นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) – ตอนที่ 2 นับถอยหลัง

ตอนที่ 2 – นับถอยหลัง

 

หญิงวัยกลางคนก้าวเท้าเร็ว ๆ มาที่ทางเข้าร้านฝูหลาย เธอมองไปทางชายชรา “ลุงจาง ทำไมชิ่งเฉินมาเล่นหมากรุกกับคุณอีกแล้ว”

จากคำพูดของทั้งคู่แสดงว่าเป็นคนรู้จัก

เพียงแต่น้ำเสียงของลุงจางไม่ได้สุภาพขนาดนั้นเลย “ลูกของเธอเอง เธอมาถามฉันรึ เขาไม่มีค่าใช้จ่ายแล้ว ได้แต่อาศัยการเล่นหมากรุกหาเงินนิดหน่อยให้ตัวเองกินข้าว”

หญิงวัยกลางคนจางหวั่นฟางอึ้งไป “แต่ฉันโอนค่าใช้จ่ายของชิ่งเฉินให้พ่อเขาทุกเดือนนะ”

คำพูดนี้ก็พูดจนลุงจางอึ้งไปเหมือนกัน “งั้นฉันก็ไม่รู้แล้วว่าเรื่องเป็นมายังไง”

ลุงจางครุ่นคิด จางหวั่นฟางก็ไม่ใช่คนยากไร้อะไร ดูท่าว่าค่าใช้จ่ายที่ให้ชิ่งเฉินก็ไม่ถือว่าน้อย แต่ทำไมเด็กหนุ่มนั่นยังขัดสนทุกวี่วันอยู่ล่ะ

ชิ่งเฉินไม่เหมือนคนฟุ่มเฟือย ทุก ๆ วันคำนวณอย่างละเอียด เครื่องดื่ม* ก็ยังไม่จิบสักอึก

“แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่ว่าควรจะติวช่วงเย็นเหรอ” จางหวั่นฟางถาม

ตอนนี้ลุงจางจึงนึกขึ้นได้ “เหมือนเขาจะบอกว่ารอคนอยู่”

“ไม่ได้ ฉันต้องกลับบ้านไปดูสักหน่อย” จางหวั่นฟางกล่าว

ว่าแล้วเธอก็จะหิ้วเค้กรีบก้าวจากไป แต่กลับได้ยินผู้ชายที่อยู่ข้างกายเธอกล่าวขึ้นอย่างกะทันหันว่า “หวั่นฟาง วันนี้วันเกิดฮ่าวฮ่าว พวกเราจองที่เอาไว้แล้ว กินเสร็จยังต้องพาเขาไปดูหนังนะ!”

จางหวั่นฟางหันหน้ามาทางผู้ชาย “ชิ่งเฉินอาจจะโดดเรียน ฉันไม่สนใจไม่ไต่ถามก็ไม่ได้นะ”

“เขาตั้งสิบเจ็ดแล้ว ดูแลตัวเองได้น่า อีกอย่าง ยังมีพ่อเขานะ” หลังจากผู้ชายพูดจบก็ผ่อนคลายน้ำเสียงลง “ที่จริงรอสุดสัปดาห์ค่อยไปดูเขาก็ได้แล้ว วันนี้พวกเราอยู่เป็นเพื่อนฮ่าวฮ่าวก่อนนะ”

จางหวั่นฟางได้ยินคำพูดนี้แล้วก็ขมวดคิ้ว หลังจากเพียงไม่กี่วินาทีสุดท้ายก็ถอนหายใจคำหนึ่ง “ได้ วันนี้เป็นเพื่อนฮ่าวฮ่าวฉลองวันเกิดก่อน”

…….

ในถนนเล็ก ๆ ปกคลุมด้วยร่มไม้เขตพักอาศัยข้าราชการตะวันตก ชิ่งเฉิงเดินเงียบ ๆ ใต้ต้นการบูรส่งกลิ่นหอม

ไม่เหมือนกับสไตล์อาคารสูงของเมืองทันสมัย ในเขตพักอาศัยนี้ล้วนเป็นตึกเล็ก ๆ สี่ชั้นยุคเจ็ดศูนย์ ไม่มีลิฟต์ ไม่มีแก๊ส บางครั้งบางคราวท่อน้ำทิ้งก็ยังอุดตัน

ในบ้านไม่สามารถใช้เครื่องใช้ไฟฟ้ากำลังแรง เพราะว่าไฟจะตัด

ชิ่งเฉินเดินเข้าประตูมืดสลัว ไม่สนใจป้ายโฆษณาขายบ้านที่ปิดเลอะเทอะเหมือนกลากเกลื้อน หยิบกุญแจออกมาไขเปิดประตูบ้านชั้นหนึ่ง

บ้าน 76 ตารางเมตร สองห้องนอนหนึ่งห้องนั่งเล่น บ้านชั้นที่หนึ่งแสงไฟไม่ดีอย่างมาก

เขาหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดหน้ารายชื่อเบอร์โทรศัพท์ จากนั้นกดโทรออก “เอ่อ พ่อ…..”

เสียงของโทรศัพท์ด้านนั้นตัดบทเขาว่า “ค่าใช้จ่ายไปหาแม่แกโน่น กูไม่มีเงิน ตอนนี้นางนั่นมีเงินเยอะ”

ระหว่างที่พูด ด้านนั้นของโทรศัพท์ยังมีเสียงเล่นไพ่นกกระจอกลอดออกมา

“ผมไม่ได้ต้องการเงิน” ชิ่งเฉินกล่าวเสียงค่อย “ผมไม่ได้ขอเงินจากพวกคุณตั้งนานแล้ว”

“งั้นจะเอาอะไร” ผู้ชายพูดอย่างหมดความอดทน “ไปโรงเรียนประชุมผู้ปกครองอีกแล้วรึ ไปหาแม่แก เรื่องพวกนี้….”

ยังไม่รอให้อีกฝ่ายพูดจบ ครั้งนี้ชิ่งเฉินตัดสายโทรศัพท์ด้วยตัวเอง

เขาค่อย ๆ เอนหลังพิงประตูบ้านที่ปิดสนิท จากนั้นเลิกแขนเสื้อคลุมของชุดนักเรียนตนเองขึ้นมา

เขาจ้องมองตัวเลขและสัญลักษณ์สีขาวเหมือนหน้าจอ LCD บนท้องแขนตนเองอย่างเหม่อลอย  : นับถอยหลัง 5:58:13

ตัวเลขสีขาวเหมือนรอยสักเรืองแสงที่ฝังอยู่ในเนื้อหนังของเขา ไม่ว่าเขาจะขัดถูอย่างไรล้วนไม่มีหนทางจะลบมันออกไปได้

มองพวกมันใกล้ ๆ ชิ่งเฉินยังเห็นว่าในตัวเลขนั้นมีลวดลายที่พิเศษและละเอียดอ่อน คล้ายกับเป็นชิ้นส่วนจักรกลที่สอดประสานกัน เต็มไปด้วยความรู้สึกถึงเทคโนโลยีโลกอนาคต

ตัวเลขเปลี่ยนแปลงอย่างไร้สุ้มเสียง

นับถอยหลัง 5:58:12

นับถอยหลัง 5:58:11

ยังเหลืออีก 5 ชั่วโมง 58 นาที 11 วินาที ทุกสิ่งนี้ล้วนคล้ายกับจะย้ำเตือนชิ่งเฉินว่า 5 ชั่วโมง 58 นาทีให้หลังจะเกิดเรื่องราวเหนือจินตนาการขึ้น

เห็นชัด ๆ ว่าไม่มีเสียง ชิ่งเฉินกลับเหมือนได้ยินเสียงเข็มวินาทีเคลื่อนที่อยู่ในใจ

 ชิ่งเฉินเหลือบมองโทรศัพท์ที่ตัดสายแล้ว แล้วก็เหลือบมองห้องอันว่างเปล่าไร้ผู้คน

เขาไม่รู้ว่าหลังจาก 5 ชั่วโมง 58 นาทีตนเองจะพบกับชีวิตแบบไหน เขาแค่รู้ว่าสิ่งที่เขาสามารถพึ่งพามีเพียงตัวเขาเอง

……….

เวลาเป็นมาตรวัดที่หนักหน่วงมาก ความยาวของชีวิต ความกว้างของอารยธรรม ล้วนจะใช้มันเป็นหน่วยวัด

แนวคิดของเวลาคงอยู่ในชีวิตของทุกคน

ดังนั้นเมื่อในชีวิตคุณปรากฏเวลานับถอยหลังใด ๆ ขึ้นมา ไม่ว่าสิ่งที่มันนับถอยหลังจะเป็นอะไร ล้วนจะทำให้คุณเกิดความรู้สึกรีบเร่งอยู่บ้าง

ยังมี 5 ชั่วโมง ไม่มีใครรู้ว่าจุดจบของการนับถอยหลังนี้คืออะไร

อาจจะอันตราย? แล้วก็อาจจะเป็นชีวิตอีกอย่างหนึ่ง?

ชิ่งเฉินไม่มีทางแน่ใจ เขาได้แต่เพียงวางแผนเผื่อสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไปก่อน

ดังนั้นเขาจำเป็นต้องเตรียมการบางอย่างก่อนที่การนับถอยหลังนี้จะสิ้นสุดลง

ถ้าเกิดมีอันตรายมาเยือนจริง ๆ งั้นอย่างน้อยเขาต้องทำให้ตัวเองมีความสามารถในการต่อต้านอันตรายสุดขอบเขตความสามารถของเขา

ชิ่งเฉินเปลี่ยนไปใส่เสื้อคลุมสะอาดสีเทา ใช้หมวกฮู้ดปิดบังหน้าตาของตนเอง

ใช้ประโยชน์จากความมืด

เขาออกจากบ้านเดินไปทางตลาดของสด สีของท้องฟ้าเดือนตุลาคมในเมืองลั่วมืดมานานแล้ว

ในอาคารพักอาศัยมีเสียงทำอาหารลอดออกมา เสียงปะทุที่ปล่อยออกหลังจากกับข้าวเจอกับน้ำมัน ทันใดนั้นก็มีกลิ่นที่ดึงดูดผู้คนล่องลอยออกมา

รสชาติของไข่ไก่, เนื้อหมู, เนื้อแพะไหลบ่าเข้าสมองของชิ่งเฉินเหมือนเส้นสายข้อมูล ในเวลาหนึ่งเมื่อเขาต้องการข้อมูลพวกนี้ก็จะสามารถสกัดออกมาจาก “หน่วยความจำ” ส่วนใดส่วนหนึ่งในสมองได้

เขาซื้อคีมและพลั่วจากร้านช่าง ซื้อข้าวหนึ่งถุงและแป้งหนึ่งถุงรวมทั้งเกลือจากร้านของชำ

เขายังซื้อยาฆ่าเชื้อหลายกล่องจากร้ายขายยา ซื้อแบตเตอรี่และไฟฉายกับบิสกิตแข็งจากซูเปอร์มาร์เก็ต

ตอนที่ไม่รู้ว่าตนเองจะเจอกับอะไร เขาได้แต่เตรียมความพร้อมสุดความสามารถ

สิ่งของพวกนี้แทบจะใช้เงินเก็บของชิ่งเฉินไปทั้งหมด

หลังจากชิ่งเฉินเอาของกลับบ้านก้เข้าไปในห้องครัว เขาเอามีดที่ใช้ได้บนเขียงออกมาก่อน ทั้งหมดวางอยู่ในสถานที่ที่สะดวกมือที่สุดในบ้าน

มีดหั่นผักวางอยู่ใต้หมอน มีดเลาะกระดูกวางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียง

นับถอยหลัง 2 ชั่วโมง 43 นาที 11 วินาที

เขายืนยันว่าประตูหน้าต่างล้วนปิดสนิทแล้วจึงได้นั่งลงข้างเตียงแล้วเริ่มใคร่ครวญว่าจะหาคนช่วยดีไหม

หาใครล่ะ

แม่มีครอบครัวใหม่แล้ว พ่อเป็นผีพนัน

ที่จริงเมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนตอนที่ชิ่งเฉินพบว่าบนแขนของตนเองปรากฏเลขนับถอยหลังขึ้นมา เขาที่อายุเพียง 17 ปีคิดจะขอความช่วยเหลือจากพ่อแม่ตามจิตใต้สำนึก

แต่เขาปฏิเสธความคิดนี้ไป

ชิ่งเฉินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาลองถ่ายรูปตัวเลขนับถอยหลังสีขาวบนแขนของตนเอง ผลกลับพบว่าลายเส้นสีขาวที่เห็นได้ด้วยตาเปล่าของตัวเองอยู่ชัด ๆ กลับไม่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือเลย

ในห้องมืดสลัวไม่ได้เปิดไฟ หน้าต่างไม่ได้กันเสียง เพราะว่าเป็นชั้นแรก ดังนั้นเขายังสามารถได้ยินเสียงฝีเท้าคนสัญจรผ่านข้างนอกบ่อยครั้ง

เสียงฝีเท้าภายนอก เสียงหายใจในห้อง หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่สว่างอ่อน ๆ ทุกสิ่งล้วนช่างเงียบเชียบและแปลกประหลาดนัก

เรื่องราวที่แปลกประหลาดและเหนือหลักเหตุผลประเภทนี้ หาคนธรรมดาเพื่อขอความช่วยเหลือไปก็เกรงว่าจะไม่มีประโยชน์ แถมที่โรงเรียนตัวเองก็ไม่ได้มีเพื่อนที่สนิทเป็นพิเศษอะไรเลยด้วย

ถึงจะมีก็ไม่ควรจะเอาคนธรรมดามาเกี่ยวข้องกับเรื่องประเภทนี้รึเปล่า

ดังนั้น ถ้าอยากจะหาผู้ช่วย ได้แต่คิดถึงวิธีการอื่น ๆ

เดี๋ยวนะ ชิ่งเฉินเหมือนจะนึกถึงอะไรได้ ลุกขึ้นเดินเข้าห้องนั่งเล่นคุ้ยหา

สองนาทีให้หลัง เขามองดูจี้เจ้าแม่กวนอิมในมือเงียบ ๆ

จากนั้นวางไว้ตรงหน้าตนเองอย่างจริงจัง

งานเตรียมความพร้อมสิ่งสุดท้าย ทำเสร็จแล้ว

…………………………..

* เครื่องดื่มในที่นี้หมายถึงชากาแฟเหล้าน้ำอัดลมน้ำผลไม้ ฯลฯ ใด ๆ ก็ตามที่ไม่ใช่น้ำเปล่าน่ะค่ะ สรุปคือน้องดื่มแต่น้ำประปานั่นแหละ

 

น้องเป็นคนเตรียมพร้อมค่ะ ไม่รู้จะทำยังไงไหว้พระไปก็ยังดี 555

 

ตอนต่อไป น้องนึกขึ้นได้ว่านี้อาจจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายในชีวิตแล้ว ถ้าคุณกำลังจะตาย คุณอยากทำอะไร?

 

ตอนที่ 3 – โลกที่แตกสลาย

Options

not work with dark mode
Reset