นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน – ตอนที่ 85

 

“ถ้างั้น คุณซิลเวีย…เรามาต่อจากที่คุยกันไว้ก่อนหน้านี้กันเถอะ”

 

“อา นั่นสินะ”

 

พอกินเนื้อหมดจนรู้สึกอิ่มแล้ว ตอนนี้ผมเลยได้เข้าสู่ประเด็นหลักที่คุยกันซักที

 

ก่อนหน้านี้ผมเป็นคนบอกเองว่ากินไปคุยไป

แต่เนื้อมันอร่อยจนทำให้ลืมเนื้อหาที่คุยกันไปซะสนิทเลย

แหม่ ก็ไม่คิดว่าเนื้อมันจะอร่อยถึงขนาดนั้นเลยนี่นะ

 

ถ้าได้กินเนื้อดีๆแบบนี้เยอะๆ ผมอาจจะจนอ้วนเอาได้เลยนะเนี่ย

 

“รู้ใช่มั้ยว่าฉันกลับไปที่หมู่บ้านดาร์กเอลฟ์มาจนถึงเมื่อวานนี้น่ะ?”

 

“แน่นอนสิ”

 

ผมหันหน้าไปหาคุณซิลเวียและพูดกับเธอ

จากนั้นคุณซิลเวียก็เปลี่ยนไปทำสีหน้าจริงจัง

 

“ถ้าจำไม่ผิดเป็นงานศพของท่านยายทวดสินะ….ขอแสดงความเสียใจด้วยนะครับ”

 

“อา…อาการป่วยของท่านยายทวดฉันมันเริ่มจะแย่ลงตั้งแต่ช่วงสองปีที่ผ่านมานี้นี่แหละ พ่อแม่ของฉันเองก็เตรียมใจไว้แล้วล่ะนะ เพราะแบบนั้นฉันถึงได้ออกจากเมืองคาสซานดร้าไปชั่วคราวถึงสองสัปดาห์นั่นแหละนะ”

 

จะว่าไปแล้ว ชุดสีดำทุกคุณซิลเวียใส่อยู่นั่นก็เป็นดีไซน์ที่ไม่ค่อยมีให้เห็นแถวนี้มากนัก

แถมการที่คุณซิลเวียจะใส่ชุดธรรมดาและยังดูเป็นผู้หญิงถึงขนาดนี้

ก็ไม่ใช่ว่าจะมีให้เห็นได้ง่ายๆด้วย

 

บางทีแล้วชุดนี้ก็คงจะเป็นชุดสำหรับไว้อาลัยของดาร์กเอลฟ์สินะ

ถึงผมจะแอบคิดว่ามันรัดรูปไปหน่อยก็เถอะ….

แต่มันก็คงเป็นความแตกต่างของวัฒนธรรมนั่นแหละนะ

 

เอาเถอะ เรากลับเข้าประเด็นกันดีกว่า อย่างที่คุณซิลเวียพูดไปก่อนหน้านี้  

เธอเดินทางออกจากเมืองคาสซานดร้าไปเป็นเวลาสองสัปดาห์

 

ก่อนที่คุณซิลเวียจะเดินทาง  

เธอได้มาที่กิลด์นักผจญภัยเพื่อทักทายผมและบอกกับผมว่า

[พอดีว่าท่านทวดของฉันเสียชีวิตแล้ว ฉันก็เลยว่าจะกลับไปที่บ้านเกิดน่ะ]

และวันนี้ก็คือวันที่คุณซิลเวียได้เดินทางกลับมาที่เมืองคาสซานดร้า

 

แต่ว่านะ…..เพิ่งกลับมาจากงานศพ

แต่อยู่ดีๆก็พูดว่า[แต่งงานกันมั้ย]นี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่นะ

 

“เมื่อสองปีก่อนตอนที่ฉันกลับไปที่บ้านเกิด ตอนนั้นท่านทวดก็สามารถรวมตระกูลให้เป็นหนึ่งได้แล้ว”

 

“หื้ม”

 

“และในตอนนั้นนั่นเอง ก็ได้มีประเด็นเรื่องมรดกของท่านทวดผู้มั่งคั่งของฉัน”

 

จากที่เห็นเนื้อลูกวัวก่อนหน้านี้ ก็รู้แล้วแหละนะว่าคุณซิลเวียรวยแค่ไหน

แล้วคุณซิลเวียคนรวยคนนั้นพูดว่าท่านทวดผู้มั่งคั่งแบบนี้เนี่ย

ท่านทวดคนนั้นต้องรวยถึงขนาดไหนกันแน่นะ

 

“ท่านทวดได้ประกาศว่า หลังเธอเสียชีวิต มรดกและที่ดินต่างๆจะตกเป็นของคนที่มีอายุน้อยที่สุดในตระกูล….ซึ่งประกอบไปด้วย ลิเลีย เอย์เซน คิยาโนโตะและซิลเวีย 4 คนน่ะนะ”

 

“จะว่ายังไงดีล่ะ…เหมือนว่าจะได้ยินเรื่องที่สุดยอดเข้าซะแล้วสิเนี่ย”

 

วิเคราะห์จากที่ได้ยินมาแล้ว

ลิเลีย เอย์เซนกับคิยาโนโตะนี่น่าจะเป็นญาติของคุณซิลเวียล่ะมั้ง

เพิ่งเคยได้ยินชื่อเป็นครั้งแรกเลยแฮะ

 

แต่ว่าถ้าเป็นแบบนั้น คนอื่นจะเห็นด้วยอย่างงั้นเหรอ?

ขึ้นชื่อว่ามรดกแล้ว มันก็มักจะมีปัญหาตามมาด้วยอยู่เสมอล่ะนะ…

 

“แล้วคนอื่นๆในตระกูลไม่บ่นเรื่องนี้กันบ้างเลยเหรอ?”

 

“ก็มีคนที่ไม่พอใจอยู่แหละนะ แต่พวกเขาคงไม่แสดงออกกันหรอกนะ อย่างแรกเลย ครอบครัวของฉันเป็นตระกูลหลัก ส่วนอีกสามคนที่เหลือนั้นถือเป็นตระกูลรอง อ่า แล้วก็คิยาโนโตะเป็นญาติกับพ่อฉัน เอย์เซนเป็นญาติแม่ฉัน ส่วนลิเลียก็เป็นน้องสาวต่างแม่ของฉันเอง แถมคิยาโนโตะกับเอย์เซ็นก็เป็นพี่น้องกันด้วย”

 

“อย่างงี้นี่เอง”

 

ผมพยักหน้าตอบรับไป แต่ผมเอาจริงๆคือผมสับสนกับแผนผังความสัมพันธ์ที่ว่ามาอยู่

สับสนว่าใครเป็นลูกพี่ลูกน้อง ใครน้องสาว ใครอะไรยังไงกันแน่

รู้งี้น่าจะเอากระดาษหรือสมุดจดเข้ามาด้วยก็ดีหรอก!

 

จะว่าไป…จากที่ได้ยินมาเมื่อกี้ ดูเหมือนว่าคนที่ชื่อว่าลิเลียคือน้องสาวของคุณซิลเวียสินะ

เป็นข้อมูลที่ค่อนข้างน่าตกใจจริงๆนะเนี่ย!?

 

แต่จะว่าไปแล้วคุณซิลเวียนี่ค่อนข้างจะนิ่งเฉยอยู่เหมือนกันนะ

เธอดูไม่ได้เอ็นดูหรืออะไรคนที่ชื่อลิเลียแม้แต่นิดเดียวเลย รู้สึกแปลกใจนิดหน่อยแฮะ

 

แต่ก็นะ ผู้ชายในโลกนี้มีน้อยนี่นา 

ดังนั้นแล้วการที่จะมีพี่สาวน้องสาวต่างแม่กันมันก็คงจะเป็นเรื่องปกตินั่นแหละนะ

 

“แต่ว่านะ มีคนที่ได้รับมรดกของท่านทวดผู้มั่งคั่งคนนั้นแค่ 4 คนเนี่ย มันดูสุดโต่งยังไงก็ไม่รู้สิ”

 

ยังไงคนธรรมดาทั่วไปก็คงจะไม่เข้าใจเรื่องทำนองนี้แหละนะ

 

แต่คุณซิลเวียก็ได้ทำหน้าบึ้งพร้อมส่ายหน้าไปมา

 

“แต่ว่าท่านทวดน่ะ….มีเงื่อนไขในการรับมรดกอยู่น่ะสิ”

 

“เงื่อนไข?”

 

คุณซิลเวียหันมาทางผมและจ้องมาที่ผมอย่างจริงจัง

พร้อมกันนั้นเธอก็เปิดปาดพูดออกมา

 

“ใช่แล้วล่ะ ท่านทวดน่ะตั้งเงื่อนไขในการรับมรดกไว้ว่า จะให้มรดกเฉพาะคนที่พาคู่ครองมาด้วยเท่านั้นน่ะ”

 

“ห๊ะ….?”

 

“แล้วทั้งเจ้าตัวพร้อมกับคู่ครองนั้น จะต้องทำพิธีแต่งงานและกล่าวคำสาบานรักนิรันดร์ที่หมู่บ้านดาร์กเอลฟ์ด้วยน่ะ….”

 

หลังจากที่พูดเสร็จคุณซิลเวียก็ใช้ปลายนิ้วแตะขมับพร้อมทำสีหน้าลำบากใจ

สีหน้าของเธอเหมือนจะแสดงออกว่า “ปวดหัวเลย” อยู่เลยแฮะ  

แต่เธอก็อาจจะปวดหัวจริงๆก็ได้นะ

 

“อะ เอ่อคือ….? สรุปง่ายๆก็คือถ้าอยากได้มรดก ต้องพาคู่ครองไปที่หมู่บ้านดาร์กเอลฟ์และจัดงานแต่งที่นั่นงั้นสินะ?”

 

“อา ประมาณนั้นแหละ”

 

ผมเริ่มจะปวดหัวเหมือนกันซะแล้วสิ

 

“ดาร์กเอลฟ์เนี่ย จะต้องทำแบบนั้นกันตลอดที่จะมีการรับมรดกเลยงั้นเหรอ?”

 

“ไม่ล่ะ ไม่ใช่แบบนั้นแน่นอน”

 

คุณซิลเวียส่ายหัวไปมาและพูดต่อด้วยท่าทางกระอักกระอ่วน

 

“ท่านทวดของฉันน่ะ เป็นคนที่มักจะทำอะไรโดยอุกอาจอยู่เสมอเลยล่ะนะ…อย่างครั้งนี้เองก็เหมือนกัน ก่อนที่ท่านจะไปที่อีกฟากหนึ่งท่านก็บ่นขึ้นมาว่าอยากเห็นเหลนของตัวเองเป็นฝั่งเป็นฝาน่ะ….”

(คล้ายๆอีกฟากริมแม่น้ำของคนตาย)

 

“ห๊ะ….”

 

อุกอาจจริงด้วยแฮะ

ก็แบบ ต่อให้จัดงานแต่งไปก็ตาม แต่ถ้าตายไปแล้วก็ไม่ได้เห็นอยู่ดีนี่นา?

เดิมทีแล้ว ถ้าเกิดว่าทั้งสี่คนไม่สามารถพาคู่ครองตัวเองมาได้จะทำไงล่ะ?

 

“แล้วถ้าเกิดว่าทั้งสี่คนไม่ได้พาคู่ครองมาด้วยจะเป็นยังไงล่ะ? ในเวลาแค่สองปีมันไม่ได้หากันได้ง่ายๆนี่นา”

 

“ถ้าเป็นแบบนั้น มรดก 1 ใน 10 จะถูกแบ่งให้กับทั้งสี่คนยังไงล่ะ ส่วนมรดกที่เหลือก็จะนำไปบริจากให้กับโบสถ์ที่ท่านทวดเป็นเจ้าของ ส่วนที่ดินนั้นคนในตระกูลก็จะได้ไปแบ่งกัน”

 

“นะ หนึ่งในสิบ…! จำนวนลดลงไปเยอะมากเลยนะเนี่ย”

 

ดูเหมือนว่าจะต้องคิดเยอะพอสมควรเลยนะเนี่ย

 

อ๊ะ….เดี๋ยวก่อนนะ ถ้างั้นที่คุณซิลเวียพูดขึ้นมาว่าแต่งงานกันมั้ยนั่นก็…

 

เหมือนคุณซิลเวียจะสังเกตเห็นว่าผมรู้แล้ว 

เธอจึงลุกออกมาจากเก้าอี้แล้วเดินมาหาผม พร้อมกับยื่นมือมาจับมือข้างขวาของผมไว้แน่น

 

“ขอร้องล่ะเรียว ช่วยมาที่หมู่บ้านด้วยกันกับฉันในฐานะคู่ครองของฉันที คนที่ฉันจะขอร้องได้ก็มีแต่นายเท่านั้นแหละ”

 

คุณซิลเวียพูดแบบนั้นพร้อมก้มหัวขอร้องผม

อืม….เอาไงดีนะ….

 

ผมก็สนใจหมู่บ้านดาร์กเอลฟ์อยู่หรอกนะ

แต่ถ้าผมไป ก็แปลว่าผมต้องแต่งงานกับคุณวิลเวียสินะเนี่ย?

 

ผมชอบคุณซิลเวียนะ แล้วผมก็อยากช่วยเธอด้วยสิ

(ชอบที่ว่านี่คือพระเอกชอบซิลเวียจริงๆนะครับ ไม่ได้หมายความในทางที่ไม่จริงจัง คือเรียวรักทุกคนในฮาเร็มนั่นแหละครับเอาง่ายๆ ไม่ใช่แค่ว่ามีเซ็กส์กันอย่างเดียว)

 

แต่ว่าแต่งงานงั้นเหรอ….

ถ้าแต่งงานไปแล้วไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างอิสระได้เหมือนเดิมล่ะ…

เอาไงดีนะ…

 

“อ๊ะ จริงสิ ลืมบอกเรื่องที่สำคัญที่สุดไปเลย ถึงจะแกล้งทำเป็นแต่งงานกับฉันในหมู่บ้าน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องจดทะเบียนสมรสหรอกนะ”

 

“เอ๊ะ งั้นหรอกเหรอ?”

 

“อา จริงๆแล้วหลังทำพิธีแต่งงานต่อหน้าพระเจ้าในหมู่บ้านแล้ว ก็ต้องไปประกาศให้ประเทศได้รับรู้และทำขั้นตอนการจดทะเบียนน่ะนะ แต่ในเรื่องนั้นฉันจะหลอกทุกคนในหมู่บ้านไปว่าฉันจดทะเบียนไปแล้วเอง เพราะงั้นไม่ต้องห่วงหรอกนะ ไม่ได้จดทะเบียนสมรสจริงๆหรอก”

 

ทำไมเรื่องมันถึงได้ไปไกลถึงขนาดนั้นกันล่ะเนี่ย….?

ผมเอียงคอด้วยความสับสน

 

เพื่อที่จะได้รับสืบทอดมรดก ถึงกับต้องหลอกทุกคนในบ้านเกิดเลยงั้นเหรอ?

แต่ถ้าเป็นงั้น ต่อให้อีกฝ่ายไม่ใช่ผมมันก็คงได้เหมือนกันนี่นา

 

ถ้าตามค่านิยมของโลกนี้แล้ว คุณซิลเวียจัดอยู่ในประเภทที่เรียกได้ว่าน่าเกลียด

แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าเธอเอาเรื่องมรดกมาล่อ ยังไงก็คงมีผู้ชายยอมแต่งงานกับเธออยู่ดีแหละ

 

เพราะอดีตสามีของคุณซิลเวียยังแต่งงานกับเธอเพราะฐานะของเธอเลยนี่นะ

 

คุณซิลเวียมีสีหน้ากังวลนิดหน่อยกับความสงสัยของผม

แต่เธอก็ได้เดินเข้ามาข้างผมและกระซิบที่ข้างๆหูผม

 

“เรื่องที่คุยกันเมื่อกี้นี้น่ะ สัญญากับฉันได้มั้ย ว่าจะไม่บอกใครเด็ดขาดแม้กระทั่งพวกคาร์ล่าน่ะ?”

 

“เข้าใจแล้ว…”

 

หลังจากนั้นคุณซิลเวียก็พูดต่อด้วยท่าทางที่ดูประหม่า

พอเห็นเธอแบบนั้นแล้ว อยู่ดีๆร่างกายผมก็รู้สึกมีพลังขึ้นมาเลย

 

“ขอบใจนะ แล้วก็นะ ฉันบอกไปแล้วสินะว่ามรดกนั้นยังมีที่ดินอยู่อีกน่ะ?”

 

“อืม”

 

“ที่จริงแล้ว หนึ่งในที่ดินที่ท่านทวดฉันมีน่ะ…มีซากโบราณสถานของไฮเอลฟ์ที่ยังหลงเหลืออยู่ด้วยน่ะ”

 

“ซากโบราณสถานของไฮเอลฟ์!?”

 

ตกใจเลยนะเนี่ย ถ้าพูดถึงไฮเอลฟ์แล้วล่ะก็  

พวกเขาน่ะเป็นเผ่าที่สูญพันธ์ไปแล้วเมื่อ 2000 ปีก่อน

 

บันทึกในกิลด์นักผจญภัยบอกไว้ว่าพวกเขาคือบรรพบุรุษของเอลฟ์และดาร์กเอลฟ์

และพวกเขายังมีพลังเวทย์ที่มหาศาลและความฉลาดล้ำ

 

แต่ติดที่ว่าพวกเขาเป็นคนที่หยิ่งยโสในตัวเองและดูถูกเผ่าพันธ์อื่น

และดูเหมือนว่าท้ายที่สุดแล้วจะเกิดการขัดแย้งระหว่างไฮเอลฟ์กันเองขึ้นด้วย

 

เมจิคไอเทมที่พวกเขาสร้างขึ้นที่เรียกว่า”สิ่งประดิษฐ์”นั้น

มีพลังมหาศาลกว่าเมจิคไอเทมในปัจจุบันนี้มาก

และสิ่งประดิษฐ์ที่ว่านั่น ในปัจจุบันนี้ได้ถูกเก็บไว้โดยรัฐเรียบร้อยแล้ว

 

เพราะถ้าปล่อยให้ไอเทมแบบนั้นออกมาอยู่ภายนอกล่ะก็

จะเกิดอะไรขึ้นกับโลกบ้างก็ไม่รู้ล่ะนะ

 

“มีซากโบราณสถานของไฮไอลฟ์อยู่จริงๆงั้นเหรอ….!?”

 

“อา ที่นั่นอยู่ห่างจากหมู่บ้านของดาร์กเอลฟ์ไปแค่นิดหน่อยน่ะนะ ท่านทวดของฉันไปเจอเข้าเมื่อนานมาแล้วน่ะ แล้วตอนที่ฉันโตขึ้นแล้วท่านทวดก็ได้พาฉันไปดูที่นั่นด้วยตัวเองน่ะนะ”

 

“เหลือเชื่อเลยนะเนี่ย….แล้วถ้าเกิดว่าเอาซากโบราณสถานของไฮเอลฟ์และโฉนดที่ดินของที่นั่นไปประมูลกันที่เมืองหลวงล่ะก็ คงจะมีมูลค่าเป็นล้านๆ ไม่สิ คงมีค่าเป็นหลายพันล้านล้านแน่ๆ….”

 

คุณซิลเวียพยักหน้าด้วยสีหน้าจริงจัง

 

“อา ใช่แล้วล่ะ แต่ทว่าท่านทวดของฉันก็ไม่ได้เปิดเผยมันสู่สาธารณะและยังพยายามรักษามันไว้ แล้วในหมู่บ้านก็มีแค่ไม่กี่คนด้วยที่รู้ถึงการมีอยู่ของซากโบราณสถานนี้น่ะ”

 

“งั้นเหรอครับ…แต่จากมุมมองพนักงานกิลด์อย่างผมแล้ว ผมคิดว่าที่นั่นควรจะต้องมีการตรวจสอบก่อนอย่างถูกต้องด้วย ว่ามีอาติแฟกต์อันตรายอยู่รึเปล่าด้วยน่ะนะ”

 

คุณซิลเวียยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ให้กับคำพูดของผม

 

“ก็อย่างที่ว่านั่นแหละนะ แต่ว่าท่านทวดของฉันน่ะได้สำรวจซากโบราณสถานทั้งหมดด้วยตัวเองไปแล้วและท่านก็ยืนยันได้ว่าไม่มีสิ่งประดิษฐ์อะไรหลงเหลืออยู่ในซากโบราณสถานนั้นเลยและตัวซากโบราณสถานเองก็ไม่มีเวทย์มนตร์อะไรตกค้างด้วย เพราะงั้นฉันยืนยันได้เลยว่าที่นั่นมีเพียงแค่คุณค่าทางวัฒธรรมเท่านั้น”

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ประกาศถึงการมีอยู่ของโบราณสถานไปเลยไม่ดีกว่าเหรอ? ถ้าที่นั่นมีค่าแค่เพียงคุณค่าทางวัฒนธรรมเฉยๆแล้วล่ะก็ ต่อให้จะประกาศออกไปให้ประเทศรับรู้ แต่ท่านทวดก็ไม่ได้เสียประโยชน์อะไรอยู่ดีนี่นา”

 

“อืม…”

 

คุณซิลเวียเริ่มทำสีหน้าที่ดูลำบากกว่าเดิม

 

“นั่นสินะ ก็อาจจะจริงอย่างที่ว่า แต่ว่านะ ถ้าเกิดว่าต้องประกาศออกไปล่ะก็ ซากโบราณสถานคงจะต้องถูกทำลายหรือไม่ก็ถูกประเทศทำอย่างอื่นใช่มั้ยล่ะ บางทีแล้วซากโบราณก็อาจจะถูกทำลายไปทั้งหมด เพราะรัฐถือว่ามันเป็นสถานที่อันตรายด้วย”

 

“……”

 

“ท่านทวดของฉันน่ะต้องการรักษาซากโบราณสถานนั้นไว้เพื่อที่จะส่งต่อไปยังคนรุ่นหลัง ตอนที่ท่านพาฉันไปดูที่นั่นท่านพูดกับฉันเอาไว้ว่า [ดูอารยธรรมอันยิ่งใหญ่ที่บรรพบุรุษของเราเคยสร้างไว้นี่สิ ภูมิใจเอาไว้เถอะนะและจงคิดไปด้วยว่าทำไมพวกเขาที่สร้างอารยธรรมอันยิ่งใหญ่แบบนี้ไว้ถึงได้สูญสลายไปน่ะ] แบบนี้น่ะ…เพราะงั้นแล้ว ฉันน่ะ…”

 

“คุณซิลเวียน่ะ อยากปกป้องซากโบราณสถานที่แสนสำคัญของท่านทวดไว้งั้นสินะ?”

 

สีหน้าของคุณซิลเวียตอนที่กำลังพูดอยู่นั้น

เหมือนว่าเธอกำลังระลึกถึงวันเก่าๆที่ผ่านมานานมากแล้ว

และหลังจากที่เธอได้ยินคำพูดของผมเธอก็รู้สึกเขินเล็กน้อย

 

“อืม ใช่แล้วล่ะ…ฉันน่ะประทับใจในความรู้สึกนั้นของท่านทวดมากเลยล่ะ นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ฉันอยากจะรักษาซากโบราณสถานของไฮเอลฟ์นั่นไว้และส่งต่อมันไปยังคนรุ่นหลังของหมู่บ้านน่ะนะ”

 

“เพราะงั้น ก็เลยต้องการที่จะเอาที่ดินนั่นมาผ่านการรับมรดกสินะ”

 

“อา….อาจจะสร้างปัญหาให้เรียวอยู่บ้าง แต่ช่วยให้ความร่วมมือกับฉันหน่อยจะได้รึเปล่า? ฉันจะตอบแทนนายอย่างแน่นอน ฉันสัญญาเลยว่านอกจากที่ดินนั่นแล้ว ฉันจะยกมรดกทั้งหมดของฉันให้นายเลยล่ะ”

 

พอพูดเสร็จ คุณซิลเวียก็จับมือผมแน่นอีกครั้งหนึ่ง

แล้วผมก็พูดตอบเธอไปด้วยรอยยิ้ม

 

“ผมไม่ต้องการมรดกหรอกนะ แต่ขอแค่ให้ผมไปดูที่ซากโบราณสถานนั่นด้วยตาของตัวเองหน่อยจะได้รึเปล่า?”

 

“…..!”

 

พอผมพูดแบบนั้นไป คุณซิลเวียก็หน้าตาดูสดใสขึ้นมา

แล้วเธอก็เข้ามากอดที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ซะแน่นเลย

เธอกอดโดยกดหัวผมเข้าไปที่หน้าอกของเธอซะแน่นเลยทีเดียว

 

เพราะแบบนี้ ตอนนี้หน้าของผมเลยแนบเข้ากับหน้าอกนุ่มๆของคุณซิลเวียเต็มๆ

ตอนนี้รู้สึกโคตรจะมีความสุขเลย

 

“ขอบคุณนะเรียว! ฉันจะตอบแทนเรื่องในครั้งนี้ให้แน่นอนเลย”

 

“คุณซิลเวีย….”

 

ถึงคุณซิลเวียจะพูดแบบนั้นก็เถอะ

แต่แรกเริ่มเดิมทีแล้วคนที่ทำให้คุณซิลเวียต้องหย่าก็คือตัวผมเองด้วยแหละ~….

 

ถ้าคุณซิลเวียไม่มาเจอกับผม เธอก็คงไม่ต้องหย่ากับนายคางคกคนนั้นแล้วล่ะนะ

ถ้าไม่งั้นเธอก็คงจะตรงตามเงื่อนไขไปตั้งแต่แรกและได้รับมรดกไปแล้ว….

เพราะงั้น ครั้งนี้ผมต้องให้ความร่วมมือกับเธอล่ะนะ

 

“จะว่าไปแล้ว….”

 

แขนของคุณซิลเวียที่กอดผมผ่อนแรงลง ผมจึงเงยขึ้นไปมองหน้าเธอ

แล้วเธอก็หน้าแดงและจ้องกลับมาที่ผม

 

“เรียว หลังจากนี้นายมีแผนจะทำอะไรรึเปล่า? แบบว่าฉันก็ไม่ได้เจอนายมาพักนึงแล้วด้วยแล้วนี่นะ….ที่ตรงนี้มันเลยรู้สึกทรมาณจนทนไม่ไหวแล้วล่ะ….♡”

 

พอพูดเสร็จ คุณซิลเวียก็ใช้มือลูบแถวๆท้องช่วงล่างของตัวเอง

พร้อมกันนั้นลมหายใจที่ร้อนผ่าวก็ออกมาจากริมฝีปากของเธอด้วย

ผมจึงพยักหน้าไปโดยที่ไม่พูดอะไรเลยซักคำ

 

 

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนาน

Status: Ongoing
อ่านนิยาย นักผจญภัยหญิงแรงค์ S ขึ้นคาน ในโลกคู่ขนานผมทำตามที่กิลด์มาสเตอร์สั่งและเดินตรงไปยังห้องประเมินของกิลด์ ในตอนที่ผมเปิดประตูเข้าไป สินค้าก็ได้วางอยู่ในห้องไว้อยู่แล้ว และเมจิคไอเทมที่กิลด์มาสเตอร์อยากให้ผมประเมินนั้นวางอยู่บนโต๊ะ ผมเดินไปหยิบคริสตัลประเมินออกมาจากตู้และเปิดใช้งานมันด้วยพลังเวทย์ คริสตัลประเมินนี่ถือว่าเป็นของมีค่ามากเลยทีเดียว ในแต่ละกิลด์ภายในอาณาจักรจะต้องคริสตัลนี้สาขาละ1อัน ก็ตามชื่อน่ะนะ คริสตัลอันนี้ มีไว้เพื่อใช้ประเมินค่าของเมจิคไอเทม ผมบอกตัวเองว่า ถ้าผมทำคริสตัลอันนี้แตกขึ้นมาล่ะก็ ต่อให้ผมจะเกิดใหม่ซัก 3 รอบก็คงไม่มีทางทำงานหาเงินมาจ่ายได้แน่ๆ จะว่าไปแล้ว คริสตัลอันนี้มันจำทำให้เราคิดมากจนเกินไปหน่อยแล้วมั้ง? หรือนี่มันจะเป็นชะตากรรมของผมกันนะ? ในตอนนั้นเองที่ผมกำลังหยิบคริสตัลประเมินผมไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่า ชายเสื้อของผมมันไปเกี่ยวกับไอเทมเวทย์มนต์บนโต๊ะและตอนที่ผมขยับออกมา เมจิคไอเทมอันหนึ่ง–ขวดแก้วเล็กๆ ตกลงไปที่พื้นและแตกเป็นเสี่ยงๆ

Comment

Options

not work with dark mode
Reset