[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ – ตอนที่ 59.54

ตอนพิเศษ 04

งานเลี้ยงน้ำชาของเหล่าคุณหนูผู้สูงศักดิ์

 

 

 ปาฏิหาริย์การคืนชีพของเจ้าหญิงแสงจันทร์ เซเลน ทำให้ทั่วเฮลิฟาลเต้และประเทศอื่นๆอยู่ในช่วงเฉลิมฉลองนานหลายเดือน ทุกคนต่างคาดหวังการกลับมาของเธอ แต่ความจริงแล้ว เซเลนยังคงเป็นเซเลนอยู่เช่นเคย ใช้ชีวิตอย่างขี้เกียจไปวันๆไม่ต่างกับสมัยก่อน

 

   วันนี้ เซเลนผู้เกียจคร้านได้ตั้งใจมาร่วม ‘งานเลี้ยง’ หนึ่ง ซึ่งจัดในห้องส่วนตัวของเจ้าหญิงลำดับหนึ่งแห่งเฮลิฟาลเต้ มารีเบล เฮลิฟาลเต้ เรียกได้ว่า เป็นงานเลี้ยงอันทรงเกียรติที่สุด

 

“เอาล่ะ มากันครบแล้ว”

 

   สองปีที่ผ่านมา มารีตัดผมสั้นเสมอบ่า ตรงข้ามกับเซเลนที่ไว้ผมยาวถึงกลางหลัง สีโปรดของเธอยังคงเป็นแดงสดแสดงถึงความหรูหรา ทั้งพรม ผ้าม่าน และชุดของเธอจึงใช้สีนั้นเป็นหลัก ในห้องตอนนี้มีโต๊ะกลมถูกปูด้วยผ้าสีขาวบริสุทธิ์ รอบโต๊ะ รวมมารีเข้าไปด้วยแล้วก็จะมีสุภาพสตรีผู้งดงามอยู่สี่คน

 

“คือว่า ให้ฉันมาร่วมด้วย จะดีเหรอคะ?”

 

   เด็กสาวผมสีแดงเอ่ยถามกับมารี ชินนิพูดด้วยท่าทีเป็นกังวล

 

“ลังเลอะไรของเธอน่ะ? ถ้าไม่ดีก็คงไม่เชิญมาตั้งแต่แรกหรอก”

“ใช่แล้วค่ะ ถ้าตามสถานะแล้ว ฉันต่างหาก ที่เรียกได้ว่าอยู่ผิดที่ผิดทาง”

 

  หลังคำตอบของมารีก็มีคำพูดของอาลัว ในสถานศึกษาตามปรกติ อาลัวจะแต่งตัวธรรมดาดูเรียบง่าย วันนี้เธออยู่ในชุดสีชมพูอ่อนที่ดูหรูหรามากกว่า

 

“เล่นอะไร? ไพ่นกกระจอก?”

“ไพ่- อะไรนะ? ขอโทษค่ะ ฉันไม่ค่อยมีโอกาสได้พูดคุยกับท่านเซเลน มีหลายเรื่องที่ไม่ค่อยเข้าใจ”

 

   ในหมู่สาวงามทั้งสี่ มีคนเดียวที่เป็นชายวัยกลางคนในชุดสีขาว แต่ข้างในดำมืดยิ่งกว่าชุดสีดำชองชินนิ มาพร้อมกับสามัญสำนึกแปลกๆที่ว่า สี่คนนั่งล้อมวงกันแล้วต้องเล่นไพ่นกกระจอก

 

“เอ่อ เข้าเรื่องกันดีกว่า สาเหตุที่ฉันเชิญทุกคนมาในวันนี้”

 

   มารีกล่าวและมองไปมองหน้าหญิงสาวทั้งสองกับชายวัยกลางคนในร่างเจ้าหญิง

 

“อย่างแรก ขอฉลองให้กับการที่นักเรียนทุนชินนิ ได้รับเลือกให้เป็นนักเรียนชั้นพิเศษ!”

 

   มารีและอาลัวปรบมือให้ด้วยรอยยิ้ม เซเลนยังไม่เข้าใจแต่ก็ปรบมือด้วยจังหวะแปลกๆ ส่วนชินนิที่เป็นหัวข้อก็หน้าแดงเล็กน้อยและก้มหน้าลง

 

“ข-ขอบคุณมากค่ะ ที่เรื่องแค่นี้ทำให้ได้รับเกียรติจากท่านมารีเบล…”

“นักเรียนที่ดีต้องถูกชมเชยอยู่แล้ว ถึงจะมีเหตุผลส่วนตัวด้วยก็เถอะ น่าตกใจจริงๆ จากนักเรียนรั้งท้ายกลายเป็นนักเรียนดีเด่นได้ในเวลาสั้นๆ”

“ไม่หรอกค่ะ… ไม่ใช่เรื่องยิ่งใหญ่ขนาดนั้น”

 

   เป้าหมายในการเป็นนักเรียนของชินนิตั้งแต่แรก คือจับตาดูเซเลน เมื่อได้เข้าเรียนในสถานศึกษาแห่งนี้ ผลการเรียนไม่มีความหมายสำหรับเธอ จนกระทั่งเมื่อเร็วๆนี้ หลังจากกลับมาจากยอดเขามังกร ชินนิเริ่มพุ่งเป้าไปที่การเรียน ผลการเรียนของเธอจึงดีขึ้นจนติดอันดับต้นๆ และได้กลายมาเป็นนักเรียนชั้นพิเศษ

 

  การได้รับเลือกให้เป็นนักเรียนชั้นพิเศษในครั้งนี้ มารีไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแม้แต่น้อย เป็นตำแหน่งที่ต้องมีอาจารย์หลายท่านเสนอชื่อให้ผู้อำนวยการตัดสิน เพราะตัวจริงของชินนิเคยเป็นเด็กกำพร้าเร่ร่อน และได้มาสวมบทขุนนางใหญ่ผู้ล้มละลายจากเหตุการณ์ความพิโรธของมังกร บทบาทนี้ของเธอทำให้ได้คะแนนสงสารไปไม่น้อย แต่ก็เป็นความจริงที่ว่า หลังได้รับทุนการศึกษา เธอพยายามด้วยตนเอง จากนักเรียนผู้ล้มเหลวกลายมาเป็นนักเรียนดีเด่นได้อย่างรวดเร็ว

 

   เดิมที ชินนิเป็นเด็กที่ฉลาดอยู่แล้ว จะขาดก็แค่แรงจูงใจ เมื่อได้โอกาสเช่นนี้มาก็ทำให้เธอรู้สึกละอายเพราะส่วนหนึ่งมาจากการหลอกลวง แต่ก็ยอมรับแต่โดยดี และต้องเก็บเงียบเรื่องภูมิหลังที่แท้จริงเอาไว้ เรื่องเกี่ยวกับผู้ใช้คำสาปจะให้แพร่งพรายไม่ได้

 

   ในใจจริงของชินนิ มีความรู้สึกภูมิใจในตนเองอยู่ลึกๆ ที่ผลลัพธ์จากความพยายามของเธอได้รับการยอมรับ ตัวเธอในตอนนี้เปลี่ยนไปจากสมัยก่อนแล้ว เพียงแต่ตัวเธอเองยังไม่รู้สึกเท่านั้น

 

“ยินดีด้วยนะคะ ชินนิในตอนนี้ดูดีขึ้นเยอะเลย เมื่อก่อนเห็นแล้วอดเป็นห่วงไม่ได้เลยล่ะค่ะ”

“ก็เพราะได้ท่านอาลัวช่วยดูแลอยู่เรื่อยๆนั่นแหละค่ะ ขอบคุณนะคะ ท่านอาลัว”

 

   ชินรู้สึกชอบคุณอาลัวจากใจจริง ที่คอยดูแลเรื่องอาหารการกิน ช่วยเหลือเอาใจใส่อยู่เรื่อยมา เป็นเพื่อนบ้านที่ดีทั้งที่ตอนนั้นชินนิยังไม่เป็นมิตร การที่ชินนิทุ่มเทให้กับการเรียนได้เต็มที่ก็เพราะการสนับสนุนจากอาลัว

 

“(ถึงบางครั้งนะน่ารำคาญก็เถอะ ถ้ามีพี่สาวก็คงประมาณนี้ล่ะมั้ง)”

 

   ความสำเร็จของชินนิในครั้งนี้ เกิดขึ้นได้เพราะมารีกับอาลัวช่วยสนับสนุน แต่ที่สำคัญที่สุดจริงๆ ยังมีอีกคนหนึ่ง ชินนิเหลือบมองเซเลน การที่มาถึงขั้นนี้ได้ คนที่มีอิทธิพลที่สุดคือเซเลน แม้เป็นเวลาสั้นๆ ตั้งแต่การออกตามล่า ถูกช่วยชีวิต จนถึงพาเธอกลับมาใช้ชีวิตร่วมกับ ‘ผู้คน’

 

“ไพ่นกกระจอก* แพ้ซะแล้ว**… อุฟ”

 

   ส่วนเซเลนก็ยังพยายามเล่นมุขไม่เลิก และเกือบหลุดหัวเราะออกมาเอง โชคดีที่มารีกับอาลัวพูดคุยยิ้มแย้มกันอย่างสนุกสนาน มุขของเซเลนกับเสียงหัวเราะแปลกๆจึงกลมกลืนไปโดยไม่มีใครรู้สึกตัว

 

“นี่ก็ได้เวลาน้ำชาแล้ว ฉันเตรียมมาหลายอย่างเลยนะ”

 

   มารีสั่นกระดิ่งบนโต๊ะ สาวใช้หลายคนก็ยกขุดถ้วยชาและของอื่นๆเข้ามา กาน้ำชา ถ้วย และจานรอง ที่เข้าชุดกัน ทั้งหมดมีลาดลายประณีตงดงามราวกับงานศิลปะ ไม่ว่าใครเห็นก็รู้ว่าเป็นของระดับสูง จะยกเว้นก็แต่เซเลน

 

   สาวใช้ทำงานอย่างชำนาญ ทั้งอุณหภูมิของน้ำและปริมาณของใบชา ล้วนแม่นยำ ชาที่ชงจากใบชาที่ดีที่สุดของฤดู ถูกรินลงถ้วย ส่งกลิ่นหอม แม้แต่ชินนิที่ยังนั่งเกร็ง ยังเผลอปล่อยตัวตามสบาย

 

“ดีเลยใช่ไหมล่ะ? ปรกติฉันก็ไม่อยากใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายหรอก แต่วันนี้ต้องเต็มที่หน่อย”

“ไม่เป็นการสิ้นเปลืองหรือคะ?”

“ไม่เป็นไร ถึงเวลาฉลองก็ต้องฉลองให้คุ้ม! อีกสาเหตุที่ให้ทุกคนมาในวันนี้ ก็เพราะยังไม่ได้ฉลองให้กับการกลับมาของเซเลนยังไงล่ะ”

 

  มารีตอบคำถามองชินนิพร้อมกับหัวเราะ เพราะช่วงนี้ มารีเองก็ไม่ค่อยมีเวลาว่าง เนื่องจากต้องรับหน้าที่ดูแลมูลนิธิ กองทุน และค่าใช้จ่ายภายในสถานศึกษา อาลัวกับชินนิเองก็เรียนอย่างหนักเพื่อเป้าหมายที่ตั้งไว้ของแต่ละคน กลายเป็นว่า เหลือเซเลนที่ว่างงานทุกวันเพียงคนเดียว

 

“นี่นี่ เซเลนอยากกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า? วันนี้ฉันเตรียมมาหลายอย่างเลยนะ สโคนล่ะ? มัฟฟิ่นล่ะ? คุกกี้น้ำผึ้งก็มีนะ”

“ซูรุเมะ(หมึกกล้วยตากแห้ง)”

“…ซูรุเมะ? ท่านพี่อาลัวรู้จักหรือเปล่า?”

 

   อีกครั้งที่เซเลนพูดคำที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน จนมารีต้องหันไปขอความช่วยเหลือจากอาลัว แต่ก็ส่ายหัวกลับมา

 

“ซูรุเมะ มันเป็นของกินแบบไหนเหรอ?”

“แบนๆ มัมมี่… ปลาหมึก”

 

   ถ้าอธิบายด้วยคำง่ายๆว่า ‘อาหารแห้ง’ ก็เข้าใจกันแล้ว แต่เซเลนก็ไม่ทันคิด ทั้งมารีและอาลัวจึงได้แต่สงสัยต่อไป

 

“มัมมี่ของปลาหมึกเนี่ยนะ? ไอ้นั่นมันไม่ใช่ของกินแล้ว!”

“เป็นอาหาร! กินได้!”

 

   มันเป็นอาหารที่มีอยู่ในโลกนี้แน่นอน แต่ก็ไม่มีใครเคยขอซูรุเมะในงานเลี้ยงระดับสูงมาก่อน เนื่องจากสิ่งที่เซเลนอยากจะขอจริงๆคือเหล้า แต่ก็ยังมีสติพอที่จะทำความเข้าใจได้ว่านี่คืองานเลี้ยงน้ำชาของเด็กผู้หญิงที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ ดังนั้นจึงขอแค่กับแกล้มที่เข้ากับเหล้า เพื่อสร้างบรรยากาศก็พอ

 

“ท่านเซเลน… ถึงจะเป็นเพราะความเคยชิน แต่ไม่ต้องไปคิดถึงของแบบนั้นหรอกค่ะ นี่เป็นงานเลี้ยงฉลองสำหรับท่านนะคะ”

 

  เพราะได้รู้จักกันในสถานการณ์ไม่ปรกติ ชินนิจึงมักจะพูดกับเซเลนอย่างห้วนๆ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่น โดยเฉพาะมารีและอาลัว ชินนิจึงพูดด้วยคำสุภาพ โดยที่มารีและอาลัวยังไม่เข้าใจเรื่องที่พูดถึง

 

   เมื่อเห็นเช่นนั้น ชินนิจึงเริ่มอธิบายให้มารีและคนอื่นๆได้ฟัง

 

“ตอนที่ฉันสูญเสียบ้าน ไม่มีที่ไปในวัลเบิร์ต ต้องกินทุกอย่างที่หาได้ แน่นอนว่าเคยเจอของแบบนั้นเหมือนกัน ตัวท่านในตอนที่ยังเด็กก็รู้จักแต่อาหารแบบนั้นใช่ไหมล่ะคะ?”

 

  เป็นเรื่องตั้งแต่สมัยที่ชินนิยังอาศัยอยู่ในสลัม ถูกเอามาบอกเล่าโดยไม่ให้ขัดกับบทบาททายาทตระกูลขุนนางใหญ่ในวัลเบิร์ตของชินนิ

 

“อ๊ะ…”

 

   อาลัวนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาได้ ในอาร์คุยล่า อาหารของเซเลนจะทำมาจากของเหลือหรือใกล้เน่าเสียและซุบเศษผัก อาหารหลายๆอย่างของเธอจึงไม่ใช่สิ่งที่สมาชิกราชวงศ์จะรู้จักและไม่คิดว่ามันคืออาหาร ยกเว้นเซเลนที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ในมุมมืดมาเป็นเวลานาน

 

“แปลกเหรอ?”

 

  ทุกคนที่เข้าใจความหมายก็ไม่มีใครพูดอะไร เซเลนหันมามองทั้งสามคนและพูดเหมือนเป็นเรื่องปรกติ แม้จะเป็นความทรงจำอันเลวร้ายในอดีตของเธอก็ตาม

 

   ความจริงแล้ว เซเลนไม่ใช่แค่กินได้ทุกอย่าง ในชีวิตก่อนเธอกินแม้กระทั่งอาหารที่ผ่านวันหมดอายุมามากกว่าหนึ่งสัปดาห์ เพราะเชื่อว่า ‘อุ่นให้ร้อน เชื้อโรคก็ตายแล้ว!’ และที่น่าแปลกก็คือ เธอยังไม่เคยมีอาการอาหารเป็นพิษเลยสักครั้ง

 

“เซเลน… คุกกี้นี่อร่อยนะ กินเข้าไปเยอะๆเลย!”

“เอ๋?”

 “กินส่วนของพี่ด้วยก็ได้นะคะ ขอโทษนะ พี่สาวคนนี้ไม่ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้”

“เอ๋? เอ๋?”

“…ส่วนของฉันด้วยค่ะ แค่ได้รับเชิญมาอยู่ตรงนี้ก็เป็นเกียรติอย่างยิ่งแล้ว”

“เอ๋? เอ๋? เอ๋?”

 

   คุกกี้ สโคน เค้ก พาย และของหวานอื่นๆปริมาณมากสำหรับอีกสามที่ ถูกนำมาวางเรียงต่อหน้าเซเลน กลายเป็นสถานการณ์ที่เซเลนไม่เข้าใจ

 

“กิน ทั้งหมด ไม่ได้”

“ไม่เป็นไร มันเก็บไว้ได้นาน เอากลับไปค่อยๆกินดีๆล่ะ รับรองว่าอร่อยจนลืมรสชาติอื่นเลย”

 

   เซเลนตั้งใจจะบอกว่า ‘ของกินทั้งหมดนี่ ไม่ใช่ที่อยากได้’ แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง มารีจับไหล่ของเซเลนและมองมาด้วยรอยยิ้มในฐานะพี่สาว สุดท้าย เซเลนก็ต้องจัดการกับขนมราคาแพงกองใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าคนเดียว ขณะที่คนอื่นๆดื่มชากับขนมเล็กๆน้อยๆ

 

“…ให้บัตเลอร์ ดีกว่า”

 

  เซเลนยังไม่เข้าใจสถานการณ์แต่ก็รู้ว่าวันนี้คงไม่ได้กินซูรุเมะแน่แล้ว ไม่มีทางเลือกนอกจากจิบชาและกินขนมกองพะเนิน โดยส่วนที่เหลือทั้งหมดจะถูกยกให้บัตเลอร์หลังจากนี้

 

“…อยากได้ ซูรุเมะ”

 

   คุกกี้ระดับหรูราคาแพง แค่กัดเข้าไป ความหวานอร่อยก็ละลายเต็มปาก ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังคิดถึงความรู้สึกเหนียวๆเค็มๆ ยิ่งเคี้ยวยิ่งมัน ของสิ่งนั้น

 

   ให้ตายเถอะ ยิ่งคิดถึงยิ่งอยากกิน ซูรุเมะที่กินกับอะไรก็อร่อย แต่ก็ช่างมันก็แล้วกัน ชากับขนมพวกนี้ก็ไม่ได้แย่สักเท่าไหร่ ยิ่งมีสาวน้อยน่ารักคุยเล่นกันอยู่ข้างหน้า นั่งดูอยู่อย่างนี้ก็ไม่เลว

 

[“อื่ม… ช่างงดงามอะไรอย่างนี้”]

 

   อีกมุมหนึ่ง บัตเลอร์กำลังเผ้าดูอยู่เงียบๆ ตอนนี้เขาควรจะอยู่กับเซเลนตรงนั้น แต่การที่หนูตัวหนึ่งไปร่วมโต๊ะในงานเลี้ยงเหล่าสุภาพสตรี มันก็ไม่สมควร เขาจึงคอยคุ้มกันเจ้านายอยู่ห่างๆ เผื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

 

[“องค์หญิงเป็นที่รักของทุกคนจริงๆ ในฐานะผู้ติดตามแล้ว เป็นเรื่องที่น่าภูมิใจ ทั้งสามคนต่างก็รู้จักกับองค์หญิงในช่วงเวลาที่ต่างกัน ถ้ามีองค์หญิงถึงสามคน จะต้องเป็นภาพที่งดงามยิ่งกว่านี้แน่”]

 

   บัตเลอร์พูดติดตลกขณะที่นึกถึงเจ้านายสมัยที่เคยไว้ผมยาว เมื่อตัดผมให้สั้นลงก็ยังงดงามไม่เปลี่ยน และตอนนี้กลับมาไว้ผมยาวอีกครั้ง ความงามของเธอยิ่งเพิ่มทวีคูณ หากมีเจ้านายทั้งสามแบบอยู่พร้อมกันก็คงจะงดงามจนเทพธิดานางฟ้าก็เทียบไม่ติด

 

   ในความเป็นจริง ถ้ามีเซเลนโผล่มายั้วเยี้ย มันจะดูเหมือนฝูงซอมบี้มากกว่าเทพธิดานางฟ้า แต่อย่างไรก็ตาม งานเลี้ยงน้ำชาระหว่างคุณหนูผู้สูงศักดิ์ทั้งสามกับชายวัยกลางคนในร่างเจ้าหญิงก็ดำเนินต่อไปตลอดช่วงบ่ายอันสดใส

 

 

____________________

* 雀牌(จันไป)=ไพ่นกกระจอก

** 惨敗(ซันไป)=แพ้

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset