(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 38: ความรักของสาวน้อยเบรกแตก

“……”

 

“……”

 

คำพูดที่ไม่คาดคิดของฟรองซัวส์ทำให้เฮเลนาไม่รู้จะตอบยังไงดี

เฮเลนาที่เอาแต่โลดแล่นบนสนามรบในกองกำลังอัศวินพยัคฆ์แดงที่เป็นสังคมของผู้ชายก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความรักสักเท่าไหร่อยู่แล้ว แม้จะเคยอ่านพวกนิยายเรื่องเล่ามาบ้างแต่ประสบการณ์จริงนั้นเป็นศูนย์

ดังนั้นจึงไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกละเอียดอ่อนแบบนั้นของฟรองซัวส์นัก ทว่าปัญหาที่สำคัญกว่านั้นก็คือ

ไม่อยากเชื่อว่าชื่อนั้นจะโผล่ออกมา

 

บาร์โตโลเม เบอร์การ์ซาร์ด

เป็นบุรุษที่หากเอาหมีกับสุกรกับหมูป่ากับยักษ์ปิศาจมารวมกันแล้วหารด้วยความเป็นมนุษย์ ก็คงจะออกมามีหน้าตาแบบนี้ ส่วนสูงของเขามากกว่าเฮเลนาไปอีกช่วงศีรษะ ไม่ต้องพูดถึงด้านความกว้างที่คงจะมากกว่าเธอเป็นเท่าตัว เป็นผู้มีร่างกายกำยำใหญ่โตขนาดนั้น เกรงว่าหากเดินไปเจอกันตอนมืด ๆ เฮเลนาคงจะตกใจจนเผลอตะโกนใส่หรือไม่ก็พุ่งเข้าไปฟันเลยทีเดียว

แต่อันที่จริงแล้ว เขาเป็นทหารที่เอาจริงเอาจังและซื่อตรงอย่างยิ่ง นอกจากนี้ยังไม่เข้มงวดเกินไปแต่ยังรวยอารมณ์ขัน เป็นแม่ทัพที่รู้จักเห็นใจผู้ใต้บังคับบัญชา แต่ก็เข้มงวดในจุดที่ควรเข้มงวด

และสิ่งที่ควรกล่าวถึงยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ก็คือความแข็งแกร่งเหนือสามัญสำนึกนั้น

เขาแข็งแกร่งขนาดที่ว่า ในการประลองกันด้วยดาบไม้ที่เฮเลนากับวิกเตอร์ช่วยกันเข้าสู้ ทั้งสองก็ยังเป็นฝ่ายพ่ายแพ้อย่างหมดจด สมกับเป็นบุรุษสุดแกร่งที่อยู่ล้ำหน้าที่สุดในสนามรบและคอยเด็ดศีรษะของข้าศึกทั้งมวลจริง ๆ

เป็นที่ชื่นชมของทุกคนในกองทัพ

เรียกได้ว่าเขาคือแม่ทัพตัวอย่างเลยก็ไม่ผิด

 

ทว่า อย่างไรก็ตาม

รูปลักษณ์ของเขานั้นไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบของหญิงสาวเลย

 

“อ……เอ่อ ข้าพูดอะไรแปลก ๆ ไปหรือคะ?”

 

“ป เปล่าน่ะ……”

 

รู้สึกขนลุกนิด ๆ อยู่ในใจ

ฟรองซัวส์นั้นน่ารักมาก เป็นบุตรีขุนนางผู้น่าเอ็นดูจนรู้สึกอยากจะปกป้องคุ้มครอง แม้จะมีส่วนที่ดูเป็นเด็กน้อยอยู่บ้าง แต่จุดนั้นก็นับรวมว่าเป็นความน่ารักได้ด้วยเหมือนกัน

ทว่า เป็นใครไม่เป็น ทำไมถึงต้องเป็นบาร์โตโลเมนะ

 

“ท โทษที ตกใจกับคำพูดที่คาดไม่ถึงนิดหน่อยน่ะ”

 

“ม ไม่หรอกค่ะ! ไม่เป็นไร! ดูเหมือนข้าจะพูดอะไรแปลก ๆ ไปสินะคะ! ค คือว่า!”

 

“เอ่อ ไม่เป็นไรหรอก คือ……ที่ถามว่าแม่ทัพเบอร์การ์ซาร์ดมีคนรักหรือไม่น่ะนะ……”

 

มันจะไปมีได้ยังไงกันเล่า ตาลุงสัตว์ประหลาดนั่นน่ะ

หน้าตาเป็นสัตว์ประหลาดแล้ว ร่างกายก็เป็นสัตว์ประหลาด ความแข็งแกร่งก็ยังเป็นสัตว์ประหลาดอีก ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรได้อีกแล้วนอกจากสัตว์ประหลาด แต่ก็พูดออกไปดัง ๆ ไม่ได้เพราะน้องสาวของเจ้าตัวยืนอยู่ข้าง ๆ นี้เอง

และน้องสาวต่างมารดาคนที่ว่าก็ยังคงเหม่อลอยอยู่เลย

 

“ท ทำไมถึงได้ถามเรื่องนั้นกันล่ะ?”

 

“ขออภัยด้วยค่ะ! ข ข้าน่ะ……เคยไปร่วมงานปาร์ตี้ของท่านวิสเคานต์เบอร์การ์ซาร์ดอยู่ครั้งหนึ่งค่ะ!”

 

“โฮ่”

 

“น ในงานนั้นข้าได้พบกับท่านบาร์โตโลเมค่ะ! ตอนนั้นข้ากำลังพูดคุยกับท่านปีเตอร์ บุตรชายคนที่สามของเคานต์เอียนส์เวิร์ธอยู่ค่ะ!”

 

“……โฮ่”

 

พูดถึงเคานต์เอียนส์เวิร์ธ ถ้าจำไม่ผิดก็คือตระกูลของ “สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเตสินะ

ได้ยินว่าเป็นเครือญาติกับมหาอำมาตย์มาร์ควิสโนลุนด์จึงมีอิทธิพลค่อนข้างมาก แต่เฮเลนาก็ไม่ค่อยรู้ละเอียดนักหรอก

 

“ทว่าตอนนั้นข้า……ได้ถูกกำหนดให้เข้าวังหลังไปแล้วค่ะ!”

 

“อืม”

 

ตอนที่จักรพรรดิองค์ก่อนเสด็จสวรรคต ก็คือย้อนไปหนึ่งปีกว่า ๆ นับจากตอนนี้

หลังจากนั้นไม่นานฟาร์มาสก็ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิเลย แปลว่านี่เป็นเรื่องที่เพิ่งเกิดภายในหนึ่งปีที่ผ่านมาสินะ

หากตัดสินว่าจะเข้าวังหลังตั้งแต่ก่อนหน้านั้น ก็คงมีแต่ต้องสงสัยตระกูลเคานต์เรเวินว่ามีส่วนในการลอบสังหารจักรพรรดิองค์ก่อนแล้ว

 

ถ้าจำไม่ผิด ช่วงหนึ่งเดือนแรกหลังจากสวรรคต อัลเมดากับพันธมิตรสามอาณาจักรเองก็ยังไม่เริ่มเคลื่อนไหว แถมยังเคยส่งทูตมาแสดงความอาลัยในการจากไปของจักรพรรดิองค์ก่อนด้วย

ตอนนั้นเฮเลนาเองก็ไม่ได้อยู่ที่แนวหน้า แต่กำลังทำภารกิจปราบโจรเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยอยู่

 

“พ พอบอกแบบนั้นไป! ท่านปีเตอร์ก็! พูดกับข้าค่ะ!”

 

“โฮ่”

 

“บอกว่า ถ้าจะเข้าวังหลัง! ก็ควรมีประสบการณ์เอาไว้ก่อนสิ! ทั้งที่ข้าคิดว่านางสนมที่เข้าวังหลังควรจะถวายความบริสุทธิ์ให้ฝ่าบาท! แท้ ๆ ค่ะ!”

 

“……”

 

“ข้าถูกบังคับพาไปที่สวนด้านหลังอาคารค่ะ! ทั้งที่ข้าบอกตั้งหลายครั้งว่าไม่เอา! แต่เขาก็ไม่ยอมฟังค่ะ!”

 

‘ฮึ่ม’ เฮเลนาขมวดคิ้ว

รูปการณ์แบบนี้ เธอก็พอจะเข้าใจทั้งหมดแล้ว แม้ตระกูลเรเวินจะเป็นตระกูลเคานต์เหมือนกัน แต่ตระกูลเอียนส์เวิร์ธที่มีมาร์ควิสโนลด์ลุนด์คอยหนุนหลังก็ย่อมมีอิทธิพลมากกว่าตระกูลเรเวิน

ดังนั้นจึงได้ใช้อิทธิพลนั้นเพื่อบีบบังคับฟรองซัวส์นั่นเอง

เป็นชายชั้นต่ำจนอยากจะอาเจียนจริง ๆ

 

“ทว่า……ในตอนนั้นเอง ท่านบาร์โตโลเมก็ได้มาช่วยเอาไว้ค่ะ!”

 

“โฮ่”

 

น่าแปลกใจที่ตาลุงสัตว์ประหลาดนั่นเข้าร่วมปาร์ตี้ด้วยแฮะ เฮเลนาคิดแค่ในใจ

เอาจริง ๆ แล้ว ถ้าบาร์โตโลเมอยู่ในปาร์ตี้ด้วยก็คงเป็นจุดสนใจ (ในแง่ลบ) ของทุกคนในงานแน่ ๆ ความอัปมงคลขนาดนั้นหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว

 

“ท่านบาร์โตโลเมกำลังฝึกวิชาอยู่ในสวนด้านหลังพอดีค่ะ!”

 

“……ไม่ได้ร่วมงานหรอกเรอะ”

 

“เขาวิ่งมาหลังจากได้ยินเสียงร้องของข้าค่ะ! แล้วท่านบาร์โตโลเมก็ทุบหน้าของท่านปีเตอร์เพื่อช่วยข้าเอาไว้ค่ะ!”

 

“อ่า—……”

 

รู้สึกสงสารปีเตอร์ผู้ที่เธอไม่เคยเห็นหน้าอยู่หน่อย ๆ

หากถูกท่อนแขนอันใหญ่โตของบาร์โตโลเมฟาดเข้าไป เกรงว่าโครงหน้าคงจะเปลี่ยนแปลงไปแล้วแน่นอน เผลอ ๆ กะโหลกอาจจะแตกร้าวไปด้วย หรืออย่างเลวร้ายที่สุดกระดูกคออาจจะหักไปเลยก็ได้

อย่างน้อยที่สุดโครงหน้าคงจะเปลี่ยนแปลงไปจนไม่สามารถออกมาเผชิญสังคมชั้นสูงได้อีกแล้ว

 

“เขาถามข้าอย่างเป็นห่วงว่า ‘เป็นอะไรหรือไม่’ ด้วยค่ะ! ตอนนั้นเองข้าก็คิดขึ้นมาค่ะ! ว่าคนผู้นี้แหละ คือคนในพรหมลิขิตของข้าค่ะ!”

 

“……ทำไม”

 

“หลังจากนั้นท่านบาร์โตโลเมก็ถูกกล่าวโทษค่ะ! เคานต์เอียนส์เวิร์ธมาตำหนิท่านบาร์โตโลเมว่าทำร้ายบุตรชายของเขาทำไมค่ะ! ข้าก็คิดว่าจะก้าวออกไปเพื่ออธิบายเหตุผล แต่ท่านบาร์โตโลเมก็เอาฝ่ามือใหญ่ ๆ มาบังไว้……แล้วก็กล่าวออกไปอย่างห้าวหาญค่ะ!”

 

ฟรองซัวส์บอกกล่าวในขณะที่แก้มเป็นสีแดงและหางตานั้นก็มีหยดน้ำตาผุดขึ้นมาด้วย

นี่ชอบตาลุงสัตว์ประหลาดนั่นขนาดไหนกันเนี่ย มันเป็นความเร่าร้อนขนาดที่เฮเลนายังรู้สึกขนลุกเบา ๆ บางทีเรียกว่าเทิดทูนบูชาอาจจะเหมาะกว่าก็ได้

 

“หากบอกว่า ‘ขุนศึกหมีน้ำเงิน’ ผู้นี้มีความผิดก็ย่อมได้ คิดจะลงโทษข้าคนนี้สินะ? เช่นนั้นข้าก็จะขออาละวาดขัดขืนสักหน่อย นั่นสินะ หากสามารถเตรียมกำลังพลมาได้สักหนึ่งกรมก็เชิญเลย……เขากล่าวเช่นนั้นค่ะ—! เป็นคำพูดที่สุดยอดมากจนหัวใจของข้ามันเต้นรัวไม่หยุดเลยค่ะ!”

 

“……”

 

คุ้น ๆ ว่าเฮเลนาก็เคยกล่าววาจาคล้าย ๆ กันนี้

ทว่าขนาดทางนี้ยังโม้ไปแค่ว่าหนึ่งกองพันเอง รู้ซึ้งถึงความเป็นสัตว์ประหลาดของบาร์โตโลเมได้เลยล่ะ

 

“ข้าคิดขึ้นมาเลยค่ะ! ว่าคนผู้นี้ ว่าท่านบาร์โตโลเมนี่แหละ คือคนในพรหมลิขิตของข้าค่ะ!”

 

“……งั้นรึ”

 

“หลังจากนั้นไม่นานนักข้าก็ต้องเข้าวังหลังค่ะ! ดังนั้นจึงภาวนาอยู่ทุกวันว่าขอให้ไม่ได้ต้องมือของฝ่าบาทค่ะ! ในระหว่างนั้นก็ได้ยินข่าวลือของท่านเฮเลนาค่ะ! ได้ยินว่าท่านเคยเป็นเสนาธิการในกองทัพค่ะ! ดังนั้นจึงคิดว่าหากเป็นท่านเฮเลนาอาจรู้เรื่องท่านบาร์โตโลเมก็ได้!”

 

“อ่า ก็……ไม่ถึงกับไม่รู้จักน่ะ แต่ว่า”

 

ตาลุงสัตว์ประหลาดนั้น กับสาวน้อยน่ารักคนนี้

ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิงเลยอ่ะ จะให้ตอบว่ายังไงดีเนี่ย

 

“มีคนที่รู้ละเอียดกว่าข้านะ”

 

“งั้นหรือคะ!? ใครกันหรือคะ!”

 

“……อเลกเซีย”

 

อเลกเซียที่แข็งทื่อไปทั้งที่ทำกาน้ำชาหลุดมือ

ในใจของเธอนั้นกำลังมีมรสุมของความรู้สึกแบบไหนอยู่กันแน่นะ

 

“……ข ขออภัยค่ะท่านเฮเลนา ได้ยินคำพูดที่คาดไม่ถึงก็เลยเผลอใจลอยไป”

 

“ไม่หรอก ก็พอเข้าใจความรู้สึกอยู่ แล้วสรุปว่าไงล่ะ?”

 

“ท่านฟรองซัวส์ ถ้าจำไม่ผิด……ท่านเป็นหนึ่งใน ‘เก้าสนมเอก’ ที่เป็นรองจากสามสนมฟ้าสินะคะ รู้สึกว่าจะอยู่ในตำแหน่ง ‘ผู้มีความสามารถ’ ใช่ไหมคะ…… ท่านชอบบาร์โตโลเมจริง ๆ หรือคะ?”

 

“ค ค่ะ! แม้เป็นตำแหน่งที่เกินตัวข้าไปมาก แต่ก็ใช่ตามนั้นค่ะ! เอ่อ ว่าแต่ ท ท่านคือ……?”

 

“ขออภัยค่ะ ข้าคือนางกำนัลติดห้องของท่านเฮเลนา ชื่อว่าอเลกเซีย เบอร์การ์ซาร์ดค่ะ”

 

เมื่อได้ยินอเลกเซียแนะนำตัว ฟรองซัวส์ก็ตกใจอย่างมาก

มันคือนามสกุลของบาร์โตโลเมที่เธอได้กล่าวซ้ำ ๆ มาตลอดจนถึงเมื่อกี้

และเมื่อแนะนำตัวด้วยนามสกุลที่ดูป่าเถื่อนนั้นออกมา ก็เป็นอะไรอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากเครือญาติกัน

 

“ท ท่านเบอร์การ์ซาร์ด!?”

 

“บาร์โตโลเมคือพี่ชายของข้าค่ะ ท่านฟรองซัวส์”

 

“ม ไม่จริงน่า!”

 

‘หมับ’ ฟรองซัวส์รีบวิ่งผ่านด้านข้างของเฮเลนาแล้วไปกุมมือของอเลกเซียเอาไว้

ด้วยแววตาที่เป็นประกายวิบวับ

 

“ได้โปรดเรียกข้าว่าพี่สาวด้วยเถอะค่ะ!”

 

“เอ่อ……คือว่า ขออภัยนะคะท่านฟรองซัวส์……แต่ท่านอายุเท่าไหร่หรือคะ?”

 

เมื่อฟรองซัวส์ได้ยินคำถามเช่นนั้นของอเลกเซีย

เธอก็ตอบออกมาด้วยรอยยิ้ม

 

“ค่ะ! ครบสิบสามปีเมื่อไม่นานมานี้ค่ะ!”

 

เฮเลนากุมขมับพลางคิดในใจ

ว่าพยายามเข้านะ บาร์โตโลเม

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset