นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 30

—-ทุกอย่างก็ผ่านไปได้อย่างราบรื่นดี

ก็ราบรื่นดีอยู่หรอกนะแต่

 

“ที่นี่คือศูนย์กลางของเมืองหลวงที่มีอายุกว่าร้อยปีค่ะ ร้านค้าต่างๆ ได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ และกลายเป็นดั่งที่เห็นในปัจจุบันนี้ ถ้าลองเดินไปตามถนนด้านขวาจะเจอกับห้องสมุดใหญ่ที่รวมหนังสือเก่าๆไว้ ส่วนทางด้านซ้ายมือจะเป็นร้านขายของทั่วไปที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ส่วนถ้าเดินตรงไปก็จะเจอกับร้านที่ขายอุปกรณ์ให้กับนักผจญภัยค่ะ”

 

“เอ่อ….คุณไอริส”

 

“การที่จะไปดูให้ครบทุกที่ก็คงใช้เวลาราวๆ 2 ชั่วโมงค่ะ ถ้าจะไปหอสมุดใหญ่ล่ะก็ต้องไปทางนี้ค่ะ”

 

“เอ่อ….คุณไอริส”

 

“มีอะไรเหรอคะ คุณเรียว?”

 

“ทำไมถึงยืนห่างถึงขนาดนั้นล่ะ?”

 

ถนนสายหลักที่อยู่ใจกลางเมืองหลวงและตอนนี้ผมยืนอยู่คนเดียวบนทางเดิน

ร่างเล็กๆที่อยู่ห่างจากผมประมาณ 5 เมตรเห็นจะได้

ร่างเล็กๆนั้นสวมเสื้อคลุมสีเทาเข้ม และใส่ฮู้ดคลุมหัว แน่นอนว่าที่พูดถึงอยู่นั่นคือคุณไอริส

 

ปะ แปลกแฮะ?

สิ่งที่ผมคาดไว้คือผมกำลังเดินอยู่ในเมืองหลวงคู่กับเอลฟ์สาวสุดสวยนี่นา

แล้วทำไมสถานการณ์ตอนนี้มันถึงเป็นแบบนี้ล่ะเนี่ย

 

“เอ่อ….แล้วสัญญาที่ว่าจะแนะนำสถานที่เมืองหลวงให้ล่ะ?”

 

“? ตอนนี้ฉันก็กำลังแนะนำสถานที่ให้อยู่ไม่ใช่เหรอคะ? หรือว่าเวทย์ส่งกระแสจิตจะไม่ได้ยินเหรอคะ? แปลกจังเลยนะคะ…. ซึกิคาเงะก็ให้ยืมเวทย์มาใช้แล้วนี่นา ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนี่คะ….”

 

“อ่า เสียงที่กำลังดังอยู่ในหัวของผมนี่คือเวทย์ส่งกระแสจิตเองหรอกเหรอ”

 

“ถ้าคุณเรียวได้ยินล่ะก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรนะคะ! ถ้างั้น ฉันก็จะแนะนำเมืองหลวงให้คุณเรียวต่อไปทั้งๆที่ยังซ่อนตัวอยู่ข้างหลังคุณเรียวแบบนี้เลยก็แล้วกันนะคะ เราจะไปกันทุกที่ ที่คุณอยากไป ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นล่ะก็ ฉันก็จะปกป้องคุณเรียวเองค่ะ!”

 

“ไม่สิ ไม่สิ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวก่อนนะ! ยังไงนี่มันก็แปลกเห็นๆ! เรามาคุยกันใหม่อีกรอบเถอะนะ!?”

 

ผมพยายามเดินกลับไปหาเธอที่อยู่ข้างหลัง

แต่ว่าคุณไอริสกลับถอยหลังห่างผมไปเพื่อเว้นระยะจากผม

 

“คะ คุณไอริส….”

 

“……..”

 

เพราะเธอสวมฮู้ดปิดบังไว้ ผมจึงไม่สามารถเห็นสีหน้าของคุณไอริสได้

ผมไม่สามารถย่นระยะห่างของผมกับเธอลงได้เลย

ในตอนที่ผมกำลังสับสนว่าจะทำไงดี จู่ๆผมก็ได้ยินเสียงมาจากข้างหลัง

 

“อ้าวแหม ที่อยู่ตรงนั้นมันไอริสนี่นา กลับมาเมืองหลวงแล้วอย่างงั้นเหรอ?”

 

“เอ๋ๆ จริงๆด้วยล่ะ กลับมาเมืองหลวงแล้วสินะ”

 

พอได้ยินเสียงนั้นร่างกายของคุณไอริสก็กระตุกด้วยความตกใจ

หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเธอกระซิบพึมพำว่า

‘อ๊ะ เลวร้ายที่สุดเลยค่ะ…..ไม่คิดว่าจะมาเจอกับพวก ‘เฮียกกะเรียวรัน’ ในที่แบบนี้’

(ภาษาไทยน่าจะแปลว่าดอกไม้บานสะพรั่งแต่ผมจะทับศัพท์เหมือนกับโรเซนครูเซอร์นะครับ)

 

ผมมองไปข้างหลังเจอกับผู้หญิง 3 คน

เห็นผู้หญิงแคระคนนึงกับผู้หญิงที่ดูรูปร่างอ้วนอีกคนนึง  

ทั้งคู่ดูเหมือนกับนักผจญภัย มีดาบคาดอยู่ที่เอว

 

แต่หน้าตาของพวกเธอนี่สำหรับผมคงจะมากเกินไป

เพราะถ้าตามมาตรฐานของโลกนี้ พวกเธออยู่ในหมวดของคนที่น่ารักยังไงล่ะ

ส่วนอีกคนหนึ่ง…..

 

“กลับมาเร็วน่าดูเลยนี่ คราวนี้โรเซนครูเซอร์ก็ถูกทิ้งไว้อีกแล้วรึไง?”

 

ผู้หญิงคนสุดท้ายที่ยักไหล่และหัวเราะเยาะเย้ยอยู่คือดาร์กเอลฟ์

เธอดูสวยอย่างน่าเหลือเชื่อ แถมสัดส่วนยังสุดยอด

ผิวสีแทนของเธอดูดี หน้าอกและก้นของเธอยื่นออกมาได้สัดส่วน

ผมสีเงินยาวถึงเอวของเธอเป็นลักษณะที่ดูแตกต่างจากคุณไอริส

 

ผมสีเงินแพลตตินัม เป็นสีที่แปลกแต่ก็สวยมาก หูแหลมๆของเธอที่มองเห็นชัดโผล่ออกมาจากเส้นผมของเธออ

ดวงตาสีม่วงที่เฉียงๆหน่อย ดูท่าจะมีเจตจำนงที่แข็งแกร่งเอามากๆ

 

เอ่อ ถ้าจำไม่ผิด….เฮียกกะเรียวรันนี่เป็นปาร์ตี้แรงค์ S ในเมืองหลวงเหมือนกับโรเซนครูเซอร์ใช่รึเปล่านะ?

หมายความว่า พวกเธอก็คือ…

 

พอผมตกตะลึง นักผจญภัยดาร์กเอลฟ์คนนั้นก็หันมามองที่ผมแล้วเบิกตากว้าง

นอกจากนั้นนักผจญภัยอีก 2 คนนั้นก็หันมามองที่ผมแล้วพูดว่า ‘อุ๊ยตาย’

 

“คุณ….ผู้ชายสินะ? ขอโทษด้วยนะคะ พอดีเห็นจากทางด้านหลังเลยไม่ได้สังเกตน่ะค่ะ”

 

“ไม่น้าไอริส นี่หรือว่าเธอกำลังบังคับข่มขู่ให้ผู้ชายคนนี้เข้าใกล้เธออยู่อย่างงั้นเหรอ?”

 

“มะ ไม่ใช่นะคะ ฉันกับคุณเรียวนะ…!”

 

คุณไอริสตื่นตระหนก และกำลังพยายามหาข้อแก้ตัว

คนแคระกับมนุษย์หญิงสองคนนั้นไม่คิดจะหยุดดูถูกเลย

ส่วนนักผจญภัยดาร์กเอลฟ์เองก็ยิ้มอย่างโหดร้าย

 

“ไม่ว่าจะแต่งงานช้าแค่ไหน แต่การที่บังคับให้ผู้ชายมาเข้าใกล้แบบนี้ หืม…ถ้ากิลด์รู้เรื่องนี้ โรเซนครูเซอร์ก็คงจะเสื่อมเสียชื่อเสียงสินะ?”

 

“มะ…..”

 

“เอาเถอะ ถึงเดิมทีถึงโรเซนครูเซอร์จะเป็นแรงค์ S เหมือนกับพวกเรามาจนถึงตอนนี้ก็จริง”

 

“แต่ถึงแบบนั้น ก็ยังจะกล้าเข้าหาผู้ชายด้วยหน้าตาแบบนั้นเนี่ยนะ นี่ไม่เคยส่องกระจกเลยรึไง”

 

นักผจญภัยคนแคระ พูดพร้อมมองไปทางดาร์กเอลฟ์เพื่อนของเธอที่รู้สึกเขินเล็กน้อย

แต่ดูเหมือนว่าดาร์กเอลฟ์คนนั้นจะไม่ได้ดูโกรธเคืองอะไร หรือเธอแค่แกล้งทำเป็นเฉยๆกันแน่

 

“แต่ถ้าหากไม่อยากให้เรื่องนี้ไปถึงกิลด์ล่ะก็….”

 

“เอ่อ ขอโทษนะครับ ขอเวลานิดนึงนะครับ พวกคุณน่ะเป็นเพื่อนของคุณไอริสงั้นเหรอครับ?”

 

“””เอ๊ะ”””

 

เนื่องจากบทสนทนามันเริ่มที่จะอึดอัด ผมจึงขัดจังหวะคำพูดของนักผจญภัยดาร์กเอลฟ์

 

“อะ ไอริสเป็นเพื่อนกับพวกเรา? นั่นน่ะ ผิดแล้วล่ะ….”

 

“อ๊ะ ไม่ใช่สินะครับ คือตอนนี้ผมกำลังเดทกับคุณไอริสอยู่น่ะครับ ถ้าพวกคุณไม่ใช่เพื่อนของเธอล่ะก็ตอนนี้ช่วยพอแค่นี้ก่อนจะได้มั้ยครับ?”

 

“””เอ๊ะ….ดะ เดท!?”””

 

ตาสี่คู่ที่จ้องมาที่ผม ทำยังกับว่าได้ยินอะไรที่น่าเหลือเชื่อ

เดี๋ยวนะ แล้วทำไมคุณไอริสถึงตกใจไปกับเขาด้วยล่ะ?

 

“ครับ เหมือนพวกคุณจะเข้าใจอะไรกันผิดไปหน่อยนะครับ….แต่ว่าตอนนี้ผมกำลังเดทกับคุณไอริสอย่างมีความสุขเลยล่ะครับ เพราะงั้นพวกคุณไม่ต้องกังวลเรื่องของผมไปหรอกนะครับ”

 

“อ๊ะ…”

 

ผมกอดไหล่ของคุณไอริส จากนั้นเธอก็ส่งเสียงเบาๆออกมา

 

“อะ ไอริสน่ะเหรอ….กำลังเดทกับผู้ชาย…..โกหกใช่มั้ยเนี่ย?”

 

“กะ โกหกน่า….ก็ ก็นั่นมันเอลฟ์เลยนะ?”

 

“……..”

 

นักผจญภัยทั้งสามคนตกตะลึง

แต่ดูเหมือนว่าจะต้องพอได้แล้วผมจึงโอบไหล่ของคุณไอริสแล้วบอกว่าไปกันเถอะ

 

เอาจริงๆผมก็อยากจะพูดอะไรให้มากกว่านี้กับทั้งสามคนนั้นอยู่หรอกนะ

แต่ดูเหมือนว่าพวกเธอจะเป็นนักผจญภัยแรงค์ S ในเมืองหลวงซะด้วย

จะให้พนักงานกิลด์อย่างผมไปก่อเรื่องมันก็คงไม่ดีเท่าไหร่

 

พอผมเดินจากไป นักผจญภัยดาร์กเอลฟ์คนนั้นก็แสดงท่าทีที่ตกตะลึง

แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันผมถึงรู้สึกถึงไฟที่แผดเผาอยู่ในดวงตาของเธอ

 

ดาร์กเอลฟ์ซิลเวีย(เผื่อคนอ่านเก่าคนไหนยังไม่เห็นในแนะนำตัวละคร)

 

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนานผมทำตามที่กิลด์มาสเตอร์สั่งและเดินตรงไปยังห้องประเมินของกิลด์ ในตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป สินค้าก็ได้วางอยู่ในห้องไว้อยู่แล้ว และเมจิคไอเทมที่กิลด์มาสเตอร์อยากให้ผมประเมินนั้นวางอยู่บนโต๊ะ ผมเดินไปหยิบคริสตัลประเมินออกมาจากตู้และเปิดใช้งานมันด้วยพลังเวทย์ คริสตัลประเมินนี่ถือว่าเป็นของมีค่ามากเลยทีเดียว ในแต่ละกิลด์ภายในอาณาจักรจะต้องคริสตัลนี้สาขาละ1อัน ก็ตามชื่อน่ะนะ คริสตัลอันนี้ มีไว้เพื่อใช้ประเมินค่าของเมจิคไอเทม ผมบอกตัวเองว่า ถ้าผมทำคริสตัลอันนี้แตกขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้ผมจะเกิดใหม่ซัก 3 รอบก็คงไม่มีทางทำงานหาเงินมาจ่ายได้แน่ๆ จะว่าไปแล้ว คริสตัลอันนี้มันจำทำให้เราคิดมากจนเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? หรือนี่มันจะเป็นชะตากรรมของผมกันนะ? ในตอนนั้นเองที่ผมกำลังหยิบคริสตัลประเมินผมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ชายเสื้อของผมมันไปเกี่ยวกับไอเทมเวทย์มนต์บนโต๊ะและตอนที่ผมขยับออกมา เมจิคไอเทมอันหนึ่ง–ขวดแก้วเล็กๆ ตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset