[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ – ตอนที่ 9 Princess of Princess

หลังจากเผชิญหน้ากับมังกรโดยไม่มีอะไรเสียหาย พวกเซเลเน่ก็ไปถึงยังราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้อย่างปลอดภัย เซเลเน่นั้นจินตนาการไว้ว่ามันจะต้องประเทศที่ทรุดโทรมมาก แล้วก็มีปราสาทที่เหมือนกับของจอมมารร้ายไม่ผิดแน่ แต่สิ่งที่เห็นก็กลับเป็นตรงกันข้าม 

 

อาณาเขตของราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้นั้นเต็มไปด้วยนาข้าวอุดมสมบูรณ์กว้างใหญ่พอผ่านเข้าไปก็เป็นเขตตัวเมืองที่สิ่งปลูกสร้างค่อยๆพัฒนาไปเรื่อยๆ จากข้างนอกที่มีสิ่งปลูกสร้างไม้พอเข้าไปก็ยิ่งมีสิ่งปลูกสร้างหินมากขึ้น สูงขึ้น สร้างอย่างแข็งแรงและซับซ้อนมากขึ้น

 

ยิ่งเข้าไปถนนก็ยิ่งถูกทำให้รถม้ากับคนเดินทางได้ง่าย ตามแม่น้ำต่างๆก็มีสะพานหินท่าทางแข็งแรง อย่างน้อยที่เซเลเน่เห็นจากช่องว่างรถม้านั้นก็ไม่มีคนยากจนที่มีรอยสักเต็มตัวอยู่เลยสักคน 

 

นี่มันหมายความว่ายังไง ในรังของจอมวายร้ายมันต้องหรูหราแบบเปล่าประโยชน์เฉพาะในที่ๆตัวเองอาศัย ปล่อยให้ประชาชนอดยากเจ็บป่วยล้มตายไม่ผิดแน่ แบบนี้มันแปลกเกินไปแล้ว อยากจะเก็บข้อมูลให้มากกว่านี้แต่มิราโนะบอกว่าห้ามเอาหน้าออกจากรถม้าในเขตเมืองก็เลยทำได้แค่สอดส่องจากช่องว่างของรถม้าเท่านั้น 

 

“โอ้! องค์ชายมิราโนะกลับมาแล้ว!”

“องชาย! ยินดีต้อนรับกลับจากการเดินทางอันยาวนานครับ!”

 

เพราะว่านั่งรถม้าแบบมีหลังคาปิดก็เลยรู้แค่ว่าเป็นเสียงที่ดังากข้างนอกแต่พอยิ่งเข้ามาในใจกลางราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้เสียงต้อนรับของผู้คนก็เพิ่มมากขึ้น จากที่เห็นหลังของมิราโนะที่ทางเข้ารถม้าดูเหมือนว่ามิราโนะจะโบกมือให้ประชาชนด้วยรอยยิ้มอยู่แน่

 

“ทุกคน อย่า ถูกหลอก”

 

เซเลเน่พูดคนเดียวอยู่ในรถม้า ผู้ชายคนนั้นแม้ภายนอกจะดีดู แต่ตัวจริงคือคนที่น่ารังเกียจที่ออกเดินทางไปทั่วทวีปโดยบอกว่าหาชายาแล้วก็แยกพี่น้องสุดรักของประเทศเล็กออกจากกันโดยการลักพาตัวน้องสาวมาเป็นตัวประกัน เซเลเน่อยากจะตะโกนออกไปเช่นนั้นแต่ด้วยฐานะของตัวเองแล้วไม่สามารถทำให้เป็นจุดเด่นได้

 

ถ้าเกิดเผยความจริงออกไปโดยไม่ระวังล่ะก็น่ากลัวว่าอันตรายอาจจะไม่ได้มีแค่ตัวเองแต่อาจจะไปถึงอัลเลด้วย ตอนนี้ยังไม่มีโอกาส เซเลเน่ทำหน้าจริงจังแล้วเตรียมใจที่จะก่อสงครามขึ้นในถิ่นของจอมปีศาจ

 

“เซเลเน่ ใกล้จะถึงพระราชวังแล้ว ขอโทษทีที่วุ่นวายไปหน่อยนะ”

 

มิราโนะหันหลังมาโดยที่ยังควบม้าอยู่แล้วพูดกับเซเลเน่ที่ทำสีหน้าจริงจังแปลกๆ เพื่อเธอที่ไม่ค่อยชินกับผู้คนแล้วเลยไม่อยากจะให้เกิดความวุ่นวายเท่าที่เป็นไปได้แต่ก็จะไม่ตอบรับคำต้อนรับของประชาชนก็ไม่ได้ เพราะมีพวกเขาอยู่พวกตนจึงเป็นราชวงศ์อยู่ได้ มิราโนะคิดเช่นนั้น 

 

แล้วไม่นานรถม้าที่เซเลเน่นั่งอยู่ก็เข้ามายังสถานที่เหมือนกับเขตของพระราชวัง เพราะว่าเซเลเน่ถูกบอกว่าห้ามเอาหน้าออกไปเลยทำแค่หันคอไปมองสภาพจากทางเข้ารถม้าเท่านั้น

 

“ฮุหวาา”

 

ถึงเซเลเน่จะร้องเสียงหลงออกมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร พื้นที่ที่ราชวงศ์เฮริฟาลเต้อาศัยอยู่นั้นกว้างแบบเขตพระราชวังของอาร์คุยล่าเทียบไม่ติด

 

ประติมากรรมของนกอินทรีและสิงโตตระการตา น้ำพุที่มีสายรุ้งเล็กๆ สวนกุหลาบสีแดงสดใส แล้วก็มีดอกไม้ที่ไม่รู้จักชื่อมากมายสีสันต่างๆปลูกไว้อยู่ ถ้าบอกว่าที่นี่เป็นสวนของพิพิธภัณฑ์ศิลปะก็เชื่อ

 

ไม่เหมือนกับที่ดินง่ายๆที่มีคนสวนแก่ๆคนเดียวของอาร์คุยล่า เห็นพวกคนงานทำงานอย่างขยันขันแข็งและกระตือรือร้นมีอยู่หลายสิบคนกำลังทำหน้าที่ประจำตำแหน่ง 

 

ไม่ว่าจะเป็นคนสวนคนไหนก็เต็มไปด้วยชีวิตชีวา พอเห็นองค์ชายก็ทำความเคารพอย่างนอบน้อม ทั้งๆที่เป็นแค่คนสวนแต่เคลื่อนไหวได้อย่างมีวินัยราวกับทหารยามคนหนึ่ง

 

“เอาล่ะ ข้าพเจ้าเองก็ต้องไปค่ายทหารแล้วล่ะนะขอรับ ต้องไปบอกเรื่องที่พวกเรากลับมาแล้วล่ะนะ”

“หมี ไปแล้วเหรอ?”

“ฮะฮะ โทษทีนะท่านเซเลเน่ เห็นข้าพเจ้าแบบนี้แต่ก็มีงานเยอะแยะไปหมดเลยล่ะ แล้วเจอกันทีหลังนะ”

 

จากกลุ่มผู้ติดตามที่นำทางรถม้าก็เห็นหลังของคุมะฮาจิแยกออกไปคนเดียว เซเลเน่ก็ทำได้แค่มองส่งอย่างเป็นห่วงเท่านั้น

 

“เพราะมีธุระเลยต้องกลับคนเดียว”เพราะเป็นคำพูดที่ชวนให้คิดว่าโดดเดี่ยวด้วยสิ พอคิดว่าต้องไปทำธุระจริงๆ เลยทำได้แค่เห็นอกเห็นใจคุมะฮาจิ 

 

“หมี อย่าแพ้นะ”

 

เซเลเน่พูดให้กำลังใจกับแผ่นหลังของคุมะฮาจิที่จากไปคนเดียวอย่างโดดเดี่ยว แต่เซเลเน่ก็ไม่ได้รู้สึกตัวเลยว่าคุมะฮาจิที่เคลื่อนไหวด้วยความต้องการของตัวเองได้นั้นไม่เหมือนกับพวกผู้ติดตามคนอื่นๆ ในหัวของเซเลเน่เห็นคุมะฮาจิเป็นเพียงตาลุงสกปรกจำนวนน้อยนิดที่เป็นพวกเดียวกันเท่านั้น 

 

“เพื่อที่พวกเราจะไปยังพระราชวังจำเป็นต้องใช้รถม้า จำเป็นต้องบอกเสด็จพ่อเรื่องของเธอด้วยแต่เธอคงเหนื่อยจากการเดินทางไกลสินะ? คงต้องให้เธอพักก่อนน่ะ”

“รถม้า ก็ขี่อยู่?”

“นี่คือรถม้าสำหรับเดินทางน่ะ เอาของใหญ่ขนาดนี้เข้าไปในพระราชวังไม่ได้หรอกนะ”

 

พอพูดแบบนั้นมิราโนะก็เรียกให้ลงจากรถม้าที่เซเลเน่ขี่อยู่ตอนนี้ ผู้ติดตามคนอื่นเองก็ทำความสะอาดรถม้านี้ แล้วก็สั่งว่าถ้าเสร็จแล้วก็กลับไปที่พักได้ตามสะดวกเลย แล้วก็เหลือเพียงแค่มิราโนะกับเซเลเน่สองคนบนถนนเท่านั้นแล้วก็มีรถม้าเล็กๆที่ลากด้วยม้าสองตัวเข้ามาใกล้ราวกับตั้งเวลาไว้แล้ว ที่ด้านหลังรถม้ามีของที่เหมือนกับกล่องง่ายๆที่มีประตูกับหลังคาติดอยู่ ใหญ่ประมาณเข้าได้สองถึงสามคน 

 

“ต่อจากนี้ต้องใช้รถม้าสำหรับใช้ในสถานที่”

“ขี่ นี่เหรอ?”

“ใช่แล้ว สิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ถ้าให้เดินก็ค่อนข้างจะไกลหน่อย เลยมีรถม้าขนวนอยู่เป็นปกติแบบนี้น่ะ”

“ชิ”

 

รวยจริงๆ เซเลเน่เดาะลิ้นเบาๆ เพราะช่วยไม่ได้จึงต้องขึ้นไปขี่รถม้าที่เตรียมไว้ให้ แล้วคนขับรถม้าก็คุมม้าสองตัวอย่างคุ้นเคย แล้วให้เดินหน้าไปตามถนนที่เรียบยิ่งกว่าในเมืองด้วยเสียงเบาๆ 

 

“รถม้าตรงนั้นน่ะ! หยุดนะ! บอกให้หยุดไงล่ะ!”

 

กำลังเดินหน้าไปอย่างสบายๆแต่อยู่ๆก็มีเสียงเรียกดังมาจากข้างหลัง ถึงจะขี่อยู่บนรถม้าขนาดเล็กแบบเดียวกันแต่คนขับรถม้าทางนั้นกลับรีบขับเข้ามาด้วยความเร็วค่อนข้างมาก

 

“ท่านมิราโนะ จะทำยังไงดีครับ?”

“หยุดเถอะ คนที่จะเรียกหยุดรถม้าของผมแบบนี้ มีอยู่แค่คนเดียวล่ะนะ”

 

มิราโนะถอนหายใจแล้วตอบกลับมาคนขับรถม้าก็คุมบังเหียนให้รถม้าหยุด แล้วมิราโนะก็ลงไปคนเดียว แล้วรถม้าที่บ้าคลั่งก็รีบหยุดมาอยู่ข้างๆ แล้วประตูรถม้าก็เปิดออกมีเด็กสาวคนหนึ่งลงมา

 

“ท่านพี่ ยินดีต้อนรับกลับค่ะ การเดินทาง[ตามหาพระชายา]เหนื่อยหน่อยนะคะ”

“แมรี่จริงๆด้วยสินะ กลับมาถึงก็มาเยาะเย้ยเลยเหรอ เธอน่ะ”

“ผิดแล้วค่ะ มาต้อนรับกลับค่ะ ต้อน・รับ・กลับ・ค่ะ! หนูต้องรอมาอย่างโดดเดี่ยวตลอดเลยนะคะ”

 

สาวน้อยที่พูดกับมิราโนะอย่างไม่เคารพด้วยน้ำเสียงเสียดสีเป็นสาวน้อยที่งดงามอย่างมาก อายุนั้นน่าจะพอๆหรือมากกว่าเซเลเน่ มีผมสีแพลตตินัมบลอนด์เปล่งประกายเหมือนกับมิราโนะที่ยาวจนถึงสะโพก ดวงตาที่ท้องฟ้าขนาดใหญ่ที่บอกถึงความแข็งกร้าวออกมา ชุดเดรสสีแดงกุหลาบที่ประดับอย่างหรูหราช่วยเพิ่มความเปล่งปลั่งให้กับสาวน้อย

 

“แมรี่ ผมต้องรีบกลับไปที่วังตอนนี้เลย ไว้คุยกันทีหลังนะ”

“นั่นสินะคะ ท่านพี่ที่เป็นองค์ชายอันดันหนึ่งหลังจากเดินทางไปประเทศต่างๆแล้วการไปรายงานท่านพ่อกับท่านแม่สำคัญกว่าการต้อนรับกลับของน้องสาวสินะคะ”

 

สาวน้อยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเสียงแทง จากบทสนทนาแล้วเซเลเน่ที่อยู่บนรถม้าก็เดาว่าสาวน้อยรูปงามโลลิผมทองที่ถูกเรียกว่าแมรี่น่าจะเป็นน้องสาวของมิราโนะ

 

“ก็อยากจะอยู่กับเธออยู่หรอกแต่ตอนนี้มันรีบจริงๆน่ะ ผมไม่ได้อยู่คนเดียวน่ะมีคนที่พามาด้วย”

“โกหก ถ้าคุมะฮาจิล่ะก็เมื่อกี้ไปค่ายทหารนี่นา ฉันเห็นนะคะ”

“ไม่ใช่แล้ว เซเรเน่ โทษทีช่วยลงมาก่อนได้ไหม”

 

มิราโนะพูดแบบนั้นเซเลเน่ก็เข้าไปอยู่แล้วกอดหลังมิราโนะแน่นทันที เพราะความสูงต่างกันมากแทนที่จะบอกว่ากอดหลังบอกว่าโอบเอวน่าจะถูกกว่า

 

“ที่ซ่อนอยู่ข้างหลังนั่นเด็กผู้หญิงเหรอคะ? เป็นเด็กที่ตัวเล็กจังเลยนะคะ”

“เซเลเน่ เด็กคนนี้คือน้องสาวของผมชื่อว่าแมรี่ ไม่ต้องกลัวก็ได้เธอไม่กัดหรอก”

“ไม่กัดอยู่แล้วล่ะค่ะ!”

 

แมรี่โกรธแล้วก็ตะโกนออกมา เซเลเน่เพิ่มแรงไปที่แขนแล้วกอดเอวมิราโนะไว้ตลอด มิราโนะคิดว่าเซเลเน่กำลังหวาดกลัวน้องสาวที่กำลังดุ แต่ความจริงนั้นไม่ใช่เลย เซเลเน่กำลังทำการโจมตีใส่องค์ชายอยู่

 

รวย แข็งแกร่ง รูปงาม แถมยังมีน้องสาวน่ารักขนาดนี้อีก คงจะสนุกกับชีวิตมากเลยสินะ เซเลเน่ที่เต็มไปด้วยความโกรธและความอิจฉาก็คิดว่าจะเข้าไปด้านหลังของมิราโนะที่เต็มไปด้วยช่องว่างแล้วจะทำการทุ่มหลังแล้วก็เหยียบให้จมดิน

 

แต่ว่า ถ้าเป็นร่างตาลุงก่อนหน้านี้ก็คงพอทำได้แต่ด้วยร่างกายสาวน้อยผอมเพรียวการที่จะยกองค์ชายขึ้นมันเปล่าประโยชน์ หลังจากดิ้นรนอย่างหนักเซเลเน่ก็หมดแรงปล่อยมือออกแล้วยื่นหน้าออกไปหาแมรี่ ถ้ามองจากด้านข้างแล้วก็คงเห็นเป็นเด็กสาวขี้อายหลบหลังองค์ชายแล้วเอาหน้าออกมาอย่างกลัวๆ

 

“เซเลเน่ ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”

“หวา”

 

พอเห็นเซเลเน่ที่เอาหน้าออกมาจากหลังของมิราโนะ แมรี่ก็เอามือปิดปาก แล้วถอนหายใจเบาๆ

 

“เหมือนตุ๊กตายิ่งกว่าตุ๊กตาซะอีก…”

 

พอได้เห็นเซเลเน่ที่อ่อนเยาว์และงดงามสมบูรณ์แบบ แมรี่ก็พึมพำเช่นนั้นออกมา แมรี่นั้นรู้ตัวดีว่าตัวเองเป็นสาวงามแต่ว่าเด็กสาวตรงหน้านั้นเจิดจ้าจนเรื่องแบบนั้นไร้ค่าไปเลย

 

“ท่านพี่! เด็กคนนี้คือใครอะ! น่ารักสุดๆเลย! หรือว่าทำตามที่ฉันขอไปเหรอคะ!?”

“เปล่า ไม่ได้ทำตามสักหน่อย…”

 

แมรี่เข้ามาใกล้มิราโนะ มิราโนะก็หลบสายตาเนื่องจากไม่รู้ว่าจะตอบยังไงดี

 

“คำขอ เรื่อง อะไร?”

 

เซเลเน่ถามจากด้านหลัง มิราโนะก็สารภาพออกมา

 

“เปล่าหรอก แม่รี่ขอมาว่า[อยากจะได้น้องสาวน่ารักๆ]น่ะ ก็บอกไปอยู่ว่ามันเป็นไปได้อยู่หรอก”

 

ในตอนนั้นมิราโนะก็นึกถึงอะไรหลายๆอย่าง เพราะว่ามีมิราโนะคนเดียวที่ได้ไปประเทศต่างๆแมรี่ก็เลยดูเหมือนจะอิจฉามาตลอด เพราะว่ารู้สึกผิดมิราโนะเลยทำตามคำขออย่าง”อยากได้อัญมณีนั่น”กับ”อย่าได้ชุดของขุนนางประเทศนั้น”ในทุกครั้งที่ไปต่างประเทศ

 

ต่อให้เป็นของที่หายากขนาดไหนพอคิดว่าเพื่อนน้องสาวผู้น่ารักมิราโนะเลยทำคำขอให้เป็นจริงซะทุกครั้งไป พอทำแบบนั้นไปเรื่อยๆคำขอของแมรี่ก็ยากขึ้นเรื่อยๆจนไปจบที่”เพราะว่ามีท่านพี่ที่สุดยอดอยู่แล้วคราวหน้าก็อยากจะได้น้องสาวน่ารักค่ะ” กลายเป็นคำขอที่เกินไปซะได้

 

ในตอนนั้นคิดว่าจะบอกไปว่าจะขอเสด็จพ่อกับเสด็จแม่ให้ แต่ว่าถ้าขอจริงๆแล้วจะเกิดปัญหาก็เลยไม่ได้พูดออกไป ถ้าให้พูดคำขอพรรค์นั้นก็ไม่มีทางเป็นจริงได้อยู่แล้วเลยคิดว่าถ้าปล่อยไว้ตรงนั้นก็คงลืมในสักวัน แต่อยู่ๆก็เคลียร์ใด้ในรูปแบบที่ไม่คาดคิดซะอย่างนั้น 

 

“ท่านพี่ ขอตัวเด็กคนนี้ไปได้ไหม? ชื่อเซเลเน่สินะ? ไปเล่นกันเถอะ!”

“ไม่ได้หรอก เด็กคนนี้มีเรื่องนิดหน่อยน่ะ แถมยังเหนื่อยจากการเดินทางไกลด้วย วันนี้คงต้องให้พักกันก่อน”

“เอ๋! แค่นิดเดียวไม่เห็นเป็นไรเลยอะ! ท่านพี่อึดออกจะตาย!”

“อย่าพูดเอาแต่ใจสิ ทำตามเรื่องที่บอกดีๆหน่อย”

 

พอมิราโนะบ่นไปแบบนั้น แมรี่ก็กล้มหน้าลงแล้วทำหน้าหดหู่

 

“…ท่านพี่ก็เป็นแบบนี้ตลอด ไม่ยอมฟังเรื่องที่หนูขอเลย”

“เด็กคนนี้ร่างกายไม่ได้แข็งแรงน่ะ ถ้าสบายดีแล้วก็ค่อยมาเล่นด้วยกันก็ได้”

“ไม่เป็นไรค่ะ เล่นคนเดียวก็ได้!”

 

แมรี่พูดออกมาเหมือนกับระบายแล้วกระโดดขึ้นรถม้าวิ่งไปยังทางพระราชวัง พอพายุพัดผ่านไปมิราโนะกับเซเลเน่ก็กลับขึ้นไปบนรถม้า แล้วสั่งให้คนขับรถม้าเคลื่อนรถม้าต่อ

 

“แม่รี่ก็เอาแต่ใจนิดหน่อยอย่างที่เห็นเนี่ยล่ะ ถึงจะขี้บ่นนิดหน่อยแต่ก็ไม่ใช่เด็กไม่ดีอะไรหรอกนะ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะให้สนิทกันไว้”

“…อืม”

 

เซเลเน่พยักหน้าเบาๆ ก็จริงว่าเซเลเน่กำลังมองหาช่องว่าง คิดแผนอันตรายในหลายๆความหมายอย่างการเผาพระราชวังอยู่ แต่ว่าถ้าเป็นองค์ชายก็ดี แต่จะฆ่าโลลิหัวทองน่ารักอย่างนั้นไม่ได้ จำเป็นต้องคิดวิธีที่จะสังหารเพียงแค่องค์ชายให้ได้ ด้วยความยากที่เพิ่มเข้ามาทำให้ปวดหัวเข้าไปใหญ่

 

“พระราชวัง ตรงนั้น?”

“ไม่ใช่ นั่นมันคอกม้าน่ะ”

 

ในขณะที่เซเลเน่วางแผนชั่วร้ายรถม้าก็เคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ยิ่งเข้าใกล้พระราชวังเฮริฟาลเต้เท่าไหร่ก็ยิ่งมีสิ่มปลูกสร้างที่พอๆกับพระราชวังของอาร์คุยล่าปรากฎออกมา ทุกครั้ง เซเลเน่ก็จะตั้งคำถามว่า นั่นคือพระราชวังเหรอ? แต่ก็ได้แต่คำตอบว่าคอกม้าบ้าง โบสถ์บ้างกลับมา ทุกครั้งค่าความเกลียดชังต่อองค์ชายของเซเลเน่ก็ค่อยๆเพิ่มขึ้น

 

“ถึงแล้วล่ะ ตั้งแต่นี้ไปที่นี่ก็คือที่อยู่ของเธอ”

 

ภายในส่วนลึกของสวนที่งดงาม สถานที่ที่มิราโนะพาเซเลเน่มาก็คือ พระราชวังสีขาว เป็นสถานที่ที่พูดได้แค่นั้น

 

พระราชวังขนาดใหญ่ที่เน้นไปด้วยสีขาว ความเข้ากันของสีก็ไม่งดงามอะไร แต่ว่าทั้งผนังและเสาทุกต้นถูกขัดจนเงา ที่อยู่อาศัยที่ไม่มีส่วนใดที่ไร้ประโยชน์นี้ ราวกับเป็นสิ่งที่ผสมความนุ่มลึกและบริสุทธิ์เข้าด้วยกัน

 

องค์ชายลงมาอยู่ที่ข้างหน้าของพระราชวัง แล้วก็มีข้ารับใช้เรียงแถวมาจากข้างใน เข้ามารุมล้อมราวกับเพื่อบรรเทาความเหนื่อยล้าขององค์ชายที่เดินทางมาไกล ดูเหมือนว่ามิราโนะจะชินแล้ว ก็เลยทำแค่โบกมือเบาๆทักทาย

 

หลังจากนั้นพอเห็นเด็กสาวที่ตามมา ทุกคนก็ทำหน้าแปลกๆ แต่ดูเหมือนว่าจะฝึกมาอย่างดีก็เลยไม่มีพวกข้ารับใช้คนไหนที่ตั้งคำถามเรื่องนั้นขึ้นมาเลย มิราโนะอธิบายเรื่องราวคร่าวๆให้กับข้ารับใช้ที่อยู่ใกล้ๆ แล้วคนคนนั้นก็นำทางพาเซเลเน่เข้าไปยังภายในของพระราชวัง

 

ภายในพระราชวังนั้นมีพื้นหินอ่อนขัดจนเงา บนนั้นก็มีพรมสีแดงเข้มหนาปูเอาไว้ ทางเดินกว้างขนาดพอที่จะให้รถม้าขนาดเล็กผ่านเข้ามาได้ ตามจุดต่างๆก็มีพวกชุดเกราะสีขาวสดใส หรือรูปทั้นเทพธิดาตั้งอยู่ ความเข้ากันของสีแดงของพรมกับสีขาวของผนังได้ช่วยสร้างบรรยากาศที่โอฬารออกมา 

 

รูปร่างภายนอกแสดงถึงแข็งแกร่งและหนักแน่น แต่ภายในแสดงถึงความยืดหยุ่นในการต้อนรับคนที่จากต่างประเทศ พูดได้เลยว่ามันคือสิ่งก่อสร้างที่แสดงถึงสัญลักษณ์ของประเทศนี้

 

“ตั้งแต่วันนี้ที่นี่คือห้องของเธอ ขอโทษทีที่เป็นห้องเหลือๆเดี๋ยวจะทำความสะอาดให้ แคบไปหน่อยก็อดทนด้วยล่ะ”

 

สถานที่ที่ข้ารับใช้นำทางมาและมิราโนะพูดแนะนำอย่างรู้สึกเสียใจนั้นเป็นห้องเดี่ยวที่กว้างจนสามารถที่จะเล่นกีฬาเล็กๆน้อยๆได้เลย มีพรมสัมผัสปุยนุ่มสีแดงเหมือนกับที่ทางเดิน เตียงขนาดยีกษ์ที่พอจะให้เซเลเน่ห้าคนนอนได้ รวมถึงกระจกขอบทองที่สามารถสะท้อนได้ทั้งตัว เครื่องเรือนราคาแพงถูกวางไว้แบบไม่ให้เกะกะ 

 

ทางฝั่งของเซเลเน่นั้นก็รู้สึกอยากที่จะเอาขวานแหวกหัวของมิราโนะ แล้วเขียนความหมายของคำว่า[แคบ]ด้วยปากกาเมจิกให้มันชัดๆ

 

“ก็อยากจะอยู่ด้วยอีกสักพักหรอก แต่ว่าผมต้องไปหาเสด็จพ่อ…องค์ราชา จำเป็นต้องไปรายงานสถานการณ์น่ะ จะเตรียมเมดส่วนตัวไว้ให้ถ้ามีอะไรก็เรียกใช้พวกเธอละกัน”

“เมด!?”

 

เซเลเน่หลุดออกมาให้กับคำที่แสนหวานนั่น เมดของประเทศมหาอำนาจ เป็นคำที่ดีอะไรเช่นนี้

 

“อา สบายใจได้เลย สำหรับเซเลเน่จะเอาเมดที่มีความเชี่ยวชาญมาให้ เป็นผู้มากประสบการณ์ที่ทำงานนี้มากว่าสามสิบปี ไม่ต้องเป็นห่วงก็ได้”

“เอ๊ะ”

 

พูดอะไรออกมาน่ะไอ้องค์ชายคนนี้ เซเลเน่รู้สึกต่อต้านเล็กน้อย 

 

“ถ้าเป็นเด็กน่ารัก ก็ดี”

 

มิราโนะรู้สึกสงสัยในคำพูดของเซเลเน่ แต่ว่าสักพักก็เข้าใจความหมายของคำพูดนั้น เซเลเน่เป็นเด็กฉลาด ดังนั้น เลยเข้าใจว่าตัวเองเป็นภาระสำหรับประเทศนี้ ตัวเองไม่มีค่าพอที่จะให้เมดที่ยอดเยี่ยมแบบนั้น เลยบอกว่าจะเป็นคนสาวที่ยังไม่มีประสบการณ์ก็ได้สินะ

 

“ไม่จำเป็นต้องใส่ใจหรอก เรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับผม ก็ต้องดูแลอย่างดีเท่าที่จะเป็นไปได้ ถึงผมจะยังไม่มีประสบการณ์ แต่เรื่องอย่างการดูแลเธอสามารถทำได้อยู่แล้ว ค่อยๆรักษาจิตใจกับร่างกายที่นี่สักพักก็ได้นะ” 

 

มิราโนะพูดกับองค์หญิงที่น่าสงสารที่เอาแต่ดูถูกตัวเองด้วยเสียงที่อ่อนโยนเท่าที่เป็นไปได้ แล้วก็ออกจากห้องไปทั้งๆอย่างนั้น ให้พูดถึงเซเลเน่ที่ถูกทิ้งไว้นั้น เพราะบอกไปว่าอย่างน้อยก็อยากจะขอเมดสวยๆแท้ๆ แต่ดันได้คำแก้ตัวแบบนั้นขององค์ชายโรคจิตมาก็เลยรู้สึกไม่พอใจ

 

ดังนั้นจะโกรธอยู่ตลอดก็เลยเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ พอเซเลเน่มั่นใจแล้วว่าอยู่คนเดียว ก็ปิดประตู แล้วส่งเสียงเรียกพวกพ้องเพียงคนเดียวออกมา

 

“บัตเลอร์ ฝากด้วย”

“เข้าใจแล้วขอรับ ถ้าอย่างนั้นจะรีบทำการสำรวจขอรับ”

 

บัตเลอร์ที่ถูกเรียกชื่อโผล่หน้าออกมาจากส่วนหน้าอกของเดรสของเซเลเน่ เซเลเน่นั้นในวันก่อนที่จะเข้ามายังราชอาณาจักรเฮริฟาลเต้ก็ได้แอบบัตเลอร์ไว้ในเสื้อของตัวเอง บัตเลอร์นั้นฉลาดมาก ตัวเล็กและปราดเปรียว จึงสามารถทำการลอบเร้นได้ ในการต่อสู้ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่ามนุษย์ทั่วๆไป ในตอนที่เกิดอะไรขึ้นก็สามารถเป็นนักรบให้ได้ เป็นพ่อบ้านที่พึ่งพาได้จริงๆ

 

บัตเลอร์ที่คลานออกมาจากเสื้อของเซเลเน่ ได้ลงไปยังบนพรมแล้วเปิดใช้งานการดมกลิ่นกับการฟังที่แหลมคมเต็มกำลัง วิ่งไปรอบๆห้องกว้าง เริม่ทำการสำรวจอย่างทุกซอกทุกมุม  

 

“ได้โปรดวางใจขอรับ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรน่าสงสัยเป็นพิเศษขอรับ ห้องนี้นั้นถึงจะไม่เหมาะสมสำหรับเป็นห้องขององค์หญิงผู้ยิ่งใหญ่ แต่ในฐานะที่พักชั่วคราวแล้ว ก็ถือว่าผ่านเกณฑ์พอดีนะขอรับ”

 

ตรวจสอบเรียบร้อยว่าไม่มีของที่น่าจะเป็นกับดัก เซเลเน่ก็วางมือบนหน้าอกอย่างโล่งใจ ห้องพักของเฮริฟาลเต้เมื่อเทียบกับทั้งมหาทวีปก็คงเป็นห้องที่มีระดับที่สุด แต่ว่าบัตเลอร์ก็ยังดูเหมือนจะไม่พอใจที่มันไม่เหมาะสมกับเซเลเน่ บัตเลอร์ที่ทำการตรวจสอบเสร็จก็วิ่งมาอยู่หน้าเซเลเน่แล้วก้มหัวลงอย่างสุภาพ

 

“องค์หญิง ถึงจะเสียมารยาทแต่อยากจะขอเวลาสักครู่ขอรับ เนื่องจากว่าจำเป็นต้องไปคุยกับพวกหนูรอบๆนี้ขอรับ คิดว่าคงจะไม่ได้ใช้เวลามากขนาดนั้น แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้นก็ขอให้พักผ่อนให้สบายขอรับ”

 

พูดอยางเร็ว แล้วบัตเลอร์ก็ออกไปด้วยการเคลื่อนที่ที่คล่องแคล่วผ่านทางช่องว่างของประตู เพื่อทำการคุ้มครององค์หญิงในกรณีฉุกเฉินจึงต้องทำความเข้าใจถึงข้อมูลรอบๆและโครงสร้างของพระราชวังเฮริฟาลเต้ในทุกซอกมุมให้เร็วที่สุด

 

“ง่วง…”

 

ทั้งมิราโนะทั้งบัตเลอร์ต่างก็ไม่อยู่แล้ว ยังไงก็มั่นใจแล้วว่าปลอดภัยเซเลเน่เลยเดินตรงไปยังเตียงโดยไม่ได้แลพวกเครื่องเรือนอื่นๆที่ส่องแสงแวววาวงดงามเลย

 

หลังจากออกจากอาร์คุยล่าเซเลเน่ก็ได้ใช้ชีวิตแบบดีต่อสุขภาพ ออกมาด้วยรถม้าตอนอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางธรรมชาติ เดินทางไปพร้อมกับการกินข้าวกลางวันและพักบ้างเล็กน้อย ก่อนที่อาทิตย์จะตก ถ้าเข้าใกล้เมืองก็จะเข้าไปหาที่พักในนั้น ถ้าไม่ใช่ก็ค้างแรมกลางแจ้ง พอกินข้างเย็นเสร็จ ก็เหลือคนเฝ้ายามตอนกลางคืนไว้ แล้วก็นอนหลับให้ถึงวันพรุ่งนี้ 

 

เพราะวงจรชีวิตที่สดใสและดีต่อสุขภาพสุดๆแบบนี้นี่เองทำให้สภาพร่างกายของเซเลเน่ทรุดลง เซเลเน่นั้นเป็นมนุษย์ที่ใช้ชีวิตสลับกลางวันกลางคืน ถ้าในหนึ่งวันไม่ได้นอนอย่างน้อย12ชั่วโมงแล้วก็จะรู้สึกไม่ดี ทำให้ตอนนี้ถึงง่วงสุดๆ เธอจึงถูตาไปมาแล้วก็มุดเข้าไปในผ้าห่มสีขาวบริสุทธิ์

 

ไม่เหมือนกับผ้าห่มสกปรกๆแข็งๆและเป็นขุยก่อนหน้านี้ ผ้าห่มที่ให้สัมผัสที่ดีต่อผิวหนังอย่างมากชักชวนเซเลเน่เข้าสู่โลกแห่งความฝันได้ในทันที ถึงจำเป็นที่จะต้องวางแผนเพื่อลอบสังหารองค์ชายมิราโนะ แต่เซเลเน่ก็คิดว่าไว้คิดจริงจังพรุ่งนี้ก็ได้แล้วก็หลับตาลง แล้วก็เข้าสู่ภวังค์ของการนอนหลับ–

 

“เซเลเน่!”

 

อยู่ๆประตูก็ถูกเปิดออกอย่างแรง เซเลเน่คิดว่าน่ารำคาญจริงๆพรางค่อยๆยกร่างกายท่อนบนขึ้นมาจากเตียงนุ่มนิ่ม ก็พบว่ามีโลลิหัวทองก่อนหน้านี้–น้องสาวของมิราโนะ แมรี่ยืนอยู่ 

 

“อ๊ะ โลลิล่ะ”

“ไม่ได้ชื่อโลลิค่ะ แม่รี่ต่างหาก แม่รี่เบล เฮริฟาลเต้ เจ้าหญิงอันดับหนึ่งของประเทศนี้ค่ะ เฮริฟาลเต้น่ะนะ เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในทวีปนี้ค่ะ แล้วฉันก็เป็นเจ้าหญิงของประเทศใหญ่นั่น หรือก็ ฉันคือเจ้าหญ้งในหมู่เจ้าหญิงค่ะ เข้าใจไหม?”

“สุดยอด”

 

เซเลเน่ค่อนข้างง่วงเลยตอบไปเท่าที่จำเป็น แมรี่ก็รู้สึกดีกับท่าทางแบบนั้น พอพูดถึงตัวเองแบบนี้ พวกลูกสาวของขุนนางหรือพวกองค์หญิงประเทศอื่นๆนั้นจะทำท่าทางผิดหวังแล้วก็เอาแต่พูดจาถนอมตัวเอง แต่คำตอบของเซเลเน่ที่ไม่ได้คิดร้ายอะไรเลยนั้นถือว่าค่อนข้างแปลกใหม่

 

“คุณ เป็นเด็กที่ตรงไปตรงมาดีนะคะ น่าสนใจค่ะ”

“แมรี่ มีธุระ อะไร?”

“ท่านแมรี่เบลค่ะ นี่ เซเลเน่ ฉันจะยอมเล่นด้วยค่ะ มาด้วยกันซะ”

“…เข้าใจแล้ว”

 

เซเลเน่ง่วงสุดๆจนใจจริงอยากจะให้ออกไป แต่ว่าถ้าองค์หญิงโลลิผมทองขอร้องมาก็ช่วยไม่ได้ แล้วก็คลานช้าๆออกมาจากเตียง แมรี่ก็ยิ้มออกมาให้เห็น

 

“คะ คือว่า…ท่านแมรี่เบล ตอนนี้ท่านเซเลเน่กำลังเหนื่อยอยู่ค่ะ ยังไงให้เป็นพรุ่งนี้…”

 

เมดที่สูงอายุนิดหน่อยออกความเห็นกับแมรี่อย่างกระอักกระอ่วน บางทีเธอคงจะเป็นเมดที่มารับใช้เซเลเน่ แต่ว่าแมรี่ก็ไม่สนใจคำพูดแบบนั้น

 

“หนวกหู! ฉันที่เป็นเจ้าหญิงอันดับหนึ่งบอกว่าจะเล่นด้วยนะ! ได้ใช่ไหมคะ เซเลเน่?”

“ได้”

 

ใช่แล้ว นี่คือโอกาสที่หาได้ยาก สำหรับเซเลเน่ที่ในชาติก่อนแล้วแค่ทักว่าจะไปเล่นกันไหมกับเด็กสาวก็กลายเป็นคดีได้แล้ว คำเชิญจากเจ้าหญิงโลลิหัวทองที่หาได้ยากนั้นต่อให้จะง่วงแค่ไหน หรือเหลือชีวิตอยู่อีกแค่หนึ่งสัปดาห์ ก็เป็นคำเชิญที่จะไม่รับไม่ได้

 

“งั้นก็ไปห้องของฉันกันเถอะ”

“ท่าน แมรี่เบล ฉัน คนแปลกหน้า เข้าห้อง ดีเหรอ?”

“…ไม่ต้องสนใจหรอกค่ะ ยังไงซะท่านพี่ ท่านพ่อหรือท่านแม่ ก็ไม่มีใครสนใจฉันอยู่แล้ว”

 

แมรี่ก็ดึงตัวเซเลเน่ที่เดินออกไม่มั่นคงผ่านพวกเมดที่เผ้าดูสถานการณ์ด้วยสีหน้าไม่สบายใจออกไป 

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset