นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 53

 

“……”

 

“……”

 

มะ ไม่คุยอะไรกันซักคำเลยแฮะ…..!

หลังจากที่ออกมาจากกิลด์นักผจญภัย ผมก็พาคุณซิลเวียไปเดินรอบๆเมือง

ถึงจะว่างั้นก็เถอะ แต่เมืองคาสซานดร้าน่ะมันเป็นเมืองบ้านนอก ไม่มีแหล่งท่องเที่ยวหรอกนะ

 

ก่อนอื่นก็ถนนสายหลักที่ผ่านใจกลางเมือง และรอบๆของถนนสายหลักก็จะมีพวกร้านค้า

ที่ขายของที่ไว้ใช้ในชีวิตประจำวันเช่น ยา อาหาร กับเสื้อผ้า

 

ถ้าเดินไปทางทิศเหนือของถนนสายหลักก็จะเห็นอาคารหลักของเมือง(ศาลากลาง)

ซึ่งเป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ 

ถ้าไปทางทิศตะวันตกจะเป็นย่านที่อยู่อาศัยของคนทั่วไปในเมืองคาสซานดร้า  

 

ส่วนที่พักอาศัยที่อยู่ใกล้กับศาลากลางที่อยู่ทิศเหนือ

ส่วนใหญ่แล้วก็จะเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับผู้ที่มีฐานะ 

ยิ่งใกล้ทางเข้าเมืองเท่าไหร่ค่าเช่าหรือราคาบ้านก็ยิ่งถูกลง

 

ตอนนี้พวกเราเลยกำลังเดินเที่ยวชมร้านค้ารอบๆอยู่บนถนนเส้นหลัก  

พร้อมกับตามหาเหล่านักผจญภัยรอบๆนี้ไปด้วย

 

ถึงจะบอกว่าเป็นถนนสายหลักก็เถอะ 

แต่ถนนสายหลักของเมืองนี้ถ้าเทียบกับเมืองหลวงแล้วก็แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว

 

ร้านขายยาเล็กๆ ที่ดูแลโดยคุณยายฮาล์ฟเอลฟ์ ร้านขายเหล้าของสาวคนแคระ

ร้านขนมปังแสนอร่อยที่บริหารจัดการโดยพี่น้องที่เป็นมนุษย์ธรรมดาสี่คน…..

 

ซึ่งสำหรับผมแล้วนี่ก็ถือเป็นบ้านเกิดอันเป็นที่รักของผม

แต่สำหรับคุณซิลเวียแล้วอาจจะดูไม่น่าสนใจก็ได้มั้ง

พวกเราถึงไม่ได้พูดอะไรกันเลยทั้งที่เดินไปบนถนนด้วยกัน

 

“……”

 

“……”

 

…..แต่ถ้าจะให้เงียบแล้วเดินไปด้วยกันแบบนี้ต่อไปก็รู้สึกอึดอัด

อะ เอาล่ะ หาเรื่องคุยกับเธอดูดีกว่า!

ยังไงก็ลองถามถึงเหตุผลที่คุณซิลเวียมาที่เมืองนี้ก่อนดีกว่า…..!

 

“เอ่อ….คุณซิลเวีย”

 

“นี่ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ วิธีการพูดแบบนั้นมันอะไรกันน่ะ?”

 

จู่ๆก็โดนติเรื่องการพูดซะงั้น!?

 

“ขะ ขอโทษครับ ถ้างั้นหรือผมควรเรียกว่าท่านซิลเวียจะดีกว่าล่ะครับ….?”

 

“พูดอะไรของนายน่ะ? กลับกันเลยต่างหากล่ะกลับกันเลย ตอนที่เจอกันที่โรงเตี๊ยมตอนนั้น พูดแบบนั้นไม่ใช่เหรอ….รู้สึกจะ….รุนแรงกว่านี้ หรือเรียกว่าหยาบคายกว่านี้ดีล่ะ…..”

 

อ๊ะ อย่างงั้นเรอะ

 

“นั่นก็เพราะว่าสถานะที่ผมเป็นอยู่ตอนนี้มันทำแบบนั้นไม่ได้น่ะสิ ตอนนี้มันเป็นสถานการณ์ที่เจ้าหน้าที่กิลด์กำลังแนะนำนักผจญภัยแรงค์ S ชมเมืองอยู่ด้วยสิ เพราะงั้นคงไม่สามารถพูดแบบนั้นได้หรอกนะครับ”

 

“หืม? เป็นอย่างงั้นเองเหรอ……กะแล้วเชียวพวกเผ่าที่มีอายุขัยสั้นนี้ใส่ใจเรื่องเล็กๆน้อยๆกันจริงๆเลยนะ รู้สึกไม่เคยชินกับอะไรแบบนี้เอาซะเลย”

 

คุณซิลเวียยักไหล่เหมือนกับจะบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

 

“งั้นก็แปลว่า ถ้าไม่มีคนก็คงไม่เป็นไรสินะ? ถ้างั้นก็เปลี่ยนที่กันเถอะ อยู่กันสองต่อสองแล้วนายต้องพูดแบบปกติด้วย เข้าใจนะ?”

 

“เอ๊ะ? ไม่สิ เดี๋ยวก่อนนะครับ เปลี่ยนที่เนี่ย…..”

 

“มีหลายๆเรื่องจะถามฉันไม่ใช่รึไง? นายทำหน้าตาสงสัยแบบนั้นมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ”

 

“……..”

 

“งั้นไปที่ๆไม่ค่อยมีคนรู้จักก็คงได้สินะ? ถ้าตัดสินใจได้ไดแล้ว ก็ไปกันเลยก็แล้วกัน”

 

พอพูดอย่างงั้นเสร็จคุณซิลเวียก็ก้าวเท้าไปข้างหน้า ผมถอยออกมานิดหน่อยแล้วเดินตามเธอโดยเว้นระยะห่างหนึ่งก้าวเท้า

 

ผมไม่รู้สึกถึงความลังเลในการเดินของคุณซิลเวียเลยซักนิด

ดูเหมือนว่าเธอจะสามารถจำเส้นทางในเมืองได้แล้ว

เส้นทางเมืองนี้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรขนาดนั้นด้วยล่ะนะ

 

…..หรือว่าจริงๆแล้วที่เธอบอกอยากจะให้พาชมเมืองนั่นจะเป็นแค่ข้ออ้าง?

จุดประสงค์จริงๆอาจจะเป็นการพาผมออกมาจากกิลด์เพื่อที่จะได้มาอยู่ด้วยกันสองต่อสอง….?

 

พอคิดแบบนั่นได้ผมก็เริ่มที่จะตัวสั่น

….ดูเหมือนว่าผมจะไม่ได้คิดผิดซะด้วย น่ากลัวอะ….

 

“หื้ม…..ที่นี่มันบ้านเดี่ยวนี่นา? แล้วบ้านหลังใหญ่(บ้านหลังหลัก)อยู่ไหนกันล่ะ?”

 

พอพูดแบบนั้นแล้วคุณซิลเวียก็มองไปรอบๆ

เธอเดินต่อไปโดยไม่ลังเล แต่น่าแปลกใจมาก เพราะที่ที่เธอเดินมาหยุดอยู่ก็คือหน้าบ้านของผม

หน้าบ้านชั้นเดียวหลังเก่าๆ คุณซิลเวียมองไปรอบๆด้วยความสงสัย

 

….เอ่อ…คุณซิลเวีย?

ผมจำไม่ได้ว่าเคยบอกที่อยู่ของผมให้เธอรู้นะ แล้วเธอรู้ที่อยู่ของผมได้ยังไงเนี่ย!?

ผมอยากจะถามแบบนั้นแต่ผมก็กลัวเกินไปที่จะถาม

 

แปลว่าแบบนี้ผมก็หมดทางหนีแล้วอะดิ?

เธอรู้ทั้งที่ทำงานและบ้านของผมเลยงั้นเหรอ?

เอ๊ะ แบบนี้ก็ทางตันเลยสิเนี่ย?

 

“เรียว ที่อยู่ของนายที่อยู่ของนายอยู่คือที่นี่แน่ๆใช่มั้ย? นายมีบ้านหลังหลักอยู่รึเปล่า?”

 

“….ไม่มีหรอกครับ บ้านของผมมีแค่หลังเดียวคือที่นี่ครับ สำหรับประชาชนทั่วไปบางคนอาจจะไม่มีบ้านซะด้วยซ้ำครับ” 

(ก็คือบางคนก็เช่าอยู่)

 

ผมตอบคำถามของคุณซิลเวียที่ทำท่าทางที่หมือนกับยอมแพ้ไปแล้ว

เห็นที่อยู่ซอมซ่อแบบนี้แล้ว จะอยู่ยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปก็คงไม่มีความหมายหรอกมั้ง

จะว่าไปแล้วคนคนนี้เนี่ยเป็นคุณหนูลูกเศรษฐีจริงๆสินะ…..

 

“อะไรนะ ที่นี่น่ะเหรอ?…..ทั้งๆที่คิดว่า ถ้าเป็นผู้ชายอย่างนายน่าจะได้รับเงินมาจากผู้หญิงพวกนั้นมามากมายแท้ๆ ฉันคิดว่ายัยหนูโรเซนครูเซอร์พวกนั้นน่ะ ถ้าเพื่อนายแล้วล่ก็จะยอมทำทุกอย่างซะอีก”

 

“ผมถึงได้บอกไงครับว่าผมไม่เคยรับเงินมาจากพวกเธอเลยน่ะ นอกจากนี้ สำหรับพนักงานกิลด์บ้านนอกจะพักอยู่ที่แบบนี้มันก็เป็นเรื่องปกตินะครับ”

 

“ถ้าเป็นพวกพนักงานทั่วไปมันก็อาจจะใช่อยู่หรอก แต่ให้ผู้ชายพักอยู่ที่แบบนี้คนเดียวมันก็รู้สึกไม่ค่อยจะน่าไว้วางใจเท่าไหร่นะ”

 

พอพูดแบบนั้นคุณซิลเวียก็ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าและหยิบบางอย่างออกมา

มันคือกุญแจโลหะสีเงินเล็กๆที่ดูแวววาวที่หน้าตาดูคุ้นๆ

 

แล้วจู่ๆคุณซิลเวียก็ค่อยๆสอดกุญแจรูปนั่นเข้าไปในรูกุญแจประตูบ้านของผม

แล้วพอเธอบิดกุญแจ ประตูก็ถูกเปิดดังแกร๊ก

 

“หืม…..กะแล้วเชียวว่าไม่ปลอดภัยจริงๆเลยนะ ลองเพิ่มการตรวจสอบตัวตนด้วยเวทย์ดูเป็นไงล่ะ? เดี๋ยวพรุ่งนี้จะรีบติดต่อผู้รับเหมาให้มาจัดการให้….”

 

“เดี๋ยว เดี๋ยวๆ รอซักครู่นะครับ!? ทำไมคุณซิลเวียถึงมีกุญแจบ้านของผมได้ล่ะ!?”

 

ผมคิดว่ากุญแจของผมอาจจะถูกขโมยไปรึเปล่าผมจึงลองล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของผม

แต่ผมก็เจอกับกุญแจบ้านของผมอยู่ในกระเป๋าเหมือนกัน

 

ก็แปลว่า กุญแจที่คุณซิลเวียมีนั้นไม่ใช่กุญแจของผม

ตรงกันข้ามกับผมที่ร้อนรน คุณซิลเวียกลับมีท่าทีที่สงบนิ่ง

 

“อา ไม่เป็นไรหรอกน่า นี่ไม่ใช่ของที่มันผิดกฎหมายอะไรหรอก เพราะงั้นไม่ต้องกังวล มันเป็นสิ่งที่ได้มาจากการจ่ายเงินอย่างถูกกฎหมายน่ะ”

 

“กุญแจบ้านที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าของบ้านมันจะถูกได้ยังไงล่ะครับ!?”

 

“ถ้าจะให้อธิบายล่ะก็ ที่บ้านฉันเป็นผู้รับเหมาในการสร้างกุญแจแบบนี้น่ะ ถึงแม้จะไม่มีกุญแจจริงๆ แต่ถ้าหากรู้ประเภทของตัวล็อคที่อยู่ตรงประตูล่ะก็ จะสามารถใช้กุญแจที่มีหน้าตาเหมือนกันไขได้”

 

“นะ นั่นมันไม่ผิดกฎหมายรึไงครับ!?”

 

“เดิมทีมันก็เป็นกุญแจที่ผลิตมาหลายดอกในโรงงานของบ้านฉันอยู่แล้ว และมันก็บังเอิญว่ากุญแจดอกนั้นมันตรงกับตัวล็อคของบ้านนายพอดี แถมยังเป็นกุญแจที่ผลิตออกมาอย่างถูกกฎหมายของราชอาณาจักรด้วย เพราะงั้นจึงไม่มีปัญหา”

 

คุณซิลเวียพูดแบบนั้นพร้อมยักไหล่

 

“เพรางั้นฉันถึงบอกว่าไม่ปลอดภัยยังไงล่ะ ให้ตายสิ……เป็นผู้ชายที่อยู่คนเดียวทั้งที อย่างน้อยก็ควรจะมีการยืนยันตัวตนด้วยเวทย์ซักหน่อยนะ”

 

“เอ๋….นี่ตอนนี้ผมกำลังถูกเทศนาเรื่องความปลอยภัยจากคนที่ใช้กุญแจที่เหมือนกันไขเข้าบ้านผมเนี่ยนะ…..”

 

“เดี๋ยวฉันจะจัดการให้ผู้รับเหมามาติดตั้งระบบรักษาความปลอดภัยให้มันถูกต้องก็แล้วกัน ก่อนจะถึงเวลานั้นก็มาอยู่ที่บ้านของฉัน….อ่า ไม่สิ ต้องทำอะไรกับหน้าต่างนี่ด้วยสินะ? ไม่มีแม้กระทั่งระบบตรวจจับเวทย์มนตร์เลยเหรอ? ชิ ประมาทกันซะจริงเลยนะ….”

 

พอพูดแบบนั้น คุณซิลเวียก็เดินเข้าไปในบ้านของผมแล้วก็ทำอะไรบางอย่าง

แล้วตัวผมที่ตอนนี้กำลังรู้สึกถึงความว่างเปล่าก็ถูกทิ้งไว้หน้าบ้านคนเดียว

 

เอ๋………?

ถ้าผมได้ยินไม่ผิด….คุณซิลเวียบอกให้ผมไปอยู่ที่บ้านของเธองั้นเหรอ?

 

 

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนานผมทำตามที่กิลด์มาสเตอร์สั่งและเดินตรงไปยังห้องประเมินของกิลด์ ในตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป สินค้าก็ได้วางอยู่ในห้องไว้อยู่แล้ว และเมจิคไอเทมที่กิลด์มาสเตอร์อยากให้ผมประเมินนั้นวางอยู่บนโต๊ะ ผมเดินไปหยิบคริสตัลประเมินออกมาจากตู้และเปิดใช้งานมันด้วยพลังเวทย์ คริสตัลประเมินนี่ถือว่าเป็นของมีค่ามากเลยทีเดียว ในแต่ละกิลด์ภายในอาณาจักรจะต้องคริสตัลนี้สาขาละ1อัน ก็ตามชื่อน่ะนะ คริสตัลอันนี้ มีไว้เพื่อใช้ประเมินค่าของเมจิคไอเทม ผมบอกตัวเองว่า ถ้าผมทำคริสตัลอันนี้แตกขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้ผมจะเกิดใหม่ซัก 3 รอบก็คงไม่มีทางทำงานหาเงินมาจ่ายได้แน่ๆ จะว่าไปแล้ว คริสตัลอันนี้มันจำทำให้เราคิดมากจนเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? หรือนี่มันจะเป็นชะตากรรมของผมกันนะ? ในตอนนั้นเองที่ผมกำลังหยิบคริสตัลประเมินผมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ชายเสื้อของผมมันไปเกี่ยวกับไอเทมเวทย์มนต์บนโต๊ะและตอนที่ผมขยับออกมา เมจิคไอเทมอันหนึ่ง–ขวดแก้วเล็กๆ ตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset