(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 3 วันแรกในวังหลัง – พบกับหัวหน้านางกำนัลรับใช้

 

ในมุมหนึ่งของห้องที่กว้างขวางเกินไปสำหรับคนคนเดียว มีเตียงขนาดค่อนข้างใหญ่อยู่หนึ่งเตียง ส่วนตรงกลางห้องก็มีโซฟาขนาดนั่งคนเดียววางขนาบสองข้างโต๊ะตัวหนึ่งโดยหันหน้าเข้าหากัน บนโต๊ะมีแจกันดอกไม้อันหนึ่งซึ่งราคาเกินเงินเดือนเดือนหนึ่งของสามัญชนไปไกลลิบ ส่วนโคมระย้าที่ให้แสงสว่างบนเพดานก็คงจะมีราคาสูงเกินจินตนาการ

ห้องที่หรูหราเช่นนั้นคือห้องห้องหนึ่งในอาคารที่อยู่ทางด้านหลังวังหลวงของจักรวรรดิกันเกรฟ หรือที่เรียกกันว่าวังหลังกุหลาบ

 

“……ฮึ่ม”

 

เฮเลนานั่งลงบนโซฟาและส่งเสียงออกมาเบา ๆ

วันนี้เฮเลนา เรลโนตได้เข้ามาในวังหลังแล้ว ถ้านับจากวันที่ได้ฟังเรื่องราวจากแอนตันก็นับเป็นวันที่สาม ซึ่งเรียกได้ว่ารวดเร็วมากทีเดียว ดูท่าว่าต่อให้เฮเลนาจะตอบว่าอะไรแอนตันก็คงไม่ถอยอยู่ดี ความเร็วขนาดนี้ต้องเป็นเพราะเตรียมการไว้เรียบร้อยล่วงหน้าหมดแล้วแน่นอน

ห้องที่กว้างขวางเกินไปสำหรับคนหนึ่งคน

การอยู่เพียงคนเดียวกลางห้องนั้นมันรู้สึกอ้างว้างเกินไปจริง ๆ

 

“เครื่องประดับบนกำแพงดูมีราคาเกินไป ไม่เหมาะจะใช้เป็นบาร์โหนสินะ แถมจะแกว่งดาบก็ไม่ได้เพราะเดี๋ยวจะไปโดนโคมระย้าเข้า แย่แล้ว แบบนี้ก็ทำได้แค่วิดพื้นกับสควอตแล้วก็ซิตอัปฝึกกล้ามท้องเท่านั้นน่ะสิ ฮึ่ย……รู้งี้ถ้าพาใครมาด้วยอย่างน้อยก็จะให้มาขี่หลังเราตอนทำสควอตได้แท้ ๆ”

 

ตามกฎแล้วบุตรีขุนนางที่จะเข้าวังหลังสามารถพาสาวใช้ที่เป็นลูกจ้างติดตามมาด้วยได้หนึ่งคน ซึ่งโดยพื้นฐานเป็นแค่การอนุญาตให้พามาได้หนึ่งคน ไม่ได้บังคับว่าต้องพามาด้วยหนึ่งคนแต่อย่างใด

ดังนั้น เฮเลนาที่ไม่เคยชินกับการที่ให้คนอื่นมาดูแลจัดการธุระส่วนตัวอะไรเป็นพิเศษก็เลยไม่คิดที่จะพาสาวใช้ในตระกูลเรลโนตที่มีน้อยอยู่แล้วมาด้วย ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งก็คือแต่เดิมทีเธอก็ใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบทั้งปีทั้งชาติอยู่แล้ว ดังนั้นที่บ้านจึงไม่มีสาวใช้ที่สนิทสนมด้วยมากพอ

แต่ว่าไอ้การที่เข้ามาในห้องที่หรูหนาแบบนี้แล้วเรื่องแรกที่คิดดันเป็นเรื่องการฝึกกล้ามเนื้อ ก็แสดงให้เห็นว่าความเสียของของเฮเลนานั้นไม่รู้ขีดจำกัดจริง ๆ

 

“ว่าแต่ว่า ไม่นึกเลยว่าท่านพ่อจะยัดเยียดให้เรามาเป็น ‘สนมฟ้าสุริยา’ ได้เนี่ย……”

 

ภายในวังหลังนั้นมีความแตกต่างของชนชั้นอันใหญ่หลวงอยู่

ชื่อเสียงของตระกูลอย่างเช่นเฮเลนาที่มาจากตระกูลมาร์ควิสก็มีส่วน แต่ที่เหนือไปกว่านั้นยังมีความแตกต่างจากการแบ่งฐานันดรออกเป็นสี่ขั้น คือ “สามสนมฟ้า” “เก้าสนมเอก” “ยี่สิบเจ็ดสนมสูง” “แปดสิบเอ็ดสนมล่าง“

“สามสนมฟ้า” จะประกอบไปด้วยสามตำแหน่งคือ “สนมฟ้าจันทรา” “สนมฟ้าสุริยา” “สนมฟ้าดารา”

สามตำแหน่งนี้แต่ละคนจะถือว่ามีฐานะใกล้เคียงกับพระจักรพรรดินีมากที่สุด ดังนั้นจึงได้รับห้องที่หรูหรา เทียบกับห้องของสนมคนอื่น ๆ แล้วก็คงพูดได้ว่ากว้างขวางเกินไปจริง ๆ

เฮเลนาคือหนึ่งในสามสนมฟ้า “สนมฟ้าสุริยา”

ไอ้การที่ถูกเรียกอย่างยกย่องว่าเป็นพระสนมเนี่ย เธอรู้สึกว่ามันขัดแย้งกับตัวเองสุด ๆ แต่โดยทางการแล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริง ๆ จึงเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้

 

ถึงจะคิดมากไปก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี เอาแต่อยู่นิ่ง ๆ ไปก็รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัวด้วย ยังไงก็วิดพื้นหรืออะไรไปพลาง ๆ ให้ใจเย็นลงก่อนละกัน

ด้วยความคิดสมองกล้ามเช่นนั้น เฮเลนาจึงยืน – หรือกำลังจะยืนแต่ก็มีเสียงเคาะประตูห้องดังขึ้นมาซะก่อน

 

“ขออนุญาตรบกวนนะคะ พระสนมฟ้าสุริยา”

 

ผู้ที่เข้ามาในห้องพร้อมกับคำพูดดังกล่าวคือนางกำนัลรับใช้ที่น่าจะอายุมากกว่าเฮเลนาสักยี่สิบปี

เธอมีรอยตีนกาลึก ๆ บนใบหน้ากับแววตาที่เฉียบคม แต่ก็ยังมีเค้าหน้าที่ให้ความรู้สึกว่าสมัยยังสาวเธอน่าจะเคยเป็นสาวสวยคนนึงอย่างแน่นอน

นางกำนัลผู้นั้นได้โค้งศีรษะคำนับให้กับเฮเลนาด้วยกิริยาท่าทางที่ลื่นไหลงดงามซะจนเรียกได้ว่าเป็นแบบอย่างของนางกำนัลทั้งมวลเลยก็ว่าได้

 

“ดิฉันคือผู้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้านางกำนัลรับใช้ในวังหลังนี้ อิซาเบล อาเกรเชียค่ะ ถ้ามีเรื่องที่ขาดเหลือใด ๆ ต่อการใช้ชีวิตในวังหลังนี้ก็โปรดแจ้งมาที่ดิฉันนะคะ”

 

“ข ขอบคุณมากค่ะ ท่านอิซาเบล”

 

“ขออนุญาตนะคะ พระสนมฟ้าสุริยา……ท่านนั้นเป็นถึงสามสนมฟ้า ตราบเท่าที่ฝ่าบาทยังไม่มีพระชายาจริง ๆ ฐานะของพวกท่านก็ไม่แตกต่างจากการเป็นพระชายาเลย ได้โปรดขอความกรุณาอย่าลดตัวลงมาทัดเทียมกับบุคคลต่ำต้อยอย่างดิฉันเลยค่ะ”

 

‘อุ่ย’ เฮเลนากลอกตาไปมากับคำพูดที่ผิดพลั้งไปของตัวเอง

ถึงเธอจะคิดเอาเองว่า ‘ยังไงก็เรียกอีกฝ่ายเติมท่านแบบส่ง ๆ ไปก็ได้มั้ง’ แค่ดูท่าว่าสำหรับเฮเลนาที่มีฐานะเป็นสนมฟ้าสุริยาแล้วมันแปลกมากที่จะใช้คำสุภาพกับอิซาเบล

 

“ขออภัยด้วยค่ะ อิซาเบล”

 

“ได้โปรดเลิกใช้วาจาที่ลดตัวลงมาแบบนั้นด้วยเหมือนกันค่ะ”

 

“อึ่ก……เอ่อ ท โทษทีนะ อิซาเบล”

 

“ค่ะ ขอให้ท่านวางตัวเช่นนั้นต่อไปได้ก็จะดีอย่างยิ่งค่ะ”

 

หัวหน้านางกำนัลรับใช้อิซาเบลเงยหน้าขึ้น จากนั้นจึงกระแอมออกมา ‘อะแฮ่ม’ แม้กระทั่งการกระทำแบบนั้นก็ยังดูงดงามลื่นไหล เป็นหลักฐานว่าอิซาเบลนั้นคงเป็นนางกำนัลที่มาจากตระกูลที่ดีกระมัง นอกจากนี้ก็กล่าวได้ว่าเป็นความสามารถที่สมกับเป็นผู้ดูแลจัดการวังหลังซึ่งถือเป็นหนึ่งในสิ่งแสดงบารมีของจักรพรรดิอีกด้วย

เฮเลนาเองก็กำลังพยายามวางท่ากลบเกลื่อนหลาย ๆ เรื่องอยู่ แต่ถ้าเอามาเปรียบเทียบกับอิซาเบลแล้วก็คงความแตกได้โดยง่ายว่าเธอมันของปลอม ไม่สิ ต้องบอกว่าแตกไปแล้วต่างหาก

 

“ได้ยินมาว่าพระสนมฟ้าสุริยาไม่ได้นำสาวใช้ติดตัวมาด้วย”

 

“ถ้าแค่การดูแลตนเองล่ะก็ ข้าย่อมทำด้วยตัวเองได้”

 

“เช่นนั้นหรือคะ……แต่ว่าในฐานะผู้มีสิทธิ์เป็นพระชายาแล้ว อยากให้ท่านลดวิธีคิดแบบนั้นลงด้วยค่ะ ดิฉันจะจัดหานางกำนัลติดห้องให้กับพระสนมฟ้าสุริยาเป็นการเร่งด่วน”

 

“……รบกวนด้วยค่ะ”

 

เฮเลนาถอยโดยไม่รู้ตัวเมื่อเจอแรงกดดันที่ไม่เปิดโอกาสให้ปฏิเสธของอิซาเบล

ถึงแม้ในทางตำแหน่งแล้วเฮเลนาจะมีศักดิ์สูงกว่า แต่เกรงว่าเรื่องนี้คงจะคัดค้านไม่ได้เสียแล้ว มันดูยากกว่าการต่อสู้กับกองทัพข้าศึกหมื่นคนซะอีก

ความคิดไร้สาระอย่างเช่น ‘นี่มีคุณสมบัติของแม่ทัพเลยไม่ใช่รึไงกัน’ ผ่านเข้ามาในหัวเธอ

 

“พวกเราเหล่านางกำนัลเองก็กำลังคาดหวังในตัวพระสนมฟ้าสุริยาเช่นกันค่ะ”

 

“……คะ?”

 

เมื่อเจอกับถ้อยคำที่ไม่คาดคิดของอิซาเบล เฮเลนาเลยตอบกลับไปอย่างโง่งม

เฮเลนาไม่ได้ทำอะไรที่น่าจะทำให้เหล่านางกำนัลรับใช้รู้สึกคาดหวังเป็นพิเศษนี่นา หรือเป็นเพราะการเคยมีประวัติว่าเป็นอดีตทหารมันมีข้อดีอะไรสักอย่างงั้นรึ จะบอกว่าให้ช่วยสอนวิชายุทธ์ให้กับเหล่านางกำนัลรึไงกัน แต่เท่าที่เฮเลนารู้ ไม่ว่าจะคิดยังไงนั่นมันก็ไม่ใช่งานของนางสนมนี่นา

แต่ตอนนั้นเองอิซาเบลก็ได้เอามือป้องปากหัวเราะ ‘โฮะ ๆ’

 

“พวกดิฉันเป็นนางกำนัลที่กำกับดูแลวังหลัง ย่อมต้องรู้ถึงสถานการณ์บ้านเมืองของราชสำนักเบื้องหน้าอยู่แล้วค่ะ เข้าใจดีว่าที่ปรึกษาหลวงแอนตัน เรลโนตต้องยอมเจ็บปวดใจหัวใจขนาดไหนค่ะ”

 

“……เอ่อ?”

 

“ได้ยินมาว่าการปะทะกับมาร์ควิสโนลด์ลุนด์ทำให้ราชสำนักแตกออกเป็นสองฝ่าย และได้ยินมาอีกว่าเพราะไม่นานมานี้มีการแต่งตั้งบุตรีเคานต์ ชาร์ลอตเต เอียนสเวิร์ธ ผู้เป็นเครือญาติขึ้นเป็น ‘สนมฟ้าจันทรา’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสามสนมฟ้า ทำให้มาร์ควิสโนลด์ลุนด์มีอำนาจในการออกปากคำมากขึ้น แต่บัดนี้เมื่อท่านเฮเลนาผู้เป็นลูกสาวของที่ปรึกษาหลวงเรลโนตได้มาเป็น ‘สนมฟ้าสุริยา’ สถานการณ์จึงกลับมาสมดุลกันอีกครั้งแล้ว”

 

“……?”

 

ไม่เข้าใจสักกะนิด ทำไมเรื่องการเมืองเบื้องหน้าที่แอนตันกับมาร์ควิสโนลด์ลุนด์กำลังทะเลาะกัน แล้วพอตัวเองเข้ามาอยู่ในวังหลังมันไปทำให้สถานการณ์ดีขึ้นได้นะ

ดูเหมือนว่าโลกของการเมืองมันจะลึกล้ำกว่าที่เฮเลนาคิดเอาไว้มาก

 

“ค่ะ เพราะ ‘สนมฟ้าจันทรา’ เป็นเพียงแค่เครือญาติของมาร์ควิสโนลด์ลุนด์เท่านั้น แต่ ‘สนมฟ้าสุริยา’ นั้นเป็นถึงบุตรีของที่ปรึกษาหลวงเรลโนตเอง จึงไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครมีอำนาจมากกว่ากันในราชสำนัก”

 

“……น นั่นสินะ”

 

เมื่อได้ฟังคำพูดของอิซาเบล เฮเลนาก็ตอบกลับไปทั้งที่ยังไม่เข้าใจอยู่แบบนั้น

ทว่าเฮเลนาก็รู้สึกว่าการมาเป็น “สนมฟ้าสุริยา” ก็ไม่น่าทำให้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอะไรเป็นพิเศษหรอก เพราะถึงยังไงพระจักรพรรดิก็คงไม่มีทางมาที่ห้องนี้แน่ ๆ

เฮเลนาอายุยี่สิบแปดปี ส่วนฟาร์มาส ดีล ลูเครเซีย กันเกรฟ ผู้เป็นจักรพรรดิองค์ปัจจุบันอายุสิบแปดปี ส่วนต่างของอายุคือสิบปี

กับเฮเลนาที่อายุมากกว่าตั้งสิบปี จากมุมมองของฟาร์มาสแล้วเธอก็คงเป็นได้แค่คุณป้าที่เลยวันหมดอายุมาแล้วเท่านั้นแหละ

 

“ความจริงข้อที่ว่า ‘ฝ่าบาทได้แต่งตั้งบุตรีมาร์ควิสเรลโนตให้เป็นว่าที่พระชายา’ คงจะแพร่กระจายออกไปอย่างแน่นอน ถึงจะมีข่าวลือหนาหูว่าฝ่าบาททรงไม่โปรดปรานอัครมหาเสนาบดี แต่เพียงแค่การแต่งตั้งบุตรีของอัครมหาเสนาบดีที่ไม่โปรดปรานเป็นว่าที่พระชายาก็นับว่ามีราคามากแล้วค่ะ”

 

“……ข้า ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่น่ะ”

 

“ได้ยินมาว่าที่ผ่านมาท่านไม่ได้ข้องเกี่ยวกับสังคมชั้นสูงเลย ความไม่รู้จึงไม่ใช่เรื่องที่น่าอับอายแต่อย่างใด แค่เริ่มเรียนรู้มันต่อจากนี้ไปก็พอค่ะ”

 

ทั้งที่แค่บอกไปตรง ๆ ว่าไม่เข้าใจแท้ ๆ แต่ดูเหมือนจะได้รับการตีความว่าเป็นการถ่อมตนไปซะงั้น

ระหว่างนั้น อิซาเบลาก็ได้ส่งเสียง ‘โอ๊ะ’ ขึ้นมาเหมือนตั้งใจ

 

“ขออภัยค่ะ พระสนมฟ้าสุริยา ดูเหมือนดิฉันจะอยู่นานเกินไปซะแล้วสิ”

 

“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอก……”

 

“ถ้ามีเรื่องเดือดร้อนอะไร โปรดแจ้งให้นางกำนัลติดห้องหรือดิฉันทราบได้นะคะ แล้วก็——”

 

ในตอนนั้นเอง

อิซาเบลาก็ได้ทิ้งระเบิดลูกยักษ์เอาไว้ก่อนจากไปว่า

 

“——คืนนี้ ฝ่าบาทจะเสด็จมาเยือนที่นี่ค่ะ”

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset