(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 27 การต่อสู้ในสวน ครึ่งแรก

“สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเต เอียนส์เวิร์ธ

เครือญาติของมาร์ควิสอับราฮัม โนลด์ลุนด์ ศัตรูทางการเมืองของที่ปรึกษาหลวงแอนตัน เรลโนตบิดาของเฮเลนา และยังเป็นเด็กสาวที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นโฉมงามแห่งสังคมชั้นสูง

ใบหน้าได้รูปครบเครื่องนั้น แม้คำว่างดงามยังไม่เพียงพอที่จะใช้เป็นคำยกย่อง คงต้องใช้คำสวยหรูที่เกินขอบเขตของมนุษย์ไปอย่างเช่น ‘ราวกับเทพธิดา’ มาบรรยายแล้วกระมัง ผิวพรรณก็ขาวสะอาดราวกับเครื่องลายครามที่เจิดจรัส เมื่อประกอบกับวัยเพียงสิบหกปีก็ชวนให้รู้สึกเหมือนกำลังมองดูตุ๊กตาตัวหนึ่ง

สาวน้อยผู้งดงามราวกับว่าเทพเจ้าได้ทุ่มเทสรรค์สร้างขึ้นมา

ต่อหน้าความงดงามเช่นนั้น แม้แต่ “สนมฟ้าดารา” มาริเอลที่เรียกได้ว่าเป็นสาวน้อยผู้งดงามเช่นกันก็ยังดูด้อยไปเลย

 

“ห้ะ อ่า……แหม ๆ สวัสดีค่ะ พระสนมฟ้าจันทรา”

 

“สวัสดีเจ้าค่ะ พระสนมฟ้าสุริยา”

 

‘ฮุฮุ’ ริมฝีปากที่กำลังคงยิ้มเยาะเย้ยถูกปิดบังไว้ด้วยพัดที่ประดับขนนก

แม้ทุกอากัปกิริยานั้นจะมีความสูงส่งสง่างามแผ่ซ่านออกมา ก็คงปิดไปไม่ถึงสันดานเสีย ๆ นั่นสินะ

และพอมองดูให้ดีแล้ว รอบกายของ “สนมฟ้าจันทรา” ยังมีนางสนมคนอื่นอยู่อีกมากกว่าสิบคน

 

“มีธุระอะไรหรือคะพระสนมฟ้าจันทรา”

 

“ไม่ได้มีธุระอะไรกับท่านเป็นพิเศษหรอกเจ้าค่ะพระสนมฟ้าสุริยา ดิฉันคิดว่าจะจัดงานเลี้ยงน้ำชากับเหล่าคนสนิทที่นี่ในช่วงเช้าสักหน่อย แต่พอลองมาดูก็ได้เห็นพระสนมฟ้าสุริยากำลังแกว่งดาบอย่างหน้าดำคร่ำเครียดอยู่น่ะเจ้าค่ะ”

 

“โอ้งั้นหรือคะ แต่ข้าได้บอกกับหัวหน้านางกำนัลไว้แล้วนะคะว่าจะอยู่ที่นี่จนถึงเที่ยง”

 

“แหม อย่างพระสนมฟ้าสุริยาก็มีใจอยากจะชมดอกไม้ด้วยหรือเจ้าคะ? หรือว่าแค่ต้องการที่กว้าง ๆ ไว้ฟันดาบก็เลยมาที่นี่กันแน่เจ้าคะ?”

 

“แค่ต้องการที่กว้าง ๆ ไว้ฟันดาบ ตามที่ว่านั่นแหละค่ะ”

 

เฮเลนาข่มกันไปมากับชาร์ลอตเตโดยใช้เพียงวาจา

เหล่านางสนมที่ตามหลังมาก็พากันกระซิบกระซาบว่า “แหม ป่าเถื่อนจริงเชียว” “อดีตทหารก็เป็นกันซะแบบนี้” หรืออะไรทำนองนั้นให้เฮเลนาได้ยินอย่างชัดเจน ดูเหมือนว่าพวกเธอทุกคนจะอยู่ภายใต้การดูแลของ “สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเตกระมัง

ทำให้มันเงียบปากกันให้หมดเลยดีไหม—แม้จะมีความคิดอันตรายแบบนั้นผุดขึ้นมาแต่เธอก็ห้ามตัวเองไว้

ยังไงก็คงใช้กำลังรุนแรงกับนางสนมคนอื่น ๆ ไม่ได้จริง ๆ

 

“เช่นนั้นแล้ว เมื่อพระสนมฟ้าสุริยาไม่ได้สนใจดอกไม้ ก็คงจะยอมยกสถานที่ให้พวกดิฉันใช่ไหมเจ้าคะ?”

 

“โฮ่ เหตุใดจึงคิดเช่นนั้นล่ะคะ?”

 

“หากต้องการที่กว้าง ๆ ก็แค่ไปทำตรงพุ่มไม้แถวโน้นเป็นไงเจ้าคะ? ถ้าพระสนมฟ้าสุริยาไปฟันดาบก็จะได้ไม่ต้องตัดหญ้าด้วยไงล่ะ”

 

‘ปึด’ เฮเลนาขมวดคิ้ว

ชาร์ลอตเตกำลังยิ้มเยาะอย่างโจ่งแจ้ง และเพราะวาจาเสียดสีนั้นค่อนข้างตรงไปตรงมาแม้แต่เฮเลนาผู้มีหัวสมองอันน่าเสียดายก็ยังเข้าใจได้ง่าย

ท่าทางซึ่งมองว่าระบำดาบของเฮเลนามีค่าเท่ากับการตัดหญ้านั้น มันกระตุกต่อมของเฮเลนาสุด ๆ

 

“ขอปฏิเสธค่ะ ทางท่านเป็นฝ่ายมาถึงทีหลังนี่นา ยังไงการใช้สวนระหว่างอาคารก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาตอยู่แล้ว ขอแค่เป็นจุดที่ดาบของข้าไปไม่ถึงพวกท่านก็เชิญจัดงานเลี้ยงน้ำชากันได้ตามสะดวกเลย”

 

“อุ๊ยแหม ถ้างั้นช่วยบอกได้หรือไม่เจ้าคะว่าดาบของพระสนมฟ้าสุริยามันไปถึงตรงไหนกัน?”

 

“ในวังหลังนี้ไม่มีที่ใดที่ไปไม่ถึงหรอกค่ะ ข้าก็แค่แกว่งดาบเพื่อฝึกฝนเท่านั้น ยังไงก็โปรดระวังอุบัติเหตุไว้ให้ดีนะคะ”

 

สิ่งที่เฮเลนามีเหนือกว่า “สนมฟ้าดารา” มาริเอล และ “สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเต

นั่นก็คือฝีมือการต่อสู้

หากได้รับคำสั่งจากฟาร์มาสว่าให้สังหารนางสนมสักคน เฮเลนาก็คงลงมือฆ่าได้ในพริบตาอย่างไม่ลังเลอะไรทั้งสิ้น ต่อให้ลงกลอนห้องไว้เธอก็สามารถพังประตูเข้าไปสำเร็จโทษได้

ดังนั้นจึงใช้เรื่องนั้นมาเป็นประโยคข่มขู่

 

“แหม ๆ พูดจาน่ากลัวเชียวนะเจ้าคะ พระสนมฟ้าสุริยา”

 

“โอ้ หมายถึงเรื่องใดหรือคะ?”

 

“เช่นนั้นดิฉันจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้นก็แล้วกัน มันเกะกะเจ้าค่ะ ช่วยไปไกล ๆ จากที่นี่ได้ไหม?”

 

ชาร์ลอตเตยิ้มอยู่ แต่แววตาของเธอมิได้ยิ้มด้วยเลย

ดูเหมือนจะดูแคลนพลังบู๊ของเฮเลนาอยู่สินะ ทั้งที่กลุ่มของ “สนมฟ้าดารา” ที่ลองข่มขู่ไปเมื่อวันก่อนยังยอมถอยอย่างง่ายดายแท้ ๆ

งั้นข่มขู่อีกสักหน่อยดีมั้ย—เฮเลนามองถามไปทางอเลกเซีย

ทว่าอเลกเซียก็ส่ายหน้า

 

“โฮ่ ๆ พระสนมฟ้าจันทรา นี่คิดว่าทุกคนจะต้องเชื่อฟังท่านหมดอย่างนั้นหรือคะ?”

 

“แล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ? ดิฉันคือ ‘สนมฟ้าจันทรา’ ตำแหน่งที่เป็นรองเพียงพระชายาเอกเจ้าค่ะ”

 

“งั้นหรือคะ ส่วนข้าคือ ‘สนมฟ้าสุริยา’ ในทางฐานะเราก็น่าจะเท่ากันนี่คะ”

 

“อุ๊ยแหม แต่ท่านมีแค่คนเดียวมิใช่หรือ? ดิฉันพาเพื่อน ๆ มาด้วยนะเจ้าคะ แม้พระสนมฟ้าสุริยาจะได้ชื่อว่าเป็นนักรบ แต่คงไม่หันดาบเข้าใส่ดิฉันกับเพื่อน ๆ ของดิฉันหรอกใช่ไหม?”

 

น่าหงุดหงิดจริง ๆ

ถึงขั้นคิดว่าอยากจะใช้ดาบกวาดมันให้ล้มลงไปทุกคนไปเลยแหละ

แต่จะอาละวาดมั่วซั่วตอนนี้ก็ไม่ได้ จะอย่างไรแผนการของฟาร์มาสคือการรักษาสมดุลทางการเมือง หากเกิดเรื่องว่าเฮเลนาใช้กำลังกับชาร์ลอตเต นั่นอาจทำให้แอนตันสูญเสียจุดยืนไปได้เลย

เพราะแบบนั้นเมื่อกี้อเลกเซียถึงได้ส่ายหน้าล่ะมั้ง

 

“แน่นอนค่ะ อย่างไรเสียข้าก็เป็นนักรบ พลังยุทธ์นี้มีไว้เพื่อเป็นกำลังให้ฝ่าบาทและเพื่อเป็นทหารแนวหน้าของจักรวรรดิ คงมิจำเป็นต้องหันมันเข้าใส่กุลธิดาเช่นพวกท่านหรอกค่ะ”

 

“เช่นนั้นดิฉันก็วางใจ ผู้แข็งแกร่งอย่างพระสนมฟ้าสุริยาบอกว่าจะปกป้องคุ้มครองพวกเราสินะเจ้าคะ”

 

“ใช่ แต่หากจะเป็นศัตรูกับข้านั่นก็อีกเรื่องนะคะ”

 

สายตาของเฮเลนากับชาร์ลอตเตเข้าปะทะกัน

หากสายตากับสายตาชนกันแล้วเกิดประกายไฟขึ้นมาได้มันก็คงจะระเบิดไปแล้ว

แม้เฮเลนาจะไม่ถนัดกับสมรภูมิเช่นนี้ แต่จะยอมถอยก็ไม่ได้

 

“อ๊ะ จะว่าไปแล้ว……ไม่ใช่ว่าวังหลังห้ามนำอาวุธเข้ามาหรือเจ้าคะ?”

 

ชาร์ลอตเตทำท่าเหมือนเพิ่งจะรู้สึกตัวเมื่อกี้ และถามไปยังนางสนมที่อยู่รอบ ๆ

แม้จะคิดไว้ว่าอาจโดนพูดเรื่องนี้แล้วก็เตรียมคำตอบไว้แล้วก็เถอะ

 

“ตายแล้ว นำอาวุธเข้ามาในวังหลังซึ่งปลอดภัยเพราะอยู่ใต้ความคุ้มครองของฝ่าบาทเนี่ยนะ”

 

“ป่าเถื่อนเหลือเกิน เป็นกุลสตรีก็ไม่ควรจะจับอาวุธสิ”

 

เหล่านางสนมรอบ ๆ ต่างพากันส่งเสริม และพูดเช่นนั้นใส่ดาบของเฮเลนา

รู้สึกรำคาญชะมัด

นางสนมเหล่านั้นทำหน้าเหมือน ๆ กันไปหมด ไม่มีจุดเด่นอะไรเลย ถ้าถามว่าสวยไหมก็คงตอบว่าสวย แต่ความสวยแค่นั้นเมื่อเทียบกับ “สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเตแล้วก็ไม่ต่างอะไรกับเศษผง

ทำไมพวกที่เรียกว่าลิ่วล้อมันถึงได้อึดอัดน่ารำคาญขนาดนี้นะ

 

“ดิฉันเองก็มีคนคุ้มกัน……แต่ที่ให้ถืออยู่คือดาบไม้เท่านั้นเจ้าค่ะ เอาดาบใหญ่แบบนั้นเข้ามาเนี่ย ไม่รู้ถึงกฎของวังหลังหรือไงกันเจ้าคะ?”

 

“รู้สิคะ ดาบนี้ลบคมไปแล้ว”

 

“แหม คิดว่านั่นเป็นข้อแก้ตัวได้หรือเจ้าคะ? น่าสงสัยในสติสัมปชัญญะจริง ๆ ทุกคนได้ยินไหมเจ้าคะ? ต่อให้ลบคมไปแล้วแต่อาวุธก็ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาหรอกนะเจ้าคะ แน่ใจหรือว่าไม่ได้คิดปองร้ายพวกดิฉันอยู่น่ะ?”

 

ชาร์ลอตเตกล่าวเช่นนั้นด้วยท่าทีตกใจ

ทว่าเมื่อได้ยินวาจาเช่นนั้นของชาร์ลอตเต

เฮเลนาก็ยิ้มออกมา

 

“โฮ่ ท่านกำลังกล่าวว่า การนำดาบที่ลบคมแล้วเข้ามายังวังหลัง ทำให้สงสัยในสติสัมปชัญญะของคนผู้นั้นหรือคะ”

 

“อ้าว มิใช่หรือเจ้าคะ? หากปล่อยให้เรื่องเช่นนี้ลอยนวลไปได้ จะเกิดสงครามขึ้นในวังหลังของฝ่าบาทก็ไม่น่าแปลกใจเลย”

 

“งั้นหากได้ยลดาบเล่มนี้แล้วจะยังคิดเช่นนั้นได้อยู่หรือไม่คะ?”

 

“พูดอะไรของท่าน……”

 

เฮเลนาได้ยกดาบที่ถืออยู่ในมือขวาขึ้นมาตรงหน้า

เพื่อให้มองเห็นได้

 

ถึงตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์ที่สลักอยู่บนโกร่งดาบนั้น

 

“—!?”

 

“อย่างที่ได้เห็น นี่คือดาบเล่มหนึ่งที่ฝ่าบาทรุ่นก่อน ๆ ได้สะสมเอาไว้ค่ะ เข้าใจใช่ไหมว่าทำไมข้าจึงมีของเช่นนี้อยู่?”

 

“อ อย่าบอกนะว่า……!”

 

“ใช่ค่ะ มันคือของขวัญจากฝ่าบาท เอาล่ะ……”

 

เฮเลนาหันปลายดาบไปยังชาร์ลอตเตที่กำลังหน้าซีด

ในตำแหน่งที่ฟันเพียงครั้งเดียวก็สามารถเฉือนเอาชีวิตของเธอไปได้ทันที—และถามเพื่อพิสูจน์ความผิด

 

“สิ่งที่กล่าวมาเมื่อครู่มิได้โป้ปดใช่ไหมคะ? ที่ว่า ‘การนำดาบที่ลบคมแล้วเข้ามายังวังหลัง ทำให้สงสัยในสติสัมปชัญญะของคนผู้นั้น’ น่ะ เช่นนั้นแล้วก็ดูเหมือนพระสนมฟ้าจันทรากำลังสงสัยในสติสัมปชัญญะของฝ่าบาทอยู่สินะคะ ถึงกับสงสัยในสติสัมปชัญญะของท่านผู้นั้นที่แบกรับจักรวรรดิเอาไว้เนี่ย……กำลังวางแผนจะแย่งชิงบัลลังก์จักรพรรดิอยู่หรือไม่?”

 

“ด ดิฉัน ไม่ได้……!”

 

“ดูเหมือนกำลังสนทนากันอย่างสนุกสนานอยู่เชียวนะคะ”

 

ทันใดนั้นเองก็ได้มีผู้แทรกเข้ามากะทันหัน

“สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเต กับ “สนมฟ้าสุริยา” เฮเลนา

บุคคลที่สามารถแทรกเข้ามาในการสนทนาของทั้งสองได้นั้น ย่อมเป็นผู้ที่มีตำแหน่งสูงส่งพอสมควร หรือไม่ก็เป็นจักรพรรดิเองเท่านั้น

ดังนั้นเฮเลนาจึงรู้ได้โดยไม่ต้องมองไปยังร่างนั้น

 

“ขอดิฉันร่วมวงด้วยคนได้ไหมคะ?”

 

ผู้ที่มีศักดิ์เท่ากันในฐานะสามสนมฟ้า

“สนมฟ้าดารา” มาริเอล รีเวียร์ ซึ่งได้นำพาบรรดาลิ่วล้อมาด้วยกำลังยืนอยู่ที่นั่น

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset