(นิยายแปล) ตำนานวังหลังของพระชายาขาบู๊ – ตอนที่ 8 เตรียมต้อนรับการมาเยือนของฝ่าบาท

 

“คืนนี้ฝ่าบาทจะเสด็จมาเยือนห้องของท่านเฮเลนา คิดว่าท่านคงรู้อยู่แล้วใช่ไหมคะ”

 

“อ อื้ม ได้ยินจากอิซาเบลแล้ว”

 

“ฉันเองก็ไม่ต้องการให้ฝ่าบาทเห็นท่าทางที่ไม่น่าดูของเฮเลนาเหมือนกันค่ะ แต่คาดเดาจากการสนทนากับบุตรีขุนนางเมื่อครู่……ท่านเฮเลนาเนี่ยไม่รู้วิธีวางตัวเวลาพูดคุยกับเชื้อพระวงศ์ใช่ไหมคะ”

 

“หืม…….อย่าดูถูกกันน่า”

 

เฮเลนาขมวดคิ้วนิด ๆ อย่างไม่ชอบใจและเถียงกลับไป

เห็นอย่างนี้เธอก็บังคับบัญชาทหารมายาวนาน แล้วก็มีการส่งรายงานติดต่อปรึกษาอย่างไม่เคยขาดตกบกพร่อง แม้แต่การกล่าวรายงานกับเชื้อพระวงศ์ก็เคยทำมาแล้วด้วย

อย่างน้อยที่สุดก็ยังไม่ถึงขั้นที่ไร้สามัญทั่วไปสำนึกโดยสิ้นเชิง

 

“ถ้างั้นท่านเฮเลนาคะ เมื่อฝ่าบาทเสด็จมาถึงที่ห้องนี้ ท่านคิดจะกล่าวว่ายังไงคะ?”

 

“เรื่องนั้นมันก็แน่อยู่แล้ว”

 

‘หึ ๆ’ เฮเลนาประกาศคำตอบที่ถูกต้องออกมา

 

“เดชะพระอาญามิพ้นเกล้ากระหม่อมปลื้มใจยิ่งที่ได้ยลพระพักตร์ ไงล่ะ”

 

นั่นคือคำกล่าวแรก ๆ ทุกครั้งเวลาที่เข้าเฝ้าเชื้อพระวงศ์ เป็นคำพูดตามประเพณี อ้อ แล้วเฮเลนาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจความหมายสักเท่าไหร่ด้วย

 

“นั่นมันรูปประโยคที่ใช้เวลาเข้าเฝ้าค่ะ ไม่ใช่คำพูดที่ใช้กันในวังหลัง”

 

“เอ๊ะ”

 

“สตรีที่อยู่ในวังหลัง โดนพื้นฐานแล้วจะถือว่าเป็นนางสนมของพระจักรพรรดิ พูดง่าย ๆ ก็คือเป็นตำแหน่งในฐานะภรรยานั่นเองค่ะ รูปประโยคที่ท่านเฮเลนาพูดมันแปลว่า ‘ตัวข้าผู้ต่ำต้อยได้มองดูใบหน้าอันสูงส่งของท่านจึงต้องขออภัยเป็นอย่างสูง’ เป็นการที่ลดตัวเองให้ต่ำลงเพื่อแสดงถึงความนอบน้อม แต่ไม่เหมาะสมที่จะพูดกับฝ่าบาทที่เป็นฝ่ายเสด็จมาเยือนพระสนมเองค่ะ”

 

“ไม่จริงน่า……”

 

ต้องคิดไปถึงขนาดนั้นเลยเหรอ วังหลังเนี่ย

ไม่สิ ไอ้ความรู้พวกนี้ใครมันเป็นคนสอนให้กันนะ เฮเลนาคิดถามฟ้าอย่างจริงจัง

 

“แน่นอนค่ะ หากพระสนมที่ฝ่าบาทเป็นฝ่ายเสด็จมาเยือนลดตัวเองให้ต่ำลง ก็ย่อมหมายถึงการดูแคลนฝ่าบาทที่เลือกจะมาหาพระสนมคนนั้นด้วยยังไงล่ะคะ”

 

“……ไหงเป็นงั้น”

 

“การเป็นขุนนาง หมายความว่าทุก ๆ คำพูดที่หลุดออกมาจากปาก ฝ่ายตรงข้ามสามารถเอามาใช้โจมตีเราได้ทั้งสิ้น จะพูดอะไรออกไปพล่อย ๆ ไม่ได้เด็ดขาดค่ะ”

 

“ถ้างั้นจะต้องพูดว่าอะไรกันล่ะ”

 

“ง่ายมากค่ะ ‘ยินดีต้อนรับค่ะ ฝ่าบาท’ เท่านั้นก็พอแล้วค่ะ”

 

เป็นคำพูดที่ง่ายกว่าที่คิดแฮะ

นึกว่าอย่างอเลกเซียคงจะบอกแค่คำพูดอะไรยาก ๆ ออกมา ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคำพูดที่ง่ายดายแบบนั้น

เฮเลนาเอียงศีรษะอย่างฉงนพลางมองไปที่อเลกเซีย

 

“……แค่นั้นก็ได้แล้วเหรอ?”

 

“ค่ะ ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรยืดยาว หลังจากนั้นก็แค่สนทนากับฝ่าบาทให้สนุก และเมื่อถึงเวลาก็นอนร่วมเตียงกัน เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วค่ะ”

 

“เอ่อ……แล้วเวลาสนทนากันน่ะ มีอะไรที่ต้องระวังบ้างไหม?”

 

“……เกี่ยวกับเรื่องนั้น ฉันเองก็ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะมาที่ห้องนี้ด้วยความนึกคิดเช่นไร ดังนั้นจึงไม่สามารถตอบได้ค่ะ อีกอย่างนึง……เมื่อฝ่าบาทมา ฉันเองก็น่าจะได้รับสั่งให้ออกจากห้องค่ะ หลังจากนั้นถึงท่านเฮเลนาจะพูดอะไรผิดไปฉันก็จะไม่สามารถช่วยสนับสนุนได้”

 

“อืม—……”

 

ถึงอันดับแรกจะรู้คำกล่าวทักทายที่ถูกต้องแล้ว แต่ยังไม่มีแผนอะไรต่อจากนั้นเลย

ฟังจากที่อเลกเซียบอกมา แค่คำพูดเดียวของเฮเลนาก็อาจถูกตีความเป็นการหมิ่นเบื้องสูงจนหัวหลุดได้แล้ว

และยิ่งเฮเลนาไม่มีความรู้สามัญสำนึกทั่วไป โอกาสที่จะกลายเป็นแบบนั้นก็สูงลิบลิ่วเลยทีเดียว

 

“เอ้อ ช่างมันละกัน”

 

เฮเลนาไม่ได้หัวดีขนาดคิดอะไรยาก ๆ ได้

จะให้คิดว่าฟาร์มาสนึกยังไงถึงได้มาที่ห้องนี้ก็คิดไม่ออกหรอก แทนที่จะมัวไปจินตนาการกับเรื่องที่ไม่มีอนาคตแบบนั้น แค่พยายามทำตามข้อควรระวังพื้นฐานเอาไว้ก็พอแล้วมั้ง

 

“อเลกเซีย ช่วยบอกเรื่องที่ไม่ควรพูดอย่างเด็ดขาดเวลาสนทนากับฝ่าบาทให้ฟังทีสิ”

 

“ค่ะ นั่นสินะ……ฉันเองก็ไม่เคยสนทนากับฝ่าบาทมาก่อน แต่อย่างน้อยที่สุดก็ห้ามพูดเรื่องของชายอื่นเป็นอันขาดค่ะ”

 

เฮเลนาขมวดคิ้ว

 

“ไม่ได้งั้นเหรอ?”

 

“ถ้าพูดเรื่องชายอื่นจะถูกมองว่ามีใจให้กับชายคนนั้นได้ค่ะ พระสนมของฝ่าบาทต้องบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่เสมอ ห้ามพูดเรื่องของชายอื่นเป็นอันขาดเลยค่ะ”

 

“อย่างเช่น……แม้แต่เรื่องของแปดยอดขุนศึกที่น่าภาคภูมิของประเทศเราก็ไม่ได้งั้นเหรอ?”

 

“ขุนศึกพยัคฆ์แดง” วิกเตอร์ ครีก

“ขุนศึกหมีน้ำเงิน” บาร์โตโลเม เบอร์การ์ซาร์ด

แล้วก็ยังมีแม่ทัพคนอื่นอีกหลายคนที่เฮเลนารู้จัก และทั้งหมดนั้นก็เป็นผู้ชายยกเว้นแค่คนเดียว

 

“ไม่ได้ค่ะ”

 

ทว่าอเลกเซียกลับปฏิเสธมาแบบนั้นโดยไม่ปราณี

 

“ทำไมล่ะ? ฝ่าบาทเองก็น่าจะสนใจเรื่องการทหารไม่ใช่เหรอ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่ชายแดนเหนือใต้ของเรากำลังถูกรุกรานอยู่เช่นนี้ ก็ยังไม่เหมาะที่จะพูดเรื่องแม่ทัพผู้นำกำลังทหารงั้นรึ?”

 

“ท่านเฮเลนามาจากกองทัพค่ะ และยังมีตำแหน่งเป็นรองผู้บังคับบัญชาของ ‘ขุนศึกพยัคฆ์แดง’ อีกด้วย เมื่อปัจจุบันนี้เข้ามาในวังหลัง……การพูดคุยเรื่องเช่นนั้นมีโอกาสทำให้ฝ่าบาทคิดว่าท่านเฮเลนาอยากออกจากวังหลังและกลับไปยังกองทัพได้ค่ะ”

 

ก็ไม่ผิดเลยสักนิดเดียว

ถ้าเป็นไปได้เฮเลนาอยากจะรีบออกจากวังหลังอะไรนี่ แล้วไปโลดแล่นอยู่บนสนามรบกับวิกเตอร์

ต้องอดทนจนกว่าความวุ่นวายทางการเมืองจะสงบลงล่ะนะ

 

“โดยเฉพาะเรื่องของแม่ทัพวิกเตอร์ ครีก เป็นเรื่องต้องห้ามเลยค่ะ”

 

“……ทำไมล่ะ?”

 

“ในเมื่อท่านเฮเลนาเข้าสู่วังหลังในฐานะพระสนมก็ต้องมีการสืบสาวประวัติที่มาของท่านแล้ว และการที่ท่านเฮเลนาสนิทสนมกับแม่ทัพวิกเตอร์รวมถึงเลื่อนขั้นเติบโตมาด้วยกันก็ย่อมเป็นที่ล่วงรู้อยู่แล้วแน่นอน ซึ่งนั่นอาจจะถูกฝ่าบาทมองว่าท่านมีใจให้กับเขาได้ค่ะ”

 

“……”

 

จะขี้หึงไปถึงไหนกันนะ ฝ่าบาทเนี่ย

เฮเลนาเผลอกุมขมับโดยไม่รู้ตัว ก็จริงอยู่ที่เธอกับวิกเตอร์ทำงานมาด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรเป็นพิเศษสักหน่อย พูดให้ถูกก็คือตัวเฮเลนาไม่เคยมีความรู้สึกอะไรแบบนั้นกับเพศชายมาก่อนเลย

เพราะฉะนั้น ก็เลยยังไม่ได้แต่งงานมาจนอายุยี่สิบแปด แล้วก็ไม่เคยมีเรื่องรักใคร่อะไรเลยด้วย

 

“เอ่อ……แล้วมีอะไรอย่างอื่นไหม?”

 

เพราะไม่อยากจะคิดเรื่องนี้ต่อแล้วก็เลยถามอเลกเซียไปเช่นนั้น

 

“นั่นสินะคะ……ฉันเองก็ยังมีส่วนที่ไม่ค่อยเข้าใจนัก แต่อย่าพูดเรื่องการเมืองหรือบุคลากรจะดีกว่าค่ะ”

 

“อื้ม ได้…….”

 

ไม่พูดหรอก ไม่สิ ไม่มีปัญญาจะพูดต่างหาก

 

“ยังไงท่านเฮเลนาก็เป็นที่รู้จักในฐานะบุตรีของที่ปรึกษาหลวงแอนตัน เรลโนตอยู่แล้ว ถ้าท่านเฮเลนาออกปากคำเกี่ยวกับเรื่องการเมือง ก็จะถูกมองว่าพูดเพราะท่านแอนตันเป็นคนสั่งได้ค่ะ จุดยืนของบิดาของท่านจะเลวร้ายลงกว่าเดิม”

 

“……ก็ไม่ได้โดนสั่งอะไรมาเป็นพิเศษ เพราะงั้นไม่มีปัญหาล่ะนะ”

 

นั่นคือเรื่องจริง

เธอไม่ได้รับคำสั่งอย่างเป็นรูปธรรมจากแอนตันมาว่าให้ทำอะไรเลย มีแต่ฝากฝังมาว่า “ถ้าเป็นคนฉลาดอย่างเฮเลนาก็คงจะเข้าใจทุกอย่างสินะ” แต่บอกตามตรงก็ไม่รู้ไม่เข้าใจเลยว่าควรจะทำยังไงถึงจะดี เข้าใจแค่ว่าเฮเลนามีสมองที่น่าเสียดายขนาดไหน

 

“ข้อสุดท้าย พยายามหลีกเลี่ยงไม่พูดเรื่องพระสนมคนอื่นน่าจะดีกว่าค่ะ”

 

“เอ๋”

 

“ยกตัวอย่างเช่น ‘พระสนมฟ้าจันทรา คุณหนูชาร์ลอตเตช่างงดงามจริง ๆ’ หรือ ‘พระสนมฟ้าดารา คุณหนูมาริเอลช่างฉลาดหลักแหลมจริง ๆ’……อะไรแบบนี้น่ะค่ะที่ห้ามพูด”

 

“ทำไมล่ะ?”

 

“จะถูกมองว่าอิจฉาได้ค่ะ ถ้าจะพูดให้ท่านเฮเลนาเข้าใจง่าย ๆ ก็ เวลาคนในจุดยืนอย่างท่านเฮเลนาพูดเรื่องแบบนั้น จากมุมมองของสามัญชนทั่วไปก็เหมือนไปพูดกับคนรักว่า ‘เธอคนนั้นน่ารักและใจดีกว่าฉัน คงดีกว่าคนอย่างฉันมาก ๆ เลยสินะ’ ยังไงล่ะคะ”

 

น่ารำคาญวุ้ย

เฮเลนาฟังแล้วก็คิดแบบนั้นและขมวดคิ้ว การพูดแบบนั้นมันคือการพูดเพราะอยากให้ปฏิเสธแค่นั้นเอง เป็นถ้อยคำที่พูดออกมาเพราะอยากให้อีกฝ่ายชมว่า ‘ชั้นคิดว่าเธอน่ารักกว่านะ’ แค่นั้น

ทว่าแค่เฮเลนาพูดเรื่องนางสนมคนอื่นก็จะถูกตีความว่าแบบนั้นเหมือนกันซะงั้น……ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ

 

“คืนนี้ฝ่าบาทเลือกจะมาหาท่านเฮเลนาเองค่ะ ถ้าพระสนมคนอื่น ๆ มีเสน่ห์กว่า ฝ่าบาทก็คงไม่มาหาท่านหรอก พอลองคิดแบบนั้นแล้วการพูดเรื่องพระสนมคนอื่นก็อาจถูกมองว่าเป็นถ้อยคำของคนรักที่น่ารำคาญแบบที่พูดกันเมื่อครู่ หรือบางทีอาจจะฟังดูเหมือนท่านกำลังบอกว่า ‘อย่ามาหาฉันสิ ไปห้องของคนที่สวย ๆ กว่านี้ไป๊’ ก็ได้ค่ะ”

 

“……อื้อ เข้าใจแล้ว”

 

“โดยพื้นฐานแล้วก็มีเท่านั้นแหละค่ะ ที่เหลือก็แค่ให้ท่านเฮเลนารับมืออย่างยืดหยุ่นตามสถานการณ์ก็น่าจะพอมั้งคะ”

 

ลองรวบรวมข้อสรุปในใจดู

ข้อแรกห้ามพูดเรื่องชายอื่น แม้แต่เหล่าแปดยอดขุนศึกผู้แบกรับการทหารของประเทศนี้ไว้อยู่ก็ห้ามโผล่มาในหัวข้อสนทนา

ต่อไปก็ห้ามพูดเรื่องการเมือง สมมุติพูดเรื่องการแบ่งกำลังทหารที่ไม่เท่าเทียมกันระหว่างชายแดนเหนือใต้แล้วขอให้ช่วยแก้ไขหน่อย นั่นก็คงนับว่าเป็นเรื่องการเมืองสินะ

สุดท้ายห้ามพูดเรื่องนางสนมคนอื่น ไม่ว่าจะเรื่องของชาร์ลอตเตหรือมาริเอลที่เพิ่งไปเจอมาเมื่อกี้ก็ห้ามโผล่มาในหัวข้อสนทนาแม้แต่คำเดียวเช่นกัน

ตอนนั้นเองเธอก็ได้เกิดความสงสัยขึ้น

 

“อเลกเซีย”

 

“ค่ะ”

 

“……แล้วจะให้ข้าพูดเรื่องอะไรกับฝ่าบาทดีล่ะ”

 

ทุกหัวข้อกลายเป็นเรื่องต้องห้ามไปหมดแล้ว

นอกจากในเรื่องที่อเลกเซียห้ามแล้ว ตัวเธอกับพระจักรพรรดิก็ไม่มีจุดร่วมกันอีกเลย การสนทนามันต้องเริ่มมาจากจุดที่มีร่วมกันสิ ถ้าเรื่องพวกนั้นมันโดนห้ามไปหมดแล้วก็คงไม่มีทางคุยกันให้สนุกได้หรอก

ทว่าอเลกเซียก็ตัดจบในกระบวนท่าเดียว

 

“เรื่องทั่ว ๆ ไปค่ะ”

 

“เอ๋”

 

“เรื่องทั่ว ๆ ไปค่ะ”

 

“เอ่อ”

 

“เรื่องทั่ว ๆ ไปค่ะ”

 

เฮเลนาจึงได้แต่นึก

ว่าไอ้เรื่องทั่ว ๆ ไปเนี่ย สรุปแล้วมันคือเรื่องอะไรกันหนอ

 

Comment

Options

not work with dark mode
Reset