นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 28

ผมเกือบจะผล็อยหลับไปแล้ว

แต่ผมก็ตาสว่างขึ้นมาอีกครั้งจากเสียงกระทบกระเทือน

รถม้าสั่นสะเทือนและหัวผมกระแทกกับโครงรถม้า

 

ผมลูบหลังหัวของผมไปมา รู้สึกว่าจะบวมนิดหน่อยแฮะ

ในตอนนั้น จู่ๆก็มีเสียงพูดขึ้นมาว่า

 

“เป็นอะไรรึเปล่าคะ?”

 

พอมองไปตามทิศทางของเสียก็เจอกับดวงตาสีเขียวมรกตที่จ้องมาทางผม

คุณไอริสนั่นเอง

 

“มะ ไม่เป็นไร…..นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ผมได้นั่งรถม้าทางไกลขนาดนี้น่ะ ก็เลยยังไม่ค่อยชินซักเท่าไหร่”

 

“ถ้าไม่ใช่พ่อค้าหรือนักผจญภัย ปกติก็ไม่ค่อยจะได้มีโอกาสขี่รถม้าแบบนี้ด้วยสินะคะ…..”

 

“ถ้าเกิดว่าผมหลับไปแล้วเผลอไปพิงไหล่ก็ขอโทษด้วยนะ ถ้าผมทำงั้นก็ผลักผมออกได้เลยนะ”

 

“คุณเรียวจะพิงไหล่ฉัน…..!? มะ ไม่มีปัญหาเลยซักนิดค่ะ ก็เรามากันหลายคนนี่คะ หรือจะอยากพิงไหล่ตั้งแต่ตอนนี้เลยก็ได้นะคะ!?”

 

ดวงตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังจ้องมาที่ผม

….พอถูกคาดหวังแบบนี้แล้วลำบากใจที่จะหลับกว่าเดิมซะอีก…..

 

ขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะเอาไงดีหว่า ก็มีคนเอามือมาลูบหัวผม

แล้วก็มีบางอย่างที่นุ่มๆแนบบนแขนของผม

 

“ไอริสน่ะตัวเล็กซะด้วยสิ เรียวคุงก็คงไม่อยากพิงหรอกใช่ม้า?  แต่ว่าถ้าเป็นพี่สาวคนนี้น่ะยินดีต้อนรับตลอดเลยนะ ฉันคิดว่ารูปร่างของฉันน่าจะเหมาะมากกว่านะ”

 

คุณลิซล็อตเต้ที่นั่งอยู่ข้างๆผม เอามือลูบหัวผมแล้วใช้ฮีลให้

อาการบวมและความเจ็บปวดก็หายไปทันที

 

“ขอบคุณมากครับ คุณลิซล็อตเต้”

 

“แค่นี้เอง ไม่เป็นไรหรอก”

 

คุณลิซล็อตเต้ยิ้มอย่างมีเสน่ห์ พร้อมกับแนบเนื้อนุ่มๆที่อวบอิ่มนั่นลงบนร่างกายของผม

เพราะแบบนี้แขนข้างหนึ่งของผมเลยจมลงไปในทรวงอกสุดจะเอื้อเฟื้อนั่น

ว้าว รู้สึกดีจริงๆ

 

ตอนที่กำลังโดนหน้าอกของคุณลิซล็อตเต้อยู่ ผมก็ถูกจ้องมองมาจากอีกด้าน

คุณไอริสทำแก้มป่องมองมาทางพวกผม

 

“คะ คุณเรียว! ถ้าแค่ฮีลล่ะก็ฉันเองก็ใช้ได้เหมือนกันนะคะ!?”

 

“เอ๊ะ แต่ว่าคุณลิซล็อตเต้ก็รักษาให้แล้วซะด้วยสิ”

 

“ฮึ่มมม งึ่มๆๆๆๆๆ….!”

 

คุณไอริสแก้มป่องเหมือนสัตว์ตัวน้อยๆที่กำลังกินอาหารจนแก้มป่อง

ในขณะที่ผมกำลังสนุกกับการคุยกัน ผมก็ได้ยินเสียงมาจากอีกทางหนึ่ง

 

“อะไรกัน ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีเลยนี่ เรียว”

 

“กิลด์มาสเตอร์….”

 

“เอาเถอะ แต่เห็นแบบนี้ก็รู้สึกโล่งใจแล้วล่ะ ขอโทษนะ แต่ทุกคนช่วยดูแลหมอนี่ไปจนกว่าจะถึงที่เมืองหลวงทีนะครับ”

 

“วะ วางใจได้เลยค่ะ! ฉันจะปกป้องคุณเรียวอย่างสุดความสามารถเลยค่ะ!”

 

“ครับ หวังพึ่งอยู่นะครับ”

 

กิลด์มาสเตอร์แห่งเมืองคาสซานดร้าล้อเลียนผม

จนกระทั่งวันนี้ หน้าตาเขาก็ยังคงดูเหมือนกับโกเลมหินเหมือนเดิม

 

แต่ทุกคนในรถม้าดันชื่นชมว่าเขานี่ยังกับงานศิลปะชั้นเลิศ

ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะได้มาเห็นอะไรแบบนี้

 

ถ้าเป็นในโลกเดิมของผมล่ะก็ 

ผมไม่เคยคิดเลยว่าเหล่าโรเซนครูเซอร์ที่ดูเป็นดอกฟ้าเกินเอื้อมจะหลงใหลในตัวของกิลด์มาสเตอร์ของเราแบบนี้เนี่ย

แต่ว่าความรู้สึกที่ไม่ลงรอยกันในอดของผมนี้ก็ไม่ได้ลดทอนลงไปเลย

 

ผมไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะมีวันที่พนักงานกิลด์บ้านนอกอย่างผมจะได้ไปเมืองหลวงพร้อมๆกับ

กิลด์มาสเตอร์และนักผจญภัยแรงค์ S ทั้งสี่คนในโรเซนครูเซอร์แบบนี้

 

—————————–

 

เรื่องราวทุกอย่างนี่มันเริ่มต้นตั้งแต่ตอนที่โรเซนครูเซอร์พิชิตดันเจี้ยนหมาป่าในเมืองคาสซานดร้าเมื่อวันก่อน

การปรากฎตัวของปาร์ตี้ที่ไปถึงชั้นที่ 20 ที่ลึกสุดของดันเจี้ยนหมาป่าได้นั้น ทำให้เมืองคาสซานดร้ากลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

 

เมื่อมีข่าวลือเกี่ยวกับวัตถุดิบหายากที่โรเซนครูเซอร์หามาได้จากส่วนลึกของดันเจี้ยน

บรรดาพ่อค้าไม่เพียงแค่เมืองใกล้เคียง แต่ทั้งพ่อค้าที่ห่างไกลจากที่นี่ก็เริ่มที่จะมาเยือน  

นอกจากนี้แล้ว ยอดขายร้านค้าในเมืองก็เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

เพราะมีนักผจญภัยที่ตามโรเซนครูเซอร์มารวมตัวกันที่เมืองคาสซานดร้าแห่งนี้กัน

 

ถึงจะเป็นอย่างงั้นแต่กิลด์มาสเตอร์กับมีสีหน้าดูลำบากใจ

สัปดาห์ต่อมาเขาเลยเรียกผมไปที่ห้องรับแขกในกิลด์นักผจญภัย

 

“มีอะไรเหรอครับกิลด์มาสเตอร์ ที่เรียกผมมาแบบนี้”

 

“อา เอาเถอะน่า นั่งลงก่อนสิ”

 

หรือว่าจะเป็นเรื่องที่ก่อนหน้านี้ที่คุณไอริสชวนให้ผมเลิกงานไปกับเธอน่ะ?

ผมหัวใจเต้นตุบตับอย่างแรงพร้อมนั่งลงบนโซฟา

ผมรีบนึกข้อแก้ตัวหลายข้อในใจ

 

“วันก่อนหน้า…..เป็นวันที่โรเซนครูเซอร์ได้พิชิตดันเจี้ยนสินะ”

 

แย่แล้ว ความแตกแล้วงั้นเหรอ ผมรีบมองหาเส้นทางหลบหนีจากในห้อง

 

“ในวันนั้น ฉันยังไม่ได้บอกคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องราวที่โรเซนครูเซอร์รายงานมาเลย”

 

“คะ ครับ”

 

เรื่องที่รายงานมาจากทุกคนในโรเซนครูเซอร์งั้นเหรอ?

ชิบหายแล้ว เรื่องอะไรฟะเนี่ย!?

อิแบบนี้มาพูดกับผมก็ไม่น่าจะได้ประโยชน์อะไรไม่ใช่รึไง?

 

“จากที่พวกเธอทะลวงไปจนถึงดันเจี้ยนหมาป่าชั้นที่ 20 ได้ กลับพบถึงความเป็นไปได้ว่าดันเจี้ยนนั่นอาจจะมีชั้นที่ลึกไปกว่านั้น ตอนนี้เท่าที่ฉันรู้บางที….มันอาจจะมีถึงชั้นที่ 30 หรืออาจจะมากกว่านั้นอีก”

 

ยะฮู้ว รอดไปทีเฟ้ย

หลังจากที่ได้ฟังคำพูดที่ดูจริงจังของกิลด์มาสเตอร์มาแบบนั้นผมก็ร้องไชโยอยู่ในใจ

โล่งอกไปที! เหมือนจะยังไม่ต้องบอกลากับเงินเดือนของเดือนนี้สินะ

 

“ท่าทางแบบนั้นมันอะไรกันน่ะ แล้วทำไมนายต้องดูโล่งใจขนาดนั้นด้วย?”

 

“อะฮ่าฮ่าฮ่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอกครับ เอาล่ะ กิลด์มาสเตอร์ พูดต่อสิครับ”

 

“เอาเถอะ จะพูดต่อละนะ…พักนี้น่ะบรรยากาศรอบตัวนายดูเปลี่ยนไปนะ ไม่รู้จะพูดยังไงดีเหมือนกัน”

 

หรือว่าจะเป็นแบบนั้นกันนะ

กิลด์มาสเตอร์อาจจะสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ

 หลังจากที่ผมเข้ามาแทนที่ตัวผมในโลกนี้น่ะ?

 

ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก หลังจากที่พ่อแม่ของผมตายไปจากโรคระบาด

กิลด์มาสเตอร์กับภรรยาก็รับผมมาเลี้ยงดูในฐานะผู้ปกครอง

ถ้าผมไม่ได้พวกเขาล่ะก็ ผมคงจะต้องไปฝึกงานอยู่ที่เมืองอื่นแล้วล่ะ

 

ภรรยาของกิลด์มาสเตอร์คือรองกิลด์มาสเตอร์ในกิลด์นักผจญภัยนี้

พอดูๆไปแล้ว การเลี้ยงดูผมมาในโลกนี้ก็น่าจะเหมือนกันนะ

 

อาจเป็นเพราะว่ากิลด์มาสเตอร์รู้จักกับผมมาตั้งแต่ยังเด็ก

เขาเลยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกที่ต่างออกไป

เอาเถอะ ยังไงผมก็มาอยู่ตรงนี้แล้วนี่นะ

 

“ว่าแต่ มันจะมี 30 จริงๆอย่างงั้นเหรอครับ? ถ้าเป็นงั้นจริงแล้วล่ะก็….ดันเจี้ยนหมาป่านี่อาจจะเป็นดันเจี้ยนที่ลึกที่สุดภายในประเทศนี้ก็ได้แล้วนะครับ”

 

หัวหน้ากิลด์พยักหน้าให้กับคำพูดของผม

 

“ใช่แล้วล่ะ ในปัจจุบัน ดันเจี้ยนที่ลึกที่สุดในประเทศนี้ที่ถูกค้นพบลึกมากสุดถึงแค่ชั้นที่ 25 เท่านั้น นั่นคือดันเจี้ยนวิญญาณความตายในเมืองมากีร่า”

 

“แถมการที่มีชั้นที่ลึกมากลงไปเกินกว่าชั้น 30 นี่มันเหมายความว่ายังไงกันแน่นะครับ?”

 

“ตามรายงานของโรเซนครูเซอร์ หลังจากที่พวกเธอเอาชนะบอสชั้น 20 ลงได้ ประตูสู่ชั้น 21 ก็ปรากฏขึ้นมา และเป็นประตูที่ไม่ได้เปิดพื้นลงไปชั้นล่าง”

 

“เรื่องแบบนั้น….จริงเหรอเนี่ย?”

 

เรื่องแบบนี้มันซีเรียสเกินกว่าจะพูดออกมา

ผมไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าที่ดันเจี้ยนจะมีทางไปยังชั้นถัดไปนอกจากการเดินลงไปข้างล่าง

 

“ปาร์ตี้ของฉันกับภรรยาที่ลงไปดูด้วยกันมา และไปยืนยันด้วยตามาแล้ว แรกเริ่มเดิมทีดันเจี้ยนน่ะมันเป็นสถานที่ที่ไม่สามารถคาดเดาอะไรได้อยู่แล้วล่ะนะ จากโครงสร้างดันเจี้ยนแบบนี้ ถึงจะผ่านไปถึงชั้นที่ 30 และเอาชนะบอสลงได้ ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่อาจจะยังมีทางลงไปสู่ชั้นถัดไปปรากฎขึ้นมาอีก”

 

“แบบนั้นค่อนข้างจะเลวลร้ายเลยนะครับ ถ้าหากว่าไม่มีการลงดันเจี้ยนที่ชั้นไหนนานๆเลย อาจจะเกิดการประทุมอนสเตอร์ขึ้นก็ได้สินะครับ” (แสตมปีด)

 

“อา เลวร้ายสุดๆไปเลยล่ะ ในดันเจี้ยนนั่นอาจจะเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดเป็นจำนวนมากก็ได้”

 

กิลด์มาสเตอร์พยักหน้าอย่างจริงจัง

 

“แล้วทีนี้ ฉันเลยจะรายงานเรื่องนี้กับทางสำนักงานใหญ่ของกิลด์นักผจญภัยในเมืองหลวงน่ะ โรเซนครูเซอร์ก็กำลังจะกลับเมืองหลวงอยู่พอดี ดังนั้นฉันเลยกะจะให้พวกเธอไปกับฉันในฐานะผู้คุ้มกันน่ะ แล้วก็ อาเน็ตของเราก็จะไปกับด้วยกัน”

 

“หืม? ใครคืออาเน็ตน่ะครับกิลด์มาสเตอร์?”

 

กิลด์มาสเตอร์หัวเราะกับคำพูดของผม

 

“นี่เรียว ช่วงนี้น่ะนายไม่เป็นไรจริงๆใช่มั้ยเนี่ย? อาเน็ตก็ภรรยาคนที่สองของฉันไง”

 

“คนที่สอง!? คนที่สองเนี่ย…..กิลด์มาสเตอร์มีภรรยาสองคนอย่างงั้นเหรอครับ!?”

 

“ไม่ล่ะ 4 คนต่างหากล่ะ นี่นายไม่เป็นไรจริงๆใช่มั้ย?”

 

4 คน!?

จะ จริงสิ….ที่โลกนี้กิลด์มาสเตอร์เป็นรูปหล่อไร้ที่ติเลยนี่นา ผมมักจะเผลอพูดตามปกติทุกทีเลย

แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ 4 คนเลยเหรอ….

 

“ขะ ขอโทษครับ คุณอาเน็ตสินะครับ คุณอาเน็ต พอดีผมฟังผิดไปหน่อยน่ะครับ”

 

“งั้นเหรอ? อ๋อจริงสิ อาเน็ตบอกว่าอยากเจอนายน่ะ เพราะงั้นครั้งหน้าก็มากินมื้อค่ำด้วยกันสิ”

 

“ขะ ขอบคุณมากครับ….”

 

ก่อนที่จะไปกินข้าวด้วยกัน ผมขอไปเก็บข้อมูลเกี่ยวกับอาเน็ตกับภรรยาที่เหลือ

ของกิลด์มาสเตอร์จากทุกคนในกิลด์ก่อนดีกว่า

ไม่อย่างงั้นคงวุ่นวายแน่ๆ

 

“เพราะงั้น ฉันเลยตัดสินใจแล้วว่าจะไปที่สำนักงานใหญ่กิลด์นักผจญภัยที่เมืองหลวงน่ะ

และก็จะขอให้พวกเขาส่งนักผจญภัยระดับสูงมาที่เมืองคาสซานดร้าแห่งนี้ด้วย”

 

“อย่างงี้นี่เอง เข้าใจแล้วครับ”

 

“ฉันจะพานายไปด้วย เราจะออกเดินทางกันมะรืนนี้ ฉะนั้นถ้านายอยากได้อะไรค่อยติดต่อมาละกันนะ”

 

“อย่างงี้นี้เอง เดินทางปลอ…เดี๋ยว ผมก็ด้วยเหรอครับ!?”

 

“นั่นมันก็แน่อยู่แล้วสิ นอกจากฉันแล้วนายคือพนักงานชายเพียงคนเดียวในกิลด์นักผจญภัยแห่งนี้ไม่ใช่รึไง?”

 

กิลด์มาสเตอร์ยักไหล่ด้วยความประหลาดใจ

 

“มีโอกาสที่นายจะโดนจู่โจมในขณะที่ฉันกับอาเน็ตไม่อยู่ที่นี่ไม่ใช่เรอะ? พักนี้ก็มีนักผจญภัยจากเมืองอื่นเข้ามาจนล้นเมือง อาจจะมีคนไม่ดีอยู่เยอะด้วยก็ได้”

 

จะว่าไปช่วงนี้ผมก็มักจะโดนพวกนักผจญภัยหญิงข้างนอกถามว่า

‘ขอโทษนะจ๊ะ พอดีฉันหลงทางน่ะ….เธอช่วยพาฉันกลับไปที่โรงเตี๊ยมหน่อยจะได้รึเปล่า’

หรือไม่ก็ ‘พอดีฉันเพิ่งมาที่เมืองนี้น่ะ พอจะรู้จักร้านอาหารอร่อยๆมั้ย?’  

 

ไอ้นั่นมันคือการล่อลวงเรอะ!?

ซะ ซวยแล้ว เกือบเกิดเรื่องแล้วไง!

ผมไม่รู้ว่าเขาไม่รู้ทางกันจริงๆรึเปล่าด้วยสิ

ผมก็เลยแนะนำอย่างสุภาพพร้อมกับบอกลาพวกเธอ

 

เพราะงั้นก็เลยไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ที่นักผจญภัยหญิงพวกนั้นทำหน้าผิดหวังกันแบบนั้น

ผมไม่ได้สังเกตถึงมันมาก่อนเลยจนกระทั่งถึงตอนนี้

 

อ๊ะ หรือว่าไอ้นั่นก็ด้วยรึเปล่านะ?

ก่อนหน้านี้คุณคาร์ล่าที่หงุดหงิดขมวดคิ้วมารอผมอยู่ที่หน้ากิลด์นักผจญภัยหลังจากที่ผมทำงานเสร็จบอกผมว่า

‘ก่อนหน้านี้ฉันถูกถามเกี่ยวกับเส้นทางในเมืองคาสซานดร้าบ่อยมากเลยล่ะ  

เส้นทางในเมืองนี้มันซับซ้อนขนาดนั้นเลยเหรอ? สงสัยจะต้องมีกระดานข้อมูลไว้ซะหน่อยมั้ย?’

 

เทียบกับโลกเดิมของผมคงเป็นสถานการณ์ประมาณว่า

แฟนหนุ่มที่มารอรับแฟนสาวที่ทำงานจนดึก คุณคาร์ล่าคงจะเป็นห่วงผม

เธอเลยต้องรอผมอยู่แบบนั้น

 

“ช่วงนี้ จำนวนประชากรชายก็ค่อยๆลดลงด้วยสิ นอกจากนี้แล้วยังมีพวกผู้หญิงที่ต้องการจะมีลูกเพียงเพื่อจะได้รับเงินจากการคลอดบุตรอยู่ด้วย”

 

“ยะ อย่างงั้นเหรอครับ….”

 

“เพราะงั้นแหละ ฉันเลยตัดสินใจว่าจะพานายไปที่เมืองหลวงด้วย ฉันต้องการคนมาช่วยสนับสนุนน่ะ และนี่ก็จะเป็นประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดีสำหรับนายด้วย ใช้โอกาสนี้สังเกตการณ์ซะว่าสำนักงานใหญ่เขาทำงานกันยังไง”

 

“ขอบคุณมากครับ!”

 

ยังไงก็เถอะ ก็ดีใจเหมือนกันนะที่จะได้ไปเมืองหลวงที่เคยใฝ่ฝัน

นอกจากนี้กิลด์ยังออกค่าเดินทางให้อีกด้วย สุดยอดไปเลย!

 

แต่ทว่า กิลด์มาสเตอร์ก็พูดต่อมาเงียบๆ ราวกับจะทำลายอารมณ์ดีๆของผม

 

“เรียว ถ้าไปกิลด์นักผจญภัยที่เมืองหลวงแล้วล่ะก็ระวังตัวให้ดีล่ะ ครั้งนี้เราเป็นฝ่ายที่จะต้องไปร้องขอด้วยสิ ดังนั้นอาจจะมีคนใช้ประโยชน์จากจุดนี้มาใช้ประโยชน์กับนายก็ได้นะ ถ้าเป็นงั้นล่ะก็ อย่าลังเลที่จะมาปรึกษาฉันหรือสมาชิกโรเซนครูเซอร์ล่ะ”

 

“คะ ครับ”

 

“แล้วก็ ถ้าทำได้ก็จะดีมาก….ถึงแม้ว่าเราจะไปขอร้องกับทางสำนักงานใหญ่ก็เถอะนะ แต่มันก็อาจจะไม่ได้ผล พวกนักผจญภัยก็อาจจะส่ายหัวกันแน่ๆ แต่ถ้ามีนักผจญภัยที่อยากจะมาที่เมืองคาสซานดร้าขึ้นมาล่ะก็ บอกฉันทันทีเลยนะ”

 

“เข้าใจแล้วครับ….”

 

“อีกเรื่องนะ ที่เราไปนี่เราไปเพื่อที่จะทำงานนะ อย่าคิดว่าเราจะไปเที่ยวเด็ดขาดล่ะ”

 

“รับทราบครับ!”

 

หื้มหื้ม

หรือก็คืองานของผมนั่นคือการช่วยสนับสนุนกิลด์มาสเตอร์โดยไม่ให้นักผจญผจญภัยในเมืองหลวงเอาเปรียบได้สินะ

แล้วก็ในขณะที่พยายามจะเชิญนักผจญภัยที่อาจจะอยากมาที่เมืองคาสซานดร้าอยู่นี่

ให้จำไว้เสมอว่า เรามาทำงาน ไม่ใช่ไปเที่ยวสินะ?

 

อย่างงี้นี่เอง

……มันจะไหวเหรอเนี่ย?

 

 

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนานผมทำตามที่กิลด์มาสเตอร์สั่งและเดินตรงไปยังห้องประเมินของกิลด์ ในตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป สินค้าก็ได้วางอยู่ในห้องไว้อยู่แล้ว และเมจิคไอเทมที่กิลด์มาสเตอร์อยากให้ผมประเมินนั้นวางอยู่บนโต๊ะ ผมเดินไปหยิบคริสตัลประเมินออกมาจากตู้และเปิดใช้งานมันด้วยพลังเวทย์ คริสตัลประเมินนี่ถือว่าเป็นของมีค่ามากเลยทีเดียว ในแต่ละกิลด์ภายในอาณาจักรจะต้องคริสตัลนี้สาขาละ1อัน ก็ตามชื่อน่ะนะ คริสตัลอันนี้ มีไว้เพื่อใช้ประเมินค่าของเมจิคไอเทม ผมบอกตัวเองว่า ถ้าผมทำคริสตัลอันนี้แตกขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้ผมจะเกิดใหม่ซัก 3 รอบก็คงไม่มีทางทำงานหาเงินมาจ่ายได้แน่ๆ จะว่าไปแล้ว คริสตัลอันนี้มันจำทำให้เราคิดมากจนเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? หรือนี่มันจะเป็นชะตากรรมของผมกันนะ? ในตอนนั้นเองที่ผมกำลังหยิบคริสตัลประเมินผมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ชายเสื้อของผมมันไปเกี่ยวกับไอเทมเวทย์มนต์บนโต๊ะและตอนที่ผมขยับออกมา เมจิคไอเทมอันหนึ่ง–ขวดแก้วเล็กๆ ตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset