[นิยายแปล] Hell mode – ตอนที่ 120 ยอดนักดาบโดเบิร์ก 1

บทที่ 120 ยอดนักดาบโดเบิร์ก 1

            คนมารวมตัวกันอยู่ตรงมุมห้องเหมือนอย่างทุกที

            “คิดว่าตั้งทีมอย่างนี้น่าจะไปชั้นถัดไปได้แล้วนะ”

            “เวสเตอร์ ในช่วงเวลาอย่างนี้กับคนที่ยังไม่เคยก้าวข้ามการทดสอบเลยสักครั้งเนี่ยอาจจะยากเกินไป คิดว่าเดือนนี้ทนกับชั้นนี้ไปก่อนน่าจะดีกว่า ส่วนเรื่องการจัดรูปแบบเอาเป็นแบบนี้……”

            ตอนเช้า 2 วันหลังจากที่เลเวลอัญเชิญของอเลนขึ้นสู่เลเวล 6 ก่อนเริ่มคาบโฮมรูมตอนเช้า เพื่อนร่วมชั้นที่ชื่อเวสเตอร์กางกระดาษตรงโต๊ะของอเลน พร้อมกับปรึกษาการผ่านดันเจี้ยนที่เขาเป็นผู้นำปาร์ตี้

            อเลนให้คำปรึกษาอย่างจริงจัง แนะนำช่วงเวลาที่จะผ่าน โดยวิเคราะห์จากข้อดีข้อด้อยของทีม

            การพูดคุยของอเลนกับเวสเตอร์ ทำให้นักเรียนจำนวนมากมาล้อมวง ตั้งแต่เดือนที่แล้วนักเรียนเข้ามาดูและพูดคุยค่อยๆ เพิ่มมากขึ้น

            จากการเปิดรับตี้จรเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ทำให้ได้คีลมาเป็นพรรคพวก

            ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีคนต้องการคำแนะนำจากอเลนที่เคยผ่านดันเจี้ยนแล้ว เขาให้คำปรึกษาตามความเหมาะสมของเลเวลและการจัดปาร์ตี้ของทุกคน

            อเลนให้คำแนะนำที่ได้ผลและไม่ยุ่งยาก เกี่ยวกับการผ่านดันเจี้ยนที่มีอันตรายถึงชีวิต

            อเลนค่อนข้างประหลาดใจกับสถานการณ์นี้ คิดว่าจะโดนนินทาหรืออิจฉาลับหลังว่ามีพรรคพวกที่หายากอย่างยอดนักดาบกับนักเวท คนที่อยู่ในห้องนี้มีแต่คนที่ตอนพิธีประเมินได้หมายเลขสอบใกล้เคียงกัน

            ดังนั้นเลยมีนักเรียนที่เข้าแถวเดียวกับอเลน มีทั้งคนที่เห็นค่าความสามารถทุกอย่างเป็น E และเรื่องที่พูดคุยกับผู้กล้าตรงพิธีประเมินอยู่ด้วย

            อย่างไรก็ตาม บางทีความประทับใจตอนเปิดหาตี้จรในห้องเรียนอาจจะมากกว่าเรื่องนั้นก็ได้ สำหรับคนอายุ 12 ปี อาจจะเห็นเป็นผู้ที่คอยชี้แนะให้กับทุกคนได้อยู่

            กลุ่มคนตรงนี้ มีทั้งคุเรนะ, เซซิล และโดโกร่าที่นั่งอยู่ใกล้ๆด้วย แต่คีลไม่มาร่วมวง

            เขานั่งห่างออกไปคนเดียว

            (อดข้าวเที่ยงอีกแล้วสินะ คงต้องคุยเรื่องนี้จริงจังสักครั้งแล้ว)

            อเลนตอบคำถามของเวสเตอร์ พร้อมกับคิดเรื่องของคีล ใน 20 วันมานี้ คีลได้รับรางวัลของดันเจี้ยนระดับ C ที่แบ่งให้เท่ากัน ซึ่งมี 2 ครั้งที่ได้กล่องเงิน คิดว่าจะปรับปรุงเรื่องอาหารการกินให้ดีขึ้นแต่คีลก็ไม่ได้ทำ

            ตอนที่คิดเรื่องของคีล ครูประจำชั้นก็เดินเข้ามาในห้องเรียน

            “นี่ๆ วันนี้อีกแล้วเหรอ ไปนั่งที่ได้แล้ว มีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ”

            ทุกคนออกห่างจากอเลนไปนั่งที่ของตนเอง

            “ได้บอกไปตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว วันนี้ยอดนักดาบโดเบิร์กจะมาสอนคาบบ่ายให้ อย่าเสียมารยาทกัน”

            ยอดนักดาบโดเบิร์กมาอยู่ที่เมืองแห่งการศึกษาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว เป้าหมายคือชี้แนะให้กับนักเรียน ดูเหมือนจะมากัน 3 คน โดยมีผู้กล้าเฮลมิออสกับยอดนักดาบของราชอาณาจักรอีกคน

            นักเรียนปี 1 มี 3000 คน เลยแบ่งออกเป็นหลายๆกลุ่มให้มาเรียนคาบบ่าย เพราะอย่างนั้นคาบเรียนเลยเริ่มตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว คิดอยู่เหมือนกันว่าที่สนามรบจะเป็นอะไรหรือเปล่า ซึ่งคงไม่มีอะไร

            ทันใดนั้น อเลนก็หันไปมองคุเรนะที่เป็นยอดนักดาบเหมือนกัน

            (หือ!! แววตานี้เหมือนวางแผนอะไรอยู่เลย)

            คุเรนะตั้งใจฟังครูประจำชั้นพูดด้วยดวงตาที่มุ่งมั่นสุดๆ ดวงตาที่ส่องประกายอย่างนั้นทำให้อเลนรู้สึกไม่สบายใจ

            พอหมดคาบเรียนช่วงเช้า และมาถึงช่วงพักกลางวัน อเลนโดนเหล่าเพื่อนร่วมห้องลากไปยังโรงอาหาร ทุกคนพยายามกันอย่างมากเพราะเกี่ยวพันถึงชีวิต อเลนไม่มีเวลาเพราะพอหมดคาบเรียนจะไปลงดันเจี้ยนต่อ อเลนเลยให้คำปรึกษาได้แค่ตอนก่อนเริ่มโฮมรูมกับช่วงเวลาอาหารกลางวัน

            อยากจะคุยกับคีลอยู่หรอก แต่คิดไว้ว่าค่อยคุยตอนวันหยุดก็แล้วกัน

            คาบเรียนของยอดนักดาบโดเบิร์ก ทุกคนสามารถเข้าเรียนได้หมดโดยไม่เกี่ยงเรื่องพรสวรรค์ แถมเป็นการเรียนร่วมกันหลายห้อง ทำให้จำนวนคนค่อนข้างเยอะอยู่

            วันนี้ให้ผู้ที่ต้องการเรียนกับโดเบิร์กมารวมตัวกันตรงลานประลองที่ใช้ฝึกฝนของโรงเรียน อเลนเองก็อยู่ในฝูงนักเรียน โดยอยู่ด้วยกันกับคุเรนะ, เซซิล และโดโกร่า ส่วนคีลน่าจะไม่มาเพราะไม่เห็นเขาเลย

            อีกไม่นานจะถึงเวลา แล้วเหล่าอาจารย์ก็เดินเข้ามา

            (โอ้ว!! โดเบิร์ก เพิ่งเคยเห็นตัวจริงนะเนี่ย แล้วก็คนที่เรียกตัวเองว่าผู้กล้ากับคุณพี่สาว)

            ตอนที่ได้ยินชื่อของโดเบิร์กเป็นครั้งแรก คือพิธีประเมินตอน 5 ขวบ การที่ชื่อมาถึงหมู่บ้านบุกเบิกอย่างนี้ แสดงว่าจะต้องเป็นชายที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆของราชอาณาจักร

            ทั้ง 3 คน เดินมาพร้อมกับเหล่าอาจารย์ ยอดนักดาบโดเบิร์กเป็นทาสติดที่ดิน ตอนนี้อายุเกิน 60 ปีไปแล้ว ที่ราชอาณาจักรมียอดนักดาบนอกจากโดเบิร์กอีกหลายคน แต่เขาว่ากันว่าคนที่ยังรอชีวิตมาได้มีแค่โดเบิร์กคนเดียวเท่านั้น ชายผมขาวมีผ้าปิดตา ใบหน้าเต็มไปด้วยบาดแผล

            เขาลือกันว่ายอดนักดาบโดเบิร์กสนใจแต่การต่อสู้ มักจะอยู่แต่ในสนามรบ โรงเรียนเป็นหนึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขามาจากเมืองราชอาณาจักร

            ยอดนักดาบโดเบิร์กยืนหน้านิ่งไร้อารมณ์ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ต่อหน้านักเรียน ในระหว่างที่คิดว่าถ้าจบเรื่องนี้เขาจะกลับไปที่แนวหน้าหรือเปล่า ก็นั่งฟังครูประจำชั้นที่พูดอยู่ตรงลานประลอง

            เนื่องจากมีคนที่เพิ่งเคยเห็นยอดนักดาบ เลยสาธยายความยอดเยี่ยมให้ฟัง และคิดว่าเบี่ยงประเด็นเกี่ยวกับเรื่องของกองทัมจอมมารได้ดีอยู่

            แล้วเหล่าอาจารย์ก็อธิบายเกี่ยวกับผู้กล้า มีนักเรียนบางคนที่ตกใจกับการมีอยู่จริงของผู้กล้า นักเรียนส่วนใหญ่คงคิดว่ามันเป็นเรื่องสมมุติอยู่แต่ในนิทานเท่านั้น เขายิ้มและโบกมือให้กับเหล่านักเรียนที่ส่งเสียงถามว่าเป็นผู้กล้าตัวจริงอย่างนั้นหรือ

            หลังจากฟังวีรกรรมของทั้ง 3 คนจากครูประจำชั้น จะเป็นช่วงถามตอบกับยอดนักดาบและผู้กล้า ก่อนจะเข้าสู่ช่วงชี้แนะการฟันดาบและเคลื่อนไหวร่างกาย พร้อมกับอธิบายล่วงหน้าว่าห้ามเสียมารยาทกับยอดนักดาบ

            ฟังวีรกรรมของทั้งสามคนราวๆ 30 นาที

            “ถ้าอย่างนั้น มีคำถามอะไรกับท่านผู้กล้าเฮลมิออส, ท่านยอดนักดาบซิลเวีย และท่านยอดนักดาบโดเบิร์กหรือเปล่า?”

            ครูประจำชั้นถามว่ามีอะไรจะถามไหม

            “ค่ะ! มีคำถามกับท่านยอดนักดาบโดเบิร์กค่ะ!!”

            เสียงที่อเลนคุ้นเคย ดังมาจากข้างๆ เสียงของคุเรนะไม่ผิดแน่ๆ เพราะเธอตะโกนอยู่ข้างๆ

            ที่มารวมตัวกันอยู่ตรงนี้คือนักเรียนที่อายุ 12 – 13 ปี ถ้าให้เทียบกับโลกก่อนก็ราวๆนักเรียนมัธยมศึกษาปีที่ 1

            ถึงจะเป็นเด็กเหมือนกัน แต่สภาพแวดล้อมที่เติบโตมามันโหดร้ายแตกต่างกับโลกที่แล้วมาก ต้องเตรียมตัวเพื่อสอบเข้าโรงเรียนที่การแข่งขันเข้มงวดมากกว่าหลายเท่า ทำให้เหล่านักเรียนมีสามัญสำนึกพอประมาณ ถึงจะมีคนที่ซุกซนอยู่บ้าง แต่การความคุมจิตใจตัวเองถือว่าสูงกว่าเด็กในโลกแห่งความเป็นจริง

            ถึงจะมีนักเรียที่อยากจะถามอยู่ ในระหว่างที่ยังหวาดๆเพราะมายืนอยู่กับผู้กล้า เด็กผู้หญิงผมสีชมพูได้ยกมือขึ้น ทำให้โดเบิร์กยักคิ้วขึ้นมา

            “……โอ้ว คุเรนะเหรอ จะถามยอดนักดาบโดเบิร์กสินะ”

            “คุเรนะ?”

            “ยอดนักดาบที่เข้ามาในปีครับ”

            ครูประจำชั้นบอกเรื่องของคุเรนะให้กับโดเบิร์ก อเลนคิดว่าครูประจำชั้นที่เหมือนครูพละอย่างนี้พูดสุภาพกับโดเบิร์กด้วย

            “ถ้าอย่างนั้น คุเรนะ จะถามอะไรกับท่านยอดนักดาบโดเบิร์กเหรอ?”

            “ค่ะ! ทำยังไงถึงจะใช้สกิลได้คะ?”

            คุเรนะถามออกไปด้วยรอยยิ้มที่ไร้ซึ่งความกังวล

            “หา!?”

            ครูประจำชั้นถึงกับพูดไม่ออก ได้ยินนักเรียนบางคนซุบซิบว่า “สกิลคืออะไรเหรอ?” ด้วย

            “คุเรนะทำลงไปจนได้นะ……”

            โดโกร่าถึงกับถอนหายใจออกมา

            (นี่ยังไม่เริ่มเรียนเรื่องของสกิลกันสินะ)

            ตั้งแต่เดือนเมษายนที่เริ่มลุยดันเจี้ยน คุเรนะกับโดโกร่าก็กลุ้มใจมาตลอดถึงเรื่องที่ยังใช้สกิลไม่ได้ ถึงอเลนจะเข้าเรียนคาบดาบ, หอก และขวานอยู่หลายครั้ง แต่ส่วนใหญ่เรียนเกี่ยวกับการออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างร่างกาย หรือสอนการฟันอะไรพวกนี้

            ดูเหมือนจะยังไม่สอนเรื่องของสกิลในคาบเรียน และไม่รู้ด้วยว่าจะเริ่มสอนเกี่ยวกับการใช้สกิลเมื่อไร บางทีอาจจะปีหน้าก็ได้

            “คะ คุเรนะ บอกไปแล้วนี่ว่าเกี่ยวกับเรื่องสกิลจะเริ่มปีหน้า!”

            (ปีหน้างั้นเหรอ คุเรนะถามครูประจำชั้นไปแล้วด้วย)

            ครูประจำชั้นหน้าแดงตะโกนออกมาว่าทำไมถึงถามเรื่องนี้

            ดูเหมือนเพราะครูประจำชั้นไม่ยอมสอน คุเรนะเลยมาถามจากยอดนักดาบโดเบิร์กเอง

            ยอดนักดาบโดเบิร์กใช้ตาที่เหลืออยู่ข้างเดียวมองคุเรนะที่จ้องมาทางนี้ด้วยแววตาที่มุ่งมั่น

[นิยายแปล] Hell mode

[นิยายแปล] Hell mode

Artist: ,
อ่านนิยาย Hell modeยามาดะ เคนอิจิ พนักงานกินเงินเดือน อายุ 35 ปี ผู้ชื่นชอบเกมที่ต้องฟาร์มหนักๆ ตอนนี้กำลังสิ้นหวังกับยุคที่เกมเล่นผ่านง่ายๆกำลังเป็นที่แพร่หลาย ระหว่างนั้นเองที่เขาโดนเว็บไซต์หนึ่งที่เขียนว่า "สำหรับผู้ชื่นชอบการฟาร์มอย่างคุณ" ทำให้ไปเกิดใหม่ในต่างระดับเฮลโหมด ป.ล. 1 แปลจากเว็บโนเวล ถ้าไม่เหมือนฉบับรุปเล่มต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ป.ล. 2 การอัพขึ้นอยู่กับเวลาว่างจากการทำงาน อย่าคาดหวังมาก(แต่จะพยายามอัพเรื่อยๆถ้าแปลเสร็จ

Options

not work with dark mode
Reset