[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ – ตอนที่ 148 เผด็จการ / ตอนที่ 149 สมุดโทรศัพท์

ตอนที่ 148 เผด็จการ  

 

 

เหตุการณ์นี้ทำให้ชุยหังได้เชิดหน้าชูตาให้คลาสเรียนห้องสาม พวกเขาเอาแต่รบกวนชุยหัง ขอให้ชุยหังไปขอวีแชทดอกไม้คณะมาให้  

 

 

แต่ว่าชุยหังกลับไม่อยากขยับเลย  

 

 

เพราะตัวเขาไม่ได้ชอบผู้หญิงอยู่แล้ว  จะดอกไม้คณะหรือไม่ใช่ดอกไม้คณะมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย ?  

 

 

เขาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้ก็เพื่อคะแนนเรียนเท่านั้น ไม่เกี่ยวข้องกับอะไรอย่างอื่น  

 

 

นานมากกว่าหลูจื้อจะตอบกลับข้อความเขา: [วันหยุดสุดสัปดาห์ทั้งทีมาหานายต้องเปลืองแรงขนาดนี้เลยหรอ พวกนายจะซ้อมเสร็จเมื่อไหร่]  

 

 

หลังจากผ่านไปอีกสักพักชุยหังจึงตอบกลับไป: [พวกเราซ้อมช่วงเช้า แล้วช่วงบ่ายก็ไม่ต้องซ้อมแล้ว]  

 

 

[โอเค ฉันเข้าใจแล้ว] คำตอบของหลูจื้อเรียบง่ายมาก  

 

 

ชุยหังกำลังคิดอยากจะถามอะไรต่ออีกนิดหน่อย แต่ทางด้านนั้นก็เร่งให้เขารีบกลับไป  

 

 

ชุยหังทำได้แค่วางโทรศัพท์มือถือลงแล้วกลับไปซ้อมเต้นต่อ  

 

 

ในที่สุดก็ถึงเที่ยงแล้ว ชุยหังเหงื่อออกทั่วทั้งตัว ดอกไม้คณะคนนั้นดูเหมือนว่าจะเคยฝึกเต้นมาก่อน ข้อเรียกร้องเงื่อนไขเกี่ยวกับด้านนี้เยอะมากพอสมควร ก็แค่เตี้ยเกินไป ไม่อย่างนั้นคงจะไม่เลือกชุยหังแน่นอน  

 

 

แต่ว่าชุยหังกลับไม่ได้สนใจอะไรมากขนาดนั้น  ถ้าไม่เห็นแก่คะแนนเรียน นิสัยแบบหล่อน ฉันยังไม่อยากจะจับมือกับหล่อนเลย นี่ทั้งโอบไหล่กอดคอ มีอะไรก็ลากๆ ดึงๆ ไป  

 

 

ดอกไม้ประจำคณะแล้วยังไง ขนาดดอกไม้ประจำคณะชุยหังยังไม่เห็นอยู่ในสายตาเลย  

 

 

ในสายตาของชุยหังเป็นผู้หญิงแล้วยังไง เขาไม่เหมือนผู้ชายพวกนั้นที่จะทำเรื่องน่าเบื่อเลือกดอกไม้สาขา ดอกไม้คณะ ดอกไม้มหาวิทยาลัย แล้วทุกวันก็เอาแต่ YY  [1]  คิดมากขนาดนั้นจะมีประโยชน์อะไร  

 

 

เขามีหลูจื้อแล้ว อะไรก็ไม่ต้องการแล้ว  

 

 

หลังจากฝึกซ้อมเสร็จเขาก็ส่งวีแชทไปหาหลูจื้อว่า: [ในที่สุดก็เสร็จสักที ฉันจะไปหาของกินที่โรงอาหารสักหน่อย นายกินข้าวหรือยัง]  

 

 

[ไม่ต้องไปโรงอาหารแล้ว ฉันอยู่ที่ประตูมหา’ ลัย นายออกมาเลย] หลูจื้อตอบกลับเขา  

 

 

ชุยหังตกตะลึงไป  เขามาที่นี่อีกแล้ว?   

 

 

แต่ในความตกตะลึงครั้งนี้ เห็นได้ชัดว่าแอบหวานนิดหน่อย  

 

 

ไม่ใช่ว่าพวกทหารไม่รู้จักเรื่องรักโรแมนติกหรอ ทำไมถึงรู้สึกว่าการโจมตีอย่างกะทันหันของหลูจื้อครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นขึ้นมานิดหน่อย?   

 

 

[โอเค นายรอฉันแปปนะ ฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน เหงื่อเต็มตัวเลย]  

 

 

[ตอนนี้ฉันจะเริ่มจับเวลานาย ยิ่งฉันรอนายนานมากเท่าไหร่นายก็จะยิ่งตายน่าเกลียดมากเท่านั้น] คำตอบของหลูจื้อทำให้ชุยหังดึงความคิดเมื่อครู่นี้กลับไปทันที  

 

 

เขาทำได้เพียงแค่รีบวิ่งกลับไปที่หอพัก หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็รีบเดินลงไปชั้นล่างทันที  

 

 

แต่เมื่อชุยหังวิ่งมาถึงประตูสามกลับมองไม่เห็นรถทหารของหลูจื้อเลย  

 

 

เขาส่งวีแชทไปถามว่า: [ฉันถึงประตูสามแล้ว นายอยู่ที่ไหน]  

 

 

[ฉันอยู่ประตูหลัก]  

 

 

คำตอบของหลูจื้อทำให้ชุยหังแทบบ้า  นี่มันเจตนาใช่ไหม?   

 

 

ประตูสามกับประตูหลักมันอยู่กันคนละทิศเลยนะ   

 

 

[งั้นนายขับมาที่นี่?] ชุยหังส่งวีแชทไปอย่างระมัดระวัง  

 

 

[นายมานี่] หลูจื้อกลับยืนกรานเหมือนเดิม  

 

 

ไม่มีทางเลือกอื่น ชุยหังทำได้แค่เดินไปทางประตูหนึ่งทีละก้าวๆ  

 

 

ก่อนหน้านี้ยังแอบคิดว่าอันที่จริงมหาวิทยาลัยนี้ถือมาเล็กพอสมควร ทำไมตอนนี้ถึงรู้สึกว่ามหาวิทยาลัยมันกว้างมากขนาดนี้?   

 

 

ตอนที่ไปถึงประตูสามก็ใช้เวลาไปกว่ายี่สิบนาทีผ่านไปแล้ว  

 

 

เมื่อเห็นรถทหารของหลูจื้อ ชุยหังก็รีบเดินเข้าไปหาทันที  

 

 

พอขึ้นรถเขาก็กระหืดกระหอบพลางพูดว่า: “ทำไมนายไม่อยู่ที่ประตูสาม”  

 

 

“ฉันก็ไม่ได้บอกว่าฉันอยู่ที่ประตูสามซะหน่อย นายก็ไม่ได้ถามด้วยว่าฉันอยู่ไหน” หลูจื้อว่า  

 

 

หลังจากชุยหังได้ฟังก็รู้สึกหายใจไม่ออก  

 

 

“ถ้าอย่างนั้นนายบอกให้ฉันมาที่ประตู ทำไมไม่บอกให้ชัดเจนว่าประตูไหน” เขาว่า  

 

 

หลูจื้อยื่นหน้าไปพลางเอ่ยถามว่า: “ดังนั้น ตอนนี้นายกำลังคิดบัญชีกับฉันหรอ”  

 

 

เมื่อเห็นท่าทีของหลูจื้อ อำนาจของชุยหังก็อ่อนแอลงในทันที ก่อนจะเอนตัวพิงหลบไปด้านหลังแล้วพูดว่า: “เอ่อ เปล่า…”  

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 149 สมุดโทรศัพท์  

 

 

“นายทำให้ฉันต้องรอนานมากขนาดนี้ฉันว่าอะไรหรือยัง” หลูจื้อถาม  

 

 

ชุยหังถึงกับผงะและถามว่า: “ฉันให้นายรอ? ฉันให้นายรอยังไง”  

 

 

“ฉันมาที่นี่ตั้งนานแล้ว นายบอกไม่ใช่หรอว่านายต้องรอจนถึงเวลาซ้อมเสร็จถึงจะมีเวลา ฉันก็รอไง” หลูจื้อว่า  

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “ว่าตามที่พูดก็คือฉันผิดอีกแล้ว?”  

 

 

“ทำให้ฉันต้องรอไม่ใช่ความผิดของนาย แต่การที่มาหาเรื่องฉันแบบนี้คือนายทำไม่ถูก”  

 

 

“หาเรื่อง? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเป็นนายที่กำลังหาเรื่องฉัน?” ชุยหังว่า  

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น: “ฉันจะหาเรื่องจับผิดนายก็คือสิ่งที่สมควร เดี๋ยวนายก็จะชิน”  

 

 

“ทำไมฉันต้องชินด้วยล่ะ” ชุยหังถาม  

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น: “ไม่ทำไม เพราะฉันเป็นสามีของนาย แล้วอีกอย่างถ้าไม่ใช่เพราะนายฉันก็ไม่เบี่ยงเบนหรอก”  

 

 

ชุยหังมองเขาแล้วถาม: “ฉันไม่ได้ขอให้นายเบี่ยง…”  

 

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีทางเลือก ใครใช้ให้นายพูดกับฉันมากมายขนาดนั้น ตอนนี้นายไม่อยากจะยอมรับใช่ไหม” หลูจื้อเบียดเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด  

 

 

ชุยหังพูดอย่างรวดเร็วว่า: “เปล่า ฉันไม่กล้าหรอก”  

 

 

“งั้นคำพูดที่นายพูดไปเมื่อกี้นี้พยายามจะช่วงชิงอะไร” หลูจื้อถาม  

 

 

ชุยหังตอบว่า: “ไม่มีอะไร ชินแล้ว เหอะๆ”  

 

 

“นายเหอะๆ ใคร?” หลูจื้อถามขึ้นอีกครั้ง  

 

 

ชุยหังรู้สึกว่าในหัวของตนเริ่มมึนชาขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อเห็นท่าทีของหลูจื้อแล้วชุยหังก็รู้สึกมึนงงเล็กน้อย  

 

 

นี่ตนหาเจอBFประเภทไหนกันเนี่ย ทำไมเขาดูเหมือนจะได้เปรียบตนไปหมดแบบนี้?   

 

 

“เบอร์โทรศัพท์ของฉัน นายคงจะมีแล้วใช่ไหม” หลูจื้อถาม  

 

 

ชุยหังรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็วและพูดว่า: “อืม บันทึกแล้ว”  

 

 

“ฉันดูหน่อยนายบันทึกว่ายังไง” หลูจื้อพูดขึ้น  

 

 

ชุยหังตะลึงไป  ขนาดอันนี้เขาก็อยากจะดู?   

 

 

ในโทรศัพท์ของตนบันทึกชื่อของเขาไว้ว่าอะไร เขาถึงกับต้องมาถาม?   

 

 

“อันนี้ไม่ต้องดูแล้วมั้ง ทำไมนายถึงได้ควบคุมเข้มขนาดนี้…” ชุยหังว่า  

 

 

หลูจื้อพูดว่า: “คนอื่นฉันไม่อยากควบคุม แต่ฉันอยากควบคุมนาย ฉันจำได้ว่าตอนนั้นเวลาที่นายพูดกับฉัน ท่าทางหยิ่งผยองนั่น ตอนนั้นฉันก็คิดว่าถ้าฉันหาคำตอบได้จริงๆ เมื่อไหร่ ถ้ามีโอกาสจะทำให้นายยอมจำนนให้ฉันทุกอย่างให้ได้”  

 

 

ชุยหังจนปัญญาแล้ว  นี่คือยอมรับถึงความจิตใจคับแคบของตัวเองหรอ?   

 

 

เมื่อไม่มีทางเลือกเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองออกมา จากนั้นก็เปิดเข้าไปที่สมุดบัญชีรายชื่อโทรศัพท์  

 

 

“สองคนนี้เป็นใคร” หลูจื้อถาม  

 

 

ชุยหังมองชื่อที่ค่อนข้างแปลกสองชื่อที่เขากำลังชี้อยู่ มองดู… ‘หนุ่มหล่อ’ กับ ‘สาวสวย’  

 

 

“ป๊ากับม๊า”  

 

 

“ฉันอยู่ตรงไหน” หลูจื้อถาม  

 

 

“สะดุดตาสุดก็ของนายไม่ใช่หรอ” ชุยหังชี้ไปที่ตำแหน่งที่เด่นชัดที่สุด แล้วพูด  

 

 

“Aจื้อ? หมายความว่าไง” หลูจื้อมึนงงเล็กน้อย  

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “ก็ชื่อย่อของนายไง ชัดเจนขนาดนี้ก็ดูไม่เข้าใจหรอ”  

 

 

“ฉันไม่มีชื่อหรอ บันทึกอะไรAจื้อ…” หลูจื้อดูเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายของชื่อนี้  

 

 

ชุยหังรีบพูดขึ้นว่า: “จื้อเป็นชื่อย่อ ด้านหน้าที่เติมAใส่ก็เพื่อให้เห็นชื่อนายเป็นคนแรกเลยไง”  

 

 

“จริงหรอ” หลูจื้อถามอย่างสงสัย  

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “งั้นจะหมายความว่าอะไรได้อีกล่ะ”  

 

 

สำหรับที่หลูจื้อพยายามหาเรื่องจับผิดเมื่อครู่นี้ชุยหังเริ่มจะพูดไม่ออกแล้ว  

 

 

แบบนี้ก็ได้หรอ?   

 

 

“โอเค ปล่อยนายไปสักครั้งก็ได้” หลูจื้อว่า  

 

 

ชุยหังรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงทำหน้ามุ่ย  

 

 

หลูจื้อโน้มตัวลงมาแล้วจุ๊บเข้าที่ริมฝีปากของชุยหังเบาๆ  

 

 

“โอเค ไม่เป็นไรแล้วใช่ไหม” เขาลูบหัวของชุยหังเบาๆ  

 

 

วินาทีนี้ชุยหังไม่สามารถพูดอะไรได้แล้ว เคล็ดลับนี้ทำให้ตนถึงกับพูดอะไรไม่ออกเลยจริงๆ  

 

 

“ไป ฉันจะพานายไปกินข้าว”  

 

 

 

 

 

——  

 

 

[1]  YY  เป็นคำศัพท์ที่มักปรากฏตามเว็บไซต์ต่างๆ มีหลายความหมาย ซึ่งความหมายในที่นี้จินตนาการ เพ้อฝัน  

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ชุยหัง เฟรชชี่ปีหนึ่งจากคณะเทคนิคการเดินเรือรอนแรมจากบ้านมาเรียนต่างเมืองเป็นครั้งแรก ทว่าเกือบถูกดักปล้นกลางทาง เคราะห์ดีที่มีคนผ่านทางมา แต่เขาคนนั้นกลับเมินเฉยไม่ยอมช่วยเสียอย่างนั้น ชุยหังจึงด่าพ่อล่อแม่ไปชุดใหญ่ กระนั้นโชคชะตาก็เล่นตลกให้ชุยหังได้พานพบกับ หลูจื้อ ชายที่เขาเคยปะทะฝีปากด้วยคราวก่อนอีกครั้งในฐานะครูฝึกทหารกับนักศึกษา จากเกลียดแรกพบจึงกลับกลายเป็นความใกล้ชิด ก่อตัวเป็นความรู้สึกเล็กๆ ในใจของทั้งสองโดยไม่รู้ตัว แต่ความสัมพันธ์ต้องห้ามนี้จะลงเอยอย่างไร เมื่อฝ่ายหนึ่งคือนายทหารอนาคตไกลที่มีแฟนสาวผู้เพียบพร้อมข้างกายอยู่แล้ว ส่วนอีกฝ่ายคือชายหนุ่มที่เป็นความหวังเพียงหนึ่งเดียวของครอบครัว ผิดหวังจากความรักครั้งแล้วครั้งเล่าจนไม่อาจเชื่อใจใครได้อีก ความรักที่ไม่ควรเกิดขึ้นท่ามกลางหน้าที่และความรับผิดชอบของลูกผู้ชายนี้จะเก็บเป็นความลับต่อไปได้อีกนานแค่ไหน…  แสดงเพิ่มเติม

Comment

Options

not work with dark mode
Reset