[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ – ตอนที่ 72

ตอนที่ 72

เส้นใยแมงมุม*

 

 

   ขณะที่เซเลนส่งเสียงร้องอย่างไม่มีทำนองหลังจากพยายามคืนแหวนให้ไอโรเน่ ทางด้านของมิลาน คุมะฮาจิ และอาลัว อยู่ที่แอ่งน้ำในสถานที่ที่ถูกเรียกว่าสวรรค์… ไม่ไกลจากห้องเก็บของที่เซเลนเคยอาศัยอยู่

 

“พอหลบมาเดินเล่นก็ได้เจอกับเด็กคนนั้นที่นี่สินะคะ”

“ผมได้ส่งเสียงทักแล้วเธอก็วิ่งหนีทันที นึกว่าฝันไปเสียอีกครับ”

 

  อาลัวกระตือรือร้นอยากรู้เรื่องราวที่มิลานได้พบกับเซเลนเป็นครั้งแรก แม้จะเคยได้ยินมานิดหน่อยแต่ก็ไม่รู้รายระเอียด จึงได้ชวนกันมาที่นี่เพื่อเป็นการฆ่าเวลาก่อนมื้ออาหารค่ำ

 

   เรื่องราวถูกเล่าโดยมิลาน ถึงวันที่ได้พบกับเซเลนในฤดูใบไม้ผลิ เนื่องจากอาร์คุยล่าไม่มีงบประมาณมากพอจัดสรรพื้นที่ทั้งหมด จึงมีบางแห่งถูกปล่อยทิ้งให้เป็นป่าอยู่อย่างนั้น แม้จะอยู่ในเขตพระราชวังก็ตาม

 

   และอาลัวที่ไม่เคยเข้ามาในป่าคนเดียวมาก่อน ก็ได้มิลานกับคุมะฮาจินำทางอาลัวจนมาถึงที่นี่

 

“ดูเหมือนเด็กคนนั้นจะแอบหนีออกมาประจำ เพื่อสร้างสถานที่ของตัวเอง…”

 

  พืชส่วนใหญ่เป็นหญ้าหรือดอกไม้ป่าทั่วไป และผัก ผลไม้ที่เหลือจากมื้ออาหาร ถูกนำมาปลูกรวมกันอย่างไร้รูปแบบ ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าสวนที่ถูกจัดโดยคนสวนตามปรกติ นั่นคือสวรรค์แห่งนี้ที่ห่างไกลร่องรอยของมนุษย์จนกระทั้งพวกเขาก้าวเท้าเข้ามา

 

   จินตนาการได้ถึงสถานที่ที่มีภูติสถิตได้ดีกว่าทุ่งดอกไม้หลากสีสัน เป็นแอ่งน้ำที่งดงามบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้น และแน่นอนว่า แทบทั้งหมดนี้ ธรรมชาติสร้างมันขึ้นมา โดยที่เซเลนเข้ามาหาอะไรเล่นในตอนตอนกลางคืนที่ไม่มีอะไรทำเท่านั้น

 

“เธอได้พบกับเจ้าชายของตัวเองในสถานที่ที่งดงามถึงเพียงนี้ น่าอิจฉาจังเลยนะคะ”

“นึกถึงทีไรก็ทำให้จำคำพูดน่าอายของผมในตอนนั้นได้ทุกทีเลยครับ”

 

   มิลานหน้าแดงเล็กน้อยขณะตอบ อาจเป็นเพราะคำพูดหยอกล้อของอาลัว ถ้าหญิงสาวในตอนนั้นคืออาลัว มิลานคงไม่พยายามเข้าไปทำความรู้จักขนาดนั้น

 

   งานเลี้ยงต้อนรับในคืนนั้น มิลานถูกรุมล้อมไปด้วยหญิงสาวมากมายจนรู้สึกอึดอัด จึงได้แอบหลบไปในที่ที่ไม่มีคนอย่างในสวน ซึ้งก็ทำให้เขาได้ยินเสียงของเด็กสาวคนหนึ่งและได้พบกับภูตแห่งดวงจันทร์ที่กำลังอธิษฐานอยู่ริมแอ่งน้ำ  นั่นคือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาสนใจในตัวเธอ

 

  หากคนที่ได้เจอไม่ใช่เซเลนแต่เป็นอาลัว มันจะกลายเป็นเรื่องราวความรักธรรมดาระหว่างเจ้าหญิงผู้มีจิตใจงดงาม กับเจ้าชายผู้เบื่อหน่ายกับภาระ

 

  แต่เรื่องราวความรักอันงดงามนี้กำลังถูกสิ่งแปลกปลอมเข้าครอบงำ ซึ่งก็คือชายวัยกลางคนในร่างสาวน้อยที่จะทำให้ทุกอย่างพังทลาย

 

“องค์ชายเป็นสุภาพบุรุษปากหวาน หากข้าน้อยได้สักครึ่งหนึ่งขององค์ชาย คงได้ลองบอกรักสุภาพสตรีแสนวิเศษอย่างเจ้าหญิงอาลัวไปสักครั้งขอรับ”

“หุหุ ขอบคุณนะคะ”

 

   อาลัวหัวเราะให้กับคำชมกึ่งล้อเล่นของคุมะฮาจิ จริงๆแล้ว ตั้งแต่ที่อาลัวย้ายมาเฮลิฟลาเต้เพื่อเล่าเรียน ก็เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆจนเป็นที่สนใจของคนมากมาย แม้ว่าเธอจะมาจากประเทศเล็กๆอย่างอาร์คุยล่าก็ตาม

 

   ส่วนเซเลน แม้ว่าเธอจะเป็นผู้สนับสนุนรายใหญ่ของสถานศึกษา แต่ก็ไม่ได้รับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นภายในสถานศึกษา หากข้อมูลดังกล่าวเข้าถึงหูเธอ คงเข้าแทรกแซงสถานศึกษาหาทางกีดกันคนเหล่านั้นในทันที

 

“ขอบคุณเจ้าชายมิลานกับท่านคุมะฮาจินะคะ ที่ช่วยเหลือพวกเราสองพี่น้องมาตลอดตั้งแต่วันนั้น”

“ผมมีวันนี้ได้ก็เพราะเซเลนกับท่านอาลัว เพราฉะนั้น ผมต่างหากที่ต้องขอบคุณพวกท่านครับ”

 

  มิลานรีบห้ามก่อนที่อาลัวจะก้มหัวให้กับเขาและคุมะฮาจิ ที่ผ่านมา มิลานได้เซเลนช่วยเหลือเอาไว้หลายอย่าง ตั้งแต่ การที่เขาถูกกดดันให้หมั้นกับเจ้าหญิงจากประเทศเพื่อนบ้าน ได้รู้จักกับคำสาป เอลฟ์ และมังกร… เพราะได้พบกับเซเลน ทำให้มิลานรู้สึกว่าโลกใบนี้กว้างขวางขึ้นมามาก

 

   ปัญหาหลายๆอย่างก็ได้เธอช่วยหยุดยั้งไว้ก่อนที่จะนำภัยมาสู่เฮลิฟาลเต้ ต้องขอบคุณเซเลนที่มอบพรให้แก่เฮลิฟาลเต้… ไม่สิ ทั้งทวีปนี้ โดยที่ความจริงแล้ว ปัญหาหลายๆอย่างมีต้นตอจากเซเลน และแก้ไขได้ด้วยตัวของมันเอง

 

“เจอแล้ว! อยู่กันครบเลย”

“หืม? ท่านฮิโนเอะกับเจ้าหญิงมารีเบล มีแต่เด็กๆด้วยกัน ไม่ควรเข้าใกล้ป่าในเวลากลางคืนนะขอรับ”

“เคยมาแล้ว ไม่หลงหรอกน่า สัตว์ป่าที่เห็นก็ดูไม่ดุร้ายด้วย”

“จะว่าไป สัตว์ป่าไม่ตื่นกลัวมนุษย์มันก็น่าแปลกนะขอรับ หรือไม่แน่ว่าท่านเซเลนเป็นผู้ปกครองของเหล่าสัตว์ป่าด้วย”

 

   คุมะฮาจิพูดในสิ่งที่นึกขึ้นได้ เขาสามารถสัมผัสถึงจิตคุกคามได้ด้วยสัญชาตญาณ แต่สัตว์น้อยใหญ่ทุกตัว รวมถึงสัตว์กินเนื้อที่อยู่ในป่านี้กลับเชื่องผิดปรกติ ทั้งที่ตัวเขาเองเฝ้าระวังอยู่ตลอดเวลา

 

   ผู้ปกครองที่แท้จริงไม่ใช่เซเลน แต่เป็นบัตเลอร์ ราชาแห่งป่า ที่ฝึกสัตว์ป่าทุกตัวไม่ให้เป็นฝ่ายลงมือทำร้ายมนุษย์ก่อน และไม่ให้ล่วงล้ำเข้าไปในอาณาเขตของผู้คน

 

   กล่าวคือ เซเลนมีผลงานในอาร์คุยล่าโดยที่ไม่ได้ทำอะไรเลย

 

“เอาเถอะ ที่มาหาเพราะฮิโนเอะมีเรื่องสำคัญจะมาแจ้งให้ทุกคนรู้ค่ะ”

“เอ่อ… คือว่า เมื่อสักครู่ ท่านเซเลนต้องการเข้าพบราชินีไอโรเน่…”

 

  ฮิโนเอะบอกเล่าเรื่องราวแบบเดียวกับที่พูดกับมารีให้มิลานและคนอื่นๆได้ฟัง ทั้งหมดจึงตัดสินใจกลับไปที่ปราสาททันที เพราะฮิโนเอะถูกส่งตัวมาเพื่อช่วยเปิดเผยความในใจที่ไม่มีใครสังเกตเห็นอยู่แล้ว จึงไม่มีใครคิดสงสัยในสิ่งที่เธอได้เห็น

 

“แค่รอให้ถึงพรุ่งนี้ก็ได้เข้าพบแล้ว มีเหตุอะไรทำให้รีบร้อนขนาดนั้น?”

“ผมเองก็เดาไม่ออกหรอกครับ พวกเราควรกลับไปเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับทุกสถานการณ์กันก่อนดีกว่า อื่ม การเดินผ่านป่าเส้นทางนี้ก็เป็นเรื่องน่าคิดถึงเหมือนกัน”

“เจ้าชายบอกว่า ตอนนั้นเซเลนวิ่งหนีไปใช่ไหมคะ? หลังจากนั้นท่านหาเด็กคนนั้นเจอได้อย่างไรคะ?”

 

  อาลัวยังถามต่อจากเรื่องที่คุยกันก่อนหน้า มิลานยังจำครั้งแรกที่ได้เจอกับเซเลนได้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน

 

“ผมได้ตามไปถึงด้านหลังโรงเก็บของ และได้ยินเสียงร้องอันเศร้าสร้อยของเธอ…”

“…อ๊า!”

“ตอนนี้ก็ยังเหมือนได้ยินอยู่เลยครับ… ไม่ใช่สิ เซเลน!?”

 

   เสียงกรีดร้องอันคุ้นหูดังมาแต่ไกลในขณะที่มิลานยังเล่าเรื่อง ทีแรกก็คิดว่าเป็นจินตนาการภายในหัวของมิลาน แต่ดูเหมือนคนอื่นๆก็ได้ยินเช่นกัน และต่างคนก็เริ่มมองหาที่มาของเสียง

 

“เสียงนี้ ท่านเซเลนไม่ผิดแน่ขอรับ”

“ข-ข้างบน!? อ๊ะ ท่านพี่! ตรงนั้น!”

 

  มารีกระตุกชายเสื้อของมิลานและชี้ไปยังสิ่งที่เห็นใกล้ยอดปราสาท ในคืนพระจันทร์เต็มดวง แม้รอบปราสาทอาร์คุยล่าจะมีแต่แสงสลัวก็ยังมองเห็นได้ชัด

 

   ภาพที่เห็น มีราชินีไอโรเน่ห้อยออกมาทั้งตัวที่หน้าต่างบานบนสุดของปราสาท เธออาจพลัดตกลงมาและคว้าอะไรบางอย่างไว้ได้ทัน ไม่สิ ด้านในหน้าต่างมีรูปร่างสีขาว กำลังดึงเอาไว้สุดกำลัง

 

“ไม่จริงน่า! เซเลนกำลังพยายามยกราชินีไอโรเน่ขึ้นไปด้วยตัวคนเดียว!?”

 

  น่าตกตะลึงจนไม่มีใครเชื่อสายตาตัวเอง หลังจากตังสติได้ในเวลาแทบจะทันที ทุกคนก็วิ่งไปที่ปราสาทโดยมีมิลานกับคุมะฮาจินำหน้าไปด้วยความเร็วสูงสุด และกลุ่มของอาลัวมีแต่ผู้หญิงทั้งสามคนตามหลังอยู่ห่างๆ

 

“หรือว่านี่จะเป็นเรื่องที่ฮิโนเอะบอกว่าสังหรณ์ใจไม่ดี!? คนรับใช้กับทหารหายไปไหนกันหมด!”

“อาร์คุยล่าไม่มีกำลังคนมาก เวรยามจึงไม่ทั่วถึงค่ะ! และท่านแม่ก็ไม่ชอบให้มีคนเฝ้าหน้าห้อง!”

 

   อาลัวตอบมารีในขณะที่วิ่งไปด้วยกัน อาจเป็นเพราะไม่ต้องการให้เกิดข่าวลือจนเสื่อมเสียไปถึงสามีผู้ล่วงลับ ไอโรเน่จึงไม่ชอบให้มีผู้ชายเข้าใกล้เขตส่วนตัวของเธอ

 

  ฐานะดั้งเดิมของเธอก็ไม่ได้ใหญ่โต ตำแหน่งราชินีก็ได้มาจากกการแต่งงาน บางครั้งเธอต้องแสดงอำนาจในฐานะราชินีให้ผู้คนได้เห็น โดยมีทหารองครักษ์ติดตามไปในหลายๆที่ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเข้าไปในห้องของไอโรเน่โดยไม่ได้รับอนุญาตอยู่ดี

 

   เพราะฉะนั้น โอกาสที่ความช่วยเหลือจะไปถึงไอโรเน่กับเซเลนก่อนที่ทั้งสองจะตกลงไปพร้อมกัน ต่ำจนน่าใจหาย

 

“แล้วพวกเราจะทำยังไงกันดี!? ถ้าไปขอความช่วยเหลือ จะทันการหรือเปล่า!?”

“ก็ต้องลองดูก่อน! เซเลนชอบแบกรับทุกอย่างไว้คนเดียวอยู่เรื่อย!”

 

  ไม่มีใครรู้ว่าจะช่วยไอโรเน่กับเซเลนได้อย่างไร แต่ก็ต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง อาลัวและคนอื่นๆคิดตัดสินใจขณะมองมิลานกับคุมะฮาจิล่วงหน้าไปไกล

 

 

◆ ◆ ◆

 

 

“รีบปล่อยซะ! ไม่มีใครมาช่วยหรอก! เจ้าคนเดียวไม่มีทางทำได้อยู่แล้ว!”

“อุโว้ว! จะตายแล้ว…!”

 

   ไอโรเน่ตะโกนบอก ให้เซเลนตัดใจเสียที แต่เซเลนก็ยังกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดต่อไปโดยไม่สนใจคำเตือน ไม่ตอบรับคำพูดของไอโรเน่นอกจากเสียงแห่งความทุกข์ทรมานนั้น

 

   จะปล่อยไอโรเน่ไปหรือไม่ เซเลนไม่ใช่คนตัดสินใจ เชือกของชุดที่บังเอิญไปเกี่ยวแขนไว้ ทำให้น้ำหนักทั้งหมดของไอโรเน่ลากเซเลนทั้งตัวมาติดอยู่ที่ขอบหน้าต่างด้านใน และแรงดึงยังทำให้ชุดของเธอรัดแน่นขึ้นจนทำให้เจ็บปวดแสนสาหัส (เจ็บฉิบหาย)

 

“(ทำไมเด็กคนนี้ต้องสนใจแม่ผู้ล้มเหลวด้วย?)”

 

   สำหรับไอโรเน่ก็เจ็บตัวไม่ต่างกัน เชือกที่รัดแขนขวา กับหัวไหลที่ถูกกระชาก อีกทั้งยังมีความตายที่แน่นอนรออยู่เมื่อตกลงไป

 

“(…เหมือนกับเรื่องที่เคยได้ฟัง)”

 

  แม้ว่าตอนนี้จะไม่ใช่เวลามาคิดอะไรไร้สาระ แต่เธอก็เริ่มคิดถึงนิทานคำสอนของศาสนาจากดินแดนอันไกลโพ้นที่เคยได้ยินเมื่อนานมาแล้ว

 

   โจรผู้หนึ่ง ทั้งชีวิตเคยทำดีครั้งเดียวคือช่วยแมงมุมบนพื้นทางเดินไม่ให้โดนคนเหยียบ ตายไปตกนรก แต่ก็ได้ใยของแมงมุมที่ทอดยาวลงมาจากสวรรค์ให้ปีนขึ้นไป จนกระทั่งชายคนนั้นพยายามไล่คนอื่นที่ตามขึ้นมา ใยจึงขาดลงทันที ให้ร่วงหล่นลงนรกตามเดิม

 

   ตามเรื่องราวนั้น ใยแมงมุมทั้งเล็กทั้งบาง แต่คนนับร้อยก็ปีนป่ายได้โดยไม่ขาด เพราะแม้แต่คนบาปก็ยังมีความดีหลงเหลืออยู่

 

  เชือกจากเซเลนที่ยื้อชีวิตไอโรเน่อยู่นี่ก็เช่นเดียวกัน คล้ายกับความสัมพันธ์ที่ตัดไม่ขาดระหว่างแม่ลูก ไอโรเน่และเซเลน

 

   เส้นเชือกบางๆสีเงินสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย มันเป็นส่วนหนึ่งของชุดที่มิลานสั่งทำให้เซเลนโดยเฉพาะ เป็นดั่งของขวัญชิ้นพิเศษเพื่อขอแต่งงาน ทั้งประโยชน์และความหรูหราล้วนไม่ธรรมดา 

 

   อุปกรณ์เวทมนตร์ทั่วไปจะทำการบรรจุเวทมนตร์ในขั้นตอนสุดท้าย หากเป็นเสื้อผ้าก็จะใส่เวทมนตร์ลงไปเมื่อตัดออกมาเป็นชุดเรียบร้อยแล้ว ผลของเวทมนตร์จะครอบคลุมเสื้อผ้าชุดนั้นทั้งหมด แต่มิลานต้องการอะไรที่เหนือกว่านั้น โดยให้เวทมนตร์ถูกบรรจุลงในวัตถุดิบทีละชิ้น เส้นด้ายแต่ละเส้น ถักทอเป็นผืนผ้า ตัดเย็บเป็นเครื่องสวมใส่

 

  มิลานทุ่มทุนมหาศาลโดยไม่เสียดาย เพื่อความปลอดภัยของเซเลนที่ได้เผชิญอันตรายต่างๆมามากมาย มันจึงแข็งแกร่งพอจะรับคมดาบที่ถูกฟาดฟันอย่างเต็มแรงได้

 

   ส่วนประกอบของชุดที่มิลานทุ่มเททั้งจิตวิญญาณมอบให้เธอนั้น ต่อให้เป็นชิ้นส่วนที่เล็กน้อยแค่ไหนก็ไม่มีทางขาดได้ง่ายๆ แม้เซเลนจะเห็นมันเป็นแค่ชุดไปรเวทตัวหนึ่งก็ตาม

 

“อุว้าก-!!”

 

   และชุดที่จะไม่ขาดนี้ กำลังเป็นฝ่ายทำให้เซเลนต้องเจ็บตัวเสียเอง จากที่เคยผ่านมา เซเลนได้ถูกทำร้ายหลายครั้ง มีทั้ง คำสาป มังกร เจ้าหญิงประเทศข้างเคียง และอื่นๆอีกมากมาย แต่ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่เซเลนได้รับความเสียหายมากที่สุด

 

   ถึงอย่างนั้น ชุดที่ทนทานผิดสามัญสำนึกในที่นี้ก็มีแต่ชุดของเซเลนเพียงชุดเดียว แขนเสื้อของไอโรเน่ไม่สามารถรับน้ำหนักของเธอไว้ได้นานก่อนที่มันจะขาด

 

  ตัวของเซเลนที่ถูกกดติดกับขอบหน้าต่างเริ่มไถลออกไปด้านนอกหน้าต่างอย่างช้าๆ เนื่องจากเธอพยายามดิ้นเพื่อต่อต้านกับความเจ็บปวด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ทั้งสองก็จะพบกับจุดจบในอีกไม่นาน

 

   อนาคตของอาร์คุยล่าและเฮลิฟาลเต้ขึ้นอยู่กับเซเลน… ซะเมื่อไหร่ เชือกสีเงินจากชุดของเซเลนต่างหาก ชะตากรรมของเซเลนและไอโรเน่ขึ้นอยู่กับชุดที่เซเลนสวมอยู่นี้ 

 

   ดังนั้น สู้เขา เชือกคาด! อย่ายอมแพ้ เชือกคาด! คนที่จะยุติวังวนแห่งความโศกเศร้า… มีแต่นายเท่านั้น!

 

 

____________________

* ชื่อตอน 蜘蛛の糸 (kumo no ito) นิทานให้คำสอนเชิงศาสนา

หลายแหล่งเล่าว่า ใยขาดเพราะพระพุทธเจ้าที่แอบดูอยู่ เข้ามาตัด

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset