ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา – ตอนที่ 227 สมควรกระจ่างวิถีทางใต้แสงไฟ (ตอนต้น)

ยืนอยู่หน้าแผ่นป้ายอนุสรณ์ศิลาสะบั้น เฉินฉางเซิงกลับไม่ได้นึกถึงเรื่องแผ่นป้ายอนุสรณ์ศิลาสะบั้น และไม่ได้พยายามหานิทานเรื่องนั้นที่เกิดขึ้นหลายปีก่อนจากในนั้น แต่กำลังคิดถึงปัญหาของตัวเอง

เขารู้ว่า ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญทุกคน จะสามารถเห็นแผ่นป้ายอนุสรณ์ศิลาสะบั้นที่อยู่ข้างหน้าตนเอง

ฉะนั้น เขาอยากรู้มาก การเห็นแผ่นป้ายอนุสรณ์ศิลาสะบั้นมีความหมายอะไรกับตนเอง

ก็เหมือนกับที่บางคนในจิงตูสังเกตเห็นเช่นนั้น เหมือนที่จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์พูดกับม่ออวี่เช่นนั้นที่แท่นกานลู่ เขาชมแผ่นป้ายอนุสรณ์หน้าสุสานหมดภายในวันเดียว มันต้องมีปัญหาอะไรบางอย่างจริงๆ อักษรแผ่นป้ายอนุสรณ์เหล่านั้น เขาเห็นแล้วและเข้าใจแล้ว กลับไม่ได้พยายามรับข้อมูลจากในนั้นให้มากกว่านั้น ก็แน่นอนว่าไม่ได้บรรลุความหมายที่แท้จริงอะไรนอกจากอักษรแผ่นป้ายอนุสรณ์

เขาอ่านแผ่นป้ายคัมภีร์สวรรค์ได้เข้าใจอย่างง่ายดาย กลับเหมือนจะไม่ได้รับประโยชน์ใดๆ

แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา อย่างน้อยไม่ใช่เรื่องที่จะต้องวิเคราะห์และเป็นห่วงในตอนนี้

สาเหตุที่เขาไม่ใช้การเอารูปร่าง เอาความหมาย และเอาท่าวิทยายุทธ์สามแนวคิดนี้ที่เห็นได้บ่อยที่สุดและดั้งเดิมที่สุดในการแก้แผ่นป้ายอนุสรณ์ นอกจากสาเหตุที่ลึกซึ้งบางอย่างแล้ว สาเหตุโดยตรงที่สุด ก็เป็นเพราะว่าเส้นลมปราณของเขามีปัญหา ปราณแท้ไม่สามารถไหลวนกลับมาในเส้นลมปราณที่ขาดท่อนได้ ฉะนั้นไม่ว่าจะอุดมสมบูรณ์แค่ไหนก็ไม่มีความหมายใดๆ ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องหาวิธีใหม่ให้ได้

มองดูแล้ว เขาได้รับความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ กลายเป็นคนที่วันเดียวชมแผ่นป้ายหน้าสุสานจนหมดคนที่สองที่ต่อจากโจวตู๋ฟู แต่เขารู้สึกอยู่เสมอว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างผิด

ก็เหมือนตอนก่อนที่จะแก้แผ่นป้ายอนุสรณ์ มีความเสียดายและทำอะไรไม่ได้ในใจนั้น วิธีแก้แผ่นป้ายอนุสรณ์ของเขาฉลาดหลักแหลมมาก แต่ยังคงเป็นการแปลงรูปร่างของวิธีแก้แผ่นป้ายอนุสรณ์แบบใช้ความหมาย

เดิมเขาคิดว่า หลังจากที่แก้แผ่นป้ายคัมภีร์สวรรค์ติดต่อกันสิบเจ็ดแผ่น ตัวเองจะไม่ไปสนใจเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เห็นแผ่นป้ายอนุสรณ์ศิลาสะบั้นแผ่นนี้ เขาถึงจะเข้าใจว่า ไม่สมบูรณ์ก็คือไม่สมบูรณ์ เจ้าสามารถหลอกฟ้าลวงดิน หลอกกษัตริย์ลวงนักปราชญ์ หลอกบิดาลวงมารดา หลอกอาจารย์ลวงเพื่อน แต่ก็ไม่อาจหลอกตัวเอง

หน้าสุสานของสุสานเทียนซูเดิมก็ควรมีสิบแปดแผ่นป้ายอนุสรณ์ ปัจจุบันน้อยไปแผ่นหนึ่ง ฉะนั้นแม้จะแก้แผ่นป้ายอนุสรณ์สิบเจ็ดแผ่นได้ ยังคงมีความไม่สมบูรณ์

ความรู้สึกไม่สมบูรณ์นี้ ตกลงบนจิตใจ รู้สึกไม่สบายอย่างยิ่ง

ก็เหมือนกับวิธีที่กำลังใช้ในการแก้แผ่นป้ายอนุสรณ์ ยิ่งใหญ่มากก็จริง แต่สุดท้ายแล้วเป็นการประนีประนอมแบบหนึ่ง

เพื่อให้สามารถไปสวนโจว เขาอยากแก้แผ่นป้ายอนุสรณ์เหล่านี้ให้เร็วที่สุด จึงละทิ้งการพยายามค้นหาด้วยความยากลำบากของยี่สิบกว่าวันก่อนหน้า

วันเดียวชมแผ่นป้ายอนุสรณ์หน้าสุสานจนหมด ดูดีมากจริง แต่สำหรับเขาแล้ว ทำไมจะไม่ใช่การล้มเหลวแบบหนึ่ง?

สิ่งที่เขาบำเพ็ญคือตามใจชอบ สุดท้ายแล้วก็ไม่สามารถพอใจได้

ยืนอยู่หน้าแผ่นป้ายอนุสรณ์ศิลาสะบั้นเป็นเวลานาน สุดท้ายแล้วก็ไม่เข้าใจอะไรทั้งนั้น เฉินฉางเซิงเดินลงไปยังข้างล่างภูเขา

เดินตามแนวกระท่อมแผ่นป้ายอนุสรณ์เหล่านั้น ในสีท้องฟ้าค่ำคืนเงียบสงบมาก ไม่มีใครสักคน

แสงดวงดาวนำทาง ใช้เวลาไม่นานมาก เขาก็เดินผ่านไปแล้วสิบเจ็ดกระท่อมแผ่นป้ายอนุสรณ์ กลับมายังหน้าแผ่นป้ายอนุสรณ์รัศมีจรัสจ้า

นอกกระท่อมของแผ่นป้ายอนุสรณ์รัศมีจรัสจ้าเต็มไปด้วยฝูงชน มืดทะมึนไปทั่ว

ที่จริงแล้ว ผู้ชมแผ่นป้ายอนุสรณ์เหล่านั้นที่ปกติชมในตอนกลางคืนหน้ากระท่อมแผ่นป้ายอนุสรณ์ คืนนี้ล้วนมาที่ตรงนี้

พวกเขากำลังรอเฉินฉางเซิง

เห็นเงาร่างของเขาปรากฏอยู่นอกกระท่อมแผ่นป้ายอนุสรณ์ กลุ่มคนเริ่มวุ่นวายขึ้นมา

ถังซานสือลิ่ววิ่งต้อนรับเข้าไปหา จ้องตาของเขา ถามว่า “สิบเจ็ดแผ่น?”

เฉินฉางเซิงพยักหน้า

ถังซานสือลิ่วหัวเราะอย่างมีความสุขออกมา ตบไหล่เขาอย่างมีน้ำหนัก พูดทวนกับผู้คนอย่างเสียงดังว่า “สิบเจ็ดแผ่น!”

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ยุติลง รอบกระท่อมแผ่นป้ายอนุสรณ์สงบเงียบ

ผู้คนมองเฉินฉางเซิง สะเทือนใจไร้คำพูด

เยี่ยเสี่ยวเหลียนถ่างตา มองเฉินฉางเซิง รู้สึกว่าอารมณ์มีความประหลาดเล็กน้อย บนโลกใบนี้ มีคนสามารถพูดเทียบเคียงกับศิษย์พี่ชิวได้จริงๆ หรือ? แผ่นป้ายคัมภีร์สวรรค์สิบเจ็ดแผ่น ศิษย์พี่ชิว…ก็น่าจะทำได้ยาก นางคิดถึงวันที่ดูหมิ่นเฉินฉางเซิงที่ข้างถนนเสินในพระราชวังหลีวันนั้น รู้สึกอับอายยิ่งนัก ก้มหัวลง

เฉินฉางเซิงไม่ได้พูดอะไร เดินลงภูเขาไปกับถังซานสือลิ่ว

ดวงตาหลายคู่ตกลงบนตัวเขา ในสายตาเหล่านั้นเต็มไปด้วยความชื่นชม อิจฉา กระทั่งมีความเกรงกลัว

ไม่ว่าใครได้อยู่ภายใต้สายตาเช่นนี้ ล้วนมีความเคลิบเคลิ้มไปบ้าง

ถ้าเขาจากไปในตอนนี้ สายตาและแสงดาวที่ตกลงบนกายเขาเหล่านั้น ล้วนจะเป็นความรุ่งโรจน์

แต่แล้วเค่อต่อไป เขาหยุดการก้าวเท้า

ถังซานสือลิ่วสงสัยเล็กน้อย มองเขาตาหนึ่ง

เฉินฉางเซิงยืนสักพัก จู่ๆ หันหลังเดินไปยังกระท่อมแผ่นป้ายอนุสรณ์

“เกิดอะไรขึ้น? เจ้าลืมของอะไรบางอย่างในนั้นหรือ?” ถังซานสือลิ่วมองเขาพลางถามด้วยความสงสัย

เฉินฉางเซิงไม่ได้พูดจา เดินไปยังข้างป่าที่นอกกระท่อมแผ่นป้ายอนุสรณ์ สะบัดชายเสื้อเบื้องหน้าขึ้น แล้วนั่งลงไป

เหมือนกับยี่สิบกว่าวันก่อนเช่นนั้น เขาเริ่มชมแผ่นป้ายอนุสรณ์อีกครั้ง ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม แผ่นศิลาเขียวแผ่นนั้นสะอาดมาก กลายเป็นมีความเกลี้ยงเกลาแล้ว

“นี่เจ้ากำลังทำอะไรอยู่?” ถังซานสือลิ่วเดินมาถึงข้างหน้าเขา ถามด้วยความตกใจ

เจ๋อซิ่วและพวกโก่วหานสือก็เดินมาเช่นกัน

เฉินฉางเซิงเงียบขรึมสักพักแล้วพูดว่า “ข้ารู้สึกว่าวิธีที่แก้แผ่นป้ายอนุสรณ์ไม่ถูก คิดว่าจะแก้ใหม่อีกครั้ง”

คำพูดนี้ออกมา รอบๆ กระท่อมแผ่นป้ายอนุสรณ์ก็ฮือฮาทันที

ผู้คนประหลาดใจมาก สะเทือนใจมาก ไม่เข้าใจมาก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

เฉินฉางเซิงจะทำอะไรกันแน่?

ซูม่ออวี่ถามว่า “ทำไม?”

เฉินฉางเซิงไม่ได้ตอบ

สีหน้ากวนเฟยไป๋เย็นชาเล็กน้อยถามว่า “ตกลงเป็นเพราะอะไร?”

เขายังคงไม่ตอบ

โก่วหานสือไม่ได้ถาม น่าจะพอเข้าใจแล้ว

จวงห้วนอวี่เยาะเย้ยอยู่ไกลๆ ว่า “เสแสร้ง”

จงฮุ่ยไม่ได้พูดอะไร สานุศิษย์สำนักต้นไหวข้างๆ คนหนึ่งพูดเยาะเย้ยเล็กน้อยว่า “ทำเป็นเสแสร้งอะไร? แม้เจ้าจะเก่งยอดเยี่ยม ทำไมต้องมานั่งตรงนี้ให้ทุกคนขายหน้าด้วย”

เฉินฉางเซิงไม่ได้สนคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้ พูดกับกลุ่มคนถังซานสือลิ่วว่า “อาหารมื้อเย็นวันนี้ ดูท่าทางแล้วพวกเจ้าต้องทำเองแล้วล่ะ”

เหมือนกับที่จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์พูดไว้เช่นนั้น วันเดียวชมแผ่นป้ายอนุสรณ์หน้าสุสานจนหมด มีเพียงโจวตู๋ฟูที่อ่านเข้าใจแผ่นป้ายอนุสรณ์พวกนั้นจริงๆ นอกจากพรสวรรค์และความสามารถในการบรรลุ ที่สำคัญที่สุดคืออารมณ์นิสัย โจวตู๋ฟูผยองเย่อหยิ่ง เพื่อที่จะถามสาเหตุที่แท้จริง แม้จะฉีกฟ้าแล้วอย่างไร? เฉินฉางเซิงมีอารมณ์เช่นนี้ที่ไหนกัน?

แต่นางไม่รู้ อารมณ์นิสัยของเฉินฉางเซิงแม้จะสงบเงียบ แต่ใส่ใจเรื่องตามใจชอบมากๆ ความหวังในการถามหาสาเหตุที่แท้จริง อาจจะแสดงออกมาอย่างธรรมดามาก แต่ความจริงแล้วรุนแรงเช่นกัน ราวกับไฟป่า

ตอนที่ข่าวเขานั่งหน้าแผ่นป้ายอนุสรณ์รัศมีจรัสจ้าอีกครั้งส่งไปยังจิงตู ทุกคนชะงักตกตะลึงอึ้งค้าง

จักรพรรดินีศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้พูดจาเป็นเวลานาน

……

……

มีคนอยากรู้ว่าเฉินฉางเซิงจริงๆ แล้วทำเรื่องลึกลับอะไร กลับถูกเหนียนกวงไล่ไป ไม่ให้พวกเขาทำลายสมาธิ

ถังซานสือลิ่วถือข้าวกล่องมา เอามื้อเย็นมาส่งให้

เฉินฉางเซิงชมแผ่นป้ายอนุสรณ์ต่อ

เขามองแสงดวงดาวที่ตกลง แผ่นป้ายหินอนุสรณ์ราวกับถูกกลบด้วยหิมะ

เขานึกถึงประโยคหนึ่งในสมุดบันทึกของสวินเหมย แล้วก็นึกถึงตอนเข้าสุสานเทียนซูใหม่ๆ ประโยคที่เคยพูดกับโก่วหานสือ

แผ่นป้ายคัมภีร์สวรรค์เป็นเศษเสี้ยวของโลกใบหนึ่ง

ในเมื่อแผ่นป้ายคัมภีร์สวรรค์เหล่านี้เคยเป็นหนึ่งเดียวกัน ฉะนั้นการแก้แผ่นป้ายอนุสรณ์ทีละแผ่น มันผิดใช่หรือไม่?

ควรที่จะเอาแผ่นป้ายอนุสรณ์สิบเจ็ดแผ่นเชื่อมโยงด้วยกันแล้วแก้ใช่หรือไม่?

เขามองแผ่นป้ายอนุสรณ์รัศมีจรัสจ้าใต้กระท่อมอย่างสงบ แต่ราวกับในเวลาเดียวกันกำลังดูแผ่นป้ายอนุสรณ์หนึ่งเหนือราชันย์ แผ่นป้ายอนุสรณ์ต้นชลธาร…

แผ่นป้ายหินอนุสรณ์สิบเจ็ดแผ่น ปรากฏขึ้นข้างดวงตาของเขาในเวลาเดียวกัน

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ตลอดชีวิตของ เฉินฉางเซิง นั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ เริ่มต้นจากกลิ่นหอมประหลาดที่แผ่กำจายออกมาจากตัวทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตเกิดความหิวกระหาย ตามมาด้วยร่างกายที่อ่อนแอเสียจนทำให้ไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ สุดท้ายจบลงที่อาการป่วยที่ทำให้ชีวิตของเขามิอาจยืนยาว ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาทำได้แค่ท่องตำราจำนวนหลายพันเล่ม แม้จะรู้ว่าอาการป่วยมิอาจรักษา บางทีมันจะเป็นโชคชะตา แต่เขาก็อยากจะท้าทายลิขิตฟ้านี้ดูสักครั้ง เขามิใช่คนเก่ง แต่เขาอยากลอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางการพลิกโชคชะตาของเขา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset