[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์ – ตอนที่ 62

ตอนที่ 62

ผู้เชี่ยวชาญปัญหาหัวใจ

 

 

   หลังจากชวานบอกกับอาลัวอีกครั้ง อาลัวก็ได้ลุกขึ้นยืนในที่สุด จากนั้นชวานก็ได้เริ่มพูดคุยในประเด็นหลัก

 

“เจ้าหญิงอาลัว ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยได้หรือเปล่า ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเด็กคนนั้นกับ ‘ราชินีอาร์คุยล่า’ มารดาของท่าน เป็นอย่างไร?”

“ค่ะ… ถ้าย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนแรก ราชินีอาร์คุยล่า… ท่านแม่ไอโรเน่ มีความสุขมากในช่วงแรกที่ให้กำเนิดเซเลน ฉันเองก็ดีใจที่มีน้องสาวน่ารักคนนี้เช่นกัน”

 

  อาลัวหลับตาลงและเรียบเรียงคำพูดเกี่ยวกับเรื่องต่อจากนั้น

   เมื่อนึกถึงมัน เธอก็ดูเศร้าหมองลงไป

 

“แต่ไม่นานนัก เมื่อเซเลนอายุได้ประมาณหนึ่งเดือน ท่านแม่ก็ฝากเธอไว้กับแม่นมโดยที่ไม่คิดจะให้น้ำนมด้วยตนเองอีกเลย”

“ทำไมถึงเป็นเช่นนั้นล่ะครับ?”

 

   มิลานถามอาลัวถึงสาเหตุ

 

“ในตอนนั้น… ฉันเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน จำได้ว่าเธอถูกท่านแม่บังคับให้หย่านม และเธอพยายามต่อต้านถึงขั้นต้องออกแรกดึงออกจากหน้าอกเลยทีเดียว”

 

   เพราะหน้าอกคือชีวิตจิตใจสำหรับเซเลน จึงออกแรงเต็มที่เพื่อเกาะติดอย่างเอาเป็นเอาตายและคาบไว้ให้แน่นที่สุด พฤติกรรมของเธอในตอนนั้นเหมือนกับกบตัวใหญ่ๆ อ้าปากงับหน้าอกเอาไว้และติดหนึบอยู่ตรงนั้น ซึ่งมันน่าขยะแขยง

 

“อายุหย่านมของทารกแต่ละคนไม่เท่ากัน คงเป็นเพราะเซเลนถูกบังคับให้แยกห่างก่อนกำหนด จึงยิ่งโหยหามากกว่าเดิม”

“และเซเลนก็เป็นเด็กที่เงียบๆมาตั้งแต่แรก เป็นทารกที่ไม่งอแงหรือส่งเสียงร้องกลางดึก ในตอนที่ถูกแยกห่างจากท่านแม่ก็ไม่เคยร้องไห้หาแม่เลยสักครั้ง”

 

  ได้ฟังเรื่องที่อาลัวเล่าจนถึงตรงนี้ ทุกคนก็คิดได้ว่าค่อนข้างแปลก 

   การที่ไม่ยอมปล่อยมือจากหน้าอก หมายความว่าเธอเป็นเด็กติดแม่ แต่ตรงนี้กลับบอกว่าเซเลนไม่ได้เป็นเช่นนั้น

 

“ไม่ว่าเธอจะเป็นเด็กที่ฉลาดขนาดไหน ก็ไม่มีทางเข้าใจเรื่องราวต่างๆได้ทันทีตั้งแต่เกิด ข้าคิดว่าคงเป็นนิสัยเงียบๆของเธอที่แสดงออกมาตั้งแต่ยังเล็กมากกว่า”

 

   ข้อสันนิษฐานของชวานผิดไปนิดหน่อย เพราะอาหารของเซเลนถูกป้อนให้แต่น้ำนม ถ้าร้องไห้หรือขยับตัวมากๆก็จะทั้งเหนื่อยทั้งหิว เธอจึงเลือกที่จะนอนอยู่เฉยๆดีกว่าร้องหาแม่ เป็นนิสัยขี้เกียจที่แสดงออกมาตั้งแต่ยังเด็ก

 

“คนเป็นแม่ก็อยากได้ลูกที่เลี้ยงง่ายๆ แต่ถ้าแบบนี้ก็คงรู้สึกเหงาเหมือนกัน อย่างมารีก็เรียกได้ว่าปรกติ… แต่มิลานหย่านมช้าจนเริ่มกังวลขึ้นมาเลยนะจ๊ะ”

“ท่านแม่! นั่นมันสมัยไหนแล้วน่ะครับ!”

 

   เรื่องในสมัยก่อนที่ไอบิสเล่า ทำให้มิลานหน้าแดงได้สำเร็จ

  เป็นการทำให้บรรยากาศผ่อนคลายสักพัก ก่อนที่ทุกคนจะกลับมาเคร่งเครียดกันต่อ

 

“ขอโทษด้วยครับ เรื่องสมัยเด็กของผมค่อนข้างน่าอาย เชิญท่านอาลัวพูดต่อได้เลยครับ”

“ค่ะ ตัวฉันเองเข้ากันได้ดีกับเซเลน และเธอก็ติดฉันยิ่งกว่าแม่แท้ๆเสียอีก เมื่อมองไปก็ยิ้มกลับมาเหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆ เมื่ออุ้มขึ้นมาก็กอดฉันเอาไว้แน่น ฉันยังจำความน่ารักสดใสของเธอในตอนนั้นได้…”

 

   เพราะเซเลนพยายามทำตัวเป็นเด็กไร้เดียงสาอย่างเต็มที่ โดยที่ยังแสดงความต้องการของตัวเองออกมาตรงๆ ทำให้เหมือนกับสัตว์เลี้ยงตัวเล็กๆที่ดีใจเมื่อได้เห็นเจ้าของ จึงประสบความสำเร็จในการทำให้อาลัวเห็นเซเลนเป็นน้องสาวที่น่ารัก

 

“นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้ท่านแม่รู้สึกไม่ชอบใจ เธอจะยิ้มให้ฉันทุกครั้งที่เห็น และเข้ามากอดทุกครั้งที่อุ้มขึ้นมา แต่ไม่เคยทำตัวอย่างนั้นกับท่านแม่ ดูนิ่งเฉยเหมือนไม่สนใจ ยกเว้นเวลาให้นมที่เธอจะเกาะแน่นไม่ยอมปล่อยจนต้องดึงออก ดูๆแล้วคล้ายกับว่าเธอเห็นฉันเป็นแม่ และเห็นท่านแม่เป็นตัวแทน”

 

   และตรงนี้ ก็ทำให้สัญชาตญาณความเป็นแม่ของไอโรเน่รู้สึกถึงความผิดปรกติจากเซเลนมากขึ้นไปอีก

  เซเลนอยากได้อาลัวเป็นคนเลี้ยงดูมากกว่าจริงๆ ถ้าเป็นไปได้ก็จะขอน้ำนมแม่จากพี่สาว หรือเรียกง่ายๆว่าน้ำนมพี่สาว ด้วยซ้ำ

 

“หลังจากนั้น ท่านแม่ก็ทิ้งเซเลนให้อยู่แต่ในการดูแลของแม่นมนานหลายปีโดยไม่ยุ่งเกี่ยวกับเธอถ้าไม่จำเป็น ระหว่างนั้นเธอก็ยังทำตัวแปลกอยู่บ้าง ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งเห็นชัด เธอเคยอยากลองเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทั้งๆที่ยังอยู่ในวัยเด็กเล็ก เมื่อถามถึงขนมที่ชอบก็จะตอบว่าปลาหมึกแห้ง…”

“ฟังดูเป็นเด็กที่เข้าใจยากจริงๆ แต่ก็เหมือนกับความแตกต่างระหว่างอัจฉริยะกับคนบ้านั่นแหละ”

 

   เมื่อได้ฟังอดีตอันน่าสงสารของเซเลน ชวานเงยหน้าถอนหายใจ

   เส้นแบ่งบางๆที่แยกอัจฉริยะกับคนบ้าออกจากกันนั้น ยากที่จะกำหนด

 

“สุดท้าย ราชินีไอโรเน่ก็หมดความอดทนและปฏิบัติกับเซเลนเหมือนไม่เคยมีตัวตนสินะ?”

