[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ – ตอนที่ 242 อาศัยอยู่คละกันไป / ตอนที่ 243 หัวหน้า

ตอนที่ 242 อาศัยอยู่คละกันไป  

 

 

ระยะห่างของยอดตึกทำเอาขาชุยหังแทบจะหักแล้ว เดิมทีก็ง่วงอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่กะจิตกะใจจะไปคิดเรื่องอื่นแล้ว  

 

 

เมื่อถึงชั้นหก พวกเขาเคาะประตู ข้างในมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังเอ่ยถาม “ใครเหรอ”  

 

 

“พี่จยา พวกเรากลับมาแล้ว พาผู้ชายหล่อๆ กลับมาให้พี่แล้ว” โจวอิ๋นเย่ว์ยังคงปากหวานเหมือนเดิม  

 

 

ประตูเปิดออกทันที เปิดประตูมาก็เป็นผู้หญิงที่มัดผมหางม้า ดูอายุราวๆ ยี่สิบเจ็ดยี่สิบแปด ดูเป็นผู้ใหญ่มาก ดูทำงานเป็นมากอีกด้วย  

 

 

“สุดหล่อมาแล้ว รีบเข้ามาเถอะ” เธอเอ่ยด้วยความกระตือรือร้น  

 

 

ฟังสำเนียงของเธอ ชุยหังก็รู้ว่าเธอเองก็เป็นคนตงเป่ยเช่นเดียวกัน  

 

 

เขามองซุนซิ่งแวบหนึ่ง อยากจะถามว่าทำไมที่นี่มีคนตงเป่ยเยอะขนาดนี้ แต่ว่าเขาก็ยังอดใจไว้อยู่  

 

 

หลังจากเข้าห้องไป ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินออกมาจากข้างใน  

 

 

ชุยหังมึนงงแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าจะเป็นแบบแบ่งห้องนอนห้องนั่งเล่น แล้วทุกคนต่างก็มีห้องของตัวเอง แต่ว่าห้องนี้กลับมาเพียงสองห้องใหญ่ ห้องนั่งเล่นใหญ่มาก กว้างมาก โล่งมาก บนพื้นมีรองเท้าวางเรียงรายกันเป็นจำนวนมาก ห้องนั่งเล่นอีกฝั่ง เป็นห้องเล็กๆ ห้องหนึ่งที่ล็อกประตูอยู่ ยังมีห้องครัวอีกด้วย  

 

 

‘พวกเขาอาศัยอยู่ที่นี่กันหมดเลยเหรอ งั้นพักอยู่กันยังไง’  

 

 

“สุดหล่อ สวัสดี ฉันชื่อหลี่จงไห่ เป็นคนเฮยหลงเจียง” ผู้ชายคนนั้นเข้ามาจับมือกับชุยหังเสียเลย  

 

 

ชุยหังไปต่อไม่เป็นแล้ว สถานการณ์นี้คืออะไร คนพวกนี้นิยมแนะนำตัวเองขนาดนี้เชียวเหรอ  

 

 

เพื่อเป็นมารยาท เขาเองก็พูดว่า “ฉันเป็นคนจี๋หลิน ชุยหัง”  

 

 

“ล้างเท้าเถอะ ฉันจะเอาน้ำให้นายนะ” หลี่จงไห่พูดจบก็หันหลังเดินจากไป  

 

 

“ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องจริงๆ ฉันทำเองได้” ชุยหังรีบพูดทันที  

 

 

ไม่ได้ถอดรองเท้ามาทั้งคืน ไม่รู้ว่าเท้าตัวเองจะมีกลิ่นแปลกๆ หรือเปล่า  

 

 

พี่จยาคนนั้นกลับพูดว่า “ไม่เป็นไร ให้เขาไปเถอะ อย่างมากก็แค่สักวันนายเอาน้ำให้เขาก็โอเคแล้ว”  

 

 

ชุยหังเองก็ไม่ได้บอกปัดแต่อย่างใด เพียงครู่เดียวหลี่จงไห่ก็ยกน้ำออกมา คาดไม่ถึงว่าจะมีขนมโก๋ ยังมีของซุนซิ่งกับโจวอิ๋นเย่ว์ด้วย  

 

 

ตอนนั้นเขายังกำลังคิดอยู่ ดูท่าว่าเพื่อนร่วมชั้นของตัวเอง อยู่ร่วมกันที่นี่ก็ไม่เลวนะ  

 

 

ชุยหังถอดรองเท้าตัวเองออก เพิ่งจะเอายัดใส่เข้าไปในรองเท้า หลี่จงไห่ก็คว้าแย่งเอาไปทันที  

 

 

“นายทำอะไร” ชุยหังรีบดึงกลับมาทันที ถุงเท้าถูกพวกเขายืดออกแล้ว  

 

 

ยังดีที่ก่อนที่จะขึ้นรถเป็นถุงเท้าที่เปลี่ยนใหม่แล้ว ดังนั้นจึงไม่มีกลิ่นอะไร  

 

 

“นายให้เขาซักเถอะ เดี๋ยวสักพักไปนอนสักงีบหนึ่งก็ได้แล้ว” โจวอิ๋นเย่ว์เอ่ยบอก  

 

 

พูดจบ ก็ส่งถุงเท้าให้หลี่จงไห่อย่างเป็นธรรมชาติ ก่อนจะเอ่ยว่า “ลำบากนายแล้ว”  

 

 

“ไม่ลำบาก พวกนายลำบากแล้ว”  

 

 

ที่จริงชุยหังไม่ค่อยจะชินกับปัญหาเรื่องลำบากไม่ลำบากนี้เท่าไหร่ พวกเขาทำอะไรถึงได้ลำบากแล้ว  

 

 

กว่าจะล้างเท้าเสร็จไม่ใช่ง่ายๆ เขาอยากจะเข้าห้องไปนอนแล้ว หลังจากเปิดประตูมาถึงได้พบว่า ที่แท้ทาทามิเบดนำเข้าจากญี่ปุ่นที่โจวอิ๋นเย่ว์เล่าลือกันก็คือฟองน้ำเทือกๆ นั้นที่ปูอยู่บนพื้น  

 

 

ที่มุมผนังยังมีกองผ้าห่มกองหนึ่งอีก  

 

 

‘ที่แท้คนพวกนี้นอนกันอย่างนี้เหรอ’  

 

 

“ห้องนี้จะเย็นสักหน่อยนะ พวกเราไปเล่นที่ห้องนอนฝั่งผู้หญิงกันเถอะ” พี่จยามองแวบเดียวก็คือคนข้างในกลุ่มนี้ค่อนข้างจะมีอำนาจในระดับหนึ่ง  

 

 

เดิมทีชุยหังอยากจะนอน แต่ทุกคนคึกคักกันขนาดนี้ เขาก็เกรงใจที่จะบอกว่าตัวเองไม่อยากเล่นแล้ว  

 

 

หลังจากเล่นจับหมูกับพวกเขาในตอนบ่ายไปเต็มๆ พี่จยาก็ออกไปรับโทรศัพท์ ในที่สุดก็บอกว่าทุกคนน่าจะพอกันได้แล้ว  

 

 

ชุยหังก็ไม่ได้คิดไป  ทำไมวันนี้ไม่ไปทำงานกัน ในเมื่อทำการค้า ทำไมถึงดูว่างได้ขนาดนี้  

 

 

อีกอย่างเขามาตั้งนานขนาดนี้แล้ว เห็นแค่เพียงซุนซิ่งคนเดียว  หันไท่จู่ไปไหนแล้ว?   

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 243 หัวหน้า  

 

 

รอจนพวกเขาในที่สุดก็ออกไปสักที แล้วตอนที่ให้ชุยหังไปนอนสักพัก ชุยหังเอ่ยถามซุนซิ่งมาประโยคหนึ่ง “แล้วหันไท่จูล่ะ”  

 

 

“อีกสองวันเขาก็กลับมา สินค้าเข้าแล้ว” ซุนซิ่งลนลานอย่างเห็นได้ชัด  

 

 

แต่ว่าความง่วงที่ถาโถมเข้ามา ชุยหังก็ไม่มีแรงใจจะไปคิดมากขนาดนั้นแล้ว เขาแค่อยากนอน  

 

 

ในฝัน เขาฝันถึงหลูจื้อ เดินเข้ามาหาเขาด้วยท่าทางที่ดูโหดร้ายน่ากลัวจริงๆ หลังจากนั้นก็ถือไม้หน้าสามในมือ บอกว่าอยากจะตีขาชุยหังให้หัก  

 

 

ตอนนั้นชุยหังก็ตกใจตื่นขึ้นมา ขณะที่เขารู้สึกตัวตื่น ก็ถูกภาพตรงหน้าทำให้มึนงง  

 

 

คนในห้องมีมากกว่าตอนก่อนที่เขาจะนอนหลับเสียอีก กำลังล้อมรอบเขาอยู่  

 

 

เขาเด้งตัวขึ้นมานั่งทันที แล้วมองพวกเขา  

 

 

“สุดหล่อ นายตื่นแล้ว?” เป็นเสียงของโจวอิ๋นเย่ว์  

 

 

ยังไม่ทันได้รอฟังชุยหังพูดอะไร คนพวกนั้นก็เดินเข้ามา หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาจับมือแนะนำตัวกับชุยหังทีละคนๆ  

 

 

“สุดหล่อ สวัสดี ฉันชื่อ…”  

 

 

โดยภาพรวมเป็นรูปแบบนี้หมด ตอนเริ่มชุยหังยังพอจำได้ แต่ต่อมาก็ลืมไปแล้ว  

 

 

‘พวกเขาอยู่ที่นี่กันหมดเลยเหรอ ผู้ชายผู้หญิงอยู่ด้วยกัน มีสิบกว่าคนมั้ง’  

 

 

พวกเขาทำค้าขาย หรือว่าตัวเองแม้แต่เงินเช่าห้องก็ไม่มี เลยต้องมาเบียดเสียดอยู่ด้วยกัน  

 

 

“พวกนายทำค้าขายกันหมดเลยเหรอ” ชุยหังเอ่ยถามประโยคหนึ่ง  

 

 

คนที่ซักถุงเท้าให้ชุยหังคนนั้นรีบเอ่ยขึ้นทันที “ฉันไม่ใช่หรอก ฉันเปิดเครื่องขุดดิน วันนี้ไซต์งานก่อสร้างหยุดงานพอดี ฉันเลยไม่ได้ไป”  

 

 

ชุยหังยิ่งรู้สึกทึ่ง อะไรกันไซต์งานก่อสร้างไม่มีหอพัก เลยมาอยู่แออัดกับคนพวกนี้เหรอ  

 

 

เขายิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจ สภาพแวดล้อมห้องพักที่แปลกประหลาด ทาทามิเบดแสนพึลึก ยังมีคนกลุ่มนี้อีก ที่จริงเขายังไม่ค่อยจะปรับตัวได้สักเท่าไหร่นัก  

 

 

เมื่อกินข้าวเที่ยงกัน พวกเขาหยิบเก้าอี้มาหลายแล้วแยกวางอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็หยิบโต๊ะอาหารตัวยาวที่พิงผนังอยู่ แล้ววางคุมเก้าอี้พับ  

 

 

“สุดหล่อ ดูโต๊ะอาหารของพวกเราสิ ใหญ่ไหม” พี่จยายังเอ่ยถามด้วย  

 

 

ที่จริงชุยหังกำลังสงสัยอยู่ว่า  ซุนซิ่งขายของที่ระลึกท่องเที่ยวจริงๆ หรือเปล่า ทำไมในห้องนี้ไม่มีสิ่งของที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยวเลย  

 

 

เขาเพิ่งคิดจะนั่งลง ก็ถูกโจวอิ๋นเย่ว์ที่อยู่ด้านข้างดึงขึ้นมา แล้วพูดว่า “รออีกแป๊บ หัวหน้ายังไม่มา”  

 

 

หัวหน้า? พวกเขาทำค้าขาย ยังมีหัวหน้าอีก?  

 

 

ตอนนั้นชุยหังมีเพียงแค่ความคิดเดียว งานนี้ตัวเองคงจะรับไม่ไหวมั้ง  

 

 

ทุกคนยืนเป็นระเบียบอยู่ข้างโต๊ะสองฝั่ง หลังจากนั้นก็เว้นที่หนึ่งข้างโต๊ะไว้  

 

 

เพียงไม่นาน ประตูเปิดออกมา มีผู้ชายวัยกลางคนร่างอวบอ้วนเดินจากประตูเข้ามา แต่ใส่สูทที่ดูมีชีวิตชีวามาก มองแวบแรกก็รู้ว่าฉลาดเฉียบแหลมมาก  

 

 

“ลำบากหัวหน้าแล้วครับ/ค่ะ” ทุกคนเอ่ยด้วยเสียงเดียวกันอย่างแปลกประหลาด  

 

 

ในใจชุยหังมีอัลปากาที่กระโดดออกมานับไม่ถ้วน นี่มันสมาคมอะไรกัน  

 

 

หลังจากนั้นหัวหน้าคนนั้นก็เดินไปถึงตำแหน่งที่พวกเขาว่างเอาไว้อย่างช้าๆ  

 

 

เดิมทียังคงตีสีหน้าเคร่งครึม มองเห็นชุยหัง ตั้งใจยิ้มหัวเราะ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “พวกเรามีเพื่อนใหม่เหรอ”  

 

 

“ใช่ค่ะ สุดหล่อคนนี้คือเพื่อนร่วมชั้นของซุนซิ่ง ยังเป็นนักศึกษาอยู่ค่ะ” โจวอิ๋นเย่ว์เอ่ยบอก  

 

 

“นักศึกษา ดีเลย มีอนาคต” หัวหน้าเอ่ยขึ้นไปพลาง  

 

 

ชุยหังเองก็ไม่รู้ว่าควรจะรับด้วยคำพูดอะไร พักการเรียนไปแล้ว จะมีอนาคตอะไร  

 

 

หลังจากนั้นหัวหน้าก็เอ่ยอีกประโยค “ตัวแทนทุกท่านเชิญนั่ง”  

 

 

“หัวหน้าเชิญนั่งครับ/ค่ะ ตัวแทนทุกท่านนั่ง” หลังจากทุกคนพูดจบแล้ว ถึงได้นั่งลงกันอย่างพร้อมเพรียง  

 

 

บรรยากาศแบบนี้ไม่ถูกกับชุยหังจริงๆ ถ้าให้ตัวเองอยู่ต่อไป ต้องเสียสติไปได้แน่ๆ  

 

 

เขาอยากจะโทรหาเพื่อนร่วมชั้นคนอื่นมากๆ ดูว่าคนอื่นตรงนั้นมีงานที่เข้าท่าไหม ให้ตัวเองเข้าไปดูได้  

 

 

แต่ว่าก่อนนอน เขาเอามือถือให้โจวอิ๋นเย่ว์ไปชาร์จแบตแล้ว ก็ไม่รู้ว่าเธอได้ชาร์จแบตให้ตัวเองหรือยัง  

Related

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

Status: Ongoing
ชุยหัง เฟรชชี่ปีหนึ่งจากคณะเทคนิคการเดินเรือรอนแรมจากบ้านมาเรียนต่างเมืองเป็นครั้งแรก ทว่าเกือบถูกดักปล้นกลางทาง เคราะห์ดีที่มีคนผ่านทางมา แต่เขาคนนั้นกลับเมินเฉยไม่ยอมช่วยเสียอย่างนั้น ชุยหังจึงด่าพ่อล่อแม่ไปชุดใหญ่ กระนั้นโชคชะตาก็เล่นตลกให้ชุยหังได้พานพบกับ หลูจื้อ ชายที่เขาเคยปะทะฝีปากด้วยคราวก่อนอีกครั้งในฐานะครูฝึกทหารกับนักศึกษา จากเกลียดแรกพบจึงกลับกลายเป็นความใกล้ชิด ก่อตัวเป็นความรู้สึกเล็กๆ ในใจของทั้งสองโดยไม่รู้ตัว แต่ความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้จะลงเอยอย่างไร เมื่อฝ่ายหนึ่งคือนายทหารอนาคตไกลที่มีแฟนสาวผู้เพียบพร้อมข้างกายอยู่แล้ว ส่วนอีกฝ่ายคือชายหนุ่มที่เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของครอบครัว ผิดหวังจากความรักครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่อาจเชื่อใจใครได้อีก ความรักที่ไม่ควรเกิดขึ้นท่ามกลางหน้าที่และความรับผิดชอบของลูกผู้ชายนี้จะเก็บเป็นความลับต่อไปได้อีกนานแค่ไหน…  แสดงเพิ่มเติม

Comment

Options

not work with dark mode
Reset