องนี้ถูกวางอยู่กับผนังศิลานี้ แค่ดูก็รู้ว่ายากที่จะแยกออกจากกัน แต่ฝากล่องน่าจะเปิดได้

ผนังกำแพงของสถานที่อย่างหอหลิงเยียน ไม่คิดว่าจะมีกลไกชนิดนี้ ไม่คิดว่าจะมีกล่องลึกลับซุกซ่อนอยู่ การก่อสร้างในปีนั้น ใครเป็นคนทำ? ใครกันสามารถที่จะทำเรื่องแบบนี้ได้?

หากภาพนี้ถูกคนอื่นพบเห็นเข้า แน่นอนว่าจะต้องนำพาคลื่นแผ่นดินไหวมาสู่ราชสำนักต้าโจว กระทั่งอาจถูกสืบสาวกลับไปยังหลายร้อยปีก่อน บรรดาตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงอาจต้องเผชิญหน้ากับมหันตภัยขั้นสูงสุดก็เป็นได้

เฉินฉางเซิงไม่ทราบว่าใครเป็นคนเอากล่องใบนี้มาวางไว้ในหอหลิงเยียน ขณะก่อสร้างในปีนั้น ทั้งเช้าทั้งกลางคืนล้วนมีขุนนางก่อสร้างนับไม่ถ้วนจ้องมองอยู่ คนคนนั้นสามารถที่จะปกปิดภายใต้สายตาของคนจำนวนมากรวมถึงสายพระเนตรอันศักดิ์สิทธิ์ขององค์จักรพรรดิไท่จงได้อย่างไร…อย่างไรก็ตาม เขารู้แค่ว่าในหอหลิงเยียนมีกล่องใบหนึ่งที่เขาต้องการ

กล่องที่ซ่อนอยู่ในกำแพงมีสีเข้ม ฝากล่องที่อยู่นอกสุดถูกเอาออกมาได้อย่างง่ายดาย เผยฝากล่องที่แท้จริงออกมา เห็นเพียงบนฝามีเส้นทองแดงมากมาย ระหว่างเส้นมีปุ่มกดทองแดงอันสวยสดอีกมากมาย มองดูแล้วซับซ้อนยิ่งนัก จุดศูนย์กลางถึงเป็นกลไกที่เอาไว้เปิดกล่อง

เด็กๆ ในจิงตู เมื่อเห็นพวกปุ่มทองแดงและเส้นทองแดง ไม่ว่าใครต่างคาดเดาได้ว่ามันคืออะไร นั่นคือกลเก้าห่วงที่เป็นกระแสนิยมมากสุดในจิงตู เพียงแต่มันซับซ้อนกว่าหลายเท่า เหมือนกับกลห่วงสิบเจ็ดชุด

กลเก้าห่วงเหมือนเขาวงกตในป่าต้มเวลา ล้วนเป็นเวลานอกเหนือจากการอ่านหนังสืออย่างเคร่งครัดที่ใช้เป็นการเล่นเกมที่ผ่อนคลายสมองเพื่อฆ่าเวลา แม้เป็นแค่เกม แต่มันดีต่อการลับคมสติปัญญาและความสามารถทางคณิตศาสตร์อย่างมาก เพียงแต่กลเก้าห่วงเจอบ่อย ทว่ากลห่วงสิบเจ็ดชุดพบเห็นน้อยมาก ความยากในการแกะก็ยิ่งต่างกัน

เฉินฉางเซิงไม่ลังเลแม้เพียงเศษเสี้ยว จ้องมองเส้นทองแดงที่สลับซับซ้อนแล้วเริ่มคำนวณ สายตาตกอยู่บนปุ่มทองแดงเล็กๆ บางอันเป็นครั้งคราว จากนั้นเริ่มใช้มือวางบนเส้น นิ้วดีดกลางเส้นทองแดงอย่างต่อเนื่องประหนึ่งเล่นเครื่องดนตรีฉิน นำเส้นทองแดงกับปุ่มทองแดงมาเชื่อมกันเป็นหนึ่งอย่างต่อเนื่อง

ขั้นตอนนี้กินเวลาของเขาไปมาก จนกระทั่งผ่านไปเนิ่นนาน เขาพลันเห็นมุมตะวันตกเฉียงใต้ของฝากล่องมีช่องว่าง หายใจเข้าลึกๆ ผละนิ้วนางข้างซ้ายออกจากเส้นทองแดง เพียงได้ยินกึกหนึ่งเสียง เส้นทองแดงที่ถูกเขาถักไว้เริ่มขยับ รูปร่างค่อยๆ คลายออกแล้วรวมตัวใหม่ ไปยังบริเวณกลางสุด

นี่คือกระบวนการแกะห่วง ต้องใช้เวลามากจึงจะรู้ว่าสุดท้ายแล้วแกะได้หรือไม่ ก็มีโอกาสที่ถึงสุดท้ายแล้ว เพิ่งสังเกตเห็นว่าแกะผิด ถ้าถึงจุดนั้นแล้วต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่แรก

นอกจากการรอคอย ไม่มีเรื่องอื่นน่าทำ เฉินฉางเซิงเพิ่งเห็นว่าบนศีรษะมีเหงื่อออกมาเยอะมาก พอยกแขนไปเช็ด เห็นรอยเหงื่อที่ก่อนหน้านี้หลงเหลืออยู่ที่ชายเสื้อ ฝืนยิ้มพลางส่ายศีรษะ หยิบผ้าเช็ดหน้าจากสาบเสื้อออกมา เช็ดเม็ดเหงื่อบนใบหน้าให้สะอาดอย่างละเอียด

มองดูสิ่งนั้น มวลเส้นทองแดงและปุ่มทองแดงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เขาเงียบขรึมไม่เปล่งวาจา

เขาไม่รู้ว่าใครเป็นคนสร้างกลไกนี้ขึ้นมา หวังจือเช่อหรือผู้อื่น เหมือนกับการที่รู้ว่ามีกล่องอยู่ในผนังอิฐมรกต เขารู้แค่การมีอยู่ของมัน แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงมีอยู่

เรื่องพวกนี้ ล้วนเป็นนักพรตจี้บอกเขา

ก่อนมาถึงจิงตู เฉินฉางเซิงเข้าใจมาตลอดว่าอาจารย์ของตน นักพรตจี้นั้นเป็นแค่นักพรตธรรมดาท่านหนึ่ง อย่างมากก็แค่วิชาแพทย์ดีเยี่ยม ปัจจุบันหลังผ่านเรื่องราวมากมาย เขากลับทราบแน่นอนแล้วอาจารย์ไม่ใช่คนธรรมดา หรืออาจกล่าวได้ว่ามีตัวตนในอีกมุมหนึ่ง

ตำราในวัดเก่าแก่เมืองซีหนิง ล้วนเป็นตำราเก่าก่อนสังคายนา ถ้าจะนับเป็นเรื่องเก็บสะสมตำรา สามารถแม้กระทั่งเทียบเท่าพระราชวังหลี คนธรรมดาที่ไหนจะเก็บสะสมคัมภีร์ลัทธิเต๋าได้มากมายขนาดนี้?

เขาถือกระบี่สั้น มองไปยังภาพวาดของเหล่าขุนนางผู้เก่งกล้าสามารถแต่กาลก่อนบนผนัง ส่ายศีรษะไปมา คนธรรมดาที่ไหนจะไปรู้ว่าภายในหอหลิงเยียนมีความลับมากมายมหาศาลปานนี้? แค่กระบี่เล่มนี้ก็ไม่ใช่ธรรมดาสามัญแล้ว

ก็เหมือนที่นักพรตจี้เคยพูดกับเขา คิดอยากท้าลิขิตพลิกโชคชะตา ต้องเข้าไปในหอหลิงเยียน ค้นพบความลับที่เกี่ยวข้อง ดังนั้นจากซีหนิงมายังจิงตู เป้าหมายของเขาคือการเข้าหอหลิงเยียน

โชคชะตาของเขาไม่ดีนัก คิดจะมีชีวิตเกินกว่ายี่สิบปี มีเพียงสองวิธี…บำเพ็ญขึ้นขั้นอำพรางเทพ หรือท้าลิขิตพลิกโชคชะตา สองวิธีนี้ฟังดูแล้วไม่เข้าท่าทั้งคู่ เพราะโดยพื้นฐานแล้วมันไม่มีทางเป็นไปได้ ทว่าอย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกันแล้ว อย่างหลังยังพอมีความเป็นไปได้มากกว่า เนื่องจากท่ามกลางเหล่ามนุษย์ปุถุชนมีตำนานการท้าลิขิตพลิกโชคชะตามาตลอด

จะท้าลิขิตพลิกโชคชะตาอย่างไร? ก่อนอื่น ต้องรู้ว่าอะไรคือโชคชะตา เขามองภาพกลห่วงทองแดงที่กำลังแกะออก ลอบคิดเงียบๆ โชคชะตาของตนเองเก็บอยู่ในนั้นจริงหรือ?

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ตลอดชีวิตของ เฉินฉางเซิง นั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ เริ่มต้นจากกลิ่นหอมประหลาดที่แผ่กำจายออกมาจากตัวทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตเกิดความหิวกระหาย ตามมาด้วยร่างกายที่อ่อนแอเสียจนทำให้ไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ สุดท้ายจบลงที่อาการป่วยที่ทำให้ชีวิตของเขามิอาจยืนยาว ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาทำได้แค่ท่องตำราจำนวนหลายพันเล่ม แม้จะรู้ว่าอาการป่วยมิอาจรักษา บางทีมันจะเป็นโชคชะตา แต่เขาก็อยากจะท้าทายลิขิตฟ้านี้ดูสักครั้ง เขามิใช่คนเก่ง แต่เขาอยากลอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางการพลิกโชคชะตาของเขา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset