[นิยายแปล] Breakthrough with the Forbidden Master – ตอนที่ 8

ตอนที่8
 
“เอ่อ มันไม่ใช่ทั้งแบบนี้หรือแบบนี่ทั้งนั้น แต่ถ้าคุณยังทำตัวแบบนี้ต่อไป คุณจะไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรต่อไป…สั้นๆก็คือ นี่เป็นปัญหานะ เอาละเปิดหน้าถัดไป”
 
คาบเรียนที่โรงเรียนก็เหมือนแบบเดิมๆ การสอนก็เป็นไปแบบรวดเร็ว ครูก็พูดติดจรวดสุดๆ
 
นั่นคือ ถ้าใครที่เรียนไม่เข้าใจจะถูกทิ้งไว้เบื้องหลังและโดนคัดออก
 
จริงๆมันก็ไม่มีอะไรหรอกถ้าคุณเตรียมตัวไว้ให้ดีอย่างผม แต่…
 
[น่าขบขันเสียกระไร บทเรียนโคตรไร้ประโยชน์ เจ้าพวกนี้ลืมประเด็นสำคัญไปแล้ว นี่เจ้านี่เป็นครูจริงดิ? นี่เขียนพยายามให้นายเข้าใจแล้วใช่มั้ย? ที่สำคัญเนื้อหาของเจ้ามันไม่บิดเบือนจากประวัตจริงๆหรอ?]
 
จอมมารที่ไม่ถูกเห็นจากคนรอบๆ นอกจากผม ก็ถอนหายใจออกตั้งแต่เริ่มคาบ
 
[เนี่ยดูสิ นักเรียนหลายๆคนยังเอ๋อๆอยู่เลย แต่ไอพวกครูก็ไม่ได้อธิบายอะไรเลย แถมยังสอนเนื้อหาต่อเลยเนี่ยนะ? ทำไมไม่ถามคำถามหละ? ค่าเรียนก็จ่ายไปแล้วไม่ใช่รึไง?]
 
พวกครูในโรงเรียนก็มีแต่พวกมีพรสวรรค์ที่มีคุณสมบัติอยู่ระดับกลางหรือสูงกว่าของ {นักรบจักรวรรดิ}
 
[โอ้ตายละหว่า นี่เป็นสถาบันฝึกเด็กอัจฉริยะของมนุษย์จริงดิ…? น่าอนาจชิบเป๋ง”
 
เขาดูไม่ชอบอย่างชัดเจน
 
[ไอการเหวี่ยงแขนเป็นพันครั้งที่ให้ข้าดูก่อนหน้าก็ไร้ประโยชน์ ไอการฝึกที่พอมีประโยชน์ก็มีแค่การฝึกเท้าอย่างเดียวเลย]
 
เอ๋? จริงดิ? …แล้วทำไมซาดีซถึงให้ผมฝึก5000ครั้งต่อวันละ?
 
[ไร้ประโยชน์จ้า]
 
”เอ๋!?”
 
ในตอนนั้นทำไมจอมมารถึงตอบความคิดของผมแบบปกติงั้นอะ
 
{นะ-นี่ นาย…หรือว่ามันจะ…ถึงแม้ผมจะพูดในความคิดหรอ…}
 
[หืมม? โอ้!…ดูเหมือนว่าเราจะคุยกันแบบนี้ได้ด้วย]
 
แปลกจัง ถ้างั้น ด้วยการพูดในใจเราก็สามารถติดต่อกันได้โดยไม่ต้องพูดในที่สาธารณะสินะ ผมก็จะได้ไม่ต้องถูกมองว่าเป็นไอบ้าพูดคนเดียวแล้ว?
 
เอาละ นี่เป็นประเด็นสำคัญแล้ว…
 
{ทะ-ที่สำคัญกว่านั้นนะ ผมก็กังวลนิดหน่อยนะ แต่ไอการฝึกเหวี่ยงแขนมันไร้ประโยชน์หรอ?}
 
[ข้าก็ไม่ได้บอกว่าว่ามันไร้ประโยชน์ซะทีเดียวหรอกนะ เจ้าจะพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้และก็เพิ่มพลังกาย แต่สิ่งที่เจ้ากับพวกนักเรียนทำมันมีประโยชน์ไม่ค่อยมาก]
 
{…เอ๋…บ้าน่า}
 
[การฝึกเหวี่ยงหนะมันมีรูปแบบตายตัวไว้แล้ว ถึงเจ้าจะทำซ้ำๆไป เจ้าก็จะเคลื่อนที่อย่างถูกต้องไม่ได้หรอก และถ้าเจ้าเพิ่มความถี่ที่จะทำไอเรื่องที่หาประโยชน์ไม่ได้แบบนี้ เจ้าจะเสียรูปแบบที่เจ้าใช้ไปให้กับความเหนื่อยล้าและก็รับรูปแบบที่ผิดๆมาเยอะแยะมากมายแทน]
 
{…งะ-งั้นหรอ…}
 
[ถ้าโดยทั่วๆไป การที่เจ้าเหวี่ยงไปเรื่อยๆโดยไม่คิด ในการต่อสู้จริง…เจ้าจะเหวี่ยงไปที่ภาพศัตรูหรือ? พอหมดแรง สุดท้ายเจ้าก็ต้องกลับไปใช้รูปแบบต่อสู้พื้นฐานอยู่ดี ใช่มั้ยหละ?]
 
ในตอนนั้น หลายปีที่ฝึกหนักดันกลายเป็นผิดซะงั้น
 
ไม่สิ ผมอาจจะถูกกดด้วยความตกใจ แต่…
 
[แต่ถ้าคิดแบบนี้…พอนึกๆดู ที่เหวี่ยงแขนเป็นพันครั้งแล้วมีประโยชน์ก็มีคนนึงในห้อง]
 
{เอะ?}
 
[ไม่ใช่เจ้า? เด็กสาวด้านหน้าที่อยู่เฉียงจากเจ้า]
 
ทำเอาอึ้งเลย รอบตัวผม มีอยู่หนึ่งคนที่จอมมารยอมรับเท่าที่นึกออก
 
คนประเภทไหนที่แม้แต่จอมมารยังจำได้ยันตอนนี้? ผมคิด  แล้วนึกออกทันทีว่ามีแค่คนเดียวที่เป็นแบบนั้นได้
 
{เด็กสาวผมทองใช่มั้ย?}
 
เจ้าหญิงผู้มีผมยาวสลวยสีทอง
 
{เอ่อ เจ้าหญิงฟิอันเซ่}
 
[เจ้าหญิง…]
 
{โอ้ ในจักรวรรดินี้…องค์จักรพรรดิ…สำหรับนายก็คงรู้จักในนามโซเลียแห่งเจ็ดวีรบุรุษใช่มั้ย?}
 
[เอ๋!? โฮ่~…โซเฟีย…อัศวินหอกเวทย์ที่เหมือนผู้หญิงคนนั้น…จะว่าไปตอนนั้นเขาเป็นเจ้าชาย แต่ตอนนี้เป็นจักรพรรดิแล้ว…ก็สมเหตุสมผลอยู่…]
 
มันเป็นการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับคนที่จอมมารรู้จัก ผมก็พยักหน้าไปตามอารมณ์
[เท่าที่ดู…มันเป็นเรื่องจริงที่เธอมีเชื้อสายที่ยอดเยี่ยม การเหวี่ยงดาบก็เลยยอดเยี่ยม ปริมาณพลังเวทย์ที่มีก็น่าประหลาดใจกับอายุเพียงนี้…ทำให้เข้าใจเนื้อหาจากการสอนของครูระดับห่วย…น่าตกใจมาก…นี่มันอัจฉริยะของแท้]
 
และมันมาควบคู่กับการยกย่องชื่นชมที่มากขึ้นตาม
 
เอาสั้นๆคือ เจ้าหญิงเป็นคนที่สุดยอดมากๆที่ได้รับการชื่นชมไปยันจอมมาร
 
[แต่ถึงแม้เจ้าเด็กนั่นจะมีพรสวรรค์จริงๆก็ตาม…แต่ความสามารถ ณ ตอนนี้มันสูงกว่าพรสวรรค์ไปมาก]
 
{เอะ?!}
 
 อะไรอีกหละ ก็เหมือนกับพวกที่เหลือ…ไอเวรเอ้ย…
 
”โอ้ย!”
 
ในตอนนั้น ชอล์คจากอาจารย์ก็ถูกปามาเต็มหน้าผาก ผมหลบไม่ได้เพราะไม่ได้ระวังตัว
 
”นี่ ใจลอยไปไหนซะละ เอิร์ธ? มือนายไม่ได้ขยับมาสักพักแล้วนะ แล้วนายก็จ้องเขม็งไปที่ฟิอันเซ่มาสักพักแล้วด้วย”
 
”…เอ๋!?”
 
”เอออออ๋!!??”
 
”อะ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ!!!”
 
การโดนปาชอล์กหยุดการเรียนด้วยความเร็วสูงและเพราะการหยอกล้อเล็กน้อย
 
สำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ดวงตาทุกคู่ในห้องจับจ้องมาทางผมและพวกเขาก็หัวเราะ
 
และเจ้าหญิงก็ไม่ได้หันหลังมาทางผม แต่ใบหน้าของเธอแดงก่ำไปด้วยความโกรธ และเธอก็สั่นเทา
 
อะไรละนี่? เธอไม่ได้ชอบผม แต่เธอโกรธเมื่อผมทำเรื่องตลกเกี่ยวกับ…
 
”จริงจังหน่อย เข้าใจไหม?เอิร์ธ มันไม่สำคัญหรอกว่านายเป็นลูกของผู้กล้า ตราบใดที่นายยังอยู่ในห้องเรียน ไม่ว่าจะลูกของผู้กล้าและเจ้าหญิงแห่งจักรวรรดิก็จะเป็นแค่เด็กนักเรียน ดังนั้นให้ฉันบอกนายเรื่องนี้นะ?”
 
พอพูดอย่างนั้น อาจารย์ก็เดินเข้ามาหาผมด้วยลักษณะที่ดูจริงจัง ในตอนนั้นคาบก็หยุดไปชั่วคราว
 
”อีกไม่นาน จะมีรางวัลมอบอาชีพรอบสุดท้าย และการคัดเลือกของการแข่งขันเรียนจบประจำปีจะถูกประกาศแล้ว ถ้านายมีผลการเรียนยอดเยี่ยมใน3ปี นายจะได้เส้นทางอาชีพที่ต้องการแน่ๆ…คงไม่ต้องสงสัยเลยว่าอัศวินจักรวรรดิจะถูกคัดเลือกจากการแข่งขัน การที่นายเรียนจบจากสถาบันแล้วต้องไปทำงานที่ไม่ใช่ความฝันของตัวเอง มันจะเป็นเพียงจุดเริ่มต้น ตอนนี้นายกำลังเตรียมจะได้เริ่มตามจุดเริ่มต้นของเส้นทางแบบนั้น มันแล้วแต่นายเลยนะว่าอยากจะเริ่มเส้นทางแบบไหน นายจากก้าวหน้าไปยังไง และความฝันแบบไหนที่นายต้องการจะทำหลังเรียนจบ ดังนั้นนายอาจไม่จำเป็นต้องฟังเพราะว่านายรู้เนื้อหาของคาบเรียนมาดีอยู่แล้ว แต่นายยังต้องฟัง คนที่ไม่ได้เตรียมตัวสำหรับการเรียนมักจะล้มเหลว นายเข้าใจใช่มั้ย?”
 
อาจารย์ยื่นหน้ามาในขณะที่เทศนาผม แล้วก็เดินกลับหน้าห้องไปพร้อมกับหัวเราะ
 
เห้อ เลือดร้อนซะจริงนะ
 
[โฮ่~…]
 
แล้วราชาปีศาจที่ฟังอาจารย์เทศนาอยู่ ก็ผงกหัวเหมือนประทับใจ
 
[การสอนนี่ห่วยแตกอย่างแรง แต่เขาก็มีด้านที่น่านับถือที่จะพูดถึงอยู่ อาจารย์คนนั้นนะ]
 
แล้วเขาก็ชื่นชมอาจารย์ที่เขาเรียกแบบแย่ๆมาตั้งนาน
 
จริงๆผมก็เขาใจสิ่งที่เขาบอกแหละ และผมก็เห็นด้วยกับจุดนั้น
 
หรือคิดอีกอย่างก็ ถ้าจอมมารจำใครคนไหนได้ ผมก็ควรจะจำพวกเขาเหล่านั้นเช่นกัน
 
”เอาละ เอิร์ธ ตอบคำถามประวัติศาสตร์เกี่ยวกับกองทัพจอมมารที่ฉันถามซะ ถ้านายตอบไม่ได้…คงต้องมีบทเรียนพิเศษหลังเลิกเรียนแล้ว!”
 
”อึก!?”
 
[อะไร!? ยุ่งยากซะจริงๆ…เจ้าสัญญากับข้าแล้วว่าจะพาไปเที่ยวเมือง เพราะงั้นห้ามต้องเรียนเสริมเด็ดขาดนะ]
 
คำถามฉับพลันหรอ ถ้าผมตอบไม่ได้ ต้องเสียเวลากับมันแน่ๆ…ไม่ดีแน่ ผมมัวแต่คุยกับจอมมารแล้วไม่ได้สนใจที่อาจารย์สอนเลย
 
” {สามเนตรเวทย์มนต์อันยิ่งใหญ่} ที่มีอยู่ในโลกทั้งมนุษย์และพวกปีศาจ ชื่อของเนตรทั้ง3ดวงนั้น ทั้งชื่อของเนตรเวทมนต์ที่จอมมารเทร ไอน่าถูกกล่าวว่ามีอยู่ในครอบครอง รวมทั้งความสามารถของพวกมัน…ตอบมาให้หมด”
 
”ทะ-ทุกความสามารถเลยหรอ!?”
 
”มีอะไร? ถ้านายฟังในคาบ นายน่าจะรู้นะ”
 
คำถามเกี่ยวกับสามเนตรเวทมนต์อันยิ่งใหญ่ ในกรณีนี้ ผมน่าจะตอบได้ ผมหมายถึง นี่มันเป็นคำถามเกี่ยวกับจอมมารนี่
 
“อือ…เอ่อ ครับ {สามเนตรเวทมนต์อันยิ่งใหญ่} ประกอบด้วย {เนตรตรา} {เนตรแสงจันทร์} และ {เนตรแสงอุษา} ในบรรดานี้ เนตรเวทมนต์ที่จอมมารเทร ไอน่า ถูกบอกว่าครอบครอง…”   (ในส่วนชื่อเนตร ผมนึกคำแปลไม่ออกจริงๆ เลยขออนุญาติไปเปิดมังงะที่ทางเพจcatch meแปลไว้แล้วขอใช้ชื่อตามนั้นนะครับ)
 
ผมมั่นใจว่าเป็นเนตรตรา ผมพอรู้เกี่ยวกับมันอยู่
 
อย่างไรก็ตาม เนตรตรามันก็มีความสามารถค่อนข้างเยอะ ก็ต้องตอบให้ถูกทั้งหมดนั่นแหละ
 
”เนตรต-“
 
[เจ้าหนู! คำถามนี้มันเป็นกับดัก! อย่าโง่เด็ดขาด!]
 
{ห๊ะ?}
 
ทันใดนั้นผมก็หยุดเสียงที่พูดไว้เพราะจอมมาร ที่เป็นตัวคำถามเองเลย
 
แต่ มันหมายความว่ายังไง กับดัก?
 
[มันไม่ใช่ คำถามนี้มันเกี่ยวกับข้า…ยังไงก็ตาม ข้าวางกับดักไว้กับพวกศัตรู]
 
{ห๊ะ หมายความว่าไง}
 
[เนตรของข้าหนะ…เนื่องจากมันเป็นช่วงสงคราม ตอนที่ข้าบอกความลับว่าเป็นเจ้าของเนตรตรา แต่จริงๆมันเป็นข้อมูลปลอม]
 
[เอ๊ะ?]
 
[มนุษย์ตอนนั้นเป็นศัตรู…ข้าเลยแพร่ข่าวปลอมเพื่อหลอกพ่อของเจ้า]
 
จริงดิ? ผมไม่เคยรู้เรื่องนั้นเลยนะ เพราะเนตรตราของจอมมารก็เป็นที่รู้กันดี

[เนตรที่ข้าครอบครอง…คือเนตรที่พัฒนาเกินเนตรตราไปไกล มีชื่อว่า {เนตรหกวิธี} ] (ขออนุญาติใช้ชื่อเนตรตามเพจcatch meเช่นกัน)
 
{หะ-หกวิถี? มันเป็นครั้งแรกเลยที่ได้ยินชื่อนี้ แต่…}
 
[ห๊ะ เนตรนี้นะ เป็นเนตรรากฐานของพวกเนตรเวทมนตร์เลยนะ ในจุดเริ่มต้น สามเนตรเวทมนตร์อันยิ่งใหญ่ก็เกิดจากการแตกแขนงแยกออกมาจากจุดศูนย์กลางของประวัติศาสตร์อันยาวนานอย่าง {เนตร6วิถี} ที่เสื่อมประสิทธิภาพลงมา
 
{เอ๋ ไม่มีทาง…จริงดิ?}
 
[ใช่แล้ว เอาสั้นๆก็คือนี่จะเป็นคำตอบที่มักจะมาคู่กับคำถามของสามเนตรเวทมนตร์อันยิ่งใหญ่  เพราะมันคือประเภทที่เหนือกว่า]
 
งั้นคงเป็นงั้น ถ้าตัวต้นแบบไม่ได้มาบอกผม ผมคงต้องเรียนเสริมแน่ๆ ไม่ต้องสงสัยเลย
 
ในกรณีนี้ เขาควรจะรู้คำตอบเกี่ยวกับความสามารถของตัวเองอยู่แล้วตามธรรมชาติ
 
ผมนี่โชคดีจริงๆที่ได้คำถามเกี่ยวกับจอมมาร
 
”นี่ เอิร์ธ ตอบคำถามเร็วๆสิ เนตรของจอมมารคืออะไร?”
 
”เนตร…เป็นเนตรที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกเนตร ไม่ใช่ทั้งสามเนตรที่ว่ามา เป็น{เนตร6วิถี}!“
 
นั่นเลยเป็นเหตุผลที่ผมตอบอาจารย์กลับไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม
 
“…อะไรวะนั่น?”
 
”เห…”
 
[…อะไร?]
 
อาจารย์ทำหน้าประหลาดใจพร้อมกับเอียงคอ
 
”นี่ เอิร์ธ”
 
”คะ-ครับ?”
 
”…อย่าสร้างเนตรมาเองเพราะตอบคำถามไม่ได้!“
 
”เอออออออ๋!?”
 
”พอได้แล้ว ไปยืนตรงทางเดินเลยไป!”
 
เอะ!? คะ-คำตอบผิด?
 
{โอ๊ย จอมมารรรรรร!?}
 
[มะ-ไม่ ข้าไม่ได้โกหกนะ จริงๆ! บทเรียนต่างหากที่มั่ว! เนตรของข้าคือเนตร6วิถี!]
 
{ไอบ้าเอ้ย นายสอนอะไรบ้าอะไรผมเนี่ย!}
 
[เชื่อข้าสิ! ไม่ได้โกหกเลย! เจ้าครูนั่นไม่ได้รู้ประวัติศาสตร์จริงๆ! ลองถามพ่อแม่เจ้าดูสิ! ทั้งหมดนั่นไม่ได้โกหกโว้ย! ข้าก็แค่ไม่ได้เปิดเผยมันจนกระทั่งศึกสุดท้ายไม่ใช่หรอ? ดังนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าจักรพรรดิของประเทศนี้ต้องรู้สิ!]
 
สุดท้ายแล้ว ผมก็จบลงที่ถูกทำโทษจากคำโกหกที่จอมมารบอกผม อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าคำตอบที่ผมตอบไปอาจจะกำลังจะส่งผลที่ไม่คาดคิดมาก่อนในอนาคต

Breakthrough with the Forbidden Master

Breakthrough with the Forbidden Master

“Compared to our time, the current generation just aren’t as reliable” they said, “Still, isn’t he the son of the Hero?” How annoying. It’s been over ten years since the battle between mankind and the demons ended. The children of the heroes who saved the world are all grown up. One of them, Earth, was a talented man, and everyone expected him to succeed his father as a warrior and defend his country, but Earth was always wary of his father’s title. One day, Earth is shocked to find his father’s sword, which was used to overthrow the Demon King, sealed in his family’s mansion. Because trapped within was the ghost of the Great Demon King who was unable to pass on and continued to roam the world. For some reason, only he could see the spirit of the Demon King, and the Demon King possessed him through the sword. Every day, forced to coexist with the spirit of the Demon King, they live a strange shared life, when the Demon King whispers to Earth on a whim. “I have a grudge against your father. If you want to get back at your father and the world, I’ll train you. I’m free.” Earth receives special personal guidance from the Demon King just to get back at his parents and the world. Then, in the coming days. The hero’s parents, the heroes of the past, the first love, the princess childhood friend, the geniuses of the era, and the world will tremble.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset