(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 23 ความรู้สึกที่ไม่เข้าใจ

หลังจากจัดการผู้บุกรุกชั่วช้าที่แฝงตัวอยู่บนฝ้าเพดานแล้ว อันดับแรกเฮเลนาก็ตั้งใจว่าจะกลับไปวิดพื้นต่อ

ร่างกายยังอยู่ในสภาพเกือบเต็มร้อยอยู่เลย จากนี้ไปจะต้องสะสมความเหนื่อยล้าให้เต็มที่เพื่อให้กล้ามเนื้อพัฒนาเป็นกล้ามเนื้อที่ดียิ่งขึ้นก่อนที่จะถึงการฝึกฝนครั้งถัดไป เหงื่อเองก็เพิ่งจะผุดขึ้นมาบนหน้าผากได้นิดเดียวเท่านั้น น้อยเกินกว่าที่จะเรียกได้ว่าเหงื่อดี ๆ หลังการฝึกฝน

เธอคิดเช่นนั้นและกำลังจะอ้อมไปด้านหลังฟาร์มาส ทว่า

 

“น นี่ เฮเลนา”

 

“คะ?”

 

“……หอกนี่ จะปล่อยไว้แบบนี้รึ?”

 

สิ่งที่ฟาร์มาสชี้นิ้วใส่ก็คือหอกซึ่งแทงทะลุหัวใจของผู้บุกรุก

จะปล่อยให้โลหิตที่ไหลมาตามด้ามจับหยดเปื้อนพรมก็ไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงได้วางถังไม้รองเอาไว้ด้านล่าง

 

“ค่ะ มีปัญหาอะไรหรือคะ?”

 

“เอ่อ……ทำไมไม่ดึงมันออกล่ะ”

 

“เพราะแทงเข้าไปที่หัวใจค่ะ หากดึงออกทั้งแบบนั้นเลือดคงจะทะลักออกมา ข้าไม่อยากให้ห้องนี้ที่ได้รับมาจากฝ่าบาทแปดเปื้อนเลือดของพวกชั่วช้าค่ะ”

 

“……งั้นรึ”

 

“หากทิ้งไว้สักคืนเลือดก็คงจะแข็งตัว ไว้ค่อยดึงออกตอนนั้นก็ยังไม่สายค่ะ”

 

“…………งั้นรึ”

 

ฟาร์มาสกุมศีรษะเหมือนว่าได้ยอมแพ้อะไรสักอย่างไปแล้ว

สำหรับเฮเลนาที่ใช้ชีวิตในสนามรบ เธอเห็นโลหิตของผู้อื่นมาจนชินแล้ว ทว่านี่อาจเป็นสิ่งกระตุ้นที่แรงเกินไปสำหรับฟาร์มาสก็เป็นได้

ถึงเขาจะแสร้งเป็นจักรพรรดิผู้โง่เขลาอยู่ แต่ก็ใช่ว่าจะชอบเห็นอะไรที่มันคาวเลือดแบบนี้จริง ๆ

 

“……ทำไมถึงรู้ว่ามีผู้บุกรุกอยู่ที่นี่ล่ะ?”

 

“น่าจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญสักเท่าไรค่ะ การลบจิตสัมผัสยังอ่อนหัดเกินไป แล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่เล็กน้อย หากเป็นมือฉมังของจริงจะสามารถลบจิตสัมผัสของตนให้ใกล้เคียงกับล่องหนที่สุดและเคลื่อนไหวในที่ทึบเสียงอย่างบนฝ้าเพดานได้โดยไม่มีเสียงแม้แต่น้อย เมื่อวานตอนกลางวันเจ้าคนนี้ก็อยู่เหมือนกัน แต่ดูแล้วไม่ถึงกับต้องระวังอะไรขนาดนั้นก็เลยปล่อยทิ้งไว้น่ะค่ะ”

 

“เมื่อวานก็อยู่รึ!?”

 

“เมื่อคืนไม่ได้อยู่ค่ะ……ส่วนหลังจากที่ข้าเมาสุราไปแล้วก็ไม่ทราบอีก ทว่าหากเป็นศัตรูระดับนี้ แม้จะเมาอยู่ข้าก็มั่นใจว่าสามารถจัดการได้ค่ะ”

 

“……………………งั้นรึ”

 

อาจด้วยความรู้สึกผิดที่ตนเองไม่ได้รู้สึกตัวเลย ฟาร์มาสจึงกัดริมฝีปาก

จากนั้นก็มองไปที่ปลายทางของหอกที่เสียบอยู่—มองไปที่ผู้บุกรุกด้วยความชิงชัง

 

“เราจะประเมินความปลอดภัยของวังหลังอีกครั้งโดยเร่งด่วน จะปรับปรุงเวรยามให้เข้มแข็งขึ้นเพื่อไม่ให้คนเช่นนี้บุกรุกเข้ามาได้อีก”

 

“……ข้าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรนะคะ”

 

“แต่เรากังวลน่ะสิ สมมุติว่านี่เป็น ‘มือฉมังของจริง’ อย่างที่บอกเมื่อครู่ เจ้าเองก็คงตกอยู่ในอันตรายใช่ไหมล่ะ คนที่ทำให้เจ้าประสบอันตรายก็คือเราเอง ดังนั้นเราย่อมต้องเป็นผู้รับผิดชอบ”

 

“……ค่ะ”

 

ความจริงแล้วต่อให้ “มือฉมังของจริง” ที่ลบจิตสัมผัสและไร้เสียงฝีเท้าปรากฏตัวออกมาจริง เฮเลนาก็คงไม่มีปัญหาอะไร

ในฐานะนักสู้แล้วเฮเลนามีสิ่งที่เรียกว่าอาณาเขตเป็นของตนเอง และหากมีสิ่งใดมาสัมผัสกับอาณาเขตนี้เธอจะรู้สึกตัวอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตามแม้เฮเลนาจะเรียกสิ่งนี้ว่าอาณาเขตแต่ความจริงแล้วมันคือวิชาที่ผสมผสานสัมผัสทั้งห้าอันล้ำเลิศเข้ากับสัมผัสที่หกซึ่งผ่านการขัดเกลามาในสนามรบนั่นเอง

และเมื่อได้เข้ามาในอาณาเขตดังกล่าวแล้ว ตราบใดที่ผู้นั้นไม่ใช่ยอดฝีมือที่เหนือกว่าเฮเลนา เธอก็คงสามารถจัดการมันได้

 

ถึงกระนั้นจะไปขัดขวางความตั้งใจของจักรพรรดิก็คงไม่ดีนัก

 

“คืนนี้เรากลับก่อนดีกว่า”

 

“จะกลับแล้วหรือคะ?”

 

“อา ขอโทษด้วย……แต่เราก็ไม่คิดจะทำงานในห้องที่มีเลือดหยดลงมาจากหอกหรอก อยากจัดเตรียมเรื่องเวรยามในวังหลังอย่างเร่งด่วนด้วย แล้วก็……เรื่องดาบน่ะ จะจัดการให้เอามาส่งพรุ่งนี้เช้าก็แล้วกัน”

 

“รับทราบค่ะ”

 

‘เยสสสสสสส’ เธอตะโกนดังแค่ในใจ

ถึงการที่ฟาร์มาสมาเยือนมันจะไม่ได้เดือดร้อนอะไรแต่หากเลือกได้เฮเลนาก็อยากจะนอนคนเดียว

วันนี้ฟาร์มาสมาที่นี่ ดังนั้นอเลกเซียก็คงไม่กลับมาจนเช้า แปลว่าเธอจะเป็นอิสระจนถึงเช้านั่นเอง จะร่ำสุราสักแค่ไหนก็ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน

 

“เฮเลนาเอ๋ย”

 

“ค่ะ”

 

ทว่าเฮเลนาก็เก็บงำความรู้สึกเช่นนั้นไว้ในใจและตอบกลับไปด้วยสีหน้าที่ยังคงเรียบเฉย

ทั้งที่ความคิดในหัวเธอนั้นน่าเสียดายระยะสุดท้ายแล้วแท้ ๆ แต่ฟาร์มาสกลับไม่ได้รู้เรื่องนั้นเลย โลกเรานี้บางทีก็แปลกจริง ๆ

 

“เจ้าน่ะ……นอนหลับในห้องที่มีเลือดหยดเช่นนี้ได้รึ? ถ้าอย่างไรให้เราตระเตรียมห้องอื่นไหม”

 

“ไม่ต้องค่ะ ไม่เป็นไร”

 

หากเพียงเท่านี้ยังกังวลกับกลิ่นเลือด แล้วกระโจมในสนามรบมันจะเหม็นคาวเลือดขนาดไหนกัน

สำหรับเฮเลนาที่เคยอยู่ในสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายมาอย่างต่อเนื่อง แค่มีศพนอนกลิ้งอยู่ศพเดียวย่อมไม่เป็นปัญหาอะไรทั้งนั้น

 

“……งั้นรึ เช่นนั้นเราก็จะไม่พูดอะไรแล้ว ถ้ามีผู้บุกรุกเข้ามาอีกเหมือนวันนี้ก็ช่วยรายงานเราด้วยล่ะ”

 

“เข้าใจแล้วค่ะ”

 

“แล้วก็”

 

จากนั้นฟาร์มาส

ก็ได้จุมพิตไปที่หูของเฮเลนาอย่างแผ่วเบา

 

“ขอโทษด้วย ที่ต้องมาวุ่นวายเพราะความเอาแต่ใจของเรา”

 

“—”

 

“แล้วพบกันนะ สนมฟ้าสุริยาของเราเอ๋ย คืนพรุ่งนี้เราจะมาอีกครั้ง”

 

เฮเลนาที่หน้าแดงไปจนถึงหูยืนมองส่งฟาร์มาสที่กำลังออกไปจากห้อง

พูดให้ถูกก็คือ เธอขยับตัวไม่ได้

 

อาณาเขตที่มีอยู่ในฐานะนักสู้ หากมีสิ่งใดมาสัมผัสเฮเลนาก็สามารถรับรู้และขยับตัว จะหลบหลีกหรือป้องกันก็ทำได้ทั้งนั้น

ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนที่ของดาบ การแทงของหอก เสียงโหยหวนของกำปั้น เธอสามารถคาดการณ์มันได้ทุกอย่าง

ทว่า—มีเพียงริมฝีปากของฟาร์มาสเท่านั้น ที่ไม่สามารถหลบหลีกหรือป้องกันได้เลย

 

“อ๊า—……ปัดโธ่!”

 

เธอตะโกนเช่นนั้นอย่างเต็มเสียง ใส่ฟาร์มาสที่ได้ปิดประตูและจากไปแล้ว

 

เฮเลนาที่ปลิดชีพผู้บุกรุกได้ด้วยการแทงหอกเดียว ตอนนี้กลับไม่สามารถเอาชนะได้เลย

เธอโดนหยอกล้อจนหัวหมุนทุกที

แบบนี้สู้ให้อยู่ในสนามรบยังจะสงบใจมากกว่าอีก

 

“ดื่มดีกว่า”

 

เรื่องไร้สาระต่าง ๆ ก็ต้องร่ำสุราแล้วลืมมันไปซะ

จุมพิตที่กลั่นแกล้งของฟาร์มาสนั่นก็แค่กำลังล้อเฮเลนาเล่นอยู่เท่านั้นแหละ จะแกล้งสตรีที่เลยวัยออกเรือนเช่นนี้ก็ให้มันมีขอบเขตเสียบ้างเถอะ แถมอีกฝ่ายยังเป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาดที่ต่อต้านไม่ได้อีก

สนามรบเช่นนี้ เธอไม่ถนัดเลย

ทั้งที่การต่อสู้ที่เรียบง่ายกว่านี้เป็นงานถนัดของเฮเลนาแท้ ๆ

 

เมื่อวานดันดื่มสุราชั้นดีที่ขอยืมมาจากบ้านมาร์ควิสเรลโนตจนหมดไปแล้ว ที่เหลืออยู่มีแต่สุราราคาถูกที่นำมาด้วยต่างหาก

ทว่าเท่านั้นก็พอแล้ว เพราะเธอแค่จะดื่มคนเดียว

รินสุราใส่แก้ว แล้วก็กระดกดื่มลงไป

ดีกรีค่อนข้างแรง รู้สึกได้ว่ามันซึมซ่านไปในตัว

 

“อ๊า—!”

 

ทว่าต่อให้ดื่มไปมากแค่ไหนใจมันก็ไม่ปลอดโปร่งขึ้นเลย

จะกลืนไปกี่แก้วก็ไม่สามารถอธิบายแรงกระตุ้นในใจนี้ได้

มันอื้ออึงไปหมด

ทั้งที่รู้สึกไม่สบายใจ แต่ก็รู้สึกสบายใจด้วย

 

“ถ้าคิดจะหลบ ก็ทำได้แท้ ๆ !”

 

เธอคาดการณ์ได้

การเคลื่อนไหวแปลก ๆ ของฟาร์มาส ใบหน้าได้รูปที่เข้ามาใกล้ สัมผัสอ่อนนุ่มที่มาโดนหูของเฮเลนา

ทั้งหมดนั้นเธอรับรู้มันได้ มันไม่ใช่โดนเล่นทีเผลอแบบเมื่อวาน เธอสังหรณ์ใจอยู่ด้วยซ้ำว่าเขาอาจจะทำแบบนั้น

ทั้งที่เป็นแบบนั้น ร่างกายมันกลับไม่ขยับ

 

“ทำไมกัน!”

 

ราวกับว่า

เฮเลนาใฝ่หาการกระทำดังกล่าวอยู่

 

“อ๊า—!”

 

เฮเลนาที่รู้สึกเกลียดตัวเองจนอยากจะตาย ได้ดื่มสุราราคาถูกไปจนหมดขวดในอึดใจเดียว

ดื่มไปแก้วหนึ่งก็ตะโกนออกมาทีหนึ่ง หากความเกลียดตัวเองมันสามารถสังหารคนได้ เธอก็คงร่ำร้องจนสังหารศัตรูสิ้นซากไปได้ราวหนึ่งกองพัน

 

และหลังจากเข้าสู่ขวดที่ห้า เธอก็ได้หมดสติไป

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset