นิยามแห่งราตรี (Night’s Nomenclature ) – ตอนที่ 32: นักเลง

ตอนที่ 32 – นักเลง

 

“อันที่จริง……ฉันก็ไม่ได้วางแผนจะแย่งเงินค่าขนมเธอจริง ๆ หรอกนะ ฉันก็ถามดูเล่น ๆ” ชิ่งเฉินกล่าวอย่างอิหลักอิเหลื่ออยู่บ้าง

ขณะนี้ แม้แต่เขาเองก็อับอายขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว

คิดถึงเงินจนบ้าไปแล้วจริง ๆ……

แต่ชิ่งเฉินตระหนักแล้วว่าหลี่ถงอวิ๋นก็กำลังระแวงว่าเขาเป็นผู้ทะลุมิติ

อาจจะเพราะว่าตนเองให้ความสนใจต่อโลกภายในจนเกินไป ถามนั่นถามนี้ตลอด หรืออาจจะเป็นตนเองเดาใส่ตัวเธอ

ตอนที่เขาพูดอย่างไม่ลังเลสักนิดว่าตนเองไม่ต้องการเงินโลกภายใน อีกฝ่ายได้ปล่อยวางความคิดหวาดระแวงไปแล้ว

คืนนี้โดยรวมแล้วชิ่งเฉินมีผลรับมาก อย่างน้อยยืนยันสถานะผู้ทะลุมิติของหลี่ถงอวิ๋น

ณ ตอนนี้ตนเองอยู่ในสังเวียนแห่งเงาตระกูลชิ่ง เพื่อนมากขึ้นหนึ่งคนดีกว่าไม่มีเพื่อนเสมอ

ถึงแม้หลี่ถงอวิ๋นเพียงแค่สิบขวบ แต่ไม่แน่ว่าวันไหนจะช่วยเหลือได้

ก็อย่างที่เขาตอนก่อนทะลุมิติครั้งแรกไปไหว้พระ การเตรียมการทำงานจำเป็นต้องทำล่วงหน้า

ในขณะที่เจียงเสวี่ยยังล้างจานชามไม่เสร็จ หลี่ถงอวิ๋นกล่าวกับชิ่งเฉินเสียงค่อย ๆ ว่า “หนูที่โลกภายนอกไม่มีเงินค่าขนมอะไรจริง ๆ หรือว่าพี่ชิ่งเฉินเปลี่ยนเงื่อนไขได้ปะล่ะ”

“เปลี่ยนเงื่อนไขอะไร” ชิ่งเฉินถาม

“หนูจะรู้ได้ไง ยังไงพี่ก็ไม่สามารถบอกแม่หนูนะ” หลี่ถงอวิ๋นกดเสียงลงต่ำอีกครั้ง

“ก็ได้ เรื่องนี้เธอติดค้างไปก่อน” ชิ่งเฉินมองเงาหลังของเจียงเสวี่ยในห้องครัว “เธอจำไว้ว่าต้องดูแลแม่เธอให้ดีนะ ฉันเห็นทุกคนพูดว่าโลกภายในค่อนข้างสับสน”

“อืม วางใจเถอะ”หลี่ถงอวิ๋นกล่าวอย่างพึงพอใจเต็มที “รอให้ตอนหลังพี่มีโอกาสทะลุมิติไปถึงโลกภายใน หนูจะคุ้มครองทุกคน!”

ชิ่งเฉินหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้อยู่บ้าง คำสัญญาของเด็กน้อยมันช่างไร้เดียงสาและเรียบง่ายอย่างนี้

เขากล่าวทักทายเจียงเสวี่ยแล้วลงบันได เทียบกับชั้นบนแล้ว ในบ้านของตนเองดูจะเงียบสงบกว่ากันเยอะ

ไม่มีญาติ แล้วก็ไม่มีคนคุยด้วย

ชิ่งเฉินเปิดโทรศัพท์มือถือดูกลุ่มแชตห้อง ข้างในยังเป็นการถกกันอย่างมืดบอดโดยไม่มีเนื้อหาสาระ ผู้ทะลุมิติของชั้นมัธยมปลายปีสองห้อง 3 น่าจะมีแค่เขากับหนานเกิงเฉินสินะ

เขาเปิดเวยป๋ออีก ค้นพบด้วยความตกตะลึงว่ามีฮอตเสิร์ชสองอันกำลังไต่ขึ้นอย่างรวดเร็ว : ต่างประเทศมีองค์กรเร้นลับเสนอรางวัล ให้ราคาซื้อสูงเสียดฟ้าสำหรับอวัยวะจักรกลและสินค้าเทคโนโลยีอนาคตของโลกภายใน

มีคนแปะแคปหน้าจอไว้บนอินเตอร์เน็ต อีกฝ่ายถึงขนาดทำรายชื่อสินค้าเรียงเอาไว้ด้วย : ยาชะลอวัย NECE, ยาแปลงพันธุกรรม EDE-002……

ในนั้นถึงขนาดยังมียาเฉพาะทางของมะเร็งหลากชนิด ล้วนเป็นสิ่งที่โลกภายนอกยังไม่ได้พัฒนาออกมา

สินค้าเทคโนโลยีอนาคตพวกนี้อันที่จริงแล้วมีคุณลักษณะที่พ้องกันหนึ่งอย่าง : ช่วยชีวิต, รักษาชีวิต, หนุ่มสาวตลอดกาล, เสริมความสามารถของร่างกาย

องค์กรนี้อ้างว่าทดสอบประสิทธิภาพของตัวยาแล้ว ส่งผลต่อมนุษย์โลกภายนอกจริง ๆ

พวกเขาถึงขนาดสอนวิธีการขนของต่อผู้ทะลุมิติอย่างเปิดเผย : ห่อเม็ดยาด้วยฟิล์มป้องกันแล้วอมไว้ในปาก หรือว่ากลืนลงท้อง, สอดเข้าช่องทวารหนัก

ชิ่งเฉินอ่านถึงตรงนี้ก็ขมวดคิ้วขึ้นมา คนพวกนี้เพื่อที่จะเอาสิ่งของกลับมาจากโลกภายในถึงกับใช้วิธีการของล่อขนยาเสพติดตรง ๆ เลย

ต้องรู้ว่ามูลค่าของสิ่งของประเภทยาเฉพาะทาง, ยาชะลอวัยนี้ยากที่จะประเมิน เศรษฐีคนหนึ่งถ้าหากร่างกายทุกข์ทรมานด้วยมะเร็งกำลังจะตายในทันที และความหวังหนึ่งเดียวของเขาก็คือยาช่วยชีวิตของโลกภายใน งั้นเขาจะเสนอราคาอะไรออกมา

ราคาเท่าไหร่จึงสามารถเทียบเท่ากับชีวิต

แน่นอนว่าสิ่งของที่ช่วยชีวิตยังมีมากมาย อย่างเช่นไตเทียม, หัวใจเทียม แต่สิ่งของนี้ไม่อาจแบกข้ามมาได้

ชิ่งเฉินปลงอยู่บ้าง ตอนที่ตนเองยังใคร่ครวญว่าจะกลายเป็นผู้เหนือมนุษย์ได้อย่างไร มีคนที่ทำธุรกิจกันแล้ว

แต่วิธีการนี้ เขาในตอนนี้ไม่มีทางใช้ได้

เขาคิดจะขายของแลกสินค้าก็จะต้องเปิดเผยตัวตนของตนเอง

แน่นอนว่าก็อาจจะใช้แฟลชไดร์ฟเอาเทคโนโลยีกลับมาโดยตรง แต่ผู้ทะลุมิติธรรมดาใครจะสามารถเอื้อมไปถึงเทคโนโลยีแกนหลักของโลกภายในได้? อนาคตอาจจะได้ แต่ตอนนี้เหมือนว่ายังไม่มีคนอย่างนี้

ชิ่งเฉินจนกระทั่งตอนนี้อยู่ในเรือนจำหมายเลข 18 แม้แต่ข่าวสารของโลกข้างนอกยังเข้าถึงได้ยากมากเลย

สิ่งสำคัญที่สุดยังเป็นการผูกสัมพันธ์กับหลี่ซูถงให้ดี ๆ

เดี่ยวนะ ชิ่งเฉินตระหนักได้กะทันหัน องค์กรเร้นลับนี่ยังรับอวัยวะจักรกลด้วยนี่!

ไม่กี่วันก่อนยังเพิ่งจะมีผู้ทะลุมิติถูกคนตัดขาทั้งคู่ ตอนนี้คนพวกนี้ให้ราคารับซื้อสูงเสียดฟ้า เกรงว่าจะยิ่งกระตุ้นให้เกิดอาชญากรรมที่เล็งใส่ผู้ทะลุมิติประเภทนี้ขึ้นไปอีกสิ!

ขณะนี้ชิ่งเฉินจู่ ๆ ก็คิดถึงตอนที่ตนเองกลับจากโรงเรียน ชายแปลกหน้าสองคนนั้นที่เห็นในลานตึก!

เขาเดินอย่างไร้สุ้มเสียงไปที่ข้างหน้าต่าง ดึงม่านหน้าต่างเปิดออกเป็นรอยแยกแคบ ๆ มองไปข้างนอก

เพียงแต่คนสองคนซึ่งตอนแรกยังนั่งยอง ๆ อยู่ข้างนอกไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว

ชิ่งเฉินลังเลเพียงสามวินาทีแล้วโทรเรียก 110 ทันที “สวัสดีครับ ผมอยู่ที่ถนนสิงสู่อาคารหมายเลข 12 ลานหมายเลข 4 ตอนหัวค่ำผมพบชายสองคนที่น่าสงสัยมาก ผมรู้สึกว่าพวกเขามีเจตนาร้าย”

เขาลังเลเพราะว่าถ้าหากตนเองประเมินผิดไป งั้นตนเองก็จะแจ้งความเท็จแล้ว

พนักงานรับโทรศัพท์หญิงที่ปลายสายเอ่ยยืนยันว่า “คุณอยู่ที่ลานหมายเลข 4 ถนนสิงสู่ถูกต้องไหมคะ ดิฉันขอยืนยันกับคุณหน่อย คุณเห็นชายแปลกหน้าสองคนอยู่ในเขตพักอาศัย……”

พูดยังไม่ทันจบ ชั้นบนจู่ ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องของหลี่ถงอวิ๋นดังขึ้นมา!

“กรุณาส่งตำรวจมาทันทีเลยนะครับ ขอบคุณ!” ชิ่งเฉินพูดจบก็วางสายโทรศัพท์

สิ่งที่เขาประเมินไม่ผิดพลาด คนสองคนนี้พุ่งมาที่เจียงเสวี่ย

ตอนที่เขาเดินผ่านหน้าทั้งสองคน สองคนนั้นมองไปทั้งหมดสี่ทิศทาง หนึ่งในนั้นก็คือหน้าต่างบ้านเจียงเสวี่ย!

ชิ่งเฉินมาถึงในครัวหยิบพลั่วทหารที่เขาซื้อมาก่อนหน้านี้ ตอนที่กำลังจะออกจากประตูเขาลังเลขึ้นมาอีก

เขาเป็นเพียงนักเรียนอายุ 17 ปีทั่วไปคนหนึ่ง เขาเคยเห็นการตายแต่ว่าเขาก็ยังคงเป็นคนธรรมดานะ!

อีกฝ่ายเป็นผู้ใหญ่สองคน หรือแม้กระทั่งไม่ใช่แค่สองคน ตนเองจะสามารถต่อกรได้หรือ

เสียงคลิกดังขึ้น ชิ่งเฉินจับลูกบิดเปิดประตู ถือพลั่วทหารพุ่งออกไป

เขาไม่ใช่คนดีอะไร เขาเห็นแก่ตัวมาก เขามองเห็นเพื่อนนักเรียนเป็นบ้าไปในเรือนจำหมายเลข 18 ก็ยังไม่ใส่ใจ

แต่จะให้นั่งดูเด็กน้อยอย่างหลี่ถงอวิ๋นพบกับแผนชั่ว ชิ่งเฉินทำไม่ได้!

มีอยู่แวบหนึ่งที่เขาคิดว่าถึงตนเองจะครอบครองความสามารถเหนือมนุษย์ แต่ถ้าไม่มีความกล้าหาญที่สอดคล้องกับมัน งั้นถึงตนเองจะได้รับความสามารถก็ไม่มีประโยชน์อะไร

เพียงแค่ตอนที่เขาเปิดประตูกลับเห็นชายกลางคนคนหนึ่งถึงกับกลิ้งตกบันไดลงมาแล้ว

แขนของอีกฝ่ายบิดอย่างไม่เป็นธรรมชาติ นอนแน่นิ่งอยู่บนขั้นบันไดสลบไม่ได้สติไปแต่แรก

ข้าง ๆ เขายังมีมีดพับหนึ่งเล่มตกกระจาย

ชิ่งเฉินเงยหน้ามองขึ้นไปอีกที พบเห็นด้วยความตกตะลึงว่าเจียงเสวี่ยที่ใบหน้าเปื้อนเลือดกำลังยืนอยู่ชั้นบน เสื้อยืดแขนยาวสีขาวก็ถูกเลือดย้อมเป็นสีแดง

แขนเสื้อหนึ่งข้างของหญิงสาวถูกฉีกขาด เผยแขนจักรกลอันมีลายเส้นสีน้ำเงินส่องสว่างของอีกฝ่ายออกมา อ่อนช้อยทว่าทรงพลัง งดงามแต่แข็งแกร่ง

อีกฝ่ายสั่นไปทั้งตัว แววตากลับค่อย ๆ มั่นคงขึ้นมา

จิตใจของมารดาที่ปกป้องบุตรสาว คนทั่วไปไม่เข้าใจหรอก

เจียงเสวี่ยในขณะนี้เห็นชิ่งเฉินแล้ว มองดูพลั่วทหารในมือเขาอีกที สงบสติอารมณ์ลงแล้วจึงกล่าวว่า “ขอบคุณ”

เธอรู้ว่าชิ่งเฉินมาช่วยเหลือ คนที่สามารถลงมือช่วยเหลือในเวลาเช่นนี้ เธอจะต้องจดจำเอาไว้

“มีแค่คนเดียวเหรอครับ” ชิ่งเฉินถาม

“ยังมีอีกคน หนีไปแล้ว” เจียงเสวี่ยตอบ

“เสี่ยวอวิ๋นเป็นไรไหม” ชิ่งเฉินถาม

เจียงเสวี่ยกล่าวว่า “ถูกทำให้ตกใจกลัว”

ชิ่งเฉินขมวดคิ้ว “คุณไปดูแลเสี่ยวอวิ๋นก่อน”

พูดจบ เขาพุ่งออกจากทางเดินมองร่างร่างหนึ่งที่รีบวิ่งหนีไปอย่างบ้าคลั่งในราตรีกาล

เจียงเสวี่ยอยากจะหยุดยั้งเขา แต่ยังไม่ทันได้อ้าปาก เด็กหนุ่มก็หายลับไปในราตรีกาลแล้ว

แต่จู่ ๆ เธอค้นพบว่าอีกฝ่ายวิ่งไปในอีกทิศทางหนึ่ง

…………………………………

 

 

ตอนที่ 33 – อวัยวะจักรกลแบตหมด

Options

not work with dark mode
Reset