“ค่ะ ในตอนที่มีคำสั่งมาเช่นนั้น เธอตอบกลับเพียงแค่ ‘เข้าใจแล้ว’ โดยไม่แสดงความรู้สึกใดๆออกมา และเดินจากไปเองเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่อยากคิดเลยว่าในใจของเธอจะรู้สึกอย่างไร…”

 

   อาลัวไม่มีวันลืมวันนั้นไปได้

 

   แม่ของเธอ ไอโรเน่ พูดต่อหน้าเซเลนว่า ‘ไปอยู่ในโกดังซะ ชาตินี้อย่าออกมาให้เห็นหน้าอีก’ เพราะยอมรับความผิดปรกติของเซเลนไม่ได้ โดยที่ลูกสาวคนแรก อาลัว ถูกเลี้ยงดูด้วนความรักความเอาใจใส่อย่างดี เธอจึงอยากมอบสิ่งเดียวกันนี้ให้น้องสาวของเธอ

 

   ตลอดเวลา อาลัวรู้สึกเสียใจกับความไม่ยุติธรรมที่น้องสาวต้องเผชิญ

   เพราะฉะนั้น เธอจึงแอบไปเยี่ยมทุกครั้งที่มีเวลา แม้จะเป็นการขัดคำสั่งก็ตาม

 

“จริงอยู่ที่เด็กคนนี้ไม่ปรกติ พูดจาติดขัดได้ทีละคำ ไม่แสดงความสนใจในตัวแม่ผู้ให้กำเนิด แต่พอลองมาคิดดูแล้ว เธออาจมีมุมมองที่ต่างจากของพวกเราก็ได้ค่ะ”

 

   อาลัวร้องไห้ออกมา เธอเกิดในฐานะเจ้าหญิงองค์แรกของประเทศ วัยเด็กชองเธอก็มีทั้งพ่อและแม่ที่ให้ความรักความอบอุ่นอย่างเต็มที่

 

  แต่น้องสาวที่มีสายเลือดเดียวกัน ถูกปฏิบัติเหมือนเป็นผู้ร้าย… หรือจะเรียกว่าเป็นผู้ร้ายจริงๆก็ไม่ผิด คนต่อต้านสังคม ทำตัวขวางโลกมาแต่ไหนแต่ไร

 

“แต่เด็กคนนั้นก็ไม่เคยอิจฉาฉันเลย ทุกครั้งที่แอบไปเยี่ยมก็จะเข้ามาโอบกอดด้วยความรักเหมือนเดิมทุกครั้ง ฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมท่านแม่… รังเกียจเด็กที่มีใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่คนนี้ได้ลงคอ”

 

   อันที่จริง เซเลนไม่ได้เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับคนส่วนใหญ่ ค่อนข้างคับแคบขี้เหนียวด้วยซ้ำ

   ถ้าความจริงในใจถูกเปิดเผย ตอนนี้ก็อาจจะเจอปัญหาอีกหลายอย่าง

 

   กว่าไอโรเน่จะรู้ถึงพรสวรรค์อันยิ่งใหญ่ของเธอ ก็หลังจากถูกพาตัวออกไปแล้ว ไม่ใช่เฉพาะกับมิลาน แต่สร้างประโยชน์ในระดับประเทศ นำความรุ่งเรื่องสู่หลายเผ่าพันธุ์

 

   ทั้งที่จริงเป็นเพียงผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นทางอ้อมทั้งนั้น

 

   การจะให้เธอกลับไปมีความรู้สึกที่ดีต่อไอโรเน่ ผู้ที่เคยขับไล่เธอซึ่งเป็นลูกแท้ๆและกักขังอยู่ในความมืดไปชั่วชีวิต ตามปรกติคงไม่มีใครหวังถึงขั้นนั้น แต่สำหรับคนที่อยู่ตรงนี้ เป็นผู้ที่ให้ความสำคัญกับครอบครัวเป็นที่สุด กับยึดมั่นในจริยธรรม และที่สำคัญ พวกเขารู้ว่าเซเลนต่างออกไป

 

   ตลอดเวลาที่เซเลนผู้โชคร้ายถูกขังอยู่ในความมืดมิด ไม่เคยแสดงความโกรธเกลียดใครเลย

 

“ในตอนที่เจ้าชายมิลานไปพาตัวเซเลนออกมาได้สำเร็จ ในสายตาของเด็กคนนั้นคงเห็นเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวมาหา เหมือนพระเอกในนิทาน จะขอบคุณอีกกี่ครั้งก็ไม่พอค่ะ…”

“ไม่หรอกครับ แค่ได้พบกับเซเลนโดยบังเอิญ และช่วยออกมาด้วยความสงสาร ไม่ได้คิดว่าเป็นพระเอกของใครหรอกครับ”

 

   ในตอนนั้น ประมาณว่า มิลานแค่วู่วามจนเผลอทุ่มเงินลงทุนแบบเสียเปล่า

   แต่บังเอิญ หลังจากนั้น หุ้นที่ชื่อเซเลน มีมูลค่าขึ้นสูงพรวดพราดไม่ยอมหยุดราวกับปาฏิหาริย์ โดยที่ไม่คาดคิดมาก่อน

 

   ในสายตาของเซเลน เจ้าชายไม่ได้ขี่ม้าขาว แต่ขี่ปีศาจขาวแห่งสหพันธ์* บุกทะลวงเข้ามาในกองทัพซีออน* ซึ่งเธอยังเห็นเป็นเช่นนั้นจวบจนปัจจุบัน

 

“เรื่องระหว่างท่านแม่กับเซเลนก็มีเพียงเท่านี้ค่ะ แล้วก็ เมื่อเร็วๆนี้เธอเรียกท่านแม่ว่า ‘ผู้หญิงคนนั้น’ อีกด้วยค่ะ”

“อื่ม ผู้หญิงคนนั้น สินะ อธิบายถึงความห่างเหินของเธอกับผู้เป็นแม่ได้ดีทีเดียว”

 

   ชวานถอนหายใจอีกครั้ง

   หากเป็นการแต่งงานทางการเมืองก็แค่ชี้ให้เห็นผลประโยชน์ร่วมกันก็พอ แต่ถ้ามีอารมณ์ความรู้สึกของมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้องก็จะกลายเป็นเรื่องที่ซับซ้อน

 

“เอาล่ะ พอจะเข้าใจความรู้สึกของเด็กคนนั้นกับเหตุผลของราชินีไอโรเน่บ้างแล้ว ต้องขอขอบคุณท่านอาลัวที่ช่วยแนะนำ”

“ไม่หรอกค่ะ! ที่ฉันทำได้ก็มีเพียงบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะช่วยแก้ไขอย่างไร”

 

   ทั้งชวานและไอบิส ไม่ใครพูดอะไรอีก

   ได้รับรู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างราชินีไอโรเน่กับเซเลนจากอาลัวแล้ว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเปลี่ยนแปลงมันได้

 

   ก่อนที่จะเงียบจนน่าอึดอัด มิลานก็พูดขึ้นมา

 

“ถ้าไม่มีวิธีที่ดีกว่านี่ ผมคิดว่าจะแสดงให้เห็นถึงความจริงใจโดยการไปขอร้องกับราชินีไอโรเน่โดยตรงครับ”

“…”

 

   ชวานรับฟังข้อเสนอของมิลานแล้วก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

  เขายังมองตรงมาที่มิลานเหมือนคาดหวังอะไรบางอย่าง

 

“เพราะมนุษย์สื่อสารกันได้ ไม่เหมือนสัตว์ป่า เพราะฉะนั้น จึงต้องแก้ปัญหาด้วยการเจรจาเยี่ยงอารยชน ถ้าเป็นปัญหาที่แก้ได้ด้วยเงิน ผมก็ยินดีสละทรัพย์สินส่วนตัวทั้งหมด ซึ่งครั้งนี้ไม่น่าใช้วิธีนั้นได้ แต่ผมเองก็ปรารถนาให้แซเลนได้พบกับความสุขเช่นกันครับ”

 

   มิลานหันกลับไปมองชวาน และทั้งคู่ก็จ้องหน้ากัน

  ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง สักพักชวานก็เอ่ยปาก

 

“…คล้ายกับที่ข้ากำลังคิดอยู่เลย ก็เป็นพ่อลูกกันนี่นะ มันจะเป็นเรื่องยากอย่างแน่นอน เพราะเป็นปัญหาที่เกิดในจิตใจของแต่ละคน ตอนนี้แหละ ที่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ”

“ผู้เชี่ยวชาญ?”

 

   มิลานแสดงความสงสัย จากนั้นชวานสั่นกระดิ่งที่วางอยู่ใกล้ๆ 

   เป็นกระดิ่งที่เอาไว้เรียกคนรับใช้

   ทันทีที่กระดิ่งส่งเสียง ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า แม้จะมีการประชุมของราชวงศ์อยู่ก็ตาม

 

“มาแล้วค่ะ! มารอให้เรียกตั้งนานแล้วค่ะ!”

“เพราะเจ้าชอบส่งเสียงเอะอะ ถ้าให้เข้ามาก่อนก็คุยกันไม่รู้เรื่องน่ะสิ”

“ใจร้าย!”

 

   น้องสาวของมิลาน มารี ในชุดสีแดงเข้มเหมือนทุกที เข้ามาถึงก็ส่งเสียงเอะอะตามที่ว่าไว้จริงๆ

  และคนที่อยู่ข้างหลังที่เธอจูงมือตามเข้ามา เป็นเด็กสาวแปลกหน้าอายุไล่เลี่ยกัน

 

“เอาเถอะ เรื่องในครั้งนี้ก็ไม่มีโอกาสให้หนูต้องออกหน้าอยู่แล้ว ที่รีบมาเพราะอยากเปิดตัวสาวน้อยคนนี้เร็วๆต่างหากค่ะ”

“นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ข้าน้อยถูกเชิญให้มาเข้าพบบุคคลสำคัญระดับนี้… ถ้าเป็นไปได้ก็อยากขอเวลาทำใจอีกสักพักนะเจ้าคะ”

 

   การแสดงออกตรงกันข้ามกับมารี เด็กสาวคนนี้มีเส้นผมสีดำสนิท ซึ่งพบเห็นได้ยากมากในทวีปนี้ แต่งกายด้ายเสื้อผ้าที่คล้ายชุดคลุมย้อมลวดลายดอกไม้สวยงามเหมือนภาพวาด

 

   มารีดันเด็กสาวคนนั้นขึ้นมาด้านหน้า ให้เผชิญหน้ากับมิลานและคนอื่นๆ

   เธอยังดูประหม่า แต่ก็พูดจาฉะฉาน เธอย่อตัวก้มต่ำไปทางชวานและคนอื่นๆเพื่อทักทายอย่างนอบน้อม

 

“เธอคือ…?”

“ยินดีที่ได้พบ ข้าน้อยมีนามว่าฮิโนเอะ มาจากประเทศทางตะวันออก เกาะขนาดใหญ่นอกทวีป เดินทางมาแผ่นดินใหญ่เป็นครั้งแรก เพื่อเป็นกำลังให้ท่านเซเลน ผู้ที่ทำให้ข้าน้อยมีชีวิตอยู่ต่อได้ทุกวันนี้เจ้าค่ะ”

 

  ผู้ช่วยอีกคนที่ชวานจัดเตรียมไว้ให้สำหรับภารกิจนี้ คือฮิโนเอะ เด็กสาวที่มีความสามารถมองเห็นจิตใจของผู้อื่น ครั้งหนึ่งเคยได้มารีและเซเลนช่วยชีวิตไว้ที่ประเทศของเธอ

 

 

____________________

* (ส่วนใหญ่คงรู้กันอยู่แล้ว เผื่อคนไม่รู้ก็แล้วกัน) จากเรื่อง Mobile Suit Gundam

連邦の白い悪魔 = ปีศาจขาวแห่งสหพันธ์ ชื่อเล่นของ กันดั้ม RX 78-2

ジオン軍 = กองทัพซีออน จักรวรรดิซีออนเป็นศัตรูกับสหพันธ์

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

[นิยายแปล] เจ้าหญิงแสงจันทร์แห่งดินแดนไว้ทุกข์

Comment

Options

not work with dark mode
Reset