ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา – ตอนที่ 262 หนึ่งกระบี่เสียดแทงใจ

นัยน์ตากลายเป็นสีแดง บริเวณข้างแก้มมีขนขึ้นทันที เป็นการแปลงร่างของเผ่าปีศาจ!

เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว พละกำลังของเจ๋อซิ่วก็เปลี่ยนเป็นยิ่งใหญ่มหาศาลหลายเท่าตัว ความแข็งแกร่งของร่างกายพลันเปลี่ยนไปอยู่ในระดับที่ยากจะจินตนาการได้ มือทั้งคู่ของหญิงสาวเผ่ามาร ฉีกไหล่ของเขาจนเห็นเลือดเนื้อรางๆ ทว่ากลับไม่อาจทำให้กระดูกของเขาแหลกละเอียดได้ สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ กระบี่ที่แทงเข้าไปในเอวของเขา ไม่อาจแทงเข้าไปต่อได้

เสียงฉับดังขึ้น มุ่งฟันไปยังหลังคอของเจ๋อซิ่ว พลังไอกระบี่ที่ตามมา ถึงแม้เจ๋อซิ่วจะแปลงร่างสมบูรณ์แล้วก็ไม่อาจต้านทานไว้ได้

สายตาของชีเจียนมองเห็นภาพนี้ ตกตะลึงอย่างยิ่ง แต่เวลานี้กระบี่ของเขายังคงพัวพันอยู่กับหญิงสาวผู้นั้น จึงไม่อาจไปช่วยได้ มือซ้ายของเขาที่กุมฝักกระบี่ ใช้เพลงกระบี่เขาหลีซานที่แหลมคมขวางอยู่ด้านหลังเจ๋อซิ่ว ปรารถนาจะต้านทานกระบี่สายนั้น

ทว่าการเคลื่อนไหวของกระบี่สายนั้นราวกับอสรพิษวิญญาณ ประหนึ่งคุ้นเคยกับเพลงกระบี่ของชีเจียนอย่างยิ่ง ตหวัดลัดเลาะไปในอากาศ จึงทะลวงพลังกระบี่ของชีเจียนได้อย่างง่ายดาย! การแทงครั้งที่สองของกระบี่ เดิมทีมิใช่มุ่งไปหาเจ๋อซิ่ว แต่เป้าหมายก็คือชีเจียน!

บนพื้นทรายเกิดเสียงพรวดดังขึ้นเบาๆ อีกครา!

ท้องของชีเจียน ถูกกระบี่ที่แข็งแกร่งแทงเข้าไปโดยตรง โลหิตสดพุ่งกระเซ็นออกมา!

ทันใดนั้น กระบี่ที่รวดเร็วประหนึ่งอสนีบาตก็ทิ่มแทงไปยังหน้าท้องของชีเจียน แล้วมุ่งไปข้างหน้า มุ่งมาดไปยังเฉินฉางเซิง!

กระบี่ของคนผู้นั้นคราแรกได้ทำร้ายเจ๋อซิ่ว ครั้งที่สองทำร้ายชีเจียนโดยไร้สุ้มไร้เสียง ทำให้ไม่ทันได้ตั้งตัว ผลภายหลังทำให้เกิดความเจ็บปวดอย่างยิ่ง แล้วเฉินฉางเซิงจะหลีกหนีได้หรือ?

เจ๋อซิ่วกับชีเจียนโดนกระบี่ก่อนหลังตามลำดับ เฉินฉางเซิงในที่สุดจึงมีปฏิกิริยาโต้ตอบ ใช้ย่างก้าวหยั่งเทวาหลบหลีกคมกระบี่ที่แทงเข้ามาหวุดหวิด

แต่อย่างไรก็ตาม เวลานี้การโจมตีของสามีภรรยาคู่นี้ก็มาถึงแล้ว

เถิงเสี่ยวหมิงใบหน้าไร้ความรู้สึก ยกหาบขึ้น โยนไปทางเฉินฉางเซิง

เวลานี้เฉินฉางเซิงถูกกระบี่ที่โหดเหี้ยมบีบบังคับไปข้างหน้า เดิมทีไม่ได้หลงเหลือพลังให้หลบหลีกอีก

หาบสองใบนั้น คล้ายกับว่าเป็นเทือกเขาลูกหนึ่ง กระทบไปยังศีรษะของเขา

พลังปราณแท้ของเฉินฉางเซิงผลักออกฉับพลัน กระบี่สั้นออกจากฝัก กวัดแกว่งออกเป็นสองสายอย่างยอดเยี่ยม คล้ายกับว่าอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่อาจเป็นไปได้ ทว่าแทงตรงกลางหาบได้อย่างแม่นยำ

ได้ยินเสียงฉั่วะๆ ต่อเนื่องกัน หาบสองใบนั้นก็ค่อยๆ ทยอยแตก กลายเป็นกลุ่มควันสองกลุ่ม

ไม้คานที่อยู่ในมือของเถิงเสี่ยวหมิง กระทบลงเข้าไปที่ศีรษะของเขา!

ถ้าหากเอ่ยว่าหาบสองใบก่อนหน้านี้ เหมือนกับเทือกเขาสองลูก เช่นนั้นแล้วคานหาบของขุนพลมารยี่สิบสี่ก็เป็นดังเทือกเขาจริงๆ เงาที่มืดมิดโหดเหี้ยมไร้ที่เปรียบ พลันปกคลุมร่างกายของเฉินฉางเซิงไว้

เสียงโครมดังขึ้น!

พื้นทรายบนริมฝั่งแม่น้ำ ปรากฏเป็นหลุมดินขนาดใหญ่!

ฝุ่นละอองปลิวว่อนทุกทิศทุกทาง ป่าไม้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป มีเสียงโครมครามดังขึ้น ล้มลงระเนระนาดต่อเนื่องกัน เพียงชั่วครู่ ป่าไม้ต้นไม้หลายหมู่ได้ล้มลง!

หญิงงามเผ่ามารผู้นั้นคำรามขึ้นมา ถือโอกาสที่เอวของเจ๋อซิ่วได้รับบาดเจ็บ ใช้วิชามาร ที่เล็บกะพริบแสงสีเขียวเลือนรางพิสดาร โจมตีไปยังเจ๋อซิ่วอย่างต่อเนื่อง

หญิงสาวอ่อนช้อยสง่างาม ลงมือมิได้อ่อนโยนแม้แต่น้อย เสื้อผ้าบนร่างกายปลิวสะบัดกับแรงลมเบาๆ เกือบเวลาเดียวกัน คล้ายจะปรากฏขนนกจำนวนนับไม่ถ้วนขึ้น ไอพลังจำนวนนับไม่ถ้วนจู่โจมไปยังใบหน้าของชีเจียน

นัยน์ตาของเจ๋อซิ่วแดงก่ำทั้งดวง มองแล้วดุร้ายเป็นพิเศษ มือทั้งคู่มีเงามืดสีดำเปล่งออกมาหลายสาย ต้านทานการโจมตีที่แข็งแกร่งจากหญิงงามเผ่ามารผู้นั้น อย่างไรก็ตามหน้าท้องของชีเจียนถูกกระบี่แทงทะลุ ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกหญิงสาวผู้นั้นโจมตีจนล้มลง ใบหน้าซีดเซียว ท่าทางอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ไร้เรี่ยวแรงที่จะต่อสู้ต่อไป

จนกระทั่งตอนนี้ หนุ่มน้อยทั้งสามคนก็ถูกไล่บี้เข้าตาจน

หลิวเสี่ยวหวั่นที่ไม่ได้ลงมือมาโดยตลอด แต่ขณะนี้ได้ลงมือแล้ว

นางถือกระทะใหญ่ในมือ มีเสียงฟาดแหวกอากาศอันน่าหวาดกลัวมุ่งมายังด้านหน้าของคนทั้งสาม เมื่อพลิกข้อมือกลับ กระทะใบใหญ่ก็ปกคลุมมายังศีรษะของพวกเขา

กระทะใบนั้นใหญ่จริงๆ ใหญ่จนสามารถปกคลุมอยู่เหนือท้องฟ้า ราวกับว่าเป็นพยับเมฆก็มิปาน ถ้าหากกระทะใบใหญ่ตกลงมา เฉินฉางเซิงทั้งสามคนก็คงจะมิได้มีความโชคดีอีกต่อไป

พอดีกับเวลานี้ บนพื้นทรายทางฝั่งทะเลสาบมีหลุมลึกหนึ่งหลุม ในอากาศที่เต็มไปด้วยฝุ่นละอองพลันมีแสงสว่างสาดกระจายออก! เวลาต่อมา มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นราวกับเสียงกลองรบ!

สายลมทะเลสาบพลันทะลวงออก ส่งเสียงคำรามหวีดหวิว!

เฉินฉางเซิงกุมกระบี่สั้น กระโดดข้ามหลุมลึก บังกายไว้ด้านหน้าของเจ๋อซิ่วกับชีเจียน เพียงกระบี่เดียวทะลวงออกไป!

เขาแทงไปยังกระทะเหล็กที่ปกคลุมท้องฟ้า!

เสียงฉึกดังขึ้น ใจกลางของกระทะเหล็กปรากฏรูโหว่! เวลาต่อมา มีเสียงเสียดสีโลหะแสบแก้วหูดังขึ้น เฉินฉางเซิงกุมกระบี่สั้น กรีดแทงไปในกระทะเหล็ก จากนั้นทะลวงไปข้างหน้าต่อ!

กระทะเหล็กปกคลุมลงมาราวกับเมฆสีดำ เวลานี้ได้มีแสงสว่างเพิ่มขึ้น กระบี่ของเฉินฉางเซิง มุ่งไปยังแสงสว่างนั้น เวลาเดียวกันก็ทำให้มีแสงสว่างเพิ่มมากขึ้น คล้ายกับว่าเป็นกลุ่มก้อนเมฆก่อนที่สายฝนจะคืบคลานลงมา และแสงสว่างสายหนึ่งพลันตกลงมา!

ฉับ ฉับ ฉับ!

นั่นเป็นจังหวะของกระบี่!

ฉับ ฉับ ฉับ!

นั่นเป็นเล็บของเจ๋อซิ่ว!

เสียงอึกดังขึ้นแผ่วเบา สีหน้าของหลิวเสี่ยวหวั่นขาวซีดเล็กน้อย ลอยตัวไปยังเบื้องหลัง บริเวณลำคอมีโลหิตไหลออกมาตามรอยแผล

หญิงงามเผ่ามารผู้นั้นร้องเสียงดังโอ๊ย ตกลงมาสู่พื้นด้วยความเจ็บช้ำ หน้าอกที่ล่อนจ้อนมีรอยแผลจำนวนมาก

ในที่สุดชีเจียนก็ต้านทานไม่ไหว กุมท้องแล้วคุกเข่า ง่ามนิ้วเต็มไปด้วยโลหิต

แต่อย่างน้อย ตอนนี้เขาก็ยังมีชีวิตอยู่

เฉินฉางเซิงกับเจ๋อซิ่วก็ยังมีชีวิตอยู่

สถานการณ์ต่อสู้ที่ตัดสินได้อย่างชัดเจน

ริมทะเลสาบได้เปลี่ยนเป็นเงียบเชียบอีกครา

หลิวเสี่ยวหวั่นลูบคลำรอยโลหิตบนลำคอเบาๆ จ้องสายตาของเฉินฉางเซิง เปลี่ยนเป็นหนักอึ้งไปอย่างมาก ท่าทางยังคงอบอุ่นดังเดิม ทว่ากลับมิได้มีความรู้สึกใกล้ชิดแต่อย่างใด

ไม่ว่าอย่างไรนางก็คิดไม่ถึง กระบี่สั้นในมือของเฉินฉางเซิงเล่มนั้น เหตุใดถึงแหลมคมเช่นนี้ สามารถแทงทะลุศาสตราวิเศษของตนได้ง่ายดาย กระบี่เล่มนี้แท้จริงแล้วใช้วัตถุดิบอะไรทำขึ้นกันแน่

เฉินฉางเซิงหันหน้าจ้องมองเจ๋อซิ่ว เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส หวังเพียงแค่เจ๋อซิ่วยังคงมีแรงในการต่อสู้ต่อไป

ร่างกายท่อนบนของเจ๋อซิ่วโชกไปด้วยโลหิต ทว่าเขายังคงยืนต่อไปได้ ขนสีเทาตรงข้ามลำคอมิได้เก็บเข้าไป กำลังกระหืดกระหอบไม่หยุด คล้ายกับว่ายากลำบากอย่างยิ่ง ในดวงตามีความเยือกเย็นเป็นพิเศษ

จ้องมองนัยน์ตาของเจ๋อซิ่ว จิตใจของเฉินฉางเซิงก็รู้สึกหนาวเย็นขึ้นมา

หลิวเสี่ยวหวั่นกับเถิงเสี่ยวหมิงสบตากัน ต่างมองเห็นความแปลกประหลาดของอีกฝ่าย

หนุ่มน้อยเผ่ามนุษย์ทั้งสามคนสามารถต้านทานการต่อสู้รอบนี้ได้ ที่จริงก็เกิดความคาดหมายพวกเขา รู้กันดีว่าก่อนเข้ามาในสวนโจว แม้แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่ามีกระบี่ด้ามนั้นอยู่ด้วย

“หากเจ้าฟังข้าสักนิดว่าโจมตีพร้อมกัน ลูกหมาป่าคนนั้นก็เสียชีวิตไปนานแล้ว!” หญิงงามเผ่ามารถูกเล็บของเจ๋อซิ่วทำให้บาดเจ็บสาหัสอีกครา มองหญิงสาวที่อยู่ข้างกาย แล้วเอ่ยด้วยความโมโห

หญิงสาวผู้นั้นจ้องมองเฉินฉางเซิงทั้งสองคนเงียบนิ่งชั่วครู่ จากนั้นจึงเอ่ยความสงบนิ่ง “เพียงแค่พวกเราสองคน ไม่อาจเอาชนะเจ้าหนุ่มน้อยสองคนนี้ได้จริงๆ”

เฉินฉางเซิงมิสนใจสิ่งที่พวกนางสนทนากัน

เจ๋อซิ่วก็มิได้สนใจว่าผู้ใดคือหนานเค่อ

ชีเจียนก็เช่นกัน

เพราะว่าสิ่งที่พวกเขาจะต้องใส่ใจก็คือกระบี่เล่มนั้น กระบี่ที่ซุ่มโจมตี

พวกเขามองไปที่เหลียงเสี้ยวเซียวที่ท่าทางแปลกประหลาด

ใบหน้าของชีเจียนซีดเผือด ท่าทางตกตะลึง เสียใจยิ่งนัก อีกทั้งยังมีอาการใจลอย จ้องมองเหลียงเสี้ยวเซียวแล้วเอ่ยงึมงำ “เพราะเหตุใด?”

สีหน้าของเหลียงเสี้ยวเซียวขาวซีดมากกว่าชีเจียน แต่บนใบหน้าของเขาไร้ความรู้สึก และมิได้เอ่ยสิ่งใด ถึงแม้ว่ากระบี่ในมือจะมีโลหิตรินไหลเช่นกัน

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ตลอดชีวิตของ เฉินฉางเซิง นั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ เริ่มต้นจากกลิ่นหอมประหลาดที่แผ่กำจายออกมาจากตัวทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตเกิดความหิวกระหาย ตามมาด้วยร่างกายที่อ่อนแอเสียจนทำให้ไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ สุดท้ายจบลงที่อาการป่วยที่ทำให้ชีวิตของเขามิอาจยืนยาว ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาทำได้แค่ท่องตำราจำนวนหลายพันเล่ม แม้จะรู้ว่าอาการป่วยมิอาจรักษา บางทีมันจะเป็นโชคชะตา แต่เขาก็อยากจะท้าทายลิขิตฟ้านี้ดูสักครั้ง เขามิใช่คนเก่ง แต่เขาอยากลอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางการพลิกโชคชะตาของเขา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset