ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา – ตอนที่ 267 ปีกแห่งแสง

ท่าทางของเฉินฉางเซิง จริงจังตั้งมั่น แต่มิได้สง่าผ่าเผย เพราะว่าท่าทางของเขาตอนนี้ช่างแปลกประหลาดเหลือเกิน

ถ้าหากเขายกร่มมาเป็นโล่กำบัง ถือกระบี่มุ่งตรงไปยังเบื้องหน้า เช่นนั้นก็จะเป็นนักรบที่ห้าวหาญเข้ามายังสนาม ทว่าขณะนี้ ร่มที่อยู่ในมือของเขายกไม่ขึ้น อีกทั้งยังลากอยู่บนพื้นทราย ถือกระบี่สั้นตั้งฉากกับข้อมือ หัวเข่าโค้งงอ ร่างกายโน้มเอียงไปข้างหน้าเล็กน้อย คล้ายกับว่าจะพร้อมที่จะกระโดดได้ทุกเมื่อ เช่นนั้นมองแล้วดังเช่นหัวขโมย เป็นหัวขโมยที่เตรียมจะต่อสู้สุดชีวิต

เพราะว่าเขาใกล้จะไม่ไหวแล้ว ภายใต้พลังกำลังที่เหือดแห้งก็ไม่อาจกางร่มกระดาษทองได้นานนัก เพียงแต่ดึงมันออกมาวางไว้ลากพื้นดินได้ เมื่อการโจมตีเข้ามาถึงก็ยกขึ้นมาป้องกันได้ กระบี่สั้นที่แหลมคมก็เช่นนี้ พลังปราณแท้ที่หลงเหลือไม่เพียงพอให้เขาขับวิชากระบี่ที่มีพลังมหาศาลออกมาได้ แม้แต่การกระทำที่เสียแรงเปล่าอย่างแทงปลายกระบี่ออกไปตรงๆ เหล่านี้ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากเย็น

กระบี่สั้นที่ถือตั้งฉากกับข้อมือ เพลงกระบี่ที่แสดงออกมาเป็นธรรมดาที่ไม่อาจแสดงกระบวนท่าที่ยิ่งใหญ่อะไรได้ ทำได้เพียงแสดงเพลงกระบี่เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น หญิงสาวเผ่ามารทั้งสองหลังจากพบเจอกับความเสี่ยงสองคราถึงจะมองออก สิ่งที่เขาใช้ก็คือกระบี่ทะลวงเกล็ดน้ำแข็งของเทือกเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์ จึงทำให้พวกนางตกตะลึงเป็นพิเศษ แต่ไหนแต่ไรมาเพลงกระบี่ชุดนี้มีเพียงแค่ลูกศิษย์ของเทือกเขาเทพธิดาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่ฝึกฝนได้ แล้วเขาไปร่ำเรียนมาจากที่ใด?

ไม่ว่าจะเป็นหญิงงามเผ่ามารที่มิได้สวมเสื้อผ้า หรือว่าจะเป็นหญิงผู้สง่าผ่าเผยที่สวมชุดปักลายกระบี่ของชีเจียน ท่าทางของพวกนางตอนนี้ล้วนแต่คร่ำเครียด สายตาที่จ้องมองเฉินฉางเซิงเคร่งขรึมเป็นพิเศษ คิดไม่ถึงว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้หนุ่มน้อยเผ่ามนุษย์ผู้นี้จะสามารถต้านทานได้ยาวนานถึงเพียงนี้ แท้จริงแล้วเป็นเรื่องที่พวกนางยากจะเข้าใจได้ จนถึงขนาดว่ารู้สึกเลื่อมใสรางๆ

แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป ชัยชนะจะเป็นของเผ่าเทพตลอดกาล!

แผ่นหลังของพวกนางมีปีกแห่งแสงยาวประมาณหนึ่งจั้ง เวลาต่อมา ระดับความเร็วในการสั่นสะเทือนของปีกแสงได้ทวีความเร็วขึ้น ได้ยินเพียงแค่เสียงพรึบดังขึ้นเหนือพื้นทราย พวกนางเลือนหายไปจากที่เดิม เวลาต่อมาก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของเฉินฉางเซิง มือทั้งคู่กะพริบแสงสีเขียวที่น่าหวาดกลัวเป็นพิเศษ แทงไปยังใบหน้าของเขา!

ระดับความรวดเร็วที่น่าหวาดกลัวเช่นนี้ คล้ายกับอสนีบาต เลือนรางดุจเงาควัน ทั้งหมดล้วนแต่เหนือความคาดหมายของผู้คนอย่างสิ้นเชิง เฉินฉางเซิงต้านทานมายาวนานถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?

เขาจะตอบโต้อย่างไร? เมื่อปีกแสงสองสายปรากฏอยู่ด้านหลังเขาเพียงชั่วพริบตา เขาขยับแล้ว พลังปราณแท้ไหลเคลื่อนอยู่ในเส้นชีพจร ย่างก้าวคล้ายกับว่ามั่นคงเป็นธรรมชาติ ในความเป็นจริงก้าวไปยังทางซ้ายด้วยความแม่นยำ เงาร่างกายพลันวูบไหวเลือนราง มาถึงยังที่ที่ห่างออกไปหลายจั้ง

ปีกแสงทั้งสองได้เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วอีกครา ปีกแสงสองสายของหญิงสาวทั้งสองมาถึงยังด้านหลังของเฉินฉางเซิง ขวางอยู่ระหว่างเขาและน้ำในทะเลสาบ

เฉินฉางเซิงยกร่มเข้ามาขวาง ได้ยินเพียงแค่เสียงพรึบ ภายในระยะเวลาสั้นๆ ทั้งสองฝ่ายไม่รู้ว่าต่างคนต่างออกกระบวนท่าไปแล้วเท่าไหร่ หลังจากนั้นจึงแยกออกจากกัน

บนร่างกายของหญิงสาวทั้งสองได้ปรากฏรอยกระบี่หลายสายจำนวนมากยิ่งขึ้น จากนั้นจึงค่อยๆ หายไป ปีกแสงที่อยู่ข้างหลังของพวกนางถูกรอยแหลมคมของกระบี่ฟาดฟัน

หญิงงามเผ่ามารจ้องเขม็งไปยังเฉินฉางเซิง สีหน้าขาวซีดพลางเอ่ยว่า “ที่จริงก็เป็นย่างก้าวหยั่งเทวา!”

ก่อนหน้านี้พวกนางตกตะลึงในท่าร่างที่พิสดารของเฉินฉางเซิง ทดลองหยั่งเชิงหลายครา สุดท้ายแล้วถึงยืนยันได้

พวกนางคือหญิงรับใช้ของหนานเค่อ และก็เป็นปีกคู่ของหนานเค่อ อีกทั้งร่างกายยังมีคุณสมบัติพิเศษ ด้วยเหตุนี้จึงมีระดับความเร็วที่น่าหวาดกลัว ความเร็วในการโจมตีเพียงช่วงเวลาสั้นๆ สามารถกล่าวได้ว่ามีความรวดเร็วราวกับลำแสง ไม่ต้องเอ่ยว่าเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรขั้นทะลวงอเวจี ถึงแม้จะเป็นผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรขั้นรวบรวมดวงดาว ก็ไม่มีผู้ใดตามระดับความเร็วของนางได้

ร่างกายของเฉินฉางเซิงหลังจากอาบโลหิตมังกร พละกำลังและระดับความเร็วล้วนแต่อยู่ในระดับสูงสุดของขั้นทะลวงอเวจี จึงไม่อาจมีความรวดเร็วเหนือกว่าพวกนางได้ แต่ว่า…เขาใช้วิชาย่างก้าวหยั่งเทวาได้!

ใช่แล้ว ย่างก้าวหยั่งเทวาถึงแม้จะไม่สมบูรณ์แบบ เป็นแบบฉบับง่ายๆ ที่เขาคิดขึ้น แต่ก็เพียงพอที่จะช่วยเหลือในยามคับขัน หลบหลีกการโจมตีราวกับอสนีบาตของฝ่ายตรงข้าม

นี่เป็นสาเหตุสำคัญที่เขายังคงมีชีวิตจนถึงตอนนี้

เหลียงเสี้ยวเซียวกุมกระบี่ ยืนอยู่ในป่า จ้องมองภาพฉากนี้ ได้ยินเสียงของหญิงสาวเผ่ามาร ท่าทางเปลี่ยนไป

หลังจากเปรียบเทียบความรวดเร็วและการตอบโต้ของหญิงสาวทั้งสองกับเฉินฉางเซิงเป็นจำนวนหลายครั้ง ท่าทางจึงเปลี่ยนไปเคร่งเครียดยิ่งขึ้น

แผนการร้ายในสวนโจวของเผ่ามาร เนื่องด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงยังไม่อาจสำเร็จลุล่วงไปได้อย่างสิ้นเชิง และเป็นเพราะเฉินฉางเซิงที่เหนือความคาดหมายของพวกนาง ไม่ว่าบนร่างกายของเขาจะมีศาสตราวิเศษจำนวนมากเพียงใด หรือว่าจะเป็นสติปัญญาที่เฉียบแหลมทนทรหดดุจดั่งก้อนหิน แต่สิ่งที่ทำให้พวกนางเคร่งเครียดนั้นคือกระบี่ที่แหลมคมด้ามนั้น ยังมีร่มที่แข็งแกร่ง และกระดุมพันลี้ที่ล้ำค่าอย่างยิ่ง รวมไปถึงย่างก้าวหยั่งเทวา ท่านกุนซือคงจะเข้าใจในเรื่องเหล่านี้เป็นอย่างยิ่งแน่ แต่เพราะเหตุใดก่อนหน้าที่จะเข้ามายังสวนโจว ท่านกุนซือมิได้แจ้งเตือนใดๆ ทั้งสิ้นเล่า?

ใต้เท้ากุนซือแม้แต่เอ่ยยังมิได้เอ่ยแม้แต่น้อย!

ไม่ต้องเอ่ยว่านี่เป็นความลับของเฉินฉางเซิง ท่านกุนซือคงจะไม่รู้ ทว่าไม่มีสิ่งใดที่ท่านกุนซือไม่รู้ นี่เป็นเรื่องที่เผ่ามารทุกคนศรัทธาและเชื่อมั่น…สุดท้ายแล้วท่านกุนซือปรารถนาจะทำสิ่งใด? หรือว่าแผนการร้ายที่เกิดขึ้น มีเพียงแค่พวกนางที่มิได้รู้เรื่องราวเหล่านี้รึ? หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับนายหญิง? พวกนางไม่เข้าใจในเรื่องนี้ ด้วยเหตุนี้จึงไม่สงบ ในความเป็นจริง ไม่ต้องเอ่ยถึงพวกนาง แม้จะเป็นนายหญิงของพวกนาง หรือกระทั่งราชามารผู้ยิ่งใหญ่ แต่ไหนแต่ไรมาล้วนไม่เข้าใจความคิดอันลึกลับของคนชุดดำ

อยู่ๆ พวกนางก็รู้สึกว่าลมที่พัดผ่านมานั้นหนาวเย็นเล็กน้อย ถึงได้ตระหนักว่าพระอาทิตย์ใกล้จะตกแล้ว

แต่พวกนางยังมิได้รับคำสั่งใหม่จากท่านกุนซือ เช่นนั้นจำเป็นต้องดับตะเกียงไฟทั้งสี่ในมหาสมุทรชีวิตให้มอดลง สังหารคนทั้งสี่จนหมดสิ้น

เฉินฉางเซิงอยู่ๆ ก็ทะยานไปยังป่าไม้ริมทะเลสาบ

สีหน้าของเหลียงเสี้ยวเซียวอึมครึม นำกระบี่ขวางอยู่ตรงกลางอก โดยมิได้ลังเล ใช้กระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของพรรคกระบี่เขาหลีซาน

ก่อนหน้านี้ เขาและเฉินฉางเซิงได้ประมือกันไปเป็นจำนวนหลายครั้ง ไม่ว่าเพลงกระบี่ของเขาจะแข็งแกร่ง พลังกระบี่จะน่าสะพรึงกลัวอย่างไร ล้วนแต่ไม่อาจแทงเข้าไปในย่างก้าวหยั่งเทวาของฝ่ายตรงข้ามได้ มีสองครั้งที่เฉินฉางเซิงถูกพลังโจมตีดุจดังอสนีบาตของหญิงรับใช้ทั้งสองของหนานเค่อ เขาจึงฉวยโอกาสออกกระบี่ กลับถูกกระบวนท่ากระบี่ของเฉินฉางเซิงโจมตีทำลายได้อย่างง่ายดาย

เหลียงเสี้ยวเซียวไม่อาจตอบโต้เฉินฉางเซิงได้ รู้ดีว่าไม่ว่าตนจะเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างไร หนุ่มน้อยผู้นี้คล้ายกับว่าคาดเดาไว้ล่วงหน้าแล้ว อีกทั้งฝ่ายตรงข้ามยังใช้กระบวนท่าทำลายได้อย่างเหมาะสม

ความรู้สึกนี้ช่างไม่สุขสบายและย่ำแย่อย่างยิ่ง

ครั้งนี้ก็มิได้มีสิ่งใดเหนือความคาดหมาย เฉินฉางเซิงแนบกระบี่สั้นไว้กับไหล่ ท่ามกลางลมกระบี่ที่เต็มท้องฟ้า สามารถค้นหาตำแหน่งโจมตีสุดท้ายในเพลงกระบี่ของเขาได้อย่างง่ายดาย มีเสียงปังตามขึ้นมา ใช้วิธีที่ได้ผลที่สุดในการป้องกัน จากนั้นแสงกระบี่ก็กะพริบวาบขึ้นที่ป่าริมทะเลสาบอย่างเงียบเชียบ เหลียงเสี้ยวเซียวต้องทะยานถอยไปด้านหลัง ถึงหลบหลีกออกมาได้

เคล็ดลับวิชากระบี่เขาหลีซาน ขณะนี้อยู่ที่สำนักฝึกหลวง

ไม่ว่าเพลงกระบี่เขาหลีซานที่เหลียงเสี้ยวเซียวศึกษาจะดีกว่านี้ จะแข็งแกร่งเชี่ยวชาญมากกว่านี้เพียงใด ก็หมดหนทางที่จะสู้กับเฉินฉางเซิงได้

แม้ศาสตราวิเศษของเขามีมากมาย พบเจอกับเรื่องมหัศจรรย์มามากมาย สิ่งที่มากที่สุดก็คือความรู้ เขาศึกษาคัมภีร์เต๋าจนแตกฉาน ตำราที่เกี่ยวข้องกับการฝึกบำเพ็ญเพียรในหอตำราสำนักฝึกหลวง เพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็กลายเป็นสารอาหารหล่อเลี้ยงมหาสมุทรความรู้ของเขา เคล็ดลับกระบี่จำนวนมากอยู่ในจิตใจ นอกจากโก่วหานสือและกวนเฟยไป๋ ในบรรดาผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรวัยเยาว์ ผู้ใดจะกล้าเอ่ยว่ามีเคล็ดลับวิชามากกว่าเขา?

ถ้าหากเผชิญกับผู้แข็งแกร่งเผ่ามารในสวนโจว แม้ว่าจะเป็นสามต่อหนึ่ง เฉินฉางเซิงที่มีของล้ำค่าและเพลงกระบี่คุ้มครองตัว ไม่แน่ว่าจะทำการสังหารแล้วออกไปได้ จนถึงขนาดว่าอาจจะได้รับชัยชนะ ก็เหมือนกันกับในเวลานี้…เขาทำลายเพลงกระบี่เขาหลีซานของเหลียงเสี้ยวเซียว แสร้งกลับเข้ามายังชายป่า แต่ความจริงแล้วกลับเผาไหม้พลังปราณแท้ที่หลงเหลือในร่างกายจนหมดสิ้น นำพลังทั้งหมดกักไว้ในกระบี่สั้น เมื่อพลิกข้อมือ พลันกลายเป็นลำแสงแห่งความเหน็บหนาวที่ร้ายกาจสายหนึ่ง ฟาดฟันไปยังปลายยอดไม้ตรงหน้าที่คล้ายกับว่ามิได้มีสิ่งใดอยู่บนนั้น!

มีเสียงฟิ้วดังขึ้นเสียงหนึ่ง

หญิงสาวทั้งสองพลันกระพือปีแสง แล้วปรากฏตัวขึ้นยังที่ตรงนั้นอย่างพอดิบพอดี!

เห็นเพียงแค่โลหิตสาดกระเซ็นสายหนึ่งพุ่งออกมาจากด้านหน้าลำคอของหญิงสาวทั้งสอง ปรากฏรอยกระบี่ลึกขึ้นมา ถ้าหากลึกกว่านี้อีกเพียงเล็กน้อย เกรงว่าจะเห็นกระดูก!

……

……

พระอาทิตย์ส่องกระทบในป่าไม้ สายลมพัดบนผิวทะเลสาบ มีเสียงหวีดหวิวดังขึ้น

เฉินฉางเซิงมือหนึ่งควบคุมกระบี่ มือหนึ่งถือด้ามร่ม บนหน้าอกยุบลงเล็กน้อย ลมหายใจค่อยๆ เบาลง

ในดวงตาของเขาฉายแววความเสียใจ

กระบี่ด้ามนี้ ถึงแม้จะทำให้หญิงสาวสองคนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัส กลับมิได้ฟาดผ่านลำคอ ด้วยเหตุนี้จึงมิได้มีความหมายใดๆ

พวกนางถูกตัดมือจนขาด ล้วนแต่งอกขึ้นมาใหม่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงรอยบาดแผลที่อยู่ตามร่างกายเหล่านั้น

เหตุใดหญิงสาวที่สง่าผ่าเผยผู้นั้นถึงไม่มีเขา? เพราะเหตุใดโลหิตของนางจึงเป็นสีแดง? เพราะเหตุใดเมื่อหญิงเปลือยเผ่ามารร่ายมนตร์ เขามารที่อยู่บนศีรษะพลันเลือนหายไป? ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นเพราะว่าพวกนางไม่ใช่มนุษย์ และก็มิใช่เผ่ามาร

พวกนางเป็นแม่มด หรือจะกล่าวให้ถูกคือวิญญาณแม่มด ร่างกายของพวกนางแท้จริงแล้วคงอยู่ในระหว่างความเป็นจริงและร่างวิญญาณ

พวกนางยืนอยู่ด้วยกัน มีรูปหน้าที่ชัดเจน แต่ท่าทางแตกต่างกัน กลับทำให้ผู้คนรู้สึกว่าเป็นฝาแฝด เพราะว่าเดิมทีพวกนางเป็นฝาแฝด พวกนางเป็นปีกคู่หนึ่ง

เหมือนกับปีกแสงที่อยู่ด้านหลังของพวกนางตอนนี้

ปีกแสงคู่นั้นและร่างกายที่ใกล้เคียงกับวิญญาณ ทำให้พวกนางมีความรวดเร็วที่ไม่อาจจินตนาการได้ ถึงแม้เฉินฉางเซิงใช้ย่างก้าวหยั่งเทวาก็ไม่อาจหลีกหนีพ้น

ถ้าหากมีเพียงแค่ปีกข้างเดียว เช่นนั้นก็ไม่อาจบินได้อีกต่อไป ถ้าหากพวกนางแยกจากกัน ในความเป็นจริงก็เป็นเพียงแค่ผู้ฝึกบำเพ็ญเพียรขั้นทะลวงอเวจีธรรมดา ด้วยเหตุนี้ที่กลางทะเลสาบ และริมทะเลสาบ จึงถูกเฉินฉางเซิงกับคนอื่นทำร้ายอย่างต่อเนื่อง ถ้าหากพวกนางอยู่ด้วยกัน เช่นนั้นก็สามารถบินขึ้นไปข้างบน มีความแข็งแกร่งมากกว่าอยู่เพียงลำพังสิบเท่า!

คู่สามีขุนพลมารหลิวเสี่ยวหวั่นกับเถิงเสี่ยวหมิงที่ตามไล่ล่าเจ๋อซิ่วกับชีเจียน นอกจากชีเจียนเป็นเป้าหมายแรกที่พวกเขาต้องการสังหาร ยังมีอีกหนึ่งเหตุผลที่สองสามีภรรยาชัดเจนยิ่งนัก เป็นเพราะปัญหาของพลังปราณแท้และวิธีการฝึกบำเพ็ญเพียรของเฉินฉางเซิง หากพลังการสังหารในระยะฉับพลันไม่เพียงพอ เช่นนั้นไม่ว่าอย่างไรล้วนแต่เป็นคำว่าตายเพียงคำเดียวท่านั้น

ปีกคู่ที่เกิดจากการรวมตัวกันของแสงสว่าง กระพือเบาๆ อยู่ด้านหลังของหญิงสาวทั้งสอง งดงามอย่างยิ่ง

ในสายตาของเฉินฉางเซิง ปีกแห่งแสงคู่นี้กลับน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง เขาออกแรงกุมด้ามกระบี่เล็กน้อย พยายามหาหนทางความเป็นไปได้ที่จะสลัดให้หลุด ทว่ากลับหาไม่เจอ

หญิงสาวทั้งสองกุมศีรษะมองรอยบาดแผลที่อยู่บนลำคอ กลับมองไม่เห็น ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนต่างหันไปมองบริเวณลำคอของฝ่ายตรงข้าม

โลหิตสดสีเขียวกับโลหิตสีแดง รินไหลออกมาจากรอยบาดแผลไม่หยุด

พวกนางรับรู้ได้ถึงความเจ็บปวดและเค้าลางแห่งความตายก่อนหน้านี้อย่างชัดเจน พวกนางโกรธแค้นขึ้นมาจริงๆ แล้ว ทว่าท่าทางยังคงสงบนิ่งและเคร่งขรึม

ปีกแสงคู่นั้นจู่ๆ ก็โหมกระพือขึ้นมาด้วยความรวดเร็ว

ริมทะเลสาบพลันเกิดลมพายุลูกใหญ่พัดกระหน่ำ

ในสีสันของช่วงเวลายามเย็น พลันปรากฏลำแสงสีงดงามเพิ่มขึ้นมา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ท้าลิขิตพลิกโชคชะตา

ตลอดชีวิตของ เฉินฉางเซิง นั้นเต็มไปด้วยความลึกลับ เริ่มต้นจากกลิ่นหอมประหลาดที่แผ่กำจายออกมาจากตัวทำให้เหล่าสิ่งมีชีวิตเกิดความหิวกระหาย ตามมาด้วยร่างกายที่อ่อนแอเสียจนทำให้ไม่อาจบำเพ็ญเพียรได้ สุดท้ายจบลงที่อาการป่วยที่ทำให้ชีวิตของเขามิอาจยืนยาว ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาเขาทำได้แค่ท่องตำราจำนวนหลายพันเล่ม แม้จะรู้ว่าอาการป่วยมิอาจรักษา บางทีมันจะเป็นโชคชะตา แต่เขาก็อยากจะท้าทายลิขิตฟ้านี้ดูสักครั้ง เขามิใช่คนเก่ง แต่เขาอยากลอง และนั่นคือจุดเริ่มต้นเส้นทางการพลิกโชคชะตาของเขา…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset