(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 59: สาวน้อยเบรกแตกกับบุตรีขุนนางจอมด่วนสรุป

 

“อา! ท่านบาร์โตโลเม! ฝ่าบาทได้ให้คำมั่นสัญญาแล้วค่ะ! ข้านั้นคือผู้โชคดีที่สุดในจักรวรรดิเลย!”

 

“……งั้นรึ”

 

“ท่านเฮเลนา! เป็นคนไปพูดกับฝ่าบาทให้สินะคะ! ขอบพระคุณจริง ๆ ค่ะ!”

 

“ใช่……แต่ข้าก็แค่พูดนิดเดียวเท่านั้นเอง ไม่ได้ทำอะไรมากมายขนาดนั้นหรอก”

 

“ทว่า! ก็ขอบพระคุณ! จริง ๆ ค่ะ!”

 

ฟรองซัวส์โค้งศีรษะขอบคุณอย่างสุดกำลัง

พอได้รับคำขอบคุณซะขนาดนี้ ก็อดนึกไม่ได้ว่าคิดถูกแล้วที่รายงานเรื่องนี้ไป

ทว่า มีปัญหาที่สำคัญกว่านั้น

 

“เอ่อ ฟรองซัวส์”

 

“ค่ะ! ท่านเฮเลนา!”

 

“คือ……สำหรับข้าแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่พูดยากอยู่น่ะนะ”

 

คือนี่มันถึงเวลาเที่ยงแล้ว

ต่อให้เป็นอาหารเที่ยงอันเย็นชืดไม่น่าทาน แต่จะปล่อยให้ถึงช่วงบ่ายโดยที่ไม่ได้ทานอะไรเลยก็คงไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเที่ยงไปยังมีกำหนดการว่าลูเครเซียจะมาหาอีกด้วย

ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะรีบกินข้าวซะที นั่นแหละคือใจจริงของเธอ

หญิงสาวก็หิวข้าวเป็นเหมือนกันนะ

 

ทว่า—ฝ่ายฟรองซัวส์เมื่อได้ฟังคำของเฮเลนา เธอก็เบิกตากว้างอย่างตกตะลึง

จากนั้นก็มีสีหน้าหม่นหมอง

 

“ต ต้องขออภัยด้วยค่ะ! ท่านเฮเลนา!”

 

“……หืม”

 

“น แน่นอนว่า! บุญคุณที่ข้าได้รับมาจากท่านเฮเลนานั้น! มากมายเหลือประมาณค่ะ! ทว่า!”

 

“……”

 

‘งือ’ ฟรองซัวส์แทบจะมีน้ำตาไหลออกมาจากหางตาอยู่แล้ว

เฮเลนาแค่อยากบอกว่า “ข้าอยากจะทานข้าวเสียที ดังนั้นเจ้าช่วยกลับไปได้ไหม” เท่านั้นเอง แต่ไม่รู้ทำไมฟรองซัวส์ถึงทำท่าจะร้องไห้

นี่มันเรื่องอะไรกันแน่

 

เฮเลนาเอียงศีรษะด้วยความฉงน ทว่าฟรองซัวส์ก็ยังยืนกรานหนักแน่น

 

“ทว่า! ไม่ว่าอย่างไร! ก็มีเรื่องที่ข้าไม่สามารถยอมให้ได้อยู่ค่ะ!

 

“……งั้นรึ”

 

เฮเลนาไม่เข้าใจเหตุผลสักนิด แต่ดูเหมือนว่าฟรองซัวส์จะไม่อยากให้เธอทานอาหารกลางวัน

ไม่รู้ว่าเฮเลนาอดอาหารกลางวันแล้วมันจะสร้างประโยชน์อะไรให้ฟรองซัวส์ ทว่าเมื่อเธอยืนกรานหนักแน่นขนาดนี้ก็คงมีเหตุผลที่ใหญ่หลวงอะไรสักอย่างกระมัง

รู้สึกลังเลนิดหน่อยที่จะซักไซ้ถึงเหตุผลนั้น

 

“แต่ว่านะ ฟรองซัวส์”

 

“ค ค่ะ!”

 

“คือ มันก็……ลำบากใจนิดหน่อยน่ะ”

 

ดังนั้นเฮเลนาจึงกล่าวกับฟรองซัวส์ไปอย่างประหยัดคำพูดเช่นนั้น

หากไม่ได้ทานอาหารกลางวันช่วงบ่ายเธออาจท้องร้องก็เป็นได้ อีกเดี๋ยวลูเครเซียจะมาแล้วด้วย ไปท้องร้องต่อหน้าพระองค์ก็คงไม่เหมาะสมนัก

ไม่รู้ว่าฟรองซัวส์คิดอะไรอยู่ แต่เพื่ออาหารกลางวันแล้วเฮเลนาเองก็ไม่สามารถยอมได้

 

“ง่า……ถ ถ้าท่านเฮเลนาพูดแบบนั้น! ข้าก็เข้าใจค่ะ!”

 

“ยอมเข้าใจแล้วใช่ไหม”

 

“แต่ว่า! ข้าน่ะ! ดันสัญญาไปแล้วน่ะสิคะ!”

 

‘หืม’ เฮเลนาคิ้วขมวด

ฟรองซัวส์ไปสัญญากับใครไว้กันแน่นะ อีกอย่างมันมีใครได้ประโยชน์จากการทำให้เฮเลนาต้องอดอาหารเที่ยงด้วยหรือ

ทว่า หากมีคนที่เข้าหาฟรองซัวส์และใช้วาจาหลอกล่อเพื่อให้เธอมาขัดขวางมื้ออาหารอยู่เช่นนี้จริง ก็นับว่าเป็นสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงยิ่ง

เฮเลนาเองก็เชื่อใจฟรองซัวส์อยู่

หากฟรองซัวส์ซึ่งเธอเชื่อใจกำลังถูกหลอกใช้เพื่อวัตถุประสงค์อะไรบางอย่าง ก็ควรเป็นหน้าที่ของเฮเลนาที่จะต้องช่วยเหลือ

 

“……งั้นรึ เช่นนั้นข้าก็จะไม่บังคับให้พูดหรอก”

 

“ข ขออภัยด้วยค่ะ!”

 

เมื่อเห็นฟรองซัวส์ซึ่งขอโทษขอโพยซ้ำไปซ้ำมา เฮเลนาก็กอดอกอย่างใช้ความคิด

แม้ไม่รู้ว่าสภาพการณ์มันเป็นอย่างไร แต่ดูเหมือนฟรองซัวส์จะไม่สามารถเปิดเผยชื่อผู้จ้างวานได้

แปลว่า เธออาจถูกกุมความลับที่เป็นจุดอ่อนอะไรสักอย่างไว้ และก็คงได้รับคำสั่งมาว่า ‘หากไม่อยากให้ความลับถูกเปิดเผยก็จงไปขัดขวางไม่ให้เฮเลนาทานอาหารเที่ยงซะ’ ก็เป็นได้

เมื่อเป็นแบบนี้ ก็คงไปจี้จุดซักไซ้มั่วซั่วไม่ได้สินะ

 

ดังนั้น เฮเลนาจึงลองครุ่นคิดดู ว่าใครกันที่น่าจะได้ประโยชน์จากการที่เธออดอาหารเที่ยง

 

อันดับแรก คิดว่าอาจเป็นคนครัวของวังหลังหรือเปล่านะ คนที่ทำอาหารแจกจ่ายให้เฮเลนาทุกวันก็คือคนครัวในวังหลังนี่แหละ

พวกเขาเหล่านั้นอาจเตรียมวัตถุดิบหรือทำอาหารพลาดจนทำให้ปริมาณอาหารขาดไปหนึ่งคน ดังนั้นจึงใช้ฟรองซัวส์ให้มาขัดขวางการทานอาหารเที่ยงของเฮเลนา เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่ว่าไม่สามารถแจกจ่ายอาหารได้

แม้เนื้อเรื่องมันจะดูเหมาะเจาะลงตัวอยู่ แต่นี่มันก็คงเป็นไปไม่ได้ล่ะมั้ง

หากเตรียมวัตถุดิบหรือทำอาหารพลาด ก็แค่ทำอาหารชนิดอื่นมาเสิร์ฟก็พอแล้ว จะอย่างไรเมนูอาหารมันก็ไม่ได้มีกำหนดไว้เป็นพิเศษ และก็คงไม่มีโอกาสได้เปรียบเทียบเมนูกับนางสนมคนอื่นด้วย

 

เช่นนั้นแล้วอันดับต่อไป ผู้ที่น่าสงสัยที่สุดก็คือชาร์ลอตเต

ชาร์ลอตเตได้ข้อมูลมาว่าบ่ายนี้ลูเครเซียจะมาหาเฮเลนา ดังนั้นจึงใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนของฟรองซัวส์ที่ได้มาจากเครือข่ายข้อมูลของขุนนางใหญ่ เพื่อวางแผนให้เฮเลนาต้องอดข้าวกลางวัน ผลลัพธ์ก็คือท้องของเฮเลนาจะร้องในตอนบ่ายจนถูกลูเครเซียตำหนิว่า “อุ๊ยตาย ไม่งามเลย!” นี่มันเป็นแผนแบบนั้นสินะ

ด้วยเรื่องนี้ ราคาของเฮเลนาก็จะตกต่ำลง และราคาของนางสนมคนอื่นก็จะเพิ่มขึ้นอย่างสัมพัทธ์กัน

 

เฮเลนาอดขนลุกไม่ได้กับการสันนิษฐานอันสมบูรณ์แบบของตนเอง

เรื่องนี้ คนร้ายไม่มีทางเป็นคนอื่นอีกแล้วนอกจากชาร์ลอตเต และในเมื่อฟรองซัวส์ถูกกุมจุดอ่อนไว้อยู่ ก็คงมีความจำเป็นที่เฮเลนาต้องเข้าไปแทรกแซงไม่มากก็น้อยแล้ว

บางทีควรโยนสามัญสำนึกของวังหลังทิ้งไปซะแล้วใช้กำลังทำให้ฝ่ายนั้นหุบปากไปเลยก็น่าจะดี

แต่อันที่จริงก็รู้สึกเหมือนเธอได้โยนสิ่งที่เรียกว่าสามัญสำนึกของวังหลังอะไรนั่นทิ้งไปตั้งนานแล้วล่ะ

 

“ดีล่ะ”

 

“ท ท่านเฮเลนาคะ!”

 

“สบายใจได้เลยฟรองซัวส์ เดี๋ยวข้าจะไปทำให้คุณหนูชาร์ลอตเตหุบปากเอง ฟรองซัวส์จงวางใจเถอะ”

 

“……เอ๋”

 

เมื่อได้ฟังคำของเฮเลนา ฟรองซัวส์ก็มีสีหน้าเหมือนคาดไม่ถึง

จากนั้นก็—หน้าซีด

 

“ม ไม่จริง! พระสนมฟ้าจันทรา! รู้แล้วหรือคะ!?”

 

“ไม่เป็นไรหรอก สำหรับข้าแล้วคุณหนูชาร์ลอตเตก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร”

 

“ม ไม่ได้นะคะ! หากทำเช่นนั้น! จุดยืนของท่านเฮเลนาจะ!”

 

“ไม่มีปัญหาอะไรหรอก แต่เดิมทีทางนั้นก็เป็นคนมายุ่งกับฟรองซัวส์ก่อนนี่นา ข้าเองก็จำเป็นต้องเอาคืนบ้าง”

 

“แต่ว่า! เรื่องนั้นมัน!”

 

“ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะฟรองซัวส์ ข้าเข้าใจดีทุกอย่าง”

 

“ท่านเฮเลนา……!”

 

เมื่อเห็นฟรองซัวส์ทำตาเป็นประกายราวกับซาบซึ้งใจ เฮเลนาก็พยักหน้า

ต้นกำเนิดของเรื่องชั่วร้ายทั้งปวงก็คือ “สนมฟ้าจันทรา” ชาร์ลอตเต เอียนสเวิร์ธ

หากแค่มาพูดจาแดกดันก็ยังพอให้อภัย แต่ในเมื่อเธอกุมจุดอ่อนของฟรองซัวส์ที่ตอนนี้เกือบจะเป็นเสมือนญาติพี่น้องของเฮเลนาอยู่ เฮเลนาก็คงไม่สามารถนิ่งดูดายได้

 

“อเลกเซีย”

 

“ค่ะท่านเฮเลนา ข้าที่เป็นผู้ติดตามก็มีเรื่องอยากจะกล่าวหลายเรื่อง แต่ก่อนอื่น มีอะไรหรือคะ”

 

“ข้าไปจะอัดคุณหนูชาร์ลอตเตสักเปรี้ยง”

 

“ตั้งสติให้ดี ๆ ก่อนนะคะ ท่านเฮเลนา”

 

‘หืม’ เฮเลนาขมวดคิ้วให้กับคำพูดของอเลกเซีย

นี่มันเป็นการเอาคืนอย่างถูกต้องนะ ทางนั้นคิดจะใช้ประโยชน์จากฟรองซัวส์ ดังนั้นก็เป็นธรรมดาที่ทางนี้ต้องล้างแค้นเอาคืนสิ

ทว่าอเลกเซียกลับส่ายหน้า

 

“อันดับแรก ทั้งสองท่านโปรดสงบสติอารมณ์ก่อนนะคะ”

 

“แต่ข้าก็สงบอยู่แล้วนะ”

 

“ข ข้าก็ด้วยค่ะ!”

 

“ไม่ค่ะ ไม่ได้สงบกันเลยสักนิด ในฐานะที่ข้าได้ฟังการสนทนาของทั้งสองท่านมาตั้งแต่แรก ขอให้ข้าได้กล่าวอธิบายนะคะ”

 

‘อะแฮ่ม’ อเลกเซียกระแอม

มันมีอะไรต้องอธิบายมากมายขนาดนั้นเลยหรือไงกัน จากมุมมองของเฮเลนาแล้ว แม้ฟรองซัวส์จะพูดน้อยคำไปบ้าง แต่เธอก็คิดว่ามันเข้าใจกันได้อย่างสมบูรณ์แล้วนะ

 

“ก่อนอื่นเลย ท่านเฮเลนาคะ รู้หรือไม่ว่าท่านฟรองซัวส์นั้นขอขมาเรื่องอะไรอยู่?”

 

“แน่นอนว่ารู้สิ เธอกำลังขอโทษเรื่องที่ทำให้ข้าต้องอดข้าวกลางวันโดยไม่สามารถเปิดเผยผู้บงการได้ใช่ไหมล่ะ”

 

“เอ๋!?”

 

“เอ๋?”

 

ฟรองซัวส์ส่งเสียงอย่างตกใจแล้วหันมามองเฮเลนา

ส่วนเฮเลนาเองก็เอียงคอด้วยความสงสัยว่า ก็เห็นชัดกันอยู่แล้วนี่นา ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย

 

“ต่อไปก็ ท่านฟรองซัวส์คะ รู้หรือไม่ว่าท่านเฮเลนาพยายามจะถามเรื่องอะไรอยู่?”

 

“ร เรื่องนั้น! ก็เรื่องเกี่ยวกับท่านเฮเลนา! ที่ข้าได้สนทนากับฝ่าบาทเมื่อคืนไงล่ะคะ!”

 

“เอ๋?”

 

“เอ๋!?”

 

การสนทนากับฟาร์มาสเมื่อคืน

เรื่องแบบนั้นเธอไม่ได้คิดจะถามเลยสักนิด อันที่จริงเฮเลนาไม่เคยแม้แต่จะนึกด้วยซ้ำว่ามันจะมีชื่อเธอโผล่มาในการสนทนานั้นด้วย

ทว่า—

 

“เอ๋……ต แต่ว่า! ก็ท่านเฮเลนา! บอกว่าเป็นเรื่องที่พูดยากนี่คะ!”

 

“อ อื้ม……จะบอกว่าอยากทานข้าวก็รู้สึกว่ามันพูดยากน่ะ……”

 

“ป เป็นเช่นนั้นหรอกหรือคะ!?”

 

“……เฮ้อ”

 

ในที่สุดก็เข้าใจสาเหตุของบทสนทนาที่เหมือนจะเข้าใจกันแต่ก็ไม่ได้เข้าใจกันเลยซะที

และในเวลาเดียวกันนั้น อเลกเซียก็ถอนหายใจแรง

 

“ท่านเฮเลนาคะ”

 

“อะไรรึ”

 

“ก่อนอื่นขอบอกไว้ก่อนเลยว่าไม่มีใครขัดขวางมื้ออาหารเที่ยงของท่านเฮเลนาหรอกค่ะ และถึงทำไปก็ไม่มีใครได้ประโยชน์ทั้งนั้น พระสนมฟ้าจันทราถูกใส่ร้ายเต็ม ๆ เลยค่ะ นอกจากนี้นิสัยที่พูดจาน้อยคำแต่คิดไปเองว่ามันสื่อความหมายได้แล้วเนี่ย โปรดช่วยปรับปรุงด้วยนะคะ”

 

“มุ……”

 

คำพูดของอเลกเซีย ทำให้เธอต้องขมวดคิ้ว

ดูเหมือนคราวนี้ลางสังหรณ์ของเฮเลนาจะผิดพลาดโดยสมบูรณ์

 

“แล้วก็ ท่านฟรองซัวส์คะ”

 

“ค ค่ะ!”

 

“เข้าใจแล้วใช่ไหมคะ?”

 

“เอ๋……”

 

คำพูดของอเลกเซีย ทำให้ฟรองซัวส์เอียงศีรษะอย่างฉงน

จากนั้นอเลกเซียก็ขยับ ‘ควับ’ ผายมือออกด้านข้าง ชี้ไปทางเฮเลนา

 

“……นี่แหละค่ะ คือท่านเฮเลนา”

 

“……?”

 

‘อเลกเซียมาแนะนำตัวอะไรกันเอาป่านนี้นะ’ แม้ในใจจะนึกสงสัยเช่นนั้น

แต่ในขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกเหมือนกำลังโดนดูถูกอยู่ชอบกล เฮเลนาจึงอดไม่ได้ที่จะทำหน้าบึ้ง

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset