[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ – ตอนที่ 47

ตอนที่ 47

เจ้าหญิงแสงจันทร์กับแม่มดแห่งคำสาป

 

 

   ป่าสีขาว ดินแดนอันสวยงามและเต็มไปด้วยความลึกลับ แม้แต่ในฤดูกาลอันอบอุ่นพืชพรรณทั้งหลายที่ควรเปลี่ยนเป็นสีเขียวชอุ่มก็ยังปรากฏแต่สีขาวบริสุทธิ์ทุกหย่อมหญ้าราวกับถูกฝังอยู่ในกองหิมะ เนื่องจากพลังเวทที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณ และในตอนนี้ ในป่าสีขาวได้มีกลุ่มก้อนสีดำเหมือนแอ่งโคลนแกะติดผืนป่าอยู่จุดหนึ่ง

 

   หากเข้าไปดูใกล้ๆ มันไม่ใช่แอ่งโคลน แต่เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ล้มลงนอนใกล้หมดลมหายใจในส่วนลึกของป่าสีขาวไม่เพียงแต่มนุษย์ แม้แต่เอลฟ์ที่เป็นประชากรแห่งป่าก็ยังไม่เคยย่างกรายเข้ามา หญิงสาวสวมผ้าคลุมทั้งตัวราวกับต้องการปฏิเสธแสงแดดอันอบอุ่น และสีดำสนิทที่ต่อต้านสีขาวบริสุทธิ์ของป่า ในตอนนี้เธอไม่สามารถขยับได้แม้แต่เพียงนิ้วมือ

 

[“เฮ้ย! ชินนิ*! อย่ามาตายเอาตอนนี้! ถ้าแกตายแล้วใครจะเลี้ยงข้า!?”]

 

   บนตัวของเธอมีอีกาตัวหนึ่งเกาะอยู่ มันตะโกนพูดด้วยวาจาไม่น่าฟังกับหญิงสาวที่มันเรียกว่าชินนิ* แต่คนทั่วไปจะได้ยินเป็นเสียงร้องของนกกาธรรมดาเท่านั้น มีแต่ชินนิที่เข้าใจคำพูดของอีกาตัวนั้นทุกคำ

 

“ให้ตายเถอะ…”

 

   ชินนิไม่สนใจคำพูดของอีกา เธอบ่นออกมาได้เพียงไม่กี่คำ ร่างกายของเธอไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะยืนหยัดขึ้นมาได้อีกต่อไป ไม้เท้าขนาดใหญ่ที่ทำจากไม้โอ๊คและกระเป๋าสัมภาระพร้อมอุปกรณ์ของใช้ที่เธอพกติดตัว กระจัดกระจายอยู่บนพื้นหญ้าสีขาวรอบตัวเธอ

 

   การเดินทางครั้งนี้คือความผิดพลาด มันถูกตัดสินใจด้วยความโง่เขลา ด้วยเหตุผลที่ไม่มีใครเข้าใจ มีเพียงความตั้งใจอันแรงกล้าในใจของเธอเพียงอย่างเดียว แต่เท่านั้นก็เพียงพอที่จะนำพาเธอมายังการเดินทางที่ผิดพลาดของคนโง่โดยไร้เหตุผลนี้

 

   สถานที่ที่ชินนิล้มลง คือส่วนที่ใกล้กับเบื้องล่างของ ‘ยอดเขามังกร’ เป็นอย่างมาก เป็นสถานที่ที่แม้แต่ผู้อยู่อาศัยในป่าสีขาวเช่นเอลฟ์ก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้ การที่มนุษย์จะเข้ามาถึงตรงนี้ได้จึงนับเป็นปาฏิหาริย์ที่ไม่เคยมีมาก่อน เพราะไม่ว่าจะเป็นเอลฟ์หรือนักผจญภัยผู้เก่งกล้าสักแค่ไหนก็ยังไม่มีหวัง แต่กลับมีมนุษย์ตัวคนเดียว… ไม่สิ มนุษย์หนึ่งคนกับนกหนึ่งตัวเดินทางมาได้ถึงตรงนี้

 

“โธ่เว้ย… อีกแค่นิดเดียว…”

 

   หญิงสาวบ่นออกมาอีกครั้ง เธอไม่ได้เป็นนักผจญภัย ไม่ใช่นักเดินทาง ไม่ใช่นักสำรวจที่มาเพื่อค้นหาสิ่งใหม่ๆ แค่ต้องไปให้ถึงยอดเขามังกร และเธอก็มาได้ไกลถึงเพียงนี้แล้ว แต่ก็ยังไม่พอ เพื่อเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของเธอ

 

  เธอรวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อลุกขึ้นยืนอีกครั้ง แต่ก็ทำได้เพียงพลิกตัวเล็กน้อย ซึ่งก็ทำให้ฮู้ดคลุมเปิดออก เผยให้เห็นใบหน้าของเธอ ซึ่งเป็นเด็กอายุราวๆสิบสองปี หรืออย่างมากก็สิบสามปี ใบหน้าซีดเซียว ดวงตาสีออบซิเดียน และเส้นผมยาวชี้สีแดงเพลิง

 

[“หยุดเดี๋ยวนี้! ไอ้โง่! อย่าเพิ่งตาย! คิดจะทิ้งข้าไว้ตัวเดียวหรือไง!”]

 

   อีกาตะโกนอยู่ข้างหูของชินนิ ไม่รู้ว่ามันต้องการเรียกสติเธอหรือแค่ไม่อยากถูกทิ้งไว้ตัวเดียวกลางป่า แต่ดูเหมือนจะเป็นอย่างหลัง ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่สนใจ

 

“เฮอะ…”

 

   ชินนิหมอบคุดคู้อยู่บนพื้น ส่งเสียงเย้ยหยันให้กับสภาพของตนเองที่ตอนนี้คงดูน่าสมเพชเป็นที่สุด

 

“ไม่ยอมตายเด็ดขาด… ไม่ยอมตายก่อนคนคนนั้นหรอก”

 

   ความน่าสมเพชของเธอถูกแทนที่ด้วยความโกรธ มันเป็นความเกลียดชังชังอย่างรุนแรงต่อศัตรูที่ทำลายสิ่งสำคัญของเธอ ซึ่งเธอได้รู้มาว่าคนคนนั้นอาศัยอยู่ที่ยอดเขามังกรข้างหน้านี้ 

 

  เธอยอมบุกฝ่าเข้ามาในดินแดนลี้ลับในป่าสีขาวเพื่อฆ่าคนคนนั้น แต่คนที่กำลังจะตายกลับเป็นตัวเธอเอง กลายเป็นสารอาหารให้ผืนป่าโดยไม่มีใครรู้ ไม่มีใครเห็น ไม่มีใครสนใจ และไม่มีใครแก้ไขได้

 

  เป็นการเอาชีวิตมาทิ้งอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ชินนิก็ยอมรับมันได้ เชื่อว่าเป็นจุดจบที่คู่ควรสำหรับคนอย่างเธอ เพราะเธอเป็นหนึ่งในผู้ใช้คำสาป และเส้นทางของผู้ใช้คำสาปนั้นไม่เคยนำไปสู่อนาคตอันสดใส แม้แต่อาจารย์ผู้เป็นที่รักของเธอก็ยังต้องมาตายจากเหตุการณ์ความพิโรธของมังกรแดงซึ่งเป็นผลพวงจากคำสาปของตัวเอง

 

   ร่างกายของเธอจะเป็นเหมือนจุดด่างบนสีขาวของผืนป่าอันสวยงาม ไม่ต่างกับรอยเปื้อนสกปรกที่ปรากฏอยู่บนงานศิลปะ ไม่ว่าใครเห็นแล้วก็อยากเช็ดออก ความคิดเช่นนี้แล่นผ่านเข้ามาในหัวของเด็กสาวก่อนจะเลือนหายไป

 

“ยกโทษให้ด้วย… ท่านผู้สาปแช่ง…”

 

  ท้ายที่สุดเธอก็เป็นได้เพียงผู้ที่ล้มเหลว ชินนิพูดเพ้อถึงอาจารย์ที่เลี้ยงดูเธอมา แต่ก็ไม่มีความหมายอีกต่อไป นอกจากจะทำให้เธอรู้สึกเปล่าเปลี่ยวมากขึ้นเท่านั้น

 

   คนที่จะผ่านมาช่วยคนแปลกหน้าอย่างเธอที่ตรงนี้ก็ไม่มีให้เห็นแม้แต่เงา จะมีก็แต่เหล่าสัตว์ป่าหิวโหย ซึ่งเด็กมนุษย์เพศหญิงอ่อนแอซ้ำยังเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางอันยากลำบาก จะเป็นแหล่งอาหารชั้นดีสำหรับพวกมัน ข้างกายเหลือไว้แค่อีกาปากเสียตัวหนึ่งเท่านั้นที่อยู่ดูวาระสุดท้ายของเธอ

 

   ทำใจให้เชื่อว่านี่เป็นความตายที่เหมาะกับเธอแล้ว ชินนิหลับตาลง พยายามตัดใจจากทุกสิ่งเพื่อให้พร้อมจากไปอย่างสงบ

 

“ไหวไหม?”

 

   เมื่อได้ยินเสียงเรียก เธอลืมตาขึ้นและพบกับหญิงสาวผมยาวสีขาว ปรากฏตัวอยู่ต่อหน้า ก้มมองลงมา เด็กสาวผมแดงเผลอคิดไปว่านางฟ้าบนสวรรค์มารับตัวเธอแล้ว แต่ก็รู้ได้ทันทีว่าไม่ได้เป็นเช่นนั้น

   หากมีใครสักคนมารับตัวคนอย่างเธอ จะต้องเป็นปีศาจจากนรกต่างหาก

 

   สติเลือนรางกับดวงตาพร่ามัวของชินนิทำให้เธอเข้าใจว่าเป็นภาพหลอนที่ว่ากันว่าคนใกล้ตายจะมองเห็นกัน และเมื่อหญิงสาวสีขาวเอื้อมมือมาลูบแก้มของเธอ ก็ทำให้รู้สึกถึงความอบอุ่นจากผู้อื่นที่ไม่ได้สัมผัสมานาน

 

  เมื่อแสงแดดอ่อนๆที่ลอดผ่านต้นไม้ใบไม้ของป่าสีขาวกระทบกับตัวเธอ ก็จะเห็นเป็นประกายแสงจางๆ ทำให้หญิงสาวสีขาวที่เห็นอยู่นี้ ดูงดงามบริสุทธิ์ตรงข้ามกับตัวเธอเอง จากนั้นก็เข้ามาลูบคลำตามส่วนต่างๆของร่างกายราวกับตรวจหาอาการบาดเจ็บ ซึ่งก็หมายความว่าหญิงสาวผู้นี้กำลังพยายามช่วยชีวิตเธอ

 

  สติของชินนิพร้อมหมดลงไปได้ทุกขณะ จนถึงตอนนี้เธอก็ยังแยกไม่ออกว่านี่เป็นเพียงภาพหลอนก่อนตายหรือความจริง ดวงตาสีแดงดุจทับทิมจ้องมองมาที่เธอด้วยแววตาเหมือนเป็นกังวล ช่างงดงามน่าหลงใหล และเหนือสิ่งอื่นใด สิ่งมีชีวิตบนไหล่ของเธอ ให้ความรู้สึกองอาจจนสร้างแรงกดดันได้อย่างมหาศาล

 

“(……หนู?)”

 

   จากที่เห็น มันเป็นหนูอย่างแน่นอน หนูขนสีดำ หน้าท้องสีขาว ผูกริบบินสีแดงไว้รอบคอ เมื่อชินนิเห็นเช่นนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวผู้นี้มีตัวตนอยู่จริง และไม่ใช่ทั้งนางฟ้าหรือปีศาจ เพราะเธอคือสาเหตุที่ทำให้ชินนิต้องมาที่นี่

 

“(เซเลน อาร์คุยล่า!)”

 

   ศัตรูคู่แค้นที่ชินนิตามหามาตลอด ตอนนี้อยู่ใกล้แค่เอื้อม

 

   ในที่สุดก็ได้เจอเสียที ในที่สุดโอกาสก็มาถึง เพื่อที่จะฆ่าคนคนนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ชินนิก็ทำได้แค่ประคองสติเอาไว้ แค่ขยับตัวยังทำไม่ได้ ไม่ต้องพูดถึงวิธีโจมตีด้วยซ้ำ น่าโมโหเหลือเกิน

 

“แก… ต้องฆ่า… ให้ได้…!”

 

   เด็กสาวพูดด้วยเสียงแหบแห้ง คำพูดเหล่านั้นอาจส่งไปไม่ถึงเจ้าหญิงแสงจันทร์เซเลน แต่ก็ไม่สำคัญ เพราะดูเหมือนเจ้าหญิงแสงจันทร์ผู้อ่อนโยนตั้งใจจะช่วยเธอตั้งแต่แรก ถ้าอย่างนั้น ครั้งนี้ก็ขอรับน้ำใจนี้ไว้แต่โดยดี เพื่อที่จะกลับมาตอบแทนทุกๆเรื่องให้สาสม และแล้ว สติของชินนิก็จมดิ่งสู่ห้วงลึก

 

   ชั่วชีวิตนี้ ไม่เคยเชื่อว่าพระเจ้ามีอยู่จริงเลยสักครั้ง แต่อย่างน้อยก็ยังอาจมีเทพแห่งความตาย และตัวเธอเองนี่แหละ ที่จะเชื้อเชิญเทพแห่งความตายมารับตัวหญิงสาวผู้นี้ไป ชินนิเชื่อมั่นในโชคชะตาขณะที่ดวงตาได้ปิดลงอีกครั้ง

   -และนี่ คือการพบกันระหว่างทั้งสอง เจ้าหญิงแสงจันทร์ เซเลน อาร์คุยล่า ผู้ที่จะฟื้นคืนกลับมายังโลกใบนี้ กับ แม่มดผู้ครอบครองพลังแห่งพรและคำสาป ชินนิ

 

 

____________________

* ชื่อ シンニ (shi n ni) สะกดด้วยตัวคันจิ 瞋恚 หมายถึง ความรู้สึกคิดร้าย (โกรธ เกลียด เคียดแค้น)

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset