[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก – ตอนที่ 54 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (23) / ตอนที่ 55 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (24)

ตอนที่ 54 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (23)

 

 

ยอมเสียพันตำลึงแลกหนึ่งยิ้ม? มาตรแม้นถวิลหา มิสู้พานพบหน้ากัน

 

 

ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตันหวายจะเป็นนักเรียนศิลปะ แต่ทั้งตัวกลับไม่มีกลิ่นอายความเป็นศิลปินหนุ่มอย่างที่ควรจะเป็นแม้แต่น้อย เพื่อนนักศึกษาต่างพูดกันว่า หากมองที่ตัวคนอย่างเดียว อาจจะคิดว่าเขาอยู่เอกแกะสลักทราย[1]

 

 

ตันหวายเองก็ไม่ชอบคำว่าศิลปินหนุ่มเหมือนกัน มันทำให้เขามักจะนึกถึงกวีปัญญาชนที่เอาแต่ตีความตัวหนังสือ เขารู้สึกว่าคำคำนี้ช่างห่างไกลตนเองเกินไปจริงๆ

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่ตันหวายเข้าใจบทกวีประโยคนี้อย่างลึกซึ้ง มาตรแม้นถวิลหา มิสู้พานพบหน้ากัน

 

 

ตันหวายคลายมือออก ค่อยๆ เอนร่างกลับลงไปนอนบนเตียง

 

 

“คุณจำอะไรได้?” เริ่นตงหลิวถาม เมื่อครู่เยี่ยชิวเหมือนมีเรื่องบางอย่างอยากจะบอกเขา แต่ทำไมจู่ๆ ถึงไม่พูดออกมาแล้วล่ะ?

 

 

ตันหวายหลับตาลงไม่พูดไม่จา เริ่นตงหลิวจ้องมองเขาอยู่นานสองนาน เห็นเขาไม่มีความคิดที่จะกล่าวต่อก็ไม่ได้เอ่ยถามอีก

 

 

ตันหวายค้นพบเป็นครั้งแรกว่าตนนอนน้อยขนาดนี้ เดิมทีเพียงแค่หลับตาเพื่อหลีกเลี่ยงคำถามของเริ่นตงหลิว แต่กลับหลับใหลไปโดยไม่ตั้งใจ ครู่เดียวก็หลับจนถึงเช้าวันที่สองแล้ว

 

 

เอามือลูบหน้าอย่างปวดตื้อ ตันหวายรู้ซึ้งเป็นครั้งแรกว่าอดนอนสบายชั่วคราว นอนชดเชยยาวยันเข้าเมรุหมายถึงอะไร!

 

 

ตอนตื่นมาตันหวายรู้สึกว่ากระดูกกระเดี้ยวอ่อนไปหมด ยันไหล่ลุกขึ้นนั่งบนเตียง ตันหวายสบเข้ากับเริ่นตงหลิวที่เพิ่งจะล้างมือในห้องน้ำเสร็จพอดี

 

 

“คุณยังไม่ไป?” ตันหวายชะโงกคอไปข้างหน้า กระฉับกระเฉงปานกระรอกดินมองเห็นอาหาร

 

 

เริ่นตงหลิวเดินตรงไปนั่งลงบนโซฟา กล่าวเสียงเรียบว่า “กินข้าวได้แล้ว”

 

 

กินข้าวได้แล้ว? อ้อๆ กินข้าวได้แล้ว

 

 

ตันหวายเดินแกว่งมือพร้อมเท้าไปนั่งลง พอเห็นข้าวต้มกับอาหารเคียงอ่อนๆ บนโต๊ะก็ตะลึงงันไป

 

 

ตันหวาย “ซื้อข้างนอกยังมีอาหารเช้าอ่อนๆ แบบนี้ด้วย?”

 

 

มือที่ถือตะเกียบอยู่ของเริ่นตงหลิวหยุดชะงัก “นี่ผมทำเอง ตอนนี้คุณไม่ควรกินอาหารหนัก”

 

 

หา? ทำเอง?

 

 

“คุณทำกับข้าวเป็นด้วย?” ตันหวายตะลึงค้าง ฉันนึกว่านายเป็นชายฉกรรจ์ผู้ไม่เคยแตะต้องงานบ้านงานเรือน คิดไม่ถึงว่านายกลับเป็นแม่ศรีเรือนผู้เพียบพร้อม!

 

 

ตันหวายครุ่นคิดชั่วขณะว่าตนเหมือนเก็บสมบัติล้ำค่าได้ สมบัติล้ำค่าที่ยามแข็งน่ากลัวยามอ่อน (แทบจะไม่) น่ารักเช่นนี้ นึกไม่ถึงว่าจะเป็นภรรยาของตน ตันหวายเพ้อละเมอไปแล้ว

 

 

เริ่นตงหลิวส่งเสียงอืม ไม่ได้อธิบายให้มากความ

 

 

“ถ้าคุณอยากเรียนการแสดง ผมช่วยคุณหาครูสอนให้สักคนก็ได้” เริ่นตงหลิวเอ่ยขึ้นกะทันหัน “แต่คุณต้องยกเลิกสัญญากับไหลอวี๋ก่อน อยู่กับบริษัทแบบนี้ ต่อให้ฝีมือคุณดีแค่ไหนก็ไร้อนาคต”

 

 

ตันหวายชะงัก ก่อนพุ้ยกินข้าวต้มทั้งชามคำโตโดยไม่กล่าวอะไร

 

 

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากยกเลิกสัญญา แต่ว่าเขาไม่มีทางยกเลิกได้เลย ตอนนั้นเจ้าของร่างเดิมคิดท่าเดียวว่าจะอยู่ร่วมกับไอ้สวะสุยยางนั่นไปตลอดชีวิต จึงเซ็นสัญญาสิบปีเหมือนกับสุยยาง แค่ค่าผิดสัญญาก็ปาเข้าไปตั้งห้าล้าน

 

 

อันที่จริงค่าผิดสัญญานี้ถือว่าน้อยแล้ว ตอนนั้นไหลอวี๋ยังเป็นบริษัทใหม่ จำเป็นต้องรีบเปิดรับบุคลากร เจ้าของร่างเดิมนึกเฉลียวใจค่าผิดสัญญาเลยเซ็นตกลงในราคาห้าล้าน

 

 

แต่ว่าตอนนี้แม้กระทั่งห้าแสนเขาก็ยังหามาไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงห้าล้านแล้ว แต่เขาไม่อยากบอกกับเริ่นตงหลิวเลย แบบนี้จะดูเหมือนว่าเขาไร้น้ำยาเกินไป ถึงแม้เขาจะรู้ว่าต่อให้เขาไม่พูด เริ่นตงหลิวก็คงรู้เองอยู่ดี

 

 

“ผมเคยดูละครที่คุณแสดงก่อนหน้านี้ ทักษะการแสดงดีกว่าตอนนี้มาก” เริ่นตงหลิวชำเลืองมองตันหวายโดยไม่ปริปากพูด ก่อนกล่าวต่อว่า “คุณอาจจะต้องลองพบจิตแพทย์”

 

 

จิตแพทย์? ตันหวายเงยหน้าขึ้นมา เริ่นตงหลิวคิดว่าเขาฝีมือตกลงเพราะปัญหาทางจิตหรือ?

 

 

“นี่เป็นนามบัตร” เริ่นตงหลิวเอานามบัตรแผ่นเล็กที่ด้านบนเขียนสโลแกนตัวใหญ่ว่า ‘สุขภาพจิตที่แข็งแรง ติดปีกโบยบินให้แก่คุณ’ พร้อมกับพิมพ์ภาพฟ้าครามเมฆขาววางไว้บนโต๊ะ

 

 

ตันหวายมองนามบัตรที่นอนนิ่งอยู่บนโต๊ะกินข้าวในใจก็หมดคำจะพูดเต็มที นี่คือนามบัตรจริงๆ? ไม่ใช่โฆษณาชวนเชื่อที่โปรยแจกแถวใต้สะพานลอย?

 

 

ตันหวายหน้าตึง ผลักนามบัตรหน้าตาอัปลักษณ์ไปอยู่ตรงหน้าเริ่นตงหลิว “ผมไม่ได้เป็นโรคจิตนะ”

 

 

“ไม่มีคนเมาเหล้าคนไหนยอมรับว่าตัวเองเมาเหล้าหรอก”

 

 

ทำไมรู้สึกว่ามีเหตุผลดีจัง!!!

 

 

“ถึงผมจะเป็นคนแนะนำหมอ แต่ค่ายารักษาคุณต้องจัดการเอง”

 

 

อืม…สมควรอยู่สมควรอยู่

 

 

เดี๋ยวก่อน เขาไม่ได้เป็นโรคจิตสักหน่อย!

 

 

เริ่นตงหลิว “แล้วก็…ค่าปรับผิดสัญญาของไหลอวี๋ผมจะช่วยคุณออกก่อน เดี๋ยวเอาสัญญาแจ้งหนี้มาให้เซ็น”

 

 

ตันหวาย “อ้อ…”

 

 

คุณภรรยาไตร่ตรองทุกเรื่องไว้อย่างรอบคอบแล้ว รู้สึกเหมือนตนกำลังถ่านไฟคุควรทำอย่างไรดี?

 

 

“จริงสิ สัญญามีดอกเบี้ยนะ”

 

 

 

 

 

 

——

 

 

[1] แกะสลักทราย (沙雕 ซาเตี้ยว) เป็นคำแสลงจีนพ้องเสียงกับคำว่าไอ้โง่ (傻掉ส่าเตี้ยว)

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 55 แก้แค้นโลกมายา เจ้าของร่างคนนี้เซ็งนิดหน่อย (24)

 

 

หลังออกมาจากห้องตรวจของจิตแพทย์ ตันหวายก็มองใบรับรองแพทย์ที่เขียนว่า ‘ขอรับรองว่าสุขภาพจิตค่อนข้างแข็งแรง’ ในมือ ก่อนจะผ่อนลมหายใจเฮือกใหญ่

 

 

ระหว่างทางจากห้องตรวจไปถึงหน้าประตูโรงพยาบาล ตันหวายก็เริ่มเปิดโหมดช่างพูดอีกครั้ง

 

 

“ระบบคุณรู้ไหม ผมกลัวว่าอาการซึมเศร้าของเจ้าของร่างเดิมจะถูกตรวจพบจริงๆ เลย” ตันหวายน้ำเสียงเจือแววเจื้อยแจ้วร่าเริง

 

 

(สหาย ทางนี้ไม่แนะนำให้ท่านตรวจสุขภาพจิต ขอแนะนำให้ท่านไปตรวจดูไอคิวหน่อยดีกว่า)

 

 

ตันหวายเลิกคิ้ว เคยชินกับนิสัยเอะอะก็ชอบวิจารณ์ชาวบ้านเช่นนี้ของระบบแล้ว

 

 

“คุณว่าต่อไปผมจะกลายเป็นซุปเปอร์สตาร์ได้หรือเปล่า แบบไมเคิล แจ็คสันน่ะ?”

 

 

(…)

 

 

ระบบตัดสินใจยอมแพ้ มักจะมีคนประเภทหนึ่ง เป็นไอ้งั่งแล้วยังไม่รู้สึกตัว

 

 

หน้าประตูโรงพยาบาลมีโฟล์คสวาเกนโหลดต่ำคันหนึ่งจอดรออยู่ ตันหวายตาเป็นประกาย วิ่งเหยาะเข้าไปหาอย่างห้ามใจไม่ไหว

 

 

(ท่านเจ้าของร่าง ขอโทษทีคุณรู้จักว่าความสำรวมคืออะไรหรือเปล่า?)

 

 

ตันหวายไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย กางแขนออกกว้างหวังจะกอดคนที่ยืนสูบบุหรี่พิงอยู่ข้างรถ

 

 

แน่นอน ในที่สุดตันหวายก็ได้สัมผัสแนบชิดกับตัวรถที่โหลดต่ำและหรูหราคันนั้นเต็มเปา

 

 

รถยังไม่ทันติดเครื่อง ตันหวายก็รัดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว พลางมองดูเริ่นตงหลิวที่นั่งลงขับด้วยสายตาคับแค้นใจ “ขอโทษนะคุณมีไฟแช็กไหม?”

 

 

เริ่นตงหลิวล้วงหยิบไฟแช็กโยนมาให้เขาทันที

 

 

ตันหวายชูไฟแช็กขึ้นมา กล่าวอย่างเอาจริงเอาจัง “ที่แท้คุณก็ใช้เจ้าสิ่งนี้จุดไฟในหัวใจผมนี่เอง”

 

 

เริ่นตงหลิวมือสั่นสะท้าน เกียร์ออโต้เกือบจะลื่นหลุดออกไปจากมือ

 

 

สูดลมหายใจลึก เริ่นตงหลิวจ้องมองตันหวายอย่างขึงขัง ก่อนโพล่งออกมาคำหนึ่งด้วยความรู้สึกลึกซึ้งว่า “ไปให้พ้นเลย!”

 

 

ตันหวายเบะปากคว่ำ คิดว่าคนคนนี้ช่างน่าเบื่อเสียจริง

 

 

เริ่นตงหลิวส่งเขากลับบ้านเสร็จแล้วก็จากไปทันที บอกว่ายังมีนัดทานอาหารต่ออีก

 

 

คนที่เช่าห้องร่วมกับตันหวายเปลี่ยนเป็นสาวน้อยอ่อนหวาน ได้ยินว่าไอ้ขี้เมาคนนั้นโดนซ้อมจนปางตายเพราะติดหนี้ จึงเก็บข้าวของกลับบ้านเก่าไปแล้ว

 

 

หยิบกุญแจออกมาเปิดประตู ตันหวายได้กลิ่นหอมกรุ่นวูบหนึ่งโชยมาปะทะใบหน้า พอตั้งใจสูดดมตันหวายก็รู้สึกเบิกบาน ไม่ได้กลิ่นหอมหวนแบบนี้ในห้องมานานมากจริงๆ

 

 

เป็นอย่างที่คิดไว้ นอกจากศรีภรรยา เห็นได้ชัดว่าน้องสาวเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่ารักที่สุด

 

 

น้องสาวผู้มาใหม่ได้ยินเสียงดังก็วิ่งเหยาะออกมาจากห้องครัว ชั่วพริบตาที่มองเห็นตันหวายก็พลันตะลึงงัน

 

 

“เยี่ยชิว?” สาวน้อยถามด้วยความลังเลใจ

 

 

ตันหวายกะพริบตาปริบ ยิ้มออกมา “เธอรู้จักฉัน?”

 

 

สาวน้อยตื่นเต้นแบบสุดๆ หลังจากกระโดดโลดเต้นกับที่อยู่หลายที จึงค่อยหยุดลงพลางพูดจาสะเปะสะปะว่า “ฉันนึกว่า…พวกเธอบอกว่าคุณโดน…”

 

 

สาวน้อยไม่ได้กล่าวอะไรต่อ ราวกับกลัวว่าจะสะกิดถูกแผลใจของตันหวาย

 

 

ตันหวายยักไหล่ “พักงานน่ะ แต่ว่าตอนนี้ไม่เป็นไรแล้ว”

 

 

น้องสาวผู้มาใหม่มีชื่อว่าหวังเสี่ยวเสวี่ย เพิ่งจบปริญญาตรีหมาดๆ และกำลังหางานทำ เห็นเธอบอกว่าไม่ได้ชื่นชอบดาราอะไร สาเหตุที่เธอชื่นชอบเยี่ยชิวเป็นเพราะชอบใบหน้าของเขา

 

 

ถูกต้อง เจ้าของร่างเดิมก็คือดาราหน้าใหม่ที่อาศัยหน้าตาหากินซึ่งแฟนคลับจำนวนสองในสามล้วนชื่นชอบเพราะหน้าตาดี

 

 

สำหรับคำพูดเช่นนี้ ตันหวายยอมรับทั้งหมด ไม่ว่าเป็นแฟนคลับแบบไหน ขอเพียงเป็นแฟนคลับก็พอใจแล้ว

 

 

ในที่สุดตันหวายก็ค้นพบข้อดีของการเป็นดารา การที่ใครสักคนที่ตนไม่ได้รู้จักมักจี่ด้วยมาชื่นชอบ มันก็ฟินไม่น้อยเลยจริงๆ!

 

 

นั่งเอนพิงกับเตียงดูเทปที่ได้มาจากอาจารย์ตอนกลางวัน จู่ๆ ตันหวายก็รู้สึกคันยุบยิบในหัวใจ

 

 

ทนดูต่อไม่ไหวแล้ว ตันหวายล้วงหยิบมือถือส่งข้อความหาเริ่นตงหลิวไปจริงๆ

 

 

ตอนที่เริ่นตงหลิวมาหาคราวก่อน ไม่รู้เหมือนกันว่ารู้เรื่องที่ตนเมมชื่อให้เขาได้อย่างไร ถึงได้บังคับเปลี่ยนเป็นผู้กำกับให้แทน

 

 

แน่นอน สุดท้ายเขาก็ยังแอบเปลี่ยนกลับเหมือนเดิมอยู่ดี

 

 

ตันหวาย : [พ่อคุณเป็นขโมยสินะ]

 

 

ผ่านไปสักพักหนึ่ง เริ่นตงหลิวก็ส่งกลับมาว่า : [.]

 

 

ตันหวาย : [เพราะว่าเขาคว้าดวงดาวมาทำเป็นดวงตาของคุณไง]

 

 

เริ่นตงหลิวที่ถือโทรศัพท์อยู่อีกฝั่งนิ้วมือสั่นสะท้าน มองดูตัวอักษรที่ตันหวายส่งมาหา รอยยิ้มเบาบางผุดขึ้นอย่างช้าๆ

 

 

ไม่ใช่ครั้งแรกที่ตันหวายบอกว่าเขาดวงตาสวย แต่ว่าครั้งนี้กลับทำให้เขาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก

[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก

ตันหวาย นักศึกษาคณะศิลปะที่ประสบอุบัติเหตุรถชนเพราะช่วยชีวิต ไป๋เยว่ รุ่นพี่ที่ตนแอบชอบให้พ้นจากอันตรายจนตัวเองตายแทน วิญญาณจึงทะลุมิติมาอยู่ในระบบ H3883 ซึ่งบีบให้เขาต้องออกเดินทางไปยังโลกต่างๆ เพื่อสวมร่างผู้อื่น และทำภารกิจเพื่อสะสางความแค้นและทำความปรารถนาของเจ้าของร่างเดิมให้เป็นจริง ในชาติแรกมาเขาทะลุมิติมาอยู่ร่างบุตรชายอัครเสนาบดี ชาติที่สองเป็นเรื่องระหว่างภูติกระต่ายและภูติจิ้งจอก ชาติที่สาม ตันหวายมาอยู่ในร่างดาราหนุ่มแห่งโลกโอเมก้าเวิร์ส และในชาติสุดท้ายต้องมาย้ายอยู่ในร่างประมุขสำนักเซียนที่ต้องทำภารกิจคลายปมในใจของศิษย์น้อย หากทำสำเร็จ เขาก็จะฟื้นคืนชีพกลับไปโลกเดิมได้ แต่หากไม่สำเร็จ เขาจะต้องกลายเป็นระบบแทนและติดแหง็กอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล!

Options

not work with dark mode
Reset