(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 6 นางกำนัลติดห้องอเลกเซีย

 

แย่แฮะ

หลังจากออกมาจากห้องของ “สนมฟ้าดารา” มาริเอลแล้ว เฮเลนาก็กลับไปที่ห้องของ “สนมฟ้าสุริยา” ทันที ก่อนจะนั่งกอดอกอยู่บนโซฟา

แค่คิดก็ปวดหัวขึ้นมาแล้ว

“สามสนมฟ้า” คือตัวตนที่มีฐานะเป็นว่าที่พระชายา ทั้งที่ไม่เคยเสด็จเยือนห้องของ “สนมฟ้าจันทรา” กับ “สนมฟ้าดารา” แท้ ๆ แต่กลับจะเสด็จมาห้องของเธอผู้เป็น “สนมฟ้าสุริยา” ในคืนนี้ซะงั้น ถ้าเรื่องนี้ถึงหูของสองคนนั้นล่ะก็ อย่างน้อยที่สุดก็คงทำสีหน้าที่ดูไม่ดีแหง ๆ

ทั้งสองคนน่าจะคิดเหมือนกันอยู่ ว่าแม้เฮเลนาจะเป็นมีศักดิ์เป็นถึงบุตรีมาร์ควิส แต่พอได้เห็นเธอที่อายุยี่สิบแปดก็คงไม่นับว่าเธอเป็นคู่ต่อสู้อีกแล้ว

และเรื่องจริงก็คือเฮเลนาไม่มีความตั้งใจที่จะชนะในศึกชิงความรักใคร่โปรดปรานของจักรพรรดินี้ด้วยซ้ำไป ถึงจะไม่รู้ว่ามันใช้เวลานานแค่ไหนแต่เธอก็แค่ต้องรอจนกว่า “ความวุ่นวายทางการเมือง” ที่บิดาพูดถึงจะสงบลง ทำตัวเป็นนางสนมเพียงในนามจนกว่าจะถึงตอนนั้นก็พอ

ใจจริงแล้วคืออยากจะกลับไปสนามรบไว ๆ

 

“เฮ้อ—……”

 

คิดมากไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา แต่ไหนแต่ไรเฮเลนาก็ไม่ชอบใช้หัวสมองอยู่แล้ว เรื่องวางแผนการรบก็ยกให้วิกเตอร์จัดการไปทั้งหมด เฮเลนาคิดว่าการคุมกำลังทหารเข้าต่อสู้ต่างหากคืองานของตนเอง

ขอนอกเรื่องสักเล็กน้อย แต่ตอนที่ตำแหน่งแปดยอดขุนศึก “ขุนศึกอสรพิษม่วง” เคยว่างอยู่ เฮเลนาก็เคยได้รับเสนอชื่อเป็นว่าที่แม่ทัพเหมือนกัน ทว่าความสมองกล้ามของเธอก็เลื่องลือไปถึงเบื้องบนของกองทัพ เลยมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ว่า “ขืนให้เรลโนตเป็นแม่ทัพ ทัพนั้นก็คงจะทำเป็นแต่บุกแบบโง่ ๆ ชัวร์” แล้วก็โดนปัดตกไป

ด้วยหัวสมองที่น่าเสียดายเช่นนั้น ความคิดเรื่องสำคัญอย่างเช่นการทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันจึงถูกโยนทิ้ง แล้วก็ไปจบลงที่วิธีรีแลกซ์อันน่าฉงนซึ่งเรียกว่าการซิตอัป

‘ฟู่ว’ เธอปาดเหงื่อบนหน้าผากออกไปแรง ๆ

 

เอาละ ต่อไปก็สควอต——แต่ขณะที่เฮเลนากำลังยืนขึ้นนั่นเองก็มีคนเคาะประตู

ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาเย็นเลยด้วยซ้ำ ดังนั้นคงไม่ใช่พระจักรพรรดิ ถึงอย่างนั้นการที่มีใครบางคนมาหาก็ทำให้เธอลนลานโดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน

 

“ช เชิญค่ะ……”

 

“ขอเข้าไปนะคะ พระสนมฟ้าสุริยา”

 

ผู้ที่เปิดประตูเข้ามาคือเด็กสาวที่น่าจะอายุอ่อนกว่าเฮเลนาสักสิบปี

เป็นเด็กสาวที่มีใบหน้าที่ได้รูป และอาจจะมีสายเลือดของคนทางใต้อยู่ด้วยจึงมีสีผิวค่อนข้างเข้ม เธอสวมชุดวันพีซสีกรมท่าและผ้ากันเปื้อนจีบระบาย ซึ่งการแต่งตัวนั้นก็ดูเหมือนกับที่หัวหน้านางกำนัลรับใช้แต่งไม่มีผิด ทำให้เฮเลนาสันนิษฐานได้ว่าเด็กสาวคนนี้คงจะเป็นนางกำนัลติดห้องล่ะมั้ง

 

“ฉันได้รับคำสั่งให้มาเป็นนางกำนัลติดห้องของพระสนมฟ้าสุริยาตั้งแต่วันนี้ไป ชื่อว่าอเลกเซียค่ะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”

 

“อ อา ขอบใจนะ ได้ยินมาจากอิซาเบลแล้วล่ะ”

 

“เมื่อครู่ลองมาหาแล้วครั้งนึง แต่ดูเหมือนท่านจะไม่อยู่ก็เลยกลับมาอีกครั้งค่ะ ออกไปข้างนอกที่ไหนสักแห่งมาหรือคะ?”

 

“อุ”

 

จะว่าไปแล้วก็โดนบอกมาว่า “จะจัดหานางกำนัลติดห้องมาให้โดยด่วนค่ะ” แต่เธอก็ดันออกไปทักทายห้องข้าง ๆ โดยไม่ได้อยู่รอซะงั้น

บางทีเด็กสาว——-อเลกเซียอาจจะรู้สึกเหมือนกำลังถูกแกล้งอยู่ก็เป็นได้

 

“อืม ไปข้างนอกมานิดหน่อยนะ”

 

“ถ้าไม่เป็นการเสียมารยาทเกินไป ขอถามหน่อยได้ไหมคะว่าไปที่ไหนมา?”

 

“อ้อ ก็ข้าเป็นผู้มาใหม่ในวังหลังนี่นา เลยคิดว่าอย่างน้อยน่าจะไปทักทายเพื่อนบ้านหน่อย ก็เลยไปทักทายพระสนมฟ้าจันทรากับพระสนมฟ้าดารามาน่ะ”

 

“…….เอ๋?”

 

ทันใดนั้นเองอเลกเซียก็เบิกตากว้าง

จากนั้นก็เอามือวางบนคางแล้วก้มหน้าลงบ่นพึมพำอะไรคนเดียว

 

“……อืม ก็นั่นสินะ……ก็จริงอยู่ แต่ว่า……”

 

“เอ่อ อะไรเหรอ?”

 

“อะ ขออภัยค่ะ เอ่อ……เพราะได้ยินคำตอบที่คาดไม่ถึงก็เลยสับสนนิดหน่อย พระสนมฟ้าสุริยา……ท่านเฮเลนาอาจจะไม่รู้จักฉัน แต่ฉันพอจะรู้จักท่านเฮเลนาอยู่บ้าง เลยได้โอกาสยืนยันอีกครั้งแล้วว่าข้อมูลที่ได้ยินมาไม่คลาดเคลื่อนน่ะคะ”

 

“……รู้จักฉันงั้นหรือ?”

 

“ค่ะ ขออภัยที่บอกช้าไป แต่ชื่อของฉันคือ อเลกเซีย เบอร์การ์ซาร์ดค่ะ เป็นบุตรสาวคนรองของวิสเคานต์เบอร์การ์ซาร์ด และน้องสาวของ ‘ขุนศึกหมีน้ำเงิน’ บาร์โตโลเม เบอร์การ์ซาร์ดค่ะ”

 

เฮเลนาถึงกับลืมหายใจโดยไม่รู้ตัว

 

“น้องสาวของท่านบาร์โตโลเม!?”

 

“ใช่ค่ะ ทั้งที่เป็นเด็กผู้หญิงแต่นามสกุลกลับดูหนักแน่นเกินไปเนี่ยเป็นความกังวลของฉันมาตลอดเลย ไม่ได้พบกันเสียนานนะคะ ท่านเฮเลนา”

 

อเลกเซียกล่าวและยิ้มออกมา

บาร์โตโลเม เบอร์การ์ซาร์ด คือ “ขุนศึกหมีน้ำเงิน” หนึ่งในแปดยอดขุนศึกของจักรวรรดิกันเกรฟ เขาคือแม่ทัพที่กำลังรับมือแนวหน้าการรบที่กับจักรวรรดิอัลเมดาร่วมกับ “ขุนศึกพยัคฆ์แดง” วิกเตอร์ ก่อนที่พวกเธอจะกลับมายังเมืองหลวงกัน

เฮเลนาซึ่งเป็นรองผู้บังคับบัญชาของวิกเตอร์ก็มีโอกาสได้ร่วมวงเหล้าสนทนากับเขาอยู่หลายต่อหลายครั้ง นอกจากจะเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือเหลือประมาณในสนามรบแล้ว นิสัยใจคอเองก็ยอดเยี่ยมน่านับถือ จึงเป็นคนที่เฮเลนารู้สึกถูกคออยู่ไม่น้อย

นอกจากนั้น เธอยังเคยไปรบกวนที่บ้านหลักของเขาในเมืองหลวงอยู่หลายครั้งด้วย ถ้าจำไม่ผิดในตอนนั้นก็มีเด็กผู้หญิงที่เขาแนะนำว่าเป็นน้องสาว แล้วก็เคยคุยด้วยสักสองสามครั้งอยู่

รู้สึกว่าจะชื่อ——อเลกเซีย

เฮเลนาเบิกตากว้างเหมือนไม่อยากจะเชื่อ

 

“อ อเลกเซีย……?”

 

“ค่ะ ท่านเฮเลนา ตอนนั้นเราก็เคยคุยกันด้วย……แล้วพอได้รับคำสั่งว่าอาจจะได้มาเป็นนางกำนัลติดห้องของท่านเฮเลนา ฉันก็เลยถามเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับท่านเฮเลนาจากพี่ชายแล้วค่ะ”

 

“ล แล้วท่านบาร์โตโลเม……พูดว่ายังไงบ้างคะ?”

 

“……ขออภัยด้วยค่ะ แต่ถ้าพูดออกมาตรงนี้จะโดนลงโทษฐานหมิ่นเบื้องสูงก็ไม่น่าแปลกใจเลย ดังนั้นขออุบไว้นะคะ”

 

“อ่า……อื้ม”

 

ได้ยินคำพูดของอเลกเซียแบบนั้นก็พอจะเดาได้ทั้งหมดแล้ว

เกรงว่าจะเป็นความเห็นแบบที่ไม่ควรให้ตัวเฮเลนาเองได้ยินได้ฟัง ซึ่งเธอเองก็ทำเรื่องที่สมควรจะโดนให้คุณค่าแบบนั้นมาไม่น้อยด้วย

ตอนเจอกันครั้งแรกก็ไปพูดว่า “ขอดูซิว่าแม่ทัพเนี่ยแข็งแกร่งขนาดไหนกัน!” แล้วก็ท้าประลองฝีมือ

และเพราะเอาชนะบาร์โตโลเมไม่ได้ในการประลองครั้งนั้น หลังจากนั้นเลยดักซุ่มโจมตีอีกหลายต่อหลายรอบ

แล้วก็โดนโต้กลับจนพ่ายแพ้กลับมาอย่างง่ายดายทุกรอบ

……มีแต่เรื่องที่ไม่อยากนึกถึงมากมายเกินไปจริง ๆ

 

“ทว่า ฉันเองก็รู้ว่าท่านเป็นคนใจดีค่ะ พี่ชายเองก็บอกมาว่าให้ช่วยสนับสนุนท่านเฮเลนาให้ดี ๆ เหมือนกัน ถึงอย่างนั้นก็เถอะ……ไม่นึกเลยนะคะว่าจะไปพบ ‘สามสนมฟ้า’ คนอื่น ๆ มาเรียบร้อยแล้ว”

 

“……ไปพบแล้วมันแปลกขนาดนั้นเลยเหรอ?”

 

“อาจเสียมารยาทที่พูดแบบนี้ แต่ท่านเฮเลนาควรจะคิดถึงสถานะปัจจุบันของตัวเองให้มากกว่านี้นะคะ”

 

เฮเลนาอดไม่ได้ที่จะกลอกตาไปมาให้กับคำพูดแรง ๆ ของอเลกเซีย

อิซาเบลก็เคยบอกเธอทำนองนี้เหมือนกัน มันคือคำด่าว่าต่อเฮเลนาผู้ไม่รู้อะไรเลยทั้งเรื่องสังคมชั้นสูงหรือเรื่องมารยาท

ถึงอิซาเบลจะบอกว่าถ้าไม่รู้ก็จงเรียนซะก็ตาม แต่พอถึงเวลาอยากจะเรียนรู้จริง ๆ ตัวเธอเองก็ยังไม่รู้เลยว่าเรื่องที่เธอไม่รู้เนี่ยมันคือเรื่องอะไร

ดูเหมือนอย่างน้อยที่สุดเธอจะไม่มีสามัญสำนึก “ในฐานะขุนนาง” ล่ะมั้ง

 

“ได้ยินมาจากพี่ชายแล้วค่ะ ว่าท่านเฮเลนาอยู่ในสนามรบมาตั้งแต่อายุสิบห้า เลยไม่มีการเปิดตัวในสังคมชั้นสูงแล้วก็เข้าร่วมปาร์ตี้หรืองานเลี้ยงน้ำชาต่าง ๆ เพื่อขัดเกลาความสามารถที่ควรมีในฐานะขุนนางเลยแม้แต่นิดเดียว ฉันเป็นบุตรของวิสเคานต์แถมยังเป็นแค่ลูกของอนุนอกสมรส เทียบกับท่านเฮเลนาแล้วอาจมีศักดิ์ต่ำกว่า แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ฉันรู้ ฉันก็ยินดีจะเป็นผู้ช่วยเหลือการเรียนรู้ของท่านเฮเลนาค่ะ”

 

“…..อ อา ฝากด้วยนะ”

 

“งั้นก็ ข้อแรก……การที่ท่านเฮเลนาไปเยือนห้องของพระสนมฟ้าจันทรากับพระสนมฟ้าดารานั้น คนรอบข้างจะตีความว่ายังไงบ้าง รู้หรือเปล่าคะ?”

 

‘หือ’ เฮเลนาขมวดคิ้ว

ถ้าถามว่าจะโดนตีความว่ายังไง เธอก็ไม่ค่อยเข้าใจคำถามนัก

ไม่ใช่มองว่าเป็นแค่นางสนมเด็กใหม่มาไล่กล่าวทักทายนางสนมรุ่นพี่เท่านั้นหรือไงกัน

ดังนั้นเธอเลยตอบไปว่า

 

“เพราะข้าเพิ่งจะมาใหม่ เพื่อให้กลมกลืนในวังหลังได้ดียิ่งขึ้นอีกสักนิดนับจากนี้ไป จึงเป็นฝ่ายเข้าหาด้วยตัวเองเพื่อแสดงมิตรไมตรี ทำแบบนี้อีกฝ่ายก็น่าจะเข้าใจว่าจุดประสงค์ของทางนี้คืออยากเป็นมิตรด้วยไม่ใช่รึ”

 

“ไม่ใช่เลยสักนิดเดียวค่ะ”

 

เมื่อเจอกับคำพูดที่ไม่อ้อมค้อมของอเลกเซีย เฮเลนาจึงเอียงศีรษะด้วยความฉงน

แค่ไปเยี่ยมเยือนห้องข้าง ๆ มันมีอะไรไม่ดีขนาดนั้นด้วยงั้นรึ จะมีใครมาตีความว่ายังไงอะไรกันอีก ไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิด

อเลกเซียถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะกล่าวต่อ

 

“อันดับแรก ท่านเฮเลนามีฐานะเป็นบุตรีมาร์ควิสและลูกสาวของที่ปรึกษาหลวงแอนตัน เรลโนต จึงอยู่ในสถานะที่สูงกว่าสามสนมฟ้าคนอื่น ๆ ค่ะ แปลว่าในความเป็นจริงแล้ว ท่านชาร์ลอตเตกับท่านมาริเอลควรเป็นฝ่ายมาที่ห้องของท่านเฮเลนาผู้มีสถานะสูงกว่าเพื่อกล่าวทักทาย การที่ท่านเฮเลนาเป็นฝ่ายไปพบด้วยตัวเองมันเหมือนกับการแสดงต่อนางสนมคนนั้น—-ในกรณีนี้ก็คือพระสนมฟ้าจันทรากับพระสนมฟ้าดารา ว่าท่านกำลังโกรธอยู่ค่ะ”

 

“…….ได้ไงอ่ะ?”

 

“จะตีความว่ายังไงก็มีข้อแตกต่างขึ้นอยู่กับว่าคน ๆ นั้นอยู่ในสถานภาพไหนด้วย……แต่อย่างน้อยกับพระสนมฟ้าจันทราแล้วคงจะตีความได้ว่า ‘เป็นแค่บุตรีเคานต์แท้ ๆ แต่คิดจะมาเป็นผู้นำ [ฝ่ายอำมาตย์แผ่นดิน] งั้นหรือ อวดดีแบบนี้ปล่อยเอาไว้ไม่ได้’ ก็เลยมาเยือนเพื่อตอกตะปูปิดฝาโลงด้วยตัวเองล่ะมั้งคะ ส่วนกับพระสนมฟ้าดาราก็น่าจะมีความหมายว่า ‘เป็นแค่ขุนนางหน้าใหม่อย่าอวดเก่งให้มากไปนัก จงมาติดตามชั้นซะดี ๆ’ ตามนั้นแหละค่ะ”

 

“หา!?”

 

เฮเลนาเผลอร้องเสียงหลงออกมา

ตัวเฮเลนาไม่ค่อยมีความรู้สึกว่าตัวเองเป็นบุตรีมาร์ควิสเท่าไหร่ ในทางกลับกันเธออยากจะทิ้งฐานันดรศักดิ์เพื่อแลกกับอิสระด้วยซ้ำ

ดังนั้นจึงไม่เคยสวมหมวกที่ชื่อว่าฐานันดรศักดิ์มาก่อนเลยจนถึงตอนนี้ ตอนอยู่ในกองทัพก็ต้องทำเองทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นงานจิปาถะต่ำต้อยแค่ไหน แล้วก็ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากการมียศขุนนางด้วย กองทัพเป็นองค์กรที่ให้คุณค่าแต่กับความสามารถโดยสมบูรณ์

เพราะอย่างนั้นจึงไม่เข้าใจความหมายที่อเลกเซียบอกมาเลยสักนิด

 

“……ขอโทษนะคะ ท่านเฮเลนา”

 

“เอ๊ะ”

 

“ตอนอยู่ที่ห้องของพระสนมฟ้าจันทรากับพระสนมฟ้าดาราได้สนทนากันว่ายังไงกันบ้าง ช่วยเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้ไหมคะ?”

 

“อ อ้อ……ได้สิ”

 

ไม่นึกมาก่อนเลยว่าการไปห้องของชาร์ลอตเตกับมาริเอลมันจะมีความหมายแฝงที่สำคัญขนาดนั้น

ซึ่งหมายความว่าก็เป็นไปได้ที่สิ่งที่คุยกันในห้องของสองคนนั้นก็จะเป็นปัญหาโดยที่เธอไม่รู้ตัวเหมือนกัน เพราะงั้นให้อเลกเซียที่น่าจะรู้เรื่องพวกนี้ช่วยฟังให้ก็คงจะดี

ถึงจะเคยพูดคุยกันแค่สองสามครั้งสมัยยังเป็นเด็ก แต่เทียบกับไปปรึกษานางกำนัลที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเลยแล้ว นี่ยังสบายใจกว่ากันเยอะ

ทว่า——

 

น่าเสียดายนักแต่เฮเลนาก็เห็นอนาคตเพียงเส้นทางเดียว ว่าหลังจากเล่าสิ่งที่สนทนากันในสองห้องนั้นออกไปให้อเลกเซียฟังแล้วเธอจะต้องโดนดุอย่างแน่นอน

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset