[นิยายแปล] Breakthrough with the Forbidden Master – ตอนที่ 7

ตอนที่7
 
“…ในเวลาอันสั้น ทุกคำตอบถูกหมด…นายน้อย สุดท้ายแล้วก็ผ่านบทเรียนของฉันไปได้…เย้ๆ”
 
และนั่น ด้วยน้ำตาแห่งความปลื้มปิติ ซาดีซก็อนุญาติในผมไปข้างนอกได้ก่อนมื้อค่ำ
 
ทุกโจทย์ตอบได้อย่างถูกต้องในเวลาอันสั้น ผมไม่เคยรู้สึกดีใจเลย แต่ก็แสดงออกมาเหมือนภูมิใจ
 
”เอาหละ แทนคำขอบคุณ ผมจะพานายไปที่ๆนายอยากไป”
 
[อืม งั้นช่วยพาไปที่ย่านเจริญรุ่งเรืองที่สุดที]
 
”อา ไว้ใจได้เลย”
 
ผมออกจากบ้าน เดินผ่านเขตที่อยู่อาศัยระดับสูง และไปยังใจกลางเมือง ที่ที่เป็นศูนย์กลางของเมืองจักรวรรดิ
 
[การพัฒนาเกิดขึ้นมากมาย…ไม่มีบรรยากาศการฆ่าฟันกันเหมือนตอนสงครามเลย…เป็นสิ่งที่ดีจริงๆ…ช่างสงบสุขจัง]
 
”เอ๊ะ”
 
[และพวกนี้…สิ่งเหล่านี้ โลกนี้พวกเขาได้รับมันมาจากการจัดการข้า…]
 
ออกมาข้างนอกเป็นครั้งแรกในรอบ10ปี ท้องฟ้า เมือง ความงดงามต่างๆ และผู้คนมากมาย
 
มันคงจะรู้สึกยุ่งยากสำหรับ เทร ไอน่า ผู้ที่เป็นปีศาจและศัตรูของมวลมนุษย์ แต่มันก็คงจะเป็นช่วงเวลาที่เขาจะได้ออกมาสู่โลกเช่นเดียวกัน
 
เพราะงั้นมันจึงเป็นเหตุผลที่ เทร ไอน่าดูวิวที่อยู่ตรงหน้าไปแบบเงียบๆสักพักนึง
 
”อ้า เหนื่อยโว้ยไม่รู้หละวะ วันนี้ฉันจะดื่มให้หนักเลย”
 
”เห๋ เห๋ เมียนายไม่ด่าหรอ”
 
”เอาน่า ไม่กันเร็วๆเพื่อน อย่าช้า!”
 
ภาพบรรยากาศแบบนี้มันเป็น”ชีวิตปกติ”
 
”แม่คับ ข้าวเย็นคืออะไรหรอครับ”
 
”แล้ว ลูกอยากกินอะไรหละ!”
 
”สเต็กฮะ!”
 
”นั่นสินะ! วันนี้คุณพ่อเงินเดือนออกด้วย เพราะงั้นแม่ก็คิดว่าจะใช้เยอะสักหน่อยนะ”
 
พวกผู้ชายตรงนั้นกำลังกลับบ้านจากการทำงาน พวกแม่บ้านก็ซื้อข้าวเย็นกับพวกลูกๆ
 
และก็ยังมีพวกเด็กนักเรียนที่กำลังคุยกับพวกเพื่อนๆหลังเลิกเรียน
 
”…แล้ว…นายคิดยังไงกับสิ่งเหล่านี้หละ?”
 
คิดยังไงกับภาพเหล่านี้? ผมถามคำถามพื้นฐานเลย
 
[ก็แน่นอนว่าข้าหงุดหงิด กับการรวมกลุ่มกันของพวกมนุษย์สกปรกจากสงคราม ใช้ชีวิตปวกเปียก วันๆเอาแต่พล่ามกับยิ้ม ข้าหละอยากจะทำลายล้างพวกมันซะเดี๋ยวนี้]
 
แม้ว่าจะเป็นร่างวิญญาณ แต่ดวงตาเย็นชาที่ส่งมาก็ทำให้กระดูกสันหลังของผมสั่นสะท้าน รู้สึกเหมือนโดนผ่าเส้นเลือด
 
ชายคนนี้ที่ผมคิดว่าคงจะมีประโยชน์แต่จริงๆก็ยังเป็นจอมมาร
 
แต่…
 
[ยังไงก็ตาม…ไม่สำคัญอีกแล้วว่าข้าจะคิดอย่างไร ข้าถูกจัดการลงแล้ว…โดยส่วนมากแล้ว ข้าก็เจอว่าข้ามีความประทับใจในสิ่งนี้แหละ การกระทำของข้ามันไม่มีผลต่ออนาคตอีกแล้ว มันอยู่นอกเหนือไปแล้ว]
 
ท้ายที่สุดแล้วผมก็ไม่รู้สึกถึงความโกรธหรือเกลียดชังเลย
 
ในทางตรงกันข้าม ปฏิกิริยาที่เขาแสดงออกมากลับทำให้อยากจะขำดังๆ ถ้ามองจากด้านหลังก็คงจะดูเศร้าเล็กน้อย แต่จอมมารก็ผงกหัวชัดเจน
 
“เป็นแบบนั้นหรอ?”
 
[เอาละ ข้าต้องพูดให้แน่ชัดกับเจ้าก่อน มันไม่มีอะไรที่ข้าทำได้อีกแล้ว]
 
ใช่แล้ว มันช่วยอะไรไม่ได้แล้ว
 
แค่เพราะว่าผมเป็นคนเดียวที่มองเห็นและได้ยินเสียงเขา มันเป็นไปไม่ได้ที่จอมมารจะมีผลอะไรต่อโลกอีกแล้ว
 
นั่นเป็นเหตุผลที่สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือมองโลกที่พ่อและพวกพ้องของเขาได้รับชัยชนะผ่านผม
 
ผมรู้สึกสงสารเขาที่สามารถทำได้แค่นี้นิดหน่อย แต่ผมก็ตัดสินใจที่จะไม่ถามอะไรมากไปกว่านี้ เพราะมันไม่ใช่ที่ของผมที่จะพูดอะไรเกี่ยวกับมัน
 
อย่างไรก็ตาม นี่จึงทำให้จอมมารแสดงออกอย่างชัดเจนเกี่ยวกับความรู้สึกของผม และได้ยินสิ่งที่ผมถามเกี่ยวกับเรื่องที่กังวล
 
“นี่ ‘ผู้กล้า’ ฮิโระ…พ่อผมหนะ…เขาแข็งแกร่งมั้ย?”
 
[ห๊า?ฮิโระ?]
 
”อ่าคือ ผมเป็นลูกของพ่อใช่มั้ยละ แต่ผมกลับไม่ได้รับการฝึกจากเขาเลย และตอนนี้บ้านเมืองสงบสุข ดังนั้นผมเลยไม่เคยเห็นเขาต่อสู้จริงจังเลย”
 
พ่อผมเป็นตัวตนที่สุดยอดมาก ดังนั้นมันเลยหลีกเลี่ยงที่จะถูกเปรียบเทียบไม่ได้
 
ยังไงก็ตาม ผมยังไม่เคยเห็นความสามารถที่แท้จริงของพ่อเลยเพราะผมรู้แค่เรื่องราวความสำเร็จและเกียรติยศที่เขาเคยทำสำเร็จ
 
ในแง่นั้น เขาและพ่อก็เคยเป็นปรปัที่เคยฆ่ากันมาก่อน
 
ด้วยเหตุผลนี้มันคงไม่เกินจริงนักที่จะพูดว่าเขารู้พลังของพ่อมากกว่าใครๆ
 
[ฮิโระ …ในความคิดข้า…พ่อของเจ้า…]
 
“อืม”
 
[…หรือก็คือ ผู้กล้า…]
 
ด้วยการแสดงออกที่เคร่งเครียดเล็กน้อย เขากำลังนึกถึงเรื่องราวในอดีต จอมมารคงกำลังนึกสิ่งที่เขาคุยกับพ่อของผม
 
[ปาร์ตี้ผู้กล้าแม่งเล่นตุกติก และโคตรไม่ดูสถานการณ์เลย! มันคงไม่เกินไปหรอกถ้าจะพูดว่าเจ้าพวกนั้นมันไม่รู้จักคำว่า “ยุติธรรมและตรงไปตรงมา”! อ้าาาา ช่างน่ารังเกียจจริงๆโว้ย]
 
…เขาคงเก็บความคับข้องใจประหลาดๆเอาไว้สิท่า
 
”ไม่ ไม่ เดี๋ยวนะ ขี้โกง…”
 
[โคตรขี้ขลาด! มันจะยอมรับได้ยังไงหละ? ในศึกสุดท้ายนะ…เจ้าพวกนั้นบุกเข้ามาในปราสาท…และพวกเจ็ดนักรบที่นำโดยฮิโระ ก็บุกมาถึงตัวข้า]
 
”เจ็ดคน…อ้อ… ‘เจ็ดวีรบุรุษแห่งมวลมนุษย์’ “
 
[ใช่!อย่างไรก็ตามมันก็ไม่แปลกอะไรจนมันมาถึงจุดเปลี่ยนนี้ มันควรจะเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัวระหว่างจอมมารและผู้กล้าที่แข็งแกร่งที่สุดที่จะเป็นการตัดสินชะตาของโลกไม่ใช่หรอ? แต่พวกบ้านั่น…ทั้งเจ็ดคนดันโจมตีข้าพร้อมกันซะงั้น! แม่เจ้าด้วยนั่นแหละ!]
 
ออร่าของจอมมารดูจะถูกปลุกเล็กน้อย ไฟแค้นที่ถูกจุดด้วยสิ่งกระตุ้นความเดือดดาล
 
[ใช่แล้ว! ยิ่งกว่านั้นนะ ถ้ามันยังน่าตลกไม่พอ เจ้าฮิโระนะ… ”มวลมนุษย์ทั่วทั้งโลกเอ๋ย ได้โปรดให้เรายืมพลังด้วยเถิด” เป็นการวิงวอนในคำขอร้องที่มันไม่ควรจะทำได้ แล้วไอพวกมนุษย์ทั้งโลกก็ดันส่งพลังให้ไอเจ้าฮิโระ เอาชนะข้าได้ด้วยดาบขนาดยักษ์ ที่รวมพลังของไอบ้าทั่วโลกเอาไว้! ขี้โกงชัดๆ!]
 
เอ่อ…ถ้าคุณอยู่ฝั่งผู้กล้าแล้วฟังเรื่องนี้ คุณคงจะรู้สึกเหมือนหัวใจของคนทั้งโลกรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
 
แต่ถ้าจากมุมมองของเขา มันก็คงจะขี้โกงเกินไปที่จะสู้ตัวคนเดียวกับพลังของมนุษย์ทั้งโลก
 
”แต่ถ้าในฐานะผู้นำของกองทัพจอมมาร นายก็น่าจะเป็นตัวแทนของฝั่งนายสิ”
 
[……]
 
”ในตอนนั้น แล้วผู้ใต้บังคับบัญชาของนาย—“
 
[ไม่ต้องถามอะไรอีก วันนี้พอแค่นี้! พาข้าไปดูเมืองต่อพรุ่งนี้!]
 
พอเห็นว่ามันเหมือนว่าจากอารมณ์ไม่ค่อยดีจะกลับกลายเป็นความกระอักกระอ่วน จอมมารก็รีบพูดตัดบทเพื่อจบการพูดคุยทันที
 
ชัดเจนว่ามันคงเป็นเรื่องที่ผมไม่ควรไปแตะ
 
”อาาา…เห้อ แต่ผมต้องไปโรงเรียนพรุ่งนี้ ดังนั้นเรื่องนั้นคงต้องเอาไว้ทีหลัง”
 
[ไม่ต้องกังวลหรอก ข้าก็สนใจในสถาบันที่ฝึกนักรบของฝั่งมนุษย์เช่นกัน]
 
ในช่วงที่ผ่านมา มันดูไม่ได้เกิดความอันตรายอะไรกับผม และเจ้านี่ก็ดูทำอะไรไม่ได้เช่นกัน
 
ผมดันถูกสิงโดยพวกสิ่งประหลาดซะได้ แต่ผมคงจะอยู่ร่วมกับมันไปได้อีกสักหน่อย
 
[หืมมม? เจ้าหนู หนังสือที่วางซ้อนอยู่ที่ร้านตรงนั้น…ก็เป็นข้อเสนอเช่นกัน แต่…]
 
และจอมมารก็หยุดผมจากการกลับบ้าน
 
พอมองกลับไปก็เห็นจอมมารก็มองไปที่ร้านหนังสือที่มีมงกุฎเล็กๆอยู่ด้านหน้า
 
พอคิดเกี่ยวกับมัน ผมก็ค่อนข้างมั่นใจ…
 
”หืมมม? โอ้ ’Destiny Grand Order’ จะวางขายวันนี้นี่…”
 
เล่มต่อของซีรี่ย์นวนิยายขายดีระดับโลกจะวางขาย ผมก็ไม่ได้สนใจหรอกนะ แต่…
 
[นะ-นั่นคืออะไรอะ? มันเกี่ยวอะไรกับ ‘Destiny Stay night’ รึเปล่า?] (ตรงนี้เหมือนผู้แต่งจะกล่าวถึงfateนะครับ เพราะเอาจริง fateกับdestinyก็แปลเหมือนกัน เดาว่าผู้แต่งคงชอบfateรึเปล่า)
 
”เอ๋…นี่มันมีตั้งแต่เมื่อ20ปีก่อนแล้วหรอนี่? มันถูกสร้างสร้างเป็นซีรี่ย์แต่…”
 
[อะไร? มันถูกสร้างเป็นซีรี่ย์แล้วหรอ?]
 
ในตอนนั้น จอมมารดูจะถูกสตั้นจากสายฟ้า
 
ไม่สิ จอมมารควรจะไม่ได้รับดาเมจจากเวทย์สายฟ้าระดับสูงด้วยซ้ำ แต่อ้าปากยังกับโดนสตั้นจริงๆ
 
[…เอ่อ ซื้อมันซะ]
 
เขากระแทกหน้าของเขาเข้ากับผม แล้วพูดด้วยตาที่แดงก่ำ
 
”ไม่สิ ทำไมจอมมาร…ถึงอยากได้หนังสือมนุษย์ละ…”
 
[เผ่าพันธ์ไม่เกี่ยวกับวัฒนธรรมเฟร้ย! ข้าอ่านมันมานานแล้ว…ข้าไม่ค่อยชอบมนุษย์หรอกเนอะแต่เรื่องนี้มันทำให้ข้าประทับใจเหลือเกิน] (ชัดเจนนะครับว่าผู้แต่งเป็นสาวกfate55555)
 
”โอ้โห! นี่นายเป็นจอมมารตัวจริงใช่มั้ยเนี่ย?”
 
[จริงสิ! เอาหละเจ้าหนู…ไปเอามันมาให้ข้าซะ!]
 
“ห๊า~!? ทำไมต้องผม!? อีกอย่างนะ ถึงผมจะซื้อมา แต่นายจะอ่านได้รึไง! นายจับหนังสือยังไม่ได้เลย”
เจ้าเปิดให้ข้าได้ไง! อย่ามาล้อเลียนข้านะเฟ้ย!]
 
“ชะ-ช่างดื้อรั้นซะจริงๆ”
 
ทีแรกผมก็ค่อนข้างรำคาญที่เขาเอาตัวเป็นที่ตั้งอยู่หรอก แต่ท้ายที่สุด เขาดูค่อนข้างน่าสงสารนะ และถ้ามันแค่หนังสือเล่มเดียว…
 
”อา โอเคพอละ ผมซื้อให้ก็ได้”
 
[เยี่ยมยอดมาก!]
 
เขามีความสุขกับเรื่องแค่นั้น…
 
สำหรับตอนนี้ ผมจะแค่รอดูว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
 
[อา…ยังไงก็ตาม เจ้าซื้อได้ใช่มั้ย? ในยุคก่อนๆหนังสือเล่มนั้นค่อนข้างรุนแรงและก็ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องอายุหนะ…]
 
“ห๊ะ?เป็นงั้นหรอ? ไม่หรอก…ผมค่อนข้างแน่ใจว่ามันเขียนมาใหม่สำหรับทุกวัยนะ“
 
[ถ้ายังมีการควบคุมเรื่องอายุอยู่ งั้นคงต้องหาทางอื่น อย่างที่ข้าเคยซื้อหนังสืออ้างอิงเพื่อการศึกษามา2เล่ม แล้วค่อยแอบใส่ไประหว่าง2เล่มนั้น…]
 
”เดี๋ยวนะ นายเคยใช้กลยุทธแซนวิชเพื่อซื้อหนังสือโป๊หรอ?”
 
…เอ่อ งั้นมารอดูต่ออีกนิดนึงดีกว่า…

Breakthrough with the Forbidden Master

Breakthrough with the Forbidden Master

“Compared to our time, the current generation just aren’t as reliable” they said, “Still, isn’t he the son of the Hero?” How annoying. It’s been over ten years since the battle between mankind and the demons ended. The children of the heroes who saved the world are all grown up. One of them, Earth, was a talented man, and everyone expected him to succeed his father as a warrior and defend his country, but Earth was always wary of his father’s title. One day, Earth is shocked to find his father’s sword, which was used to overthrow the Demon King, sealed in his family’s mansion. Because trapped within was the ghost of the Great Demon King who was unable to pass on and continued to roam the world. For some reason, only he could see the spirit of the Demon King, and the Demon King possessed him through the sword. Every day, forced to coexist with the spirit of the Demon King, they live a strange shared life, when the Demon King whispers to Earth on a whim. “I have a grudge against your father. If you want to get back at your father and the world, I’ll train you. I’m free.” Earth receives special personal guidance from the Demon King just to get back at his parents and the world. Then, in the coming days. The hero’s parents, the heroes of the past, the first love, the princess childhood friend, the geniuses of the era, and the world will tremble.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset