นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 68

 

“เอ้าๆ คุณพี่ชาย♡ ยังมีให้เติมอีกเพียบ กินเข้าไปเยอะๆเลยนะ!  อ๊ะ ลองสาเกหน่อยมั้ย? เคยดื่มมาก่อนรึเปล่า?”

 

“อะ อ่า….”

 

“รับทราบ อ๊ะ ซิลเวียจังก็เอาสาเกด้วยมั้ย? มื้อนี้ไม่ได้มีแค่ผักนะ โอเครึเปล่า?”

 

“อะ อ่า จะปลาหรือเนื้อฉันก็กินได้ ไม่เป็นไร…..”

 

ในตอนนั้น ตอนที่เมย์ฟาสาวหูกระต่ายน้ำตาไหลเมื่อเห็นแหวนของผม

สมาชิกคนอื่นของกิลด์แห่งความมืดก็ตามเข้ามาสมทบที่ชั้นใต้ดิน

 

ผู้หญิงที่เข้ามาใหม่พยายามจะโจมตีผมกับคุณซิลเวีย

แต่เมย์ฟาก็ได้ตะโกนหยุดพวกเธอไว้

 

จากนั้นพวกเราสองคนก็ถูกพามาที่ห้องนี้

ต่างกับห้องใต้ดินราวฟ้ากับเหว ห้องนี้เป็นห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอ

ด้านนอกหน้าต่าง จะมองเห็นเป็นสวนหินและกรวดและก็มีตะไคร่น้ำ

มีสายน้ำเล็กๆไหลอยู่ในสวนนั้นด้วย เสียงน้ำช่างไพเราะน่าฟัง

 

ห้องนี้เป็นห้องแบบเดียวกับห้องที่ผมถูกขังอยู่ในตอนแรกเลย

มีการปูพื้นด้วยหญ้าที่คล้ายๆพรมดูเหมือนมันจะเรียกว่าเสื่อทาทามิ

 

แต่ห้องนี้มันใหญ่กว่าห้องที่ผมเคยถูกขังไว้มาก

เสาของห้องทาสีแดง และผนังก็เป็นกระดาษ

 

ผมกับคุณซิลเวียที่เดินมาถึงห้องนี้ก็ถึงกับสับสน

ทันทีที่เรานั่งลงบนเสื่อทาทามิ ก็มีอาหารที่ดูน่าอร่อยมาวางอยู่หน้าพวกเรา

 

มีปลาย่างเกลือ คัสตาร์ดไข่ เห็ดแมนโกร่า แล้วก็มีซุปที่ทำจากเห็ดแมนโกร่า

มีดอกคาโมมายล์ประดับ แล้วก็มีเลือดวัว

(อันเลือดวัวนี้ผมไม่แน่ใจ)

 

“ถ้างั้น ทั้งคู่ก็มาชนแก้วกันเถอะ! อ๊ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว คุณพี่ชายช่วยพูดชนแก้ว(คัมปาย)ให้หน่อยได้รึเปล่า?”

 

“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนนะ! ก่อนอื่นช่วยอธิบายให้ฟังก่อนได้มั้ย!?”

 

เมย์ฟายกถ้วยขึ้นพร้อมยิ้มให้ผม เธอนั่งตรงข้ามผมกับคุณซิลเวีย

ข้างเมย์ฟาก็มีซึสึที่แอบจดๆจ้องๆมาทางผมเงียบๆ

 

ก็แอบกังวลเกี่ยวกับซึสึอยู่หรอก แต่ผมอยากได้คำอธิบายสถานการณ์ตอนนี้ก่อน

คุณซิลเวียที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็รู้สึกแบบเดียวกัน

เธอหรี่ตาและจ้องไปที่สองคนนั้นที่นั่งอยู่ข้างหน้า

 

“จริงๆเลย ทำไมพวกเธอถึงเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อฉันกับเรียวกันอย่างนั้นล่ะ?”

 

“อ๊ะ นั่นน่ะเหรอ อืม…..เพราะเรื่องมันยาวเลยคิดว่าจะพูดให้ฟังหลังที่กินมื้อข้าวเสร็จก่อนน่ะ”

 

“บอกมาตอนนี้เลย ในสถานการณ์ที่ไม่เข้าใจอะไรเลยแบบนี้ จะให้กินข้าวลงได้ยังไงล่ะ”

 

“งั้นเหรอ ถ้างั้นก็พูดตอนนี้เลยก็แล้วกันนะ!”

 

เมย์ฟาหันมายิ้มให้ผมแทนคุณซิลเวียซะงั้น

จากนั้นตัวเธอก็ก้าวออกมาข้างหน้าจากที่นั่งของเธอ

แล้วเธอก็คุกเข่าและเอาหัวลงกับพื้น

 

นี่เรียกว่าการก้มหัวสินะ

 

“ท่านเรียว ต้องขอโทษกับการกระทำอันหยาบคายหลายๆอย่างในครั้งนี้จริงๆค่ะ”

(ตรงนี้นางให้ความเคารพพระเอกโดยเรียกว่า Ryo-sama ครับ)

 

ผมกับคุณซิลเวียงงไปตามๆกัน ส่วนซึสึเธอมีหน้าตาดูเป็นกังวล

เมย์ฟายังคงพูดต่อไปด้วยเสียงที่ดังลั่น

 

“เพราะความโง่เขลาของพวกเรา พวกเราถึงได้ทำร้ายท่านไปโดยไม่รู้อะไรเลย ถ้าหากท่านจะโกรธล่ะก็ มันก็เป็นความผิดของเราทั้งหมดค่ะ ซึสึและคนอื่นๆที่อยู่ที่นี่เพียงแค่ทำตามคำสั่งของเราเท่านั้นค่ะ”

 

เมย์ฟาก้มหัวมาทางผมและพูดขอโทษ

ดูไม่มีทีท่าว่าจะเป็นการหลอกลวงแต่อย่างใด ท่าทางของเธอดูจริงใจมาก

เอาจริงๆ ต่อให้เธอตั้งใจจะหลอกพวกเราจริงๆขึ้นมามันก็ไม่มีประโยชน์อะไรอยู่ดีนั่นแหละ

 

“เรารู้ว่ามันเป็นคำขอที่ดูอวดดีค่ะ แต่ขอท่านได้โปรดอย่าทำอะไรทุกคนเลยนะคะ ถ้าท่านเรียวต้องการสั่งให้เราไปตาย เราก็จะขอคว้านทองตัวเองเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”

 

“เมี้ยว!? มะ เมย์ฟาจัง ไม่ได้นะ!”

 

พอซึสึได้ยินว่าเมย์ฟาจะคว้านท้อง

เธอก็เกาะหลังของเมย์ฟาไว้ด้วยสีหน้าที่ดูสิ้นหวัง

แล้วเธอก็หันมามองที่ผมด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า

 

“ระ เรียว…..ขอร้องล่ะเมี้ยว ขออภัยด้วยที่เราทำตัวแบบนั้นไปก่อนหน้านี้เมี้ยว เราจะยอมก้มหัวขอโทษเท่าที่ต้องการเลยเมี้ยว พะ เพราะงั้น ได้โปรด…..”

 

“เดี๋ยวๆ รอก่อนสิ!? จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นแหละ ตอนนี้ยังไม่เข้าใจเลยซักนิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่น่ะ!?”

 

ทำไมตอนนี้ผมถึงอยู่ในสถานการณ์ที่จะต้องฆ่าแกงผู้หญิงดีๆสองคนนี้ด้วยล่ะ

ผมกับคุณซิลเวียควรอยู่ในสถานะคนที่ถูกลักพาตัวมาไม่ใช่หรอ? 

ทำไมสถานะมันถึงสลับกันล่ะ!?

 

“ก่อนอื่นก็อธิบายมาทีละคนก็พอ พวกเธอลักพาตัวผมกับคุณซิลเวียมาตามการว่าจ้างของขุนนางคนนั้นใช่มั้ย? แล้วทำไมจู่ๆพวกเธอถึงมาเปลี่ยนทัศนคติต่อพวกผมเป็นแบบนั้นกันล่ะ?”

 

“นั่นก็เพราะ…..คุณพี่ชาย ไม่สิ เพราะเราไม่รู้ว่าท่านเรียวคือท่านผู้สืบทอดอันสูงศักดิ์ของเรายังไงล่ะคะ”

 

“ผู้สืบทอดอันสูงศักดิ์?”

 

ผมเอียงคอด้วยความสงสัย ส่วนคุณซิลเวียก็ทำหน้าเคร่งขรึม

 

“พูดถึงผู้ก่อตั้งกิลด์แห่งความมืดรุ่นแรกอยู่ใช่รึเปล่า? จะบอกว่าเรียวเป็นผู้สืบทอดหรือทายาทของควอนดร้างั้นเหรอ?”

 

เมย์ฟาที่กำลังก้มหัวอยู่ ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองที่ผม แล้วเธอก็ตอบคำถามของคุณซิลเวีย

 

“แหวนที่อยู่ตรงนิ้วนางข้างซ้ายของท่านเรียวนั้น…..พวกท่านเรียวไม่เคยเห็นรูปเหมือนของท่านรุ่นแรกกันมาก่อนงั้นเหรอคะ?”

 

“ภาพเหมือนเหรอ? อา ก็เคยอยู่นะ แต่ว่าภาพส่วนที่เป็นใบหน้านั้นมันถูกฉีกขาดไปน่ะสิ”

 

คุณซิลเวียที่นั่งข้างๆผมพยักหน้าหงึกๆ ส่วนผมตอนนี้เหงื่อเย็นไหลอยู่เต็มหลังเลย

เป็นเพราะว่าผมพอจะเดาได้ว่าเมย์ฟากำลังพยายามจะบอกอะไรผม

 

“ท่านควอนดร้า….จู่ๆเขาก็มาปรากฎตัวที่ประเทศของเราและเขาก็รวบรวมผู้หญิงที่ไม่มีใครเอามาไว้ด้วยกัน”  

 

เรื่องนั้นผมเองก็รู้จัก เพราะผมเคยอ่านหนังสือที่เกี่ยวกับเขาในห้องสมุดใหญ่ในเมืองหลวงมาแล้ว

ควอนดร้าในโลกเดิมของผมก็คล้ายๆกัน เพราะอยู่มาวันหนึ่งเขาก็มาปรากฎตัวขึ้นแล้วก็รวบรวม

พวกนักเลงที่ไม่มีงานทำแล้วก่อตั้งองค์กรที่เรียกว่ากิลด์แห่งความมืดขึ้นมา

 

“เราไม่รู้เลยว่าเขามาจากไหน แต่ว่ากันว่า ไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะหน้าตาน่าเกลียดแค่ไหน เขาก็จะช่วยกอดทุกคนทั้งแบบอ่อนโยนและและแบบรุนแรงให้….”

 

พอพูดแบบนั้นแก้มเมย์ฟาก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูและทำหน้าเศร้า

ใบหน้าเธอเซ็กซี่มากๆ ผมกลืนน้ำลายเอื๊อก

 

“เขาดึงดูดผู้หญิงได้หลายคนมาไว้รอบตัว เขามีทั้งพลังและความเมตตา ทุกคนมารวมตัวเพราะอยากทำงานให้เขา อยากมีประโยชน์กับเขา อยากเป็นที่ต้องการของเขา แล้วก็อยากอุ้มลูกให้เขา ด้วยเหตุนี้เององค์กรกิลด์แห่งความมืดจึงค่อยๆขยายวงกว้างขึ้นไปเรื่อยๆ”

 

“หื้ม…..เป็นเรื่องที่ฟังดูน่าสนใจจริงๆนั่นแหละ เพราะถ้ามีคนได้ยินแบบนั้นแล้วล่ะก็……”

 

คุณซิลเวียมองมาทางผมด้วยสีหน้าลำบากใจ

ผมรู้เลยว่าคุณซิลเวียกำลังจะบอกว่าผมกับควอนดร้านั้นคล้ายกัน

แย่ล่ะ เหงื่อเย็นไม่หยุดไหลเลย….!

 

“ถ้าเป็นอย่างที่เมย์ฟาพูดจริงๆ แสดงว่าควอนดร้าสามารถรักกับผู้หญิงที่มากมายขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ?”

 

อย่าพูดไปมากกว่านั้นเลยนะครับ

คุณซิลเวียที่ไม่เข้าใจยังคงถามคำถามมากขึ้นไปเรื่อยๆ

เมย์ฟาพยักหน้าด้วยท่าทางที่เคร่งขรึมให้กับคำพูดของคุณซิลเวีย

 

“ใช่แล้วค่ะ ตามบันทึกของท่านควอนดร้า เขาบอกไว้ว่าเขาเห็นสิ่งอื่นๆแตกต่างจากคนอื่นน่ะค่ะ”

 

“เห็นต่างจากคนอื่น?”

 

“ค่ะ อาจจะดูเป็นเรื่องที่ดูไม่น่าเชื่อ……แต่ว่าท่านรุ่นแรกน่ะมีค่านิยมทางความงามกับความอัปลักษณ์ที่ตรงกันข้ามกับคนอื่นๆค่ะ แต่ถึงจะพูดแบบนั้น แต่จริงๆทั้งเรื่องดอกไม้หรือวิวที่คนอื่นคิดว่าสวยก็ยังเหมือนกับคนอื่นๆอยู่ค่ะ ที่กลับกันมีเพียงแค่ค่านิยมที่เกี่ยวกับหน้าตาคนเท่านั้นค่ะ”

 

“อะไรนะ…..!?”

 

คุณซิลเวียมองมาที่ผมด้วยสีหน้าประหลาดใจ

ผมกลัวจนไม่กล้ามองหน้าคุณซิลเวียกลับไป

ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะรีบเอาหัวลงหมอนแล้วนอนไปซะเดี๋ยวนี้เลย

 

“พวกผู้หญิงที่หน้าตาน่าเกลียดในสมัยนั้นจะยกยอท่านควอนดร้ากันเพียงใดนั้น….ดาร์กเอลฟ์อย่างซิลเวียจังเองก็คงจะเข้าใจใช่มั้ย?”

 

“อา เข้าใจสิ……”

 

“ถ้างั้นย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงแรกนะ ที่เราเคยถามว่าเคยเห็นรูปเหมือนของท่านควอนดร้ารึเปล่าน่ะ รู้มั้ยว่าภาพนั้นน่ะมีแหวนทองคำอยู่ที่ซ้ายมือด้วย?”

 

“ใช่….มันก็จริงนะ”

 

คุณซิลเวียจ้องมาที่มือซ้ายของผม เมย์ฟาเองก็เหมือนกัน  

 

“ใช่แล้ว ท่านรุ่นแรกน่ะไม่เพียงแค่มีเมตตาอย่างเดียวเท่านั้นนะ แต่เขายังมีทักษะที่ยอดเยี่ยมในฐานะของนักฆ่าอีกด้วย สิ่งที่น่ากลัวที่สุดนั่นก็คือแหวนที่ท่านควอนดร้ามีนั่นแหละ ไอเทมชิ้นนี้น่ะเป็นไอเทมที่มีแค่ท่านควอนดร้าเท่านั้นที่สามารถใช้มันได้”

 

“มีแค่ควอนดร้าที่ใช้ได้?”

 

คุณซิลเวียทำหน้าสงสัย

ทั้งผมทั้งคุณซิลเวียเองก็ไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีไอเทมที่มีเพียงคนเดียวที่ใช้ได้อยู่

 

“ค่ะ ไม่มีใครสามารถถอดแหวนออกจากนิ้วของท่านควอนดร้าได้เลยค่ะ แม้แต่ตัวท่านควอนดร้าเองก็ไม่สามารถถอดออกได้เหมือนกันค่ะ สกิลของแหวนวงนี้ก็คือ….หนามอันทรงพลังที่พุ่งออกมาจากตัวแหวนที่จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเป็นอัมพาต หรือไม่ก็ทำให้ติดพิษในช่วงเวลาหนึ่งน่ะค่ะ”

 

“อะไรนะ!?”

 

“แถมสถาวะผิดปกตินี้ ต่อให้จะใช้โพชั่นหรือเวทย์รักษาก็ไม่สามารถล้างสภาวะผิดปกติที่เกิดจากแหวนวงนี้ออกไปได้ด้วยค่ะ ที่สำคัญคือไม่ว่าจะมีไอเทมต้านสถานะผิดปกติแค่ไหนก็ไม่สามารถป้องกันผลจากแหวนวงนี้ได้ค่ะ…..”

 

“ขะ ขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ….!? ไม่สิ ถ้าเป็นงั้นก็ไม่น่าแปลกใจ ถ้ามีไอเทมแรงค์ SS แบบนั้น การจะลอบสังหารมันก็เป็นเรื่องง่าย…..”

 

“ค่ะ แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถเทียบเคียงความแข็งแกร่งของท่านควอนดร้าได้เลย เพราะงั้นเลยไม่มีใครสามารถรู้ถึงการมีอยู่ของแหวนนี้ได้ไงล่ะคะ”

(ก็ถ้าฆ่าตายทุกรายก็ไม่มีใครเอาไปบอกต่อได้นั่นเอง)

 

เมย์ฟาจ้องมาทางผมด้วยสายตาที่ดูเร่าร้อน

 

“พอดีว่าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับแหวนทองคำนี้กับคุณยายของเรา ที่เคยเป็นรองกิลด์มาสเตอร์ของที่นี่น่ะค่ะ”

 

———————————–

**ควอนดร้ากับรองกิลด์มาสเตอร์**

 

[มันคือของขวัญจากภูติน่ะ]

 

[นั่นมัน….เป็นการอุปมางั้นเหรอคะ?]

 

[ไม่ล่ะ หมายความตามนั้นเลยนั่นแหละ]

 

[ขออภัยที่เรียนมาไม่พอนะคะ แต่ฉันไม่ค่อยเข้าใจสิ่งที่นายท่านพูดเลยน่ะค่ะ…..]

 

[อา ขอโทษด้วยนะ จริงๆก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจก็ได้นะ เพราะบางทีการที่ไม่รู้อาจจะมีความสุขกว่าก็ได้…..อืม แถมนี่จะเป็นการทำอะไรร่วมกันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วนี่นะ]

 

[? แต่ถึงอย่างงั้น แหวนวงนั้นมันก็ช่างวิเศษจริงๆนะ แต่แน่นอนท่านควอนดร้าเองที่สามารถใช้พลังของแหวนวงนั้นได้อย่างเต็มที่ก็ยิ่งวิเศษกว่าอีกค่ะ]

 

[วิเศษงั้นสินะ แต่ว่าพลังของแหวนวงนั้นน่ะมันแข็งแกร่งเกินไป รู้แบบนี้น่าจะเลือกการกลับชาติมาเกิดใหม่ดีกว่า ตอนแรกที่เลือกแหวนนี้มาเพราะคิดว่าจะสะดวกในการลงดันเจี้ยน ไม่ได้คิดว่ามันจะเอามาใช้ประโยชน์ในการเป็นนักฆ่าได้ถึงขนาดนี้…..จะว่าไปแล้ว ถ้าฉันตายไปแล้วแหวนวงนี้ยังอยู่ล่ะก็คงจะแย่แน่ หรือฉันควรจะขอให้ยัยนั่นเอาแหวนวงนี้กลับไปตอนที่ฉันตายไปแล้วจะดีกว่านะ….]

 

[นะ นายท่าน ได้โปรดอย่าพูดเรื่องน่ากลัวอย่างการตายของท่านออกมาแบบนั้นเลยค่ะ]

 

[ฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะตายหรอกนะ แต่ว่า ท้ายที่สุดชีวิตของทุกคนมันก็ต้องมาถึงจุดจบอยู่ดีใช่มั้ยล่ะ? ….นั่นสินะ อย่างน้อยก็ขออะไรไว้ซักหน่อยก็แล้วกัน]

 

[พอฉันตายไป แหวนวงนี้จะหายไป สิ่งนี้มันอันตรายเกินไปที่จะเหลือไว้ให้คนรุ่นหลัง แต่ถ้าเกิดว่าหลังฉันตายไป มีคนที่มาปรากฎตัวขึ้นมาพร้อมกับแหวนวงนี้แล้วล่ะก็ ฉันอยากขอให้ทุกคนในกิลด์แห่งความมืดช่วยเจ้าของแหวนวงนี้อย่างสุดความสามารถ ถ้าเขามีแหวนวงนี้อยู่ ก็แปลว่าเขาต้องเข้าไปเกี่ยวข้องกับภูติตนนั้นแน่ๆ เพราะงั้นฉันขอฝากพวกเธอด้วยนะ?]

 

[แน่นอนค่ะ พวกเราเองจะต้องตอบรับความคาดหวังของนายท่านให้ได้ค่ะ]

 

[นี่เป็นคำขอของฉันในฐานะ คุออน เคนทาโร่ ต่างหากไม่ใช่คำสั่งในฐานะของควอนดร้า เคเซารอสกิลด์มาสเตอร์ของกิลด์แห่งความมืดซักหน่อย]

(ตรงนี้จริงๆแล้วชื่อญี่ปุ่นของควอนดร้า เคเซารอสมันอ่านว่า คุ ออน โด ร่า เคเซารอสครับ แต่ผมเขียนผิดไปก็พักใหญ่ๆแล้วเลยจะเขียนว่าควอนดร้าเหมือนเดิมครับ นามสกุลคุออนโดร่าของเจ้าตัวอ้างอิงมาจากนามสกุลเดิมนั่นก็คือคุออนครับ)

——————————————–

 

พอเมย์ฟาพูดถึงเจตจำนงสุดท้ายของควอนดร้าเสร็จเธอก็หลับตาลง

 

“และแหวนวงนั้นก็ได้หายไปจากนิ้วของท่านควอนดร้าตามที่พูด ซึ่งแหวนวงนี้ได้หายไปเป็นเวลากว่า 300 ปี ไม่เคยมาปรากฎให้เห็นอีกเลยต่อหน้าพวกเรา….”

 

พอมาถึงจุดนี้ คุณซิลเวียก็พยักหน้าเงียบๆ

ซึสึที่นั่งถัดจากเมย์ฟาก็ทำสีหน้าจริงจังและจ้องมาทางผม

 

“ในช่วงสองสามทศวรรษที่ผ่านมานี้ กิลด์แห่งความมืดค่อยๆอ่อนแอลงเพราะสูญเสียเสาหลักไป แต่ในวันนี้….ในที่สุด พวกเราก็ได้พบกับผู้สืบทอดของท่านควอนดร้าที่พวกเราตามหา….!”

 

พอผมเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเมย์ฟาจ้องมาที่ผมอย่างหลงใหลพร้อมแก้มแดง

 

“แหวนในตำนานที่มีเพียงท่านควอนดร้าที่สามารถถือครองและใช้มันได้ มีเพียงแค่สายเลือดของท่านควอนดร้าที่เหมาะสมจะมาเป็นกิลด์มาสเตอร์คนที่สองของกิลด์แห่งความมืดนี้! เอาล่ะ ท่านเรียว ได้โปรดสั่งมาได้ทุกอย่างเลยค่ะ….!”

 

 

 

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนานผมทำตามที่กิลด์มาสเตอร์สั่งและเดินตรงไปยังห้องประเมินของกิลด์ ในตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป สินค้าก็ได้วางอยู่ในห้องไว้อยู่แล้ว และเมจิคไอเทมที่กิลด์มาสเตอร์อยากให้ผมประเมินนั้นวางอยู่บนโต๊ะ ผมเดินไปหยิบคริสตัลประเมินออกมาจากตู้และเปิดใช้งานมันด้วยพลังเวทย์ คริสตัลประเมินนี่ถือว่าเป็นของมีค่ามากเลยทีเดียว ในแต่ละกิลด์ภายในอาณาจักรจะต้องคริสตัลนี้สาขาละ1อัน ก็ตามชื่อน่ะนะ คริสตัลอันนี้ มีไว้เพื่อใช้ประเมินค่าของเมจิคไอเทม ผมบอกตัวเองว่า ถ้าผมทำคริสตัลอันนี้แตกขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้ผมจะเกิดใหม่ซัก 3 รอบก็คงไม่มีทางทำงานหาเงินมาจ่ายได้แน่ๆ จะว่าไปแล้ว คริสตัลอันนี้มันจำทำให้เราคิดมากจนเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? หรือนี่มันจะเป็นชะตากรรมของผมกันนะ? ในตอนนั้นเองที่ผมกำลังหยิบคริสตัลประเมินผมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ชายเสื้อของผมมันไปเกี่ยวกับไอเทมเวทย์มนต์บนโต๊ะและตอนที่ผมขยับออกมา เมจิคไอเทมอันหนึ่ง–ขวดแก้วเล็กๆ ตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset