(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 40: พลั้งปาก

‘จิ๊บจิ๊บ’ เฮเลนาลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมกับเสียงนกร้อง

ต้องขอบคุณที่มีเตียงเพิ่มมาหนึ่งเตียง แม้ในวันที่ฟาร์มาสมาเยือนเฮเลนาก็สามารถนอนหลับได้โดยไม่มีปัญหา เมื่อตื่นขึ้นมาแล้วเธอก็ยืดร่างกายที่ยังแข็งอยู่เล็กน้อย ก่อนจะตั้งตัวตรงขึ้นมา

ในยามเช้าตรู่ขนาดนี้เธอก็คงยังไม่ควรปลุกฟาร์มาส ถึงเจ้าตัวจะเคยบอกว่าอยากมีเวลาดื่มชาตอนเช้าสักหน่อย แต่ตอนนี้มันน่าจะยังเช้าเกินไปจริง ๆ

ดังนั้นสิ่งเฮเลนาจะทำเป็นอันดับแรกก็คือ ฝึกร่างกาย

 

“ดีล่ะ”

 

แม้ฟาร์มาสจะหลับอยู่ แต่เธอก็หลบไปยังตำแหน่งที่เขาจะไม่เห็นเพื่อเปลี่ยนจากชุดนอนเป็นชุดสำหรับใส่อยู่ห้อง ถึงกระนั้นนี่มันก็เป็นแค่การขัดขืนแบบไร้ความหมายล่ะมั้ง ด้วยจุดยืนแล้วฟาร์มาสจะสั่งให้เฮเลนาถอดชุดเมื่อไหร่ก็ได้ และหากถูกสั่งแบบนั้นขึ้นมาเฮเลนาก็ปฏิเสธไม่ได้ด้วย

รู้สึกซับซ้อนหลาย ๆ อย่าง จนต้องถอนใจเบา ๆ

 

จากนั้นเมื่อเปลี่ยนเป็นชุดอยู่ห้องที่เคลื่อนไหวสะดวกแล้ว อันดับแรกเธอก็เริ่มวิดพื้น

ถึงจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนฟาร์มาสจะตื่น แต่ก็คงพอฝึกฝนได้พอประมาณอยู่

อเลกเซียไม่อยู่ จึงไม่ค่อยมีน้ำหนักถ่วง แต่การเน้นจำนวนครั้งมาก ๆ มันก็มีความหมายเหมือนกัน

‘ฮึบ ฮึบ’ เธอวิดพื้นซ้ำไปซ้ำมา จำนวนครั้งอะไรนั่นไม่ได้นับไว้ด้วยซ้ำ หากนับจำนวนครั้งไว้ พอจำนวนถึงเป้าหมายก็จะเกิดพอใจไปซะอย่างนั้น ดังนั้นการไม่สร้างข้อจำกัดให้ตัวเองและทรมานร่างกายไปจนถึงที่สุดจึงได้ผลดีกว่า

 

หลังวิดพื้นจบ คราวนี้ก็ฝึกกล้ามท้อง

วันนี้เธอเปลี่ยนวิธีใหม่บ้าง โดยเริ่มจากยกขาขึ้นให้สุด จากนั้นก็ปล่อยขาลงมาอย่างช้า ๆ และยกกลับขึ้นไปอีกครั้งโดยไม่ให้ก้นแตะพื้น ออกกำลังกายท่านี้ซ้ำไปเรื่อย ๆ ภาระที่เกิดขึ้นโดยตรงต่อกล้ามเนื้อท้องทำให้มันกรีดร้องอย่างทรมานแต่ก็น่ายินดีด้วยในเวลาเดียวกัน

เธอกัดฟันทำซ้ำไปเรื่อย ๆ การออกกำลังท่านี้สร้างภาระสาหัสเหนือกว่าการซิตอัปธรรมดา ต่อให้อเลกเซียไม่อยู่มันก็ยังสร้างภาระแบกรับได้อย่างเหลือเฟือ แต่อันที่จริงแล้วถ้าอเลกเซียอยู่ก็จะให้เธอมาช่วยกดขาตอนที่ยกขึ้นได้ ซึ่งก็จะสามารถสร้างภาระได้มากกว่าเดิม

แน่นอนว่าต่อให้เป็นกล้ามเนื้อหน้าท้องของเฮเลนาก็ยังทำท่านี้ติดต่อกันได้แค่ราว ๆ ห้าสิบครั้งก่อนจะถึงขีดจำกัด

 

‘ฮ้า’ เธอพ่นลมหายใจเฮือกใหญ่แล้วก็หยุดพักสักครู่ จากนั้นก็มุ่งไปทางครัวและนำกาต้มน้ำขึ้นตั้งไฟ

และคราวนี้ก็สควอตยืดหด ระหว่างที่มองดูกาต้มน้ำไม่ให้มันเดือดจนเกินไป เธอเอามือไพล่หลังศีรษะและขยับรางกายขึ้นลงอย่างตั้งอกตั้งใจ ภาระน้ำหนักเกิดขึ้นที่ต้นขาและน่อง เมื่อทำซ้ำสะสมไปมากเข้าก็เกิดความรู้สึกชาขึ้นมา

ทว่า ความรู้สึกนี้เป็นทั้งความทรมานแล้วก็เป็นความรู้สึกที่ดีด้วย

ยังมีจุดที่เฮเลนาต้องฝึกฝนอยู่อีกมาก และความจริงข้อนั้นก็กลายเป็นความยินดีนั่นเอง

 

และแล้วเมื่อถึงตอนที่น้ำเริ่มเดือด เธอก็หยุดการฝึกฝน และพักเหนื่อยบ้าง

เฮเลนาเตรียมชาโดยเลียนแบบจากที่เคยดูอเลกเซียทำ และไปปลุกฟาร์มาส

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ ท่านฟาร์มาส”

 

“ฮืม……”

 

“เช้าแล้วค่ะ ท่านฟาร์มาส”

 

“อืมม……”

 

ฟาร์มาสไม่ค่อยยอมตื่นในครั้งเดียว

บางทีเขาอาจจะเป็นคนตื่นยากกระมัง พอเฮเลนาพยายามปลุกเขาก็พยายามเอาผ้าห่มไปคลุมหน้าตัวเอง ได้เห็นด้านแบบนี้ก็รู้สึกว่าน่ารักดีเหมือนกัน แต่ฟาร์มาสก็เป็นคนสั่งกับเฮเลนาไว้เองว่าให้ปลุกเช้า ๆ นี่นา

 

“ท่านฟาร์มาส”

 

“อือ……”

 

“ได้โปรดตื่นเถอะค่ะ ท่านฟาร์มาส”

 

“งืม……หนวกหู……”

 

ให้ตายสิ ช่างรับมือยากเสียจริง

ฟาร์มาสที่ทำตัวให้รู้สึกเหมือนเป็นน้องชายที่ต้องคอยดูแล กำลังขมวดคิ้วทั้งที่ยังคงหลับตาอยู่

ท่าทางแบบนั้น มันรู้สึกน่ารักน่าเอ็นดูอย่างบอกไม่ถูก

เฮเลนาก็เลย เผลอตัว

 

 

“ท่านฟาร์มาส……”

 

‘จุ๊บ’ ประทับริมฝีปากลงบนแก้มนั้น

‘ห๊ะ’ หลังจากทำไปแล้วก็เหมือนเพิ่งรู้ตัวจนตกใจถอยหลังออกมา พลางคิดว่า ‘นี่ตัวเราทำอะไรลงไปกันแน่เนี่ย’ ทั้งที่รู้ว่าในห้องนี้ไม่มีใครอยู่แน่นอนแต่ก็ยังเผลอหันมองรอบข้างอย่างลุกลี้ลุกลน

หากมองจากมุมของบุคคลที่สามคงดูเหมือนคนมีพิรุธน่าสงสัยอย่างแน่นอน

 

‘อะแฮ่ม’ เธอกระแอมหนึ่งที

ฟาร์มาสเองก็ยังไม่ตื่น แล้วก็ไม่มีใครเห็นเหตุการณ์ ส่วนเฮเลนาเองก็อยากจะทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น ดังนั้นผลสรุปก็คือเฮเลนาจะทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้นก็แล้วกัน

 

“ท่านฟาร์มาส เช้าแล้วค่ะ”

 

“หือ……เช้าแล้วงั้นรึ”

 

“ค่ะ ข้าชงชาเอาไว้แล้ว ได้โปรดตื่นเถอะค่ะ”

 

“ฮู่ว……”

 

ฟาร์มาสค่อย ๆ ขยับกายลุกขึ้นมาจากเตียง

ตาของเขาปรือลงครึ่งหนึ่ง เห็นได้ชัดว่ายังง่วงอยู่ เมื่อคืนเฮเลนาเป็นฝ่ายหลับไปก่อนจึงไม่รู้ว่าฟาร์มาสเข้านอนเมื่อไรกันแน่

แต่ดูท่าว่าคงจะนอนดึกแหงเลย

 

“โทษที ต้องให้ลำบากแล้ว”

 

“มิได้ค่ะ ไม่มีปัญหาเลย”

 

“จะรับน้ำชาก็แล้วกัน เจ้าเองก็นั่งลงก่อนเถอะ”

 

ฟาร์มาสค่อย ๆ ลุกขึ้นและเดินไปทางโซฟา

ส่วนเฮเลนาก็มุ่งไปที่โซฟาเช่นกัน และนั่งลงบนโซฟาเพื่อรอฟาร์มาสที่กำลังไปล้างหน้า

น้ำชากลายเป็นชาที่ไม่ได้เพิ่งเดือดแต่ถูกพักทิ้งไว้สักครู่แล้วจึงยังร้อนอยู่แค่นิดหน่อย หากร้อนประมาณนี้ฟาร์มาสก็คงดื่มได้ง่าย

 

“ฮืม”

 

ฟาร์มาสล้างหน้าเสร็จแล้วก็กลับมา

แม้ใบหน้าจะสดชื่นขึ้นมาบ้างแต่ก็ยังดูมีความง่วงอยู่ดี

ทว่า ไม่รู้ทำไม

เขาจึงมาที่โซฟาซึ่งเฮเลนานั่งอยู่ ไม่ใช่โซฟาฝั่งตรงข้าม

 

“เอ่อ ท่านฟาร์มาสคะ”

 

“อืม พอนั่งสองคนแล้วมันแคบจริงด้วยแฮะ เขยิบเข้ามาอีกสิเฮเลนา”

 

“เอ๋……อะ ค่ะ”

 

ไม่รู้ทำไมเขาจึงมานั่งลงบนโซฟาอันเดียวกับที่เฮเลนานั่งอยู่โดยไม่บอกกล่าว

โซฟาที่เวลานั่งคนเดียวก็มีที่เหลืออยู่นิดหน่อยนั้น แน่นอนว่าหากนั่งสองคนมันก็ค่อนข้างคับแคบทีเดียว

 

“คือว่า ท่านฟาร์มาสคะ”

 

“บางครั้ง ไม่ต้องหันหน้าเข้าหากัน แต่หันไปทางเดียวกันพลางดื่มชาแบบนี้ก็ไม่เลวเหมือนกันใช่ไหม”

 

“เอ่อ……”

 

“เอาเถอะ ก็แค่ข้ออ้างนั่นแหละ เราง่วงน่ะ เลยไม่อยากจะนั่งต่อหน้าให้เจ้าเห็นใบหน้าที่ดูไม่เรียบร้อยเช่นนี้ ก็เท่านั้นเอง”

 

แต่เธอคิดว่าใบหน้าของฟาร์มาสถึงมันจะดูง่วงนิดหน่อย แต่ก็ยังเพียบพร้อมดูดีเหมือนทุกทีนะ

ทว่า หากเจ้าตัวว่าแบบนั้น ก็คงตามนั้นนั่นแหละ

ฟาร์มาสจิบชาคำหนึ่ง เฮเลนาเองก็ดื่มเช่นกัน

เพราะนั่งอยู่บนโซฟาแคบ ๆ กันสองคน ระยะห่างจึงใกล้กันเกินไป กล่าวโดยละเอียดก็คือหัวไหล่มันกำลังชนกันนั่นเอง

พอคิดขึ้นมาว่าหัวไหล่มันกำลังสัมผัสกันแล้ว ก็รู้สึกมีความเขินอายขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

 

“หืม……”

 

“ท ท่านฟาร์มาส……? ม มีอะไรหรือคะ?”

 

“เปล่าน่ะ……โทษทีนะ แต่ขอจับหน่อยได้รึไม่?”

 

“จ จับ……!?”

 

“เปล่า ไม่ได้จะจับตรงที่แปลก ๆ หรอก แค่รู้สึกคาใจนิดหน่อยน่ะ”

 

ฟาร์มาสค่อย ๆ ยื่นมือมาสัมผัสเฮเลนา

เฮเลนายอมรับมือที่ยื่นมาสัมผัสนั้น โดยที่แม้จะไม่ได้รังเกียจอะไรแต่ความขวยเขินก็ทำให้หน้าขึ้นสีแดงแจ๋

จุดที่ฟาร์มาสยื่นมือมาสัมผัสนั้นมันก็คือ

 

แขนทั้งสองข้างของเฮเลนา

 

“…….แข็งจังนะ”

 

“……คะ?”

 

“เปล่าน่ะ คิดว่าคงฝึกฝนมามากน่าดูเลยสินะ เรียกได้ว่าสมกับเป็นนักรบล่ะมั้ง วิธีฝึกต่างกับเราลิบลับเลย”

 

“ง งั้นหรือคะ”

 

“อืม อ้วน (หนา) มาก”

 

บางที ฟาร์มาสอาจไม่ได้มีเจตนาร้ายเลยแม้แต่น้อย

ทว่าเพียงประโยคเดียวนั้น ก็ทำให้เฮเลนารู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง

คำพูดดังกล่าว เกรงว่าจะเป็นหนึ่งในคำพูดที่เลวร้ายที่สุดที่ไม่ควรกล่าวกับหญิงสาวเด็ดขาดเลยทีเดียว

และเฮเลนาเองก็นับว่าเป็นหญิงสาว หากตัดเรื่องที่ว่าเป็นนักรบอายุยี่สิบแปดที่เลยวัยออกเรือนไป เธอก็เป็นหญิงสาวเหมือนกันนั่นแหละ

 

และฟาร์มาสก็ได้กล่าวกับเฮเลนาผู้นั้น

ว่า—อ้วน

 

“อืม เราเองก็อยากฝึกฝนให้ได้แบบนี้เหมือนกันนะ ให้เกรเดียเพิ่มเวลาการฝึกหน่อยดีไหม ทว่าเจ้านั่นน่ะ ต่อให้สั่งแล้วว่าอย่าออมมือ มันก็ไม่ยอมเอาจริงอย่างสุดกำลังซะที กับเราแล้วไม่จำเป็นต้องเอาจริงหรือไงกันนะ……หืม เฮเลนา?”

 

“……”

 

“เป็นอะไรไป? ไม่สบายรึ? หากเจ้าเป็นอะไรไปมันก็ส่งผลถึงเราด้วยนะ ถ้าจำเป็นก็เรียกแพทย์หลวงมาก็ได้ ไม่ต้องเกรงใจเราหรอก”

 

“เปล่าค่ะ……”

 

ไม่สามารถบอกออกไปได้ ว่าแค่ช็อคจนเผลอใจลอยไป

ทว่าฟาร์มาสก็ได้แต่จิบชาอย่างรู้สึกแปลกใจ และเป็นห่วงเฮเลนาที่จากนั้นพอคุยอะไรไปก็ถามคำตอบคำอย่างไม่มีกะจิตกะใจเลย

แล้วเขาก็ต้องออกไปทำงานทั้งที่ยังเอียงศีรษะด้วยความฉงน

 

เพราะสะเทือนใจเกินไป เธอก็เลยเผลอหลบจุมพิตก่อนออกไปทำงานตามปกติของฟาร์มาสซะงั้น

 

“……”

 

“……”

 

“……เราทำอะไรลงไปงั้นรึ?”

 

“เปล่าค่ะ……”

 

เฮเลนามองส่งด้านหลังของฟาร์มาสที่เดินออกไปทำงานอย่างงง ๆ  ก่อนจะล้มตัวลงนอนหงายบนเตียง

อ้วน

อ้วน

อ้วน

คำพูดนั้น มันไม่ยอมห่างไปจากหูของเธอเลย

 

‘ก๊อกก๊อก’ เสียงเคาะประตู เกรงว่าจะเป็นอเลกเซียกระมัง

แม้การต้อนรับด้วยอากัปกิริยาเช่นนี้จะดูเสียมารยาท แต่กับอเลกเซียแล้วก็คงไม่เป็นไรล่ะมั้ง

 

“อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านเฮเลนา……ท่านเฮเลนา!? เป็นอะไรไปหรือคะ!?”

 

“……รุณหวัด”

 

“ดื่มสุรามากไปอีกแล้วหรือคะ!? ก็บอกแล้วไงคะว่าให้งดเว้นสุราน่ะ!”

 

“……ไม่ใช่”

 

ไม่ได้ดื่มสุราเลยแม้แต่อึกเดียว แค่กำลังสะเทือนใจเท่านั้น

ทำไมแค่คำพูดเดียวมันถึงทำร้ายเธอได้ขนาดนี้กันนะ ผิดคาดกับตัวเองจริง ๆ

 

“แล้วเป็นอะไรหรือคะ?”

 

“……โดนว่าอ่ะ”

 

“คะ?”

 

“โดนท่านฟาร์มาสว่า……ว่าอ้วน (หนา) มาก…….อ่ะ”

 

เมื่ออเลกเซียได้ฟังคำของเฮเลนา เธอก็เอียงศีรษะ

พลางมองไปที่แขนทั้งสองข้างซึ่งฝึกฝนขัดเกลามาอย่างดีนั้น

 

“……แล้วมันยังไงหรือคะ?”

 

แล้วถามออกมาเช่นนั้นด้วยความฉงน

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset