[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก – ตอนที่ 126 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 14) / ตอนที่ 127 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 15)

ตอนที่ 126 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 14)

 

 

ตันหวายติดนิสัยไม่ดีอย่างหนึ่ง เขาเกลียดเวลาคนที่เขาไม่ชอบหน้าตัดสายทิ้งใส่เขาเป็นที่สุด ฉะนั้นเขาจึงคิดว่าต้องชิงลงมือก่อน

 

 

ตันหวายวางสายโทรศัพท์แล้วอารมณ์ดียิ่งนัก หลังจากเล่นเกมไพ่พิชิตแลนด์ลอร์ดในมือถือไปอีกหลายตาจึงค่อยเตรียมตัวเข้านอน

 

 

ขณะหยิบมือถือขึ้นมาตั้งนาฬิกาปลุก ทันใดนั้นก็เห็นกงฉือส่งข้อความมาทางวีแชท

 

 

กง : [ราตรีสวัสดิ์ครับ]

 

 

ตันหวายยกยิ้ม จู่ๆ ก็รู้สึกอารมณ์ดียิ่งกว่าเดิม

 

 

hmy : [ราตรีสวัสดิ์นะ~]

 

 

(ท่านเจ้าของร่าง ตามหลักเกณฑ์ของนิยาย ดูจากความแตกต่างของน้ำเสียงเวลาท่านกับเขาส่งข้อความหากันก็ตัดสินฝ่ายรุกกับฝ่ายรับได้แล้ว)

 

 

ตันหวาย “เอ็งหุบปากไปซะ!”

 

 

ระบบแค่นเสียงเหอะๆ เป็นเชิงว่าตนขี้เกียจจะหนีให้พ้นเจ้าคนประสาทนี่เต็มที

 

 

ตันหวายหลับฝันดีตลอดทั้งคืน ก่อนจะถูกปลุกให้ตื่นด้วยกลิ่นอาหารเช้าหอมกรุ่นที่โชยมาเป็นระยะ

 

 

พอเดินลงมาจากบันไดก็มีอาหารเช้าวางรอไว้บนโต๊ะแล้ว ขนมปังปิ้งเสร็จใหม่ๆ คู่กับไข่ต้มยางมะตูมช่างดูน่ารับประทานยิ่งนัก

 

 

คุณแม่ฮั่วเห็นเขาลงมาก็รีบยกชามบะหมี่จากห้องครัวมาวางไว้ให้บนโต๊ะ

 

 

“อาหารเช้าจ้ะลูก”

 

 

ตันหวายตะลึงงัน พลันนึกขึ้นได้ว่าเจ้าของร่างเดิมติดนิสัยอยู่อย่างหนึ่ง นั่นก็คืออาหารเช้าต้องเป็นอาหารจำพวกบะหมี่ ไม่เช่นนั้นจะกินไม่อิ่ม ภายหลังเจ้าของร่างเดิมแต่งงานกับเจี่ยงหลี ตนเองจึงยอมปล่อยเลยตามเลย ไม่ได้กินบะหมี่เป็นอาหารเช้ามานานมากแล้ว

 

 

ตันหวายละเลียดกินบะหมี่ลงท้องจนหมด ก่อนเงยหน้าขึ้นแย้มยิ้ม “แม่ครับ ผมไปทำงานก่อนนะ”

 

 

“จ้ะ หมิงเยว่” คุณแม่ฮั่วชะโงกศีรษะออกมาจากห้องครัว “ถ้าลูกไม่สบายใจอะไรก็กลับมานะ พวกเราสกุลฮั่วเลี้ยงลูกไหวอยู่แล้ว”

 

 

ตันหวายหัวเราะ ก่อนพยักหน้ารับอย่างหนักแน่น

 

 

วันนี้ตันหวายมีคาบสอนช่วงเช้าจึงมาถึงมหาวิทยาลัยก่อนเวลา ระหว่างคาบเรียนมีจิตสำนึกที่เจ้าของร่างเดิมทิ้งเอาไว้คอยช่วยเหลือ เขาย่อมไม่จำเป็นต้องกังวล สิ่งเดียวที่ควรให้ความสนใจก็คือ คาบเรียนทฤษฎีอันน่าเบื่อหน่ายเสมอต้นเสมอปลายกลับมีคนร่วมฟังบรรยายเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่ง

 

 

คนคนนั้นไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นกงฉือเดือนคณะธรณีวิทยานั่นเอง

 

 

โดยหลักการแล้วนักเรียนดีเด่นผู้เพียบพร้อมด้วยคุณธรรมและความสามารถเช่นกงฉือควรจะมีคนตามจีบมากมาย แต่น่าเสียดายที่กงฉือเป็นเบต้า ดังนั้นจึงมีคนตามจีบเขาไม่มากนัก ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเบต้าเช่นเดียวกัน

 

 

แน่นอนว่าย่อมมีข้อยกเว้น อย่างเช่นตอนนี้ มีโอเมก้าเพศหญิงจากคณะแพทย์คนหนึ่งเดินเข้ามาชวนคุยตีสนิทกับเขา

 

 

“คุณกงสนใจเรียนวิชาแพทย์เหมือนกันเหรอคะ?”

 

 

กงฉือลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า เขาไม่ได้สนใจเรียนวิชาแพทย์ แต่กลับสนใจอาจารย์ผู้บรรยายเสียมากกว่า บวกลบคูณหารดูแล้วก็เหลือเพียงเหตุผลว่าสนใจเรียนวิชาแพทย์ อืม ไม่เลวทีเดียว

 

 

โอเมก้าหญิงตาเป็นประกาย ฉีกยิ้มกว้างกล่าวว่า “ถ้าคุณกงไม่เข้าใจตรงไหนถามฉันได้เลยนะคะ ฉันจะอธิบายให้ฟังเอง”

 

 

กงฉือเห็นตันหวายไม่ชายตามองก็ตอบเสียงเรียบนิ่ง “ไม่เป็นไรครับ” ต่อให้ไม่เข้าใจก็ยังมีคนรอติวเข้มให้เขา แถมยังติวได้เก่งมากเสียด้วย

 

 

เมื่อสังเกตเห็นสายตาของกงฉือที่จ้องมองมาทางตนตลอดเวลา ตันหวายก็มุมปากกระตุก

 

 

บังเอิญว่าจิตสำนึกเจ้าของร่างเดิมยังควบคุมร่างกายอยู่ ในฐานะอาจารย์คนหนึ่ง สิ่งที่ทนไม่ได้มากที่สุดคือการไม่ตั้งใจเรียน

 

 

จิตสำนึกเจ้าของร่างเดิมสั่งการให้สาวเท้าเดินไปอยู่ตรงหน้ากงฉือโดยไม่นำพาการขัดขืนของตันหวาย ก่อนกล่าวเสียงเย็นว่า “นักศึกษา ไม่ทราบว่าบนหน้าผมมีตัวหนังสืออยู่หรือไง คุณถึงเอาแต่จ้องผมตลอดเวลา”

 

 

ตันหวายนิ่งทื่อไป เอามือกุมหน้าแทบอยากวิ่งชนกำแพงเสียให้รู้แล้วรู้รอด ช่วยใส่ใจความคิดเจ้าของร่างกันบ้างได้ไหม นายทำอย่างนี้ฉันก็ลำบากแย่สิไอ้น้องชาย

 

 

กงฉือตะลึงไปชั่วขณะเช่นกัน จากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา จ้องมองตันหวายพลางกล่าวอย่างจริงจังว่า “บนหน้าอาจารย์ไม่มีตัวหนังสือหรอกครับ แต่พอดีว่าอาจารย์หน้าตาน่ามอง”

 

 

รอยยิ้มของกงฉือมักจะทำให้ผู้คนรู้สึกอบอุ่น โดยเฉพาะรอยยิ้มที่เขามอบให้กับตันหวายในตอนนี้ ยิ่งเปรียบดั่งสายลมฤดูใบไม้ผลิหลอมละลายหิมะน้ำแข็ง โลมไล้หัวใจของผู้คนให้อ่อนระทวย

 

 

นักศึกษารอบข้างพากันส่งเสียงฮือฮาเบาๆ สายตาที่มองกงฉือเปี่ยมไปด้วยความเลื่อมใสศรัทธา

 

 

เขาเป็นเพียงคนเดียวที่กล้าปีนเกลียวอาจารย์!

 

 

ตันหวายถูกกงฉือหยอกจนหน้าแดง แต่เจ้าของร่างเดิมกลับไม่คิดเช่นนั้น เจ้าของร่างเดิมขมวดคิ้วมุ่น นึกอยากจะไล่ตะเพิดนักเรียนไร้มารยาทคนนี้ออกไปเสียให้พ้น

 

 

ทว่าตันหวายห้ามปรามเขาเอาไว้ทันเวลา พร้อมทั้งกล่าวด้วยน้ำเสียงข่มขู่ว่า “ในเมื่อผมให้ความร่วมมือคุณเพื่อแก้แค้นและสืบหาความจริง ถ้าอย่างนั้นผมก็หวังว่าคุณจะให้ความร่วมมือกับความรักของผมด้วย”

 

 

“คุณก็รู้ว่าผมชอบเขา” ตันหวายยักไหล่ “ผมหวังว่าคุณจะเห็นแก่หน้าผมบ้างนะ”

 

 

เจ้าของร่างเดิมตอบรับแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน จากนั้นก็หันหลังเดินกลับไปหน้าห้อง บรรยายหัวข้อที่ยังสอนไม่เสร็จต่อจนจบ

 

 

กงฉือขมวดคิ้ว จดจ้องร่างที่บรรยายอยู่หน้าห้องราวกับครุ่นคิดบางอย่าง เอาแต่สงสัยว่ามีตรงไหนไม่น่าสบอารมณ์

 

 

แน่นอนว่าการที่อาจารย์คนหนึ่งมีบุคลิกเวลาเข้าสอนกับเวลาส่วนตัวแตกต่างราวฟ้ากับเหวไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด ในทางกลับกัน อาจารย์ส่วนใหญ่ต่างก็มีสองบุคลิกด้วยกันทั้งนั้น

 

 

หลังจากหมดคาบกงฉือยังไม่ยอมออกไป จนกระทั่งห้องเรียนเหลือเพียงแค่พวกเขาสองคนจึงค่อยเดินเข้าไปคุยกับตันหวาย “เมื่อกี้อาจารย์ฮั่วดุมากเลยครับ”

 

 

ตันหวายที่กำลังเก็บข้าวของพลันหยุดชะงัก ได้แต่เอ่ยขอโทษอย่างจนใจ “คุณคงเสียขวัญน่าดู แต่หวังว่าคุณมาคราวหน้าจะไม่ใจลอยอีกแล้วนะ อืม ถึงตอนนั้นผมอาจจะต้องทำโทษคุณอย่างเลี่ยงไม่ได้”

 

 

กงฉือพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจ แต่สีหน้ามองอย่างไรก็เจือด้วยความน้อยอกน้อยใจอยู่ภายในนั้น

 

 

“เที่ยงนี้ให้ผมเลี้ยงข้าวไหม?” ตันหวายยอมแพ้

 

 

“ดีครับ ผมอยากทานปลาเปรี้ยวหวานที่ร้านข้างนอกมหาลัย” กงฉือยิ้มออกในทันที ความน้อยอกน้อยใจที่ปรากฏบนใบหน้าเมื่อสักครู่หายวับไปกับตา

 

 

ตันหวายมองกงฉือเปลี่ยนสีหน้าจนปากอ้าตาค้าง รู้สึกเหมือนว่าตนโดนหลอกเข้าให้แล้ว ยิ่งกว่านั้นคนตรงหน้าช่างดูเหมือนพวกหัวหน้าแก๊งหลอกต้มตุ๋นอะไรเทือกนั้น

 

 

น่าเสียดายที่กงฉือยิ้มใสซื่อเกินไป ตันหวายเลยจำใจต้องทำตามสัญญาที่ให้ไว้เมื่อครู่นี้

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 127 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 15)

 

 

ด้านนอกมหาวิทยาลัยประจำมณฑลมีร้านอาหารมากมาย อาจเป็นเพราะคำนึงถึงปัญหาค่าขนมของบรรดานักศึกษา อาหารการกินแถวนี้จึงล้วนแต่ราคาย่อมเยา

 

 

กงฉือกินปลาเปรี้ยวหวานตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย แต่พออยากจะชวนคุยก็เกิดนิ่งตะลึงกะทันหัน

 

 

เงยหน้าขวับขึ้นมองตันหวายฝั่งตรงข้าม จริงดังคาด ตันหวายนั่งอยู่อีกฝั่งด้วยสีหน้าบิดเบี้ยวเหยเก

 

 

“อาจารย์…ฟีโรโมนของอาจารย์เป็นกลิ่นชาเขียวหรือครับ?” กงฉือเม้มริมฝีปาก

 

 

ตันหวายพยายามควบคุมร่างกายอันร้อนรุ่มพลางเริ่มค้นกระเป๋า แต่ควานหาในกระเป๋าข้างตัวจนทั่วแล้วก็ยังไม่เจอยากักเก็บกลิ่นแม้สักเข็มเดียว

 

 

ทันใดนั้นก็ฉุกนึกขึ้นได้ เมื่อเช้าตอนออกจากบ้านเขาวางยากักเก็บกลิ่นที่ตั้งใจจะพกมาไว้บนชั้นวางรองเท้า จากนั้นก็ลืมไปเสียสนิท น่าจะไม่ได้หยิบติดมือมาด้วย

 

 

ฟีโรโมนอันเข้มข้นไหลบ่าทะลักมาทางกงฉือ กงฉือพลันรู้สึกตัวว่า เนื่องจากสัญชาตญาณดิบของอัลฟ่า ตอนนี้เขาพร้อมจะกระโจนเข้าตะครุบโอเมก้าแสนหวานตรงหน้าเต็มทีแล้ว

 

 

ถูกต้อง อันที่จริงเขาเป็นอัลฟ่า เพราะว่าครอบครัวไม่อนุญาตให้เขาเรียนธรณีวิทยาหวังจะบังคับส่งเขาไปเรียนเมืองนอก เขาจึงหนีออกจากบ้านโดยไม่สนใครหน้าไหนทั้งสิ้น

 

 

ใช่แล้ว หนีออกจากบ้าน ทว่าครอบครัวของเขามีอิทธิพลกว้างขวาง หากต้องการหาใครสักคนย่อมเป็นเรื่องง่ายดาย เขาถึงต้องไหว้วานคนมากมายกว่าจะได้ปลอมตัวเป็นเบต้าเพื่อเข้าเรียนในมหาวิทยาลัย

 

 

กลิ่นชาเขียวค่อยๆ คละเคล้ากับกลิ่นแอลกอฮอล์ ตันหวายที่สติสัมปชัญญะเริ่มเลือนรางมองกงฉืออย่างตื่นตระหนก

 

 

กงฉือฝืนข่มกลั้นความทรมาน เอ่ยอย่างสงบนิ่งว่า “ผม…กลิ่นมันแรงไปหน่อย ผมเลยเอาขวดเหล้ามาเปิด”

 

 

ประโยคนี้ตันหวายเข้าใจไปเองว่ากงฉือไม่ชอบกลิ่นชาเขียว สายตาพลันหม่นหมองลงด้วยความผิดหวังอย่างห้ามไม่ได้

 

 

สัญชาตญาณของอัลฟ่าทำให้กงฉือชิดใกล้ตันหวายมากขึ้นเรื่อยๆ ตันหวายได้กลิ่นกายของอัลฟ่าซึ่งเป็นกลิ่นแอลกอฮอล์อันรุนแรง

 

 

ความทรมานทำให้ตันหวายขาดสติยั้งคิดไปแล้ว ทำได้เพียงขยับประชิดคนข้างกายทีละนิดด้วยแรงขับจากฟีโรโมน

 

 

ข้างนอกห้องมีหลายคนสัมผัสได้ว่ามีโอเมก้าติดสัดอยู่ที่นี่ ทว่าในขณะเดียวกัน ที่นี่ยังมีอัลฟ่าที่ทรงพลังแข็งแกร่งอีกตนกำลังข่มขวัญพวกเขา ทำให้พวกเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามเข้ามาก่อความวุ่นวาย

 

 

กงฉือก้มลงมองต่อมด้านหลังต้นคอของตันหวาย ดวงตาฉายแววลึกล้ำ แทบอยากจะกัดอวัยวะที่แผ่กลิ่นชาเขียวอย่างต่อเนื่องให้จมเขี้ยวเสียเดี๋ยวนั้น

 

 

ใช่แล้ว เพียงแค่กัดเข้าไปคนคนนี้ก็จะเป็นของเรา กงฉือครุ่นคิด

 

 

จ้องมองโอเมก้าแสนบอบบางที่ซบอยู่ในอ้อมกอดของตน ไม่มีอัลฟ่าตนไหนอดทนต่อความคิดที่รบกวนจิตใจเช่นนี้ได้

 

 

กงฉือโน้มหน้าลงช้าๆ ก่อนงับต่อมกลิ่นที่หลังต้นคอของตันหวายไว้ทันที เพราะว่าจุดอ่อนไหวที่สุดตกไปอยู่ในปากคนอื่น ตันหวายจึงขมวดคิ้วมุ่น ขยับกายตอบรับอย่างยากจะต้านทาน

 

 

แววตาของกงฉือลึกล้ำยิ่งขึ้น คมเขี้ยวที่ขบกัดต่อมกลิ่นค่อยๆ ออกแรงจนกระทั่งเจาะทะลุเป็นรู จากนั้นจึงค่อยๆ ถ่ายเทฟีโรโมนของตนเองเข้าไป

 

 

ระบบที่ตื่นตัวเต็มที่มองเห็นทุกอย่างผ่านดวงตาของตันหวาย สีหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง อะไรกันเนี่ย เบต้าตีตราจองโอเมก้าได้ด้วยหรือ?

 

 

ระบบใช้เวลาชั่วเสี้ยววินาทีไว้อาลัยให้กับเจ้าของร่างของตน ก่อนจะระเบิดหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง นี่มันพวกแสร้งเป็นหมูหลอกกินเสือชัดๆ มันชักจะตั้งตารอชมสีหน้าตอนเจ้าของร่างของตนตื่นมาพบว่าตัวเองถูกตีตราไม่ไหวแล้ว ยิ่งตั้งตารอชมสีหน้าตอนเขารู้ว่าที่แท้คนรักของตัวเองดันเป็นอัลฟ่าอีกต่างหาก

 

 

ในขณะที่ถ่ายเทฟีโรโมน ตันหวายก็เริ่มสงบลงตามลำดับ เพียงแต่กลิ่นสุราปริมาณมหาศาลที่ตลบอบอวลอยู่ใกล้ปลายจมูกทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสบายนัก

 

 

กงฉือถอนเขี้ยวออกไป ค่อยๆ โอบกอดตันหวายแนบแน่นขึ้น ตนไม่ได้ตีตราจองเขาโดยถาวร แต่เป็นการตีตราจองเพียงชั่วคราว ผ่านไปสองสามวันตราประทับนี้ก็จะเลือนหายไปเอง

 

 

กงฉือเม้มริมฝีปาก สายตาที่จ้องมองตันหวายเปี่ยมด้วยความอ่อนโยน พวกเขายังหัวใจไม่ตรงกัน และพวกเขายังมีอุปสรรคอีกมากมาย หากตนถือวิสาสะตีตราจองเขา ไม่แน่ว่าตันหวายอาจจะโกรธเกลียดเขาก็เป็นได้

 

 

แต่ทว่า เรื่องสำคัญเร่งด่วนก็คือจะอธิบายความจริงกับเขาว่าแท้จริงแล้วตนเป็นอัลฟ่าอย่างไรดี

 

 

กงฉือรู้สึกกลุ้มอกกลุ้มใจ

[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก

[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก

ตันหวาย นักศึกษาคณะศิลปะที่ประสบอุบัติเหตุรถชนเพราะช่วยชีวิต ไป๋เยว่ รุ่นพี่ที่ตนแอบชอบให้พ้นจากอันตรายจนตัวเองตายแทน วิญญาณจึงทะลุมิติมาอยู่ในระบบ H3883 ซึ่งบีบให้เขาต้องออกเดินทางไปยังโลกต่างๆ เพื่อสวมร่างผู้อื่น และทำภารกิจเพื่อสะสางความแค้นและทำความปรารถนาของเจ้าของร่างเดิมให้เป็นจริง ในชาติแรกมาเขาทะลุมิติมาอยู่ร่างบุตรชายอัครเสนาบดี ชาติที่สองเป็นเรื่องระหว่างภูติกระต่ายและภูติจิ้งจอก ชาติที่สาม ตันหวายมาอยู่ในร่างดาราหนุ่มแห่งโลกโอเมก้าเวิร์ส และในชาติสุดท้ายต้องมาย้ายอยู่ในร่างประมุขสำนักเซียนที่ต้องทำภารกิจคลายปมในใจของศิษย์น้อย หากทำสำเร็จ เขาก็จะฟื้นคืนชีพกลับไปโลกเดิมได้ แต่หากไม่สำเร็จ เขาจะต้องกลายเป็นระบบแทนและติดแหง็กอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล!

Options

not work with dark mode
Reset