[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก – ตอนที่ 148 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 36) / ตอนที่ 149 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 37)

ตอนที่ 148 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 36)

 

 

ได้ยินว่าหน้าประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัยประจำมณฑลมีสื่อมวลชนหลายสำนักยืนรอสัมภาษณ์ตันหวายผู้เป็นฝ่ายโจทก์ แต่ทว่าถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของมหาวิทยาลัยกั้นไว้ด้านนอก

 

 

ที่ใดมีกระแสที่นั่นย่อมมีฝูงชน เวลานี้ประชาชนต่างให้ความสนใจชีวิตครอบครัวของอาจารย์มหาวิทยาลัยคนนี้กันถ้วนหน้า จึงเป็นธรรมดาที่จะมีสื่อมวลชนมากมายมาทำข่าว

 

 

พลังของโลกออนไลน์ทรงอิทธิพลอย่างยิ่ง ฮั่วหมิงเยว่ถูกพวกเขาขุดคุ้ยประวัติจนหมดเปลือก กลายเป็นแบบฉบับของหนุ่มหล่อไฮโซผู้เพียบพร้อมด้วยชาติตระกูลและฐานะทางสังคม ถึงขนาดทึกทักกันไปว่าปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเจี่ยงหลีคือละครน้ำเน่าของเด็กยาจกที่หลอกแต่งงานเพื่อปูทางสู่อนาคต

 

 

น่าเสียดายที่ตัวเอกอีกคนของละครเรื่องนี้พวกเขากลับขุดคุ้ยไม่เจอเบาะแสแม้แต่น้อย ประวัติของกงฉือราวกับเป็นเรื่องลึกลับ นอกจากข้อมูลที่ลงทะเบียนไว้กับทางมหาวิทยาลัยก็ไม่มีข้อมูลอื่นๆ หลงเหลืออยู่เลย

 

 

ตันหวายยืนจัดชุดสูทอยู่หน้ากระจกแต่งตัวบานใหญ่ เพราะเขาปฏิเสธที่จะบอกความจริงกับกงฉือ ใครบางคนจึงยังคงโกรธอยู่

 

 

“นี่ เจ้าหนูกง” ตันหวายมองใครบางคนที่นั่งอยู่บนโซฟาผ่านทางกระจก “ผู้มีอิทธิพลที่คอยช่วยเหลือผมช่วงนี้ มีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณหรือเปล่า?”

 

 

ไม่มีใครตอบ…

 

 

ตันหวายผิดหวังเล็กน้อย ก่อนจัดเนคไทของตนให้เข้าที่ตรงหน้ากระจก ในขณะที่เขาคิดว่ากงฉือคงไม่ยอมปริปาก จู่ๆ กงฉือก็เอ่ยตอบออกมา

 

 

“มีส่วน” กงฉือกล่าว

 

 

ตันหวายเลิกคิ้วสูง ดวงตาฉายแววปิติยินดี “คุณมีส่วนด้วยจริงๆ หรือ?”

 

 

“อืม ผมขอให้คุณแม่ผมช่วย”

 

 

“คุณแม่ของคุณ?”

 

 

“คุณนายใหญ่ตระกูลเศรษฐีชอบบงการเป็นชีวิตจิตใจ” กงฉือแย้มยิ้ม “ช่างสมกับเป็นคุณนายใหญ่เหลือเกิน”

 

 

น้ำเสียงของกงฉือสงบราบเรียบ ราบเรียบจนค่อนข้างผิดปกติ เขาอาจจะไม่สนิทสนมกับคุณแม่เท่าไหร่นัก ตันหวายคิดในใจ

 

 

“ถ้าเรื่องนี้ทำให้คุณลำบากใจ คุณก็ไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองเลย” ตันหวายกล่าวน้ำเสียงจริงจัง “ผมจัดการเองได้สบายมาก”

 

 

“จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ทำอะไรมากมาย คุณแม่ผมเป็นคนในแวดวงสื่อ เขาช่วยคุณได้แค่เรื่องคำวิจารณ์เท่านั้น”

 

 

ตันหวายพยักหน้าโดยไม่ต่อความยาวสาวความยืด พลางหยิบข้าวของเดินออกจากประตู ก่อนจะจากไปยังกำชับกงฉือไว้ด้วยว่า “เดี๋ยวผมกลับมา”

 

 

จู่ๆ กงฉือก็รู้สึกว่าตันหวายต่างหากคืออัลฟ่า ส่วนเขาคือโอเมก้า นี่เราคงเพ้อเจ้อไปแล้วแน่ๆ กงฉือกุมขมับ

 

 

ฮั่วหมิงนั่งไขว่ห้างรออยู่บนเบาะหลัง เมื่อเห็นตันหวายเดินออกมาก็พลันตาเป็นประกาย รีบวิ่งปรี่เข้าไปรับทันที แต่ยังไม่ทันถึงตัวตันหวายฮั่วหมิงก็ขมวดคิ้วมุ่น ก่อนยื่นหน้าออกไปสูดจมูกฟุดฟิด

 

 

“อะไรกันเนี่ย กลิ่นติดตัวแรงขนาดนี้เชียว?”

 

 

“…” ตันหวายหัวเราะหึๆ “คนโสดขึ้นคานอย่างพี่ไม่เข้าใจหรอกว่าเวลามีกลิ่นติดตัวรู้สึกอย่างไรบ้าง”

 

 

ฮั่วหมิง “ต้องทำร้ายกันด้วยหรือไง? นายคิดว่ากลิ่นเหล้าชาเขียวของนายมันหอมนักเหรอ ฉุนจะตายชัก!”

 

 

ตันหวายกำหมัด สูดหายใจเข้าออกลึกๆ หลายทีกว่าจะข่มใจไม่ให้ฆ่าแกงพี่ชายตนเองได้

 

 

ตันหวายเผยรอยยิ้มอันใสซื่อไร้พิษภัยพลางกล่าว “ไปกันเถอะ”

 

 

ฮั่วหมิงสั่นสะท้าน คิดว่าท่าทางแบบนี้ของเจ้าน้องชายช่างน่ากลัวจริงๆ

 

 

บรรยากาศในห้องผู้อำนวยการเต็มไปด้วยความตึงเครียด หลิวปิ่งซูนั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน สองมือสอดประสานวางไว้บนโต๊ะ ไม่กล้าสบตาคนตรงหน้า

 

 

ฮั่วหมิงนั่งห่างออกไปไม่ไกล ปรายตามองหลิวปิ่งซูอย่างเย็นชาเป็นครั้งคราว ทำเอาหลิวปิ่งซูผงะตกใจจนแทบหงายลงไปกองกับพื้น

 

 

หากมิได้กระทำผิดย่อมมิกลัวผีสางเคาะประตู ตันหวายความอดทนไม่สูงนัก หลิวปิ่งซูมองเขาด้วยสีหน้าหวาดหวั่น แต่กลับไม่ยอมพูดอะไรเลย ทำให้เขาชักหงุดหงิดเต็มที

 

 

“ยังไม่พูดอีกใช่ไหม?” ตันหวายแสยะยิ้ม ก่อนจะหยิบเอกสารฉบับหนึ่งในกระเป๋าถือยื่นไปไว้ตรงหน้าหลิวปิ่งซู “อ่านดูสิ ถ้าคุณอ่านแล้วยังไม่คิดจะพูด งั้นผมก็คงต้องใช้วิธีอื่น”

 

 

“ใช่ว่าตระกูลหลิวขอตำแหน่งนี้มาให้คุณได้ง่ายๆ เสียเมื่อไหร่” ตันหวายย้ำเตือนเขาอย่างมีเลศนัย

 

 

  

 

 

 

 

ตอนที่ 149 เจ้าของร่างคือยอดชาเขียวแห่งจักรวาล (abo 37)

 

 

น้ำชาที่หกเรี่ยราดบนพื้นส่งกลิ่นหอมกรุ่นเป็นระยะ หลิวปิ่งซูดวงตาเลื่อนลอย ในมือกำเอกสารที่ตันหวายยื่นให้เขาเอาไว้แน่น

 

 

ตันหวายลุกขึ้นยืนพลางชำเลืองมองเขา กล่าวกับคนที่ติดตามอยู่ข้างหลังว่า “เขาอาจจะสารภาพ พวกคุณจัดการกันเองแล้วกัน”

 

 

ฮั่วหมิงสาวเท้าเดินเข้ามาหา เหลือบมองหลิวปิ่งซูที่มีสีหน้าเหม่อลอยก่อนขมวดคิ้วกล่าว “นายให้เขาอ่านอะไร?”

 

 

ตันหวายไม่เอ่ยตอบ ฮั่วหมิงก็อดใจรอคำตอบจากเขาไม่ไหวเช่นกัน จึงฉวยเอกสารมาจากมือของฮั่วหมิงเยว่ทันที

 

 

เอกสารมีสองฉบับ ฉบับหนึ่งเกี่ยวกับมูลค่าทรัพย์สินที่หลิวปิ่งซูรับสินบนตลอดหลายปีมานี้ ส่วนอีกฉบับหนึ่งคือผลตรวจสุขภาพของฮั่วหมิงเยว่

 

 

ฮั่วหมิงเพ่งอ่านรายงานผลตรวจสุขภาพอยู่นานสองนาน ก่อนจะย่นคิ้วถาม “นี่นายไปเอามันมาจากไหน อย่างกับของจริงแน่ะ”

 

 

ตันหวายเหลือบตาขึ้นมองฮั่วหมิงโดยไม่พูดไม่จา กระทั่งถูกฮั่วหมิงจ้องจนหน้าซีดเผือดก็ยังไม่ยอมปริปากพูด

 

 

ฮั่วหมิงหน้าถอดสี แทบจะถือเอกสารในมือไว้ไม่อยู่ ถามเสียงสั่นเครือว่า “จริงเหรอ?”

 

 

“ยาคุมกำเนิดมีทั้งหมดสี่เข็ม ผมฉีดไปสองเข็ม”

 

 

“ไม่มีทาง!” ฮั่วหมิงขอบตาแดงก่ำ เส้นเลือดขึ้นตาเต็มไปหมด “ก่อนหน้านี้นายไม่เป็นอะไรเลยไม่ใช่หรือไง!”

 

 

ตันหวายไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไรดี ภารกิจของเขาใกล้จะเสร็จสิ้น อีกเพียงไม่นานก็ต้องจากไป ร่างกายเจ้าของร่างเดิมเองก็ทรุดโทรมลงอย่างต่อเนื่อง เตรียมพร้อมสำหรับการจากไปของเขา

 

 

ฮั่วหมิงเขวี้ยงเอกสารทิ้งลงบนพื้น แล้วฉุดร่างตันหวายเดินตามออกมาข้างนอกโดยไม่ยอมให้คัดค้าน

 

 

“ผลตรวจของโรงพยาบาลนี้มันขยะอะไรกัน กลับโรงพยาบาลกับฉันเดี๋ยวฉันช่วยนายตรวจเอง!”

 

 

ตันหวายรั้งมือของฮั่วหมิงเอาไว้ เอ่ยขึ้นช้าๆ “ต้องเห็นเองกับตาก่อนถึงจะยอมเชื่อเหรอ?”

 

 

ฮั่วหมิงตะลึงงัน ค่อยๆ คลายมือที่คว้าจับตันหวายไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

 

 

ฮั่วหมิง “เรื่องนี้กงฉือรู้หรือยัง?”

 

 

“ยังไม่รู้”

 

 

“เฮอะ ไม่คิดจะบอกเขาหน่อยเหรอ?”

 

 

ตันหวายชะงักไปชั่วครู่ “ค่อยบอก”

 

 

ฮั่วหมิงสูดลมหายใจเข้าแรงๆ แล้วจึงจุดบุหรี่สูบอย่างคาดคิดไม่ถึงมาก่อน เขาสูบบุหรี่น้อยมาก แต่กลับพกติดตัวเอาไว้กล่องหนึ่งสำหรับเข้าสังคมโดยเฉพาะ

 

 

“ช่วงนี้กลับมาเยี่ยมบ้านบ่อยๆ ล่ะ พ่อกับแม่คิดถึงนายจะแย่”

 

 

ตันหวายพยักหน้ารับ “ผมกลับมหาวิทยาลัยก่อนนะ หลังจากนั้นค่อยกลับบ้าน”

 

 

ฮั่วหมิงย่นคิ้ว “นายจะกลับมหาวิทยาลัยไปทำไม ที่นั่นมีแต่นักข่าว”

 

 

“มีธุระ” พูดจบก็ไม่ใส่ใจฮั่วหมิงที่นั่งยองสูบบุหรี่กับพื้น เดินนำคนอีกสองสามคนขึ้นรถขับออกไปทันที

 

 

ดวงตาของฮั่วหมิงฉายแววลึกล้ำ พอสูบบุหรี่จนเต็มปอดอีกหนก็โยนก้นบุหรี่ที่เหลือลงไปขยี้บนพื้น สายตาเต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง

 

 

หลิวปิ่งซูเห็นสายตาของฮั่วหมิงก็หวาดผวา เหงื่อกาฬไหลชุ่มโชกขณะถอยกรูดไปข้างหลัง “คุณจะทำอะไร?”

 

 

ทำอะไร? ฮั่วหมิงหัวเราะ ไอ้หมอนี่ยังมีหน้ามาถามว่าเขาจะทำอะไร

 

 

ฮั่วหมิงเกิดมาจนโตป่านนี้ ตลอดยี่สิบปีเคยทะเลาะวิวาทนับครั้งไม่ถ้วน หลังจากวัยยี่สิบเป็นต้นมาจึงค่อยเริ่มสำรวมกิริยามารยาท กลายเป็นชายหนุ่มผู้มีความรับผิดชอบและวุฒิภาวะ แต่ช่วงหลายวันมานี้ มีไอ้โง่อยู่สองคนทำให้ขีดจำกัดความอดทนของเขาพังทลาย

 

 

หากการฆ่าคนไม่ผิดกฎหมาย เขาคงจะเอาชีวิตไอ้คนตรงหน้านี่ซะเดี๋ยวนี้เลย

 

 

เขาอยากถามว่า ฮั่วหมิงเยว่มีเรื่องผิดใจอะไรกับแกกันแน่ แล้วแกหลงไอ้คนต่ำช้าอย่างไช่ซือชิงขนาดไหน ถึงได้ทำร้ายคนที่เรียกแกว่ารุ่นพี่มาตลอดเพื่อมันได้ลงคอ

 

 

ถูกต้อง หลิวปิ่งซูลงมือปรับเปลี่ยนตัวยาคุมกำเนิดจริงๆ เขาเพิ่มปริมาณความเข้มข้นในยาคุมกำเนิดถึงขีดสุด และส่งยาคุมกำเนิดที่มีปัญหาทั้งหมดให้กับฮั่วหมิงเยว่ ส่วนสาเหตุที่เขาทำเรื่องพวกนี้ กลับเป็นเพราะความรักอันแสนจะน่าขัน

 

 

ไช่ซือชิงเป็นโอเมก้าที่ได้รับความนิยมสูงสุดในมหาวิทยาลัย ส่วนหลิวปิ่งซูชื่นชอบไช่ซือชิงมานานแค่ไหนไม่มีใครล่วงรู้

 

 

แต่ทว่าไช่ซือชิงสั่งให้เขาทำอะไรเขาก็ยอมทำได้ทั้งนั้น สั่งให้เขาทำร้ายฮั่วหมิงเยว่ เขาก็ยอมลงมือทำร้าย ไม่ต้องการเหตุผลใดๆ ทั้งสิ้น

 

 

ช่างเป็นคนที่น่ากลัวและโง่เขลาเสียนี่กระไร

[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก

[นิยายวาย] ทะลุระบบข้ามภพมาหารัก

ตันหวาย นักศึกษาคณะศิลปะที่ประสบอุบัติเหตุรถชนเพราะช่วยชีวิต ไป๋เยว่ รุ่นพี่ที่ตนแอบชอบให้พ้นจากอันตรายจนตัวเองตายแทน วิญญาณจึงทะลุมิติมาอยู่ในระบบ H3883 ซึ่งบีบให้เขาต้องออกเดินทางไปยังโลกต่างๆ เพื่อสวมร่างผู้อื่น และทำภารกิจเพื่อสะสางความแค้นและทำความปรารถนาของเจ้าของร่างเดิมให้เป็นจริง ในชาติแรกมาเขาทะลุมิติมาอยู่ร่างบุตรชายอัครเสนาบดี ชาติที่สองเป็นเรื่องระหว่างภูติกระต่ายและภูติจิ้งจอก ชาติที่สาม ตันหวายมาอยู่ในร่างดาราหนุ่มแห่งโลกโอเมก้าเวิร์ส และในชาติสุดท้ายต้องมาย้ายอยู่ในร่างประมุขสำนักเซียนที่ต้องทำภารกิจคลายปมในใจของศิษย์น้อย หากทำสำเร็จ เขาก็จะฟื้นคืนชีพกลับไปโลกเดิมได้ แต่หากไม่สำเร็จ เขาจะต้องกลายเป็นระบบแทนและติดแหง็กอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล!

Options

not work with dark mode
Reset