[นิยายแปล] Hell mode – ตอนที่ 105 เมืองแห่งการศึกษา

บทที่ 105 เมืองแห่งการศึกษา

            ตอนนี้อเลนอยู่ตรงจุดลงจอดเรือเหาะเวทมนตร์ของเมืองแห่งการศึกษา

            “อเลน ถึงเมืองแห่งการศึกษาแล้ว!”

            คุเรนะลงจากเรือเหาะเวทมนตร์อย่างตื่นเต้น โดยด้านหลังนั้นมีเซซิลกับโดโกร่าอยู่ด้วย

            อเลนมาที่เมืองแห่งการศึกษาพร้อมกับเซซิล, คุเรนะ และโดโกร่า เนื่องจากปลายเดือนมีนาคมจะมีการสอบเข้าโรงเรียน ถ้าสอบผ่านจะต้องใช้ชีวิตที่นี่เป็นเวลา 3 ปี

            ตรงจุดลงจอดมีนักเรียนจำนวนมากที่มาสอบเข้าเช่นเดียวกับอเลน เมืองแห่งการศึกษามีผู้เข้าสอบทั่วราชอาณาจักรเกือบ 2 หมื่นคน

            เนื่องจากมีผู้เข้าสอบเป็นจำนวนมาก ทำให้เรือเหาะเวทมนตร์ที่สัญจรไปมาระหว่างเมืองหลวง ช่วงนี้ต้องปรับเวลาและเพิ่มเที่ยวบิน

            อนึ่งถึงชื่ออย่างเป็นทางการคือเมืองแห่งการศึกษาของราชอาณาจักรราตาชู แต่ไม่มีใครที่เรียกอย่างนั้นเลยสักคน ทุกคนเรียกว่าเมืองแห่งการศึกษา โดยเมืองแห่งการศึกษานี้ขนาดใหญ่กว่าเมืองแกรนเวลและมีประชากรหลายแสนคน

            สนามบินกว้าง เมืองก็ใหญ่โต

            พอลงมาที่จุดลงจอด ก็ได้ยินเสียงประกาศ

            ‘ผู้ที่มาเข้ารับการสอบ ขอให้มุ่งหน้าไปสถานีหลังคาสีเขียวด้วย จะมีรถไฟเวทมนตร์ที่มุ่งหน้าตรงไปโรงเรียนอยู่’

            เริ่มเคลื่อนที่จากจุดลงจอดไปตามฝูงชนและประกาศ

            (รถไฟเวทมนตร์เหรอ มีรถไฟวิ่งด้วยเหรอเนี่ย!)

            พอเข้าไปในสิ่งก่อสร้างที่มีหลังคาสีเขียว ก็มีคนที่เหมือนกับพนักงานรถไฟบอกว่าค่ารถไฟไปโรงเรียนคือ 1 เหรียญเงิน เลยจ่ายค่ารถไฟตามที่บอกและมุ่งหน้าไปที่ชานชาลา

            “โอ้ว! รถไฟละ!!!”

            “““รถไฟ? โอ้วววว!!!”””

            (รถไฟ! รถไฟจริงๆด้วย ของที่ผลิตในบาวกีสเหรอ)

            “ตะ ต้องนั่งสิ่งนี้เหรอ?”

            “เหมือนจะเป็นอย่างนั้น”

            “ทำไมอเลนถึงดูสบายๆอย่างนี้เนี่ย!”

            เซซิลส่งเสียงออกมาโดยไม่รู้ตัวต่ออเลนที่ไม่ประหลาดใจแถมยังขึ้นรถไฟโดยตามปกติ ชาวบ้านและทาสติดที่ดินรอบๆ ยังไม่ขึ้นรถไฟเอาแต่มองด้วยความตกตะลึง 

            จักรวรรดิบาวกีสที่ปกครองโดยคนแคระซึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปกลางให้ความร่วมมือทั้งด้านการเงินและวิทยาการอยู่ ดูเหมือนที่บอกกันว่าเมืองแห่งการศึกษาใช้ชีวิตได้สะดวกสบายกว่าเมืองหลวงอาจจะเพราะใช้วิทยาการจำนวนมากก็ได้

            (เห็นอย่างนี้คุณมิไฮ แทบไม่ได้เล่าอะไรเกี่ยวกับเมืองแห่งการศึกษาให้ฟังเลย ไม่รู้เลยว่ามีรถไฟอย่างนี้ด้วย จะว่าไปผู้อำนวยการเป็นไฮเอลฟ์ด้วยนี่)

            ตอนมิไฮกลับมาช่วงวันหยุดฤดูใบไม้ผลิ ถึงจะพูดเรื่องโรงเรียนค่อนข้างเยอะ แต่ก็แทบจะไม่ได้บอกอะไรมาเลย คงสับสนไม่อยากให้เซซิลคาดหวังมากเกินไปหรือเปล่า

            หลังจากนั้นไม่นานรถไฟเวทมนตร์ก็ออกวิ่ง

            “สุดยอด!”

            “สุดยอดไปเลยนะเนี่ย”

            “……”

            คุเรนะแนบหน้าไปกับกระจกของรถไฟเวทมนตร์ พร้อมกับมองดูวิวทิวทัศน์ข้างนอก เธอมองดูซ้ายทีขวาทีด้วยท่าทางน่าสนุก เซซิลรู้สึกหยาดๆกับสภาพนั้นเล็กน้อย อาจจะไม่นึกว่ายอดนักดาบจะเป็นอย่างนี้ก็ได้

            วิวทิวทัศน์ถ้าเทียบกับแคว้นบารอนบ้านนอกอย่างเมืองแกรนเวลแล้ว มีตึกสูง 5 ชั้นเรียงรายตามถนนราวกับเป็นสิ่งก่อสร้างทั่วๆไป ช่างพัฒนาไปอย่างมาก

            พอดูท่าทางของคุเรนะก็รู้สึกเป็นห่วงว่าจะสอบตกหรือเปล่าเพราะเตรียมสอบมาตั้ง 2 ปี

            (เอาเถอะ คงไม่เป็นไรหรอกเลเวลเพิ่มขึ้นอยู่ ความฉลาดน่าจะเพิ่มขึ้นแล้ว)

            คุเรนะกับโดโกร่า พออายุ 10 ขวบก็เริ่มเข้าร่วมการล่าหมูป่า ช่วงแรกดูเหมือนจะใช้หอกยาวสำหรับมือใหม่ คุเรนะกับโดโกร่าเองก็เรียนเตรียมสอบม 2 ปี คิดว่าน่าจะเพียงพออยู่

            (ดูเหมือนการสอบเข้าจะไม่มีสอบปฏิบัติอย่างการฟาดดาบด้วยสิ เป็นการสอบวิชาการทั้งหมด ฉันเองเรียนเตรียมสอบไม่ถึง 4 เดือนด้วยนี่สิ? แถมเป็นแค่การตามไปเรียนเตรียมสอบพร้อมกับเซซิล)

            ตอนปลายปีที่แล้วจู่ๆมาแจ้งว่าต้องไปเรียน อยากให้ไวเคานต์รีบๆมาบอกเรื่องที่ให้ไปคุ้มครองเซซิลตรงสนามรบเร็วกว่านี้ ถ้าเสนอให้ตั้งแต่ตอนอายุ 8 ขวบที่เป็นคนรับใช้ฝึกหัดคงตอบรับไปแล้ว แต่ไม่มีเหตุผลให้ปฏิเสธถึงจะเหลือเวลาแค่ 4 เดือนก็ตาม

            ดูเหมือนถ้าไม่จวนเจียนไวเคานต์ก็ไม่ยอมพูดออกมา ไวเคานต์เขียนมาว่าการประเมินผิดพลาดและอเลนมีพรสวรรค์

            รถไฟเวทมนตร์ จอดตรงสถานีรถไฟที่ใกล้โรงเรียนซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองแห่งการศึกษา ในระหว่างที่ผู้คนลงมา พวกอเลนก็ตามลงไปและมุ่งหน้าสู่โรงเรียน

            (ใน 2 หมื่นคน วันนี้จะทดสอบได้กี่คนกันแน่นะ?)

            ดูเหมือนราชอาณาจักรราตาชูจะมีประชากรราวๆ 20 ล้านคน ถ้ามีจำนวนประชากรขนาดนี้ คิดว่าแต่ละปีคงมีเด็กเกิดมาราวๆ 1 ล้านคน ถ้าหากอัตราการเกิดไม่ได้ต่ำเหมือนอย่างญี่ปุ่นในโลกก่อน

            ผู้มีพรสวรรค์จะอยู่ที่ 10% หรือตีคร่าวๆ 1 แสนคน ถ้าเอาพวกคนที่เป็นพ่อค้าไม่เหมาะแก่การต่อสู้ หรือสภาพแวดล้อมไม่เหมาะกับการสอบแล้วละก็ ทุกปีน่าจะมีผู้เข้าสอบราวๆ 2 หมื่นคน ประชาชนกับทาสติดที่ดินต่อให้จบการศึกษาที่เมืองแห่งการศึกษาก็ไม่มีหน้าที่ต้องไปรับราชการทหาร ถ้าหากจบการศึกษาจากเมืองแห่งการศึกษาแล้ว จะหางานในราชอาณาจักรได้อย่างง่ายดาย ทำให้ทุกๆปีมีผู้เข้าสอบจำนวนมาก

            การสอบคงไม่จบลงภายในวันเดียว เพราะอย่างนั้นเลยจัดรอบเรือเหาะไม่ให้มาชนกันที่สนามสอบ

            มุ่งหน้าไปสิ่งก่อสร้างที่ห้อมล้อมด้วยกำแพง ถ้าเปรียบเทียบกับโรงเรียนคงเป็นสนามกีฬาหน้าตึก มีผู้เข้าสอบจำนวนมากล้นทะลักออกมา

            ‘ผู้เข้าสอบทุกคน ขอให้เข้ารับพิธีประเมินตรงลานกว้างก่อนด้วย ผู้ที่ผ่านการประเมินจะได้รับหมายเลขและให้นำไปประชาสัมพันธ์หน้าตึกด้วย’

            “พิธีประเมิน?”

            คุเรนะเอียงศีรษะตอบสนองต่ออุปกรณ์เวทมนตร์ที่ชวนให้คิดว่าเป็นเครื่องกระจายเสียงที่ติดตั้งอยู่ตรงลานกว้าง

            “ดูเหมือนจะต้องเข้ารับการประเมินก่อนจะเข้าสอบด้วยนะเนี่ย”

            อเลนตอบสิ่งที่คุเรนะสงสัย

            ถ้าดูตรงลานกว้างดีๆ จะเห็นว่าแบ่งหลายแถว ดูเหมือนแถวพวกนี้จะเรียงเพื่อเข้ารับพิธีประเมิน พวกเราทั้ง 4 คนเลยไปเข้าแถวเพื่อทำการประเมิน

            (งั้นเหรอ ต้องประเมินงั้นเหรอ ถึงจะไม่ได้ยินมา แต่อาจจะกลัวผู้ไม่มีพรสวรรค์ปนเข้ามาด้วยก็ได้)

            แล้วก็นึกออกว่าเมื่อก่อนมีนักดาบของสักตระกูลแอบอ้างว่าเป็นยอดนักดาบ หัวหน้ากลุ่มอัศวินบอกมาไว้ว่า “ทำหน้าที่ที่ควรทำไม่ได้”

            ตอนนี้ถ้าลองคิดดูแล้ว คิดว่าเป็นเรื่องที่ยอดนักดาบควรจะทำหน้าที่ในสนามรบเพื่อต่อสู้กับกองทัพจอมมาร กลับทำไม่ได้หรือเปล่า ถ้าหากพลังรบที่ควรจะมีกลับไม่มี จะทำให้สนามรบเกิดความลำบากอยู่

            ไปต่อท้ายแถวสักแถว แล้วรอให้ถึงตา

            พอผ่านไป 1 ชั่วโมงแถวที่ทั้ง 4 คนต่ออยู่ก็ร่นไปเยอะมาก

            “ในนี้มีขุนนางหรือเปล่าครับ?”

            “ฉันมาจากตระกูลแกรนเวลค่ะ”

            “งั้นเหรอ ต่อจากนี้จะทำการประเมิน เอามือแตะคริสตัลทีละคนด้วย”

            (อืม ดูเหมือนจะตรวจสอบด้วยว่าเป็นขุนนางหรือเปล่า)

            คนที่เหมือนผู้คุมสอบ ตอบสนองต่อคำพูดของเซซิลพร้อมกับจดบันทึกเอาไว้

            เพราะบอกว่าทำการประเมิน เลยเริ่มประเมินจากโดโกร่า

 

            [ชื่อ] โดโกร่า

            [พลังกาย] B

            [พลังเวท] D

            [พลังโจมตี] A

            [ความทนทาน]B

            [ความว่องไว] C

            [ความฉลาด] D

            [โชค] C

            [พรสวรรค์] ผู้ใช้ขวาน

 

            “เธอเป็นผู้ใช้ขวานสินะ มีค่าความสมารถที่ยอดเยี่ยมไปเลยนะเนี่ย ไปเข้าสอบวิชาการได้เลย”

            แล้วเขาก็ส่งอะไรที่เหมือนกับป้ายให้โดโกร่า ตรงป้ายมีหมายเลขเขียนเอาไว้อยู่ ดูเหมือนจะเป็นหลักฐานว่าผ่านการประเมินแล้ว

            (อืมๆ ค่าความสามารถกับพรสวรรค์ของโดโกร่าไม่เปลี่ยนสินะ ดูท่าค่าความสามารถจะไม่เปลี่ยนไปตามอายุ ถึงอย่างนั้นยอดเยี่ยมงั้นเหรอ)

            อเลนรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง

            แล้วก็ได้ยินเสียง “โอ้ว” มาจากทางผู้คุมสอบ เซซิลเป็นคนถัดไปที่แตะคริสตัล

 

            [ชื่อ] เซซิล แกรนเวล

            [พลังกาย] C

            [พลังเวท] A

            [พลังโจมตี] D

            [ความทนทาน]C

            [ความว่องไว] B

            [ความฉลาด] S

            [โชค] B

            [พรสวรรค์] นักเวท

 

            “นี่มันยอดเยี่ยมไปเลย ทั้งพรสวรรค์และค่าความสามารถไม่มีปัญหา เอาสิ่งนี้แล้วไปยื่นให้ประชาสัมพันธ์หน้าตึกด้วย”

            (นี่คือค่าความสามารถของเซซิลเหรอ ต้องจดๆ)

            เซซิลผ่านพิธีประเมินในทีเดียว อเลนเลยจดบันทึกไว้ในสมุดเวทมนตร์ ต่อไปจะทำการประเมินคุเรนะ ตอนที่คุเรนะเอามือแตะคริสตัล มันส่องแสงออกมาเจิดจ้าเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน

 

            [ชื่อ] คุเรนะ

            [พลังกาย] S

            [พลังเวท] C

            [พลังโจมตี] S

            [ความทนทาน]A

            [ความว่องไว] A

            [ความฉลาด] C

            [โชค] B

            [พรสวรรค์] ยอดนักดาบ

 

            “นี่มัน ยอดนักดาบนี่ หรือว่าจะเป็นยอดนักดาบคุเรนะหรือครับ?”

            “เอ๊ะ? ใช่อยู่หรอก”

            ทำหน้าสงสัยว่ารู้ได้อย่างไร ดูเหมือนในสนามสอบจะรู้กันไปทั่วแล้วว่าปีนี้ยอดนักดาบคุเรนะจะมาสอบด้วย ซึ่งผู้คุมสอบคงรู้ในทันที ก่อนจะยื่นป้ายให้เหมือนอย่างโดโกร่าและเซซิล

            (กะแล้วเชียว ค่าความสามารถไม่เปลี่ยนตามอายุกับเลเวล 3 ดาวอย่างยอดนักดาบเป็นอะไรที่แปลกสินะ ความสามารถโดดเด่นที่ 10 ปีจะมีสักคน)

            ดูเหมือนโอกาสออกยอดนักดาบในราชอาณาจักร 10 ปีถึงจะมีสักคน ถึงจะค่อนข้างหายาก แต่ไม่มีโอกาสออกแค่ 1 คนในราชอาณาจักร ดูเหมือนจักรวรรดิที่อยู่ทางเหนือของราชอาณาจักรจะมียอดนักดาบอยู่หลายคน  ท้ายที่สุดก็ผกผันกับจำนวนเด็กที่เกิดมาด้วย

            จากการถามอาจารย์สอนเวทมนตร์และไวเคานต์ทำให้รู้ดังนี้

            ・1 ดาว ใน 10 คนจะมี 1 คน

            ・2 ดาว ใน 1000 คนจะมี 1 คน

            ・3 ดาว ราชอาณาจักรใน 10 ปีจะมี 1 คน

            ・5 ดาว การคงอยู่ที่ราวกับปาฏิหาริย์

 

            อเลนแตะคริสตัล ทำให้ผู้ควบคุมประหลาดใจไปคู่หนึ่ง

            “โอ้วววว!!!!”

            ตอนที่อเลนแตะคริสตัลมันส่องประกายแสงออกมามากอย่างไม่น่าเชื่อ แสงสว่างที่เต็มลานกว้างอย่างที่ตอนคุเรนะเทียบไม่ติด

            ผู้คุมสอบคาดหวังกับแสงนั้นเลยเผลอหลุดเสียงดังออกมา

            ผู้เข้ารับการสอบและผู้คุมสอบที่อยู่รอบๆ ต่างส่งสายตามาทางนี้

            และ

 

            [ชื่อ] อเลน

            [พลังกาย] E

            [พลังเวท] E

            [พลังโจมตี] E

            [ความทนทาน]E

            [ความว่องไว] E

            [ความฉลาด] E

            [โชค] E

            [พรสวรรค์] นักอัญเชิญ

 

            “ผลการประเมินอะไรกันเนี่ย ค่าความสามารถทุกอย่างเป็น E ไม่ใช่เหรอ มะ ไม่ผ่าน”

            (ผลการประเมินแสดงออกมาเป็นนักอัญเชิญแล้ว ถึงกระนั้นก็ไม่ผ่านเหรอ แต่การประเมินถ้าให้พูดก็ประมาณนี้แหละ ขึ้นอยู่กับบุคคลที่ 3)

            อเลนโดนผู้คุมสอบบอกว่าไม่ผ่าน

[นิยายแปล] Hell mode

[นิยายแปล] Hell mode

Artist: ,
อ่านนิยาย Hell modeยามาดะ เคนอิจิ พนักงานกินเงินเดือน อายุ 35 ปี ผู้ชื่นชอบเกมที่ต้องฟาร์มหนักๆ ตอนนี้กำลังสิ้นหวังกับยุคที่เกมเล่นผ่านง่ายๆกำลังเป็นที่แพร่หลาย ระหว่างนั้นเองที่เขาโดนเว็บไซต์หนึ่งที่เขียนว่า "สำหรับผู้ชื่นชอบการฟาร์มอย่างคุณ" ทำให้ไปเกิดใหม่ในต่างระดับเฮลโหมด ป.ล. 1 แปลจากเว็บโนเวล ถ้าไม่เหมือนฉบับรุปเล่มต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ป.ล. 2 การอัพขึ้นอยู่กับเวลาว่างจากการทำงาน อย่าคาดหวังมาก(แต่จะพยายามอัพเรื่อยๆถ้าแปลเสร็จ

Options

not work with dark mode
Reset