[นิยายแปล] Breakthrough with the Forbidden Master – ตอนที่ 9

ตอนที่9
 
กระดิ่งดังขึ้นเป็นสัญญาณของการหมดคาบและเป็นเวลาที่จะกลับบ้าน
 
[อุ เจ้าหนู เจ้าเสร็จธุระที่โรงเรียนรึยังหละ? ถ้าใช่ วันนี้ก็พาข้าไปดูเมืองจักรวรรดิมากกว่านี้อีกสักหน่อยสิ]
 
{ใช่ ใช่…เอ่อ}
 
เอ่อ ต่อให้ผมพูดว่าจะกลับบ้าน มันก็คงทำได้หลังจากทำตามคำขอของจอมมารอยู่ดี
 
ผมไม่ได้ใส่ใจหรือคิดมากเรื่องความสนใจของจอมมารสักเล็กน้อยหรอก ผมก็เลยไม่ได้ปฏิเสธ
 
แต่…ก่อนหน้านั้น…
 
{เอ่อ ผมยังกลับบ้านไม่ได้หละ ผมต้องไปเรียนเสริมก็เพราะนายไง!}
 
[…ข้าไม่ได้ผิดนะ…]
 
{มันคือความผิดนายนั่นแหละ!}
 
ใช่ ท้ายที่สุดแล้วแล้วอาจารย์โกรธเพราะผมพูดถึงไอเนตรไร้สาระนั่นของจอมมาร ดังนั้นผมเลยต้องอยู่เรียนเสริมหลังเลิกเรียน
 
ผมหมายถึง ถ้าผมคิดอย่างใจเย็น และตอบคำถามของครูด้วยคำตอบที่ถูกแทน แล้วยังงั้น…บ้าเอ้ย…
 
”นี่…เอิร์ธ”
 
”หืมมม?”
 
เอาแล้วไง
 
ด้านหน้าของผมตอนที่ผมกำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก็มีเจ้าหญิงยืนอยู่และมองลงมาด้วยสายตาเย็นชา
 
”…เอิ่ม…เจ้าหญิง…ฟิอันเซ่…มีอะไรให้กระผมรับใช้หรอ?”
 
ผมก็ถามเจ้าหญิงที่อยู่ดีๆก็ยืนอยู่ก่อนผม และก็คงไม่ค่อยดีนักถ้าจะเรียกเธอว่า ‘เจ้าหญิง’ ซ้ำแบบเมื่อกี้ หรือใช้คำให้เกียรติ 
 
ไม่ แต่นี่มันกะทันหันไปไม่ใช่หรอ? ผมคิดว่า…
 
”เอ่อ…เอิร์ธ สรุปว่านายจ้องเขม็งมาที่ฉัน…”
 
”หืมม? อา…”
 
”มันดูเหมือนว่านายมีอะไรอยากพูดกับชั้น เพราะงั้นชั้นเลยมาที่นี่ทันที”
 
ในคาบจนถึงตอนนี้…ไม่ ผมถูกจับได้ระหว่างที่พูดคุยกับจอมมาร และไม่ได้หันหน้าไปทางอื่น ผมไม่ได้จ้องเขม็งพิศวาสเฉพาะเจาะจงไปที่เธอซะหน่อย…
 
”ไม่ ไม่ มันไม่มีอะไร งั้นผม…”
 
สำหรับตอนนี้ รีบชิ่งก่อนที่เธอจะบ่นอะไรดีกว่า ด้วยความความคิดนี้ ผมจึงรีบเดินผ่านด้านข้างของเจ้าหญิง-
 
“มะ-ไม่ต้องอายหรอกน่า! คือชั้นไม่ได้ตาบอดหรือว่าโง่นะ ชั้นเข้าใจ! นายมีอะไรจะพูด เพราะงั้นชั้นจะฟังนาย!”
 
”ห๊ะ เอ๋ เดี๋ยวก่อนนะ เจ้าหญิง!?”
 
”นี่ หยุดเรียกชั้นว่า’เจ้าหญิง’ เลยนะ!”
 
ผมรีบชิ่งไปจากเธอไม่ทัน
 
ไม่สิ จริงๆแล้ว…อะไรเนี่ย? เธอคว้าไหล่ขอบผมไว้ตอนกำลังจะชิ่ง แถมยังมีลักษณะที่มักทำอย่างการหายใจแรงๆผ่านจมูกและก็เอาเข้าใกล้ผมด้วย
 
อะไรเนี่ย? ผมทำอะไรไปรึไง?
 
”ดะ-ดูเหมือนว่า นายจะตัดสินใจกับตัวเองที่จะทำอะไรบางอย่าง ยะ-อย่างการบอกความลับกับชั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้เรื่องนั้น…”
 
”มะ-ไม่ ไม่มีอะไรจริงๆ ไม่มีอะไรเป็นพิเศษจริงๆ…”
 
”เอ๋ อย่าอายไปเลยน่า! ไม่ใช่หรอก ใช่มั้ย? มันคงแค่ไม่ดีที่จะพูดต่อหน้าคนทั้งห้องสิท่า? ชั้นขอโทษนะ ชั้นลืมคิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นเลย! เราไปคุยกันที่อื่นดีมั้ย? เอาเป็นหลังอาคารเรียนมั้ย? ถะ-ถ้างั้น ถ้าเราจะไปงั้นรีบไปกันเถอะ! ชั้นจะเดินตามไปให้ดูปกติ!”
 
อะ-อะไร? หลังอาคารเรียน? เราจะไปสู้กันหรอ? จะสู้กันตัวต่อตัวหรอ? หรือ ทำไมผมถึงถูกท้าดวลจากเจ้าหญิงที่ผมไม่เคยชนะในการประลองเลยเนี่ย?
 
“อะไร มันยากที่จะพูดหรอ? หรือนายคิดเกี่ยวกับความแตกต่างทางสถานะ หรือว่ากังวลว่าโอกาสเพียงเล็กน้อย? ไม่ต้องกังวลไปหรอก ตั้งแต่ทีแรกแล้วบ้านของนายนะมีสถานะเพียงพอ พ่อของชั้นกับพ่อแม่นายก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน แล้วพวกเขาก็คุยเกี่ยวกับอนาคตของลูกๆอยู่แล้วด้วย พูดอีกอย่างก็คือ มันไม่มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรหรอก ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับพวกเรานี่แหละ!”
 
ไม่ดีแน่ ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย
 
ไม่สิ จริงๆแล้ว…ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับสถานะ…เธอหมายความว่าให้สู้แบบเอาจริงหรอ?
 
ถึงงั้น ปกติตอนประลองกัน ผมก็มักจะสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่มีโดยที่ไม่ได้กังวลเรื่องที่เจ้าหญิงเป็นสตรีอยู่แล้ว แต่ก็ยังแพ้… นี่เธอไม่รู้เรื่องนี้หรอกหรอ?
 
”นี่ นี่ เธอหมายความว่าไง?”
 
”เป็นไปได้มั้ยว่าท้ายที่สุด…คย๊าาาา!”
 
”อุ นี่เธอจริงจังหรอ?”
 
”จะมีอะไรบ้างหรอ?”
 
”อะไร? เนื่องในโอกาสอะไรหละนั่น?”
 
”เราจะได้ร่วมกันเป็นสักขีพยานในช่วงเวลาแห่งประวัติศาสตร์ที่จะกำหนดอนาคตของประเทศเลยสินะ?”
 
และความตื่นเต้นที่ไม่ปกติของเจ้าหญิงกลายเป็นจุดศูนย์กลางความสนใจของทั้งห้องไปโดยปริยาย และมันเป็นบรรยากาศที่สร้างความสนใจให้คนทั้งห้องดูการพูดคุยระหว่างเรา
 
”ไม่หรอก อืมม ผมต้องไปที่ห้องอาจารย์แล้วเพราะ…ต้องเรียนเสริม”
 
”อึก เจ้าขี้ขลาดเอ้ย! นี่มัน…นะ-นายกลัวชั้นหรอ? ชะ-ช่างน่าเบื่อจริงๆ นะ-นายคงจะพิชิตชั้นไม่ได้อีกในเร็วๆนี้หรอกนะ“ (ท่อนนี้น่าจะหมายถึงประมาณว่าพิชิตใจนะครับ แค่ไม่ได้พูดตรงๆ)
 
ขอโทษที่เธอเป็นอัจฉริยะหรืออะไรก็ตามละกันนะ แต่ช่วยเลิกยุ่งกับเรื่องของผมสักที!
 
”โอเค เอิร์ธ ครั้งนี้…การประลองของนาย…กิจกรรมที่เฟ้นหานักรบรุ่นเยาว์ที่แข่งแกร่งที่สุด…ชั้นแน่ใจว่านายกับชั้นจะต้องถูกเลือก”
 
”ฮ่า ฮ่า ฮ่า…”
 
”และถ้าที่ชั้นคาดไว้…รอบสุดท้ายคงเป็นนายกับชั้น ดังนั้นชั้นตั้งใจจะประกาศกับทุกคนว่าชั้นจะทำอะไรต่อไปในอนาคต แต่นายอาจจะไปไม่ถึงรอบสุดท้ายถ้านายยังขี้ขลาดอยู่แบบนี้!”
 
อะไรนะ? เจ้าหญิง นี่เธอจะเอาชนะผมต่อหน้าสาธารณชนแล้วประกาศชัยชนะหรอ? ไม่มั่นใจเลยว่าจะทำแบบนั้นเพื่อชื่อเสียงที่ดีขึ้นหรอ”
 
“ถะ-ถ้าเธอว่าอย่างงั้น…โดยพื้นฐานแล้ว ไม่ว่ายังไงผมก็คงถูกเลือกอยู่แล้ว”
 
“ไม่ ชั้นมั่นใจว่านายกับชั้นคงไม่มีปัญหาหรอก พูดให้ถูกก็คือ โลกจะต้องการชม ‘การประลองของทายาทแห่ง7วีรบุรุษ’ “
 
“เอ่อ นั่นก็ถูก แต่ว่า…”
 
ใช่ ผมกำลังจะพูดว่าเอาจริงผมก็แอบไม่มั่นใจว่าจะถูกเลือกเหมือนกัน แต่ด้วยเกรดก่อนหน้านี้ก็คงไม่มีปัญหาอะไร
 
รวมทั้ง มันยังมีกระแสที่ว่าโลกต้องการดูกิจกรรม ‘การประลองของทายาทรุ่นถัดไปของ7วีรบุรุษ’ และก็อย่างที่เจ้าหญิงพูด เธอกับผมต้องถูกเลือกแน่ๆอยู่แล้ว
 
เราอยู่บนจุดสูงสุดกับอันดับที่2
 
แต่พูดตามตรง ผมก็ไม่ได้คาดหวังอะไรนักหรอก เพราะตั้งแต่แรกแล้ว ผมก็แพ้กราประลองกับเจ้าหญิงมาตลอด
 
”อาา~ เพียงพอรึยัง? ช่างขี้ขลาดเหลือเกิน…ตอนที่นายถูกเลือก นายจะทำเรื่องนี้อย่างจริงจังใช่มั้ย?“
 
”ไม่หรอก เจ้าหญิง นั่นมัน…” 
 
”ยังไงก็เถอะ! ไม่ ถ้านายมีอะไรจะพูด งั้นพูดมันเลยก็ได้! ชั้นไม่คิดเลยนะว่านายจะทำแบบครึ่งๆกลางๆแบบนี้ แต่ ชั้นอยากให้นายบอกนะ…ชั้น ชั้นเคยได้ยินมาว่ามันเป็นคำที่พวกผู้ชายอยากได้ยินนี่ เพราะงั้นก็รีบๆทำตัวให้สมเป็นชายและพูดมัน! เอาเลย!”
 
หลังจากนั้นการตอบกลับและปฏิกิริยาของผมก็นิ่งเฉยโดยสมบูรณ์ ตามด้วยเสียงครวญครางอย่างรุนแรงของเจ้าหญิงที่ออกจากห้องไป
 
นั่นเป็นการสนทนาระหว่างผมกับเจ้าหญิง
 
“เหหหห!…ปัญหาเยอะดีแท้”
 
และเพื่อนร่วมห้องก็ถอนหายใจด้วยความผิดหวัง แต่…
 
[ข้ารู้แล้ว…]
 
ส่วนทางฝั่งผม จอมมานก็กอดอกอยู่
 
[ถึงเธอจะดูเป็นเด็กมหัศจรรย์ แต่เจ้าหญิงก็งุ่มง่ามผิดคาดแฮะ…ส่วนเจ้าที่ดูจะมีพรสวรรค์กลับเป็นคนโง่เง่าแทน]
 
{เอ๋! มะ-หมายความว่าไง!}
 
[และ ยิ่งไปกว่านั้น พอมองเจ้าแล้ว…เจ้านี่ตายด้านซะจนข้าสงสัยว่าเจ้าคงขาดอะไรพวกทักษะชีวิต…แทนที่จะห่วงเรื่องข้านะ ความไวในการตามทันเรื่องนี้ของเจ้าทำให้ข้าหงุดหงิดสุดๆ หงุดหงิดยันส่วนที่ลึกที่สุดของตัวข้าเลย]
 
{ห๊ะ!?}
 
[หรือก็คือ เจ้านะ ขนาดแสดงออกชัดขนาดนั้นก็ยังไม่รู้อีก นี่เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับจิตใจคนอื่นบ้างเนี่ย?]
 
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมเลยโดนด่าอย่างรุนแรง และกลายเป็นตัวตลก

Breakthrough with the Forbidden Master

Breakthrough with the Forbidden Master

“Compared to our time, the current generation just aren’t as reliable” they said, “Still, isn’t he the son of the Hero?” How annoying. It’s been over ten years since the battle between mankind and the demons ended. The children of the heroes who saved the world are all grown up. One of them, Earth, was a talented man, and everyone expected him to succeed his father as a warrior and defend his country, but Earth was always wary of his father’s title. One day, Earth is shocked to find his father’s sword, which was used to overthrow the Demon King, sealed in his family’s mansion. Because trapped within was the ghost of the Great Demon King who was unable to pass on and continued to roam the world. For some reason, only he could see the spirit of the Demon King, and the Demon King possessed him through the sword. Every day, forced to coexist with the spirit of the Demon King, they live a strange shared life, when the Demon King whispers to Earth on a whim. “I have a grudge against your father. If you want to get back at your father and the world, I’ll train you. I’m free.” Earth receives special personal guidance from the Demon King just to get back at his parents and the world. Then, in the coming days. The hero’s parents, the heroes of the past, the first love, the princess childhood friend, the geniuses of the era, and the world will tremble.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset