[นิยายแปล] Hell mode – ตอนที่ 17 งานเลี้ยง 1

บทที่ 17 งานเลี้ยง 1

            การต่อสู้กับอัศวินจบลง เกลด้าวิ่งไปหาคุเรนะ

            เกลด้าตรวจดูว่าคุเรนะบาดเจ็บตรงไหนบ้าง เพราะฟาดฟันกันหลายร้อยดาบ ถึงคุเรนะจะทำหน้างงว่าทำอะไรอยู่หรอก แต่ก็ยังทำการจับแก้มและแขนขาเพื่อตรวจสอบดูว่าเป็นอะไรบ้างไหม ไหนจะโดนรองหัวหน้าของกลุ่มอัศวินอย่างเรแบรนด์เตะจนกระเด็นไปไกลหลาย 10 เมตรและกระแทกกับกำแพงอย่างแรง พอตรวจสอบหลังกับท้องคุเรนะก็หัวเราะออกมาเพราะรู้สึกจั๊กจี้

            ไม่มีรอยแผลสักแห่ง รอยฟกช้ำก็ไม่มี มีแค่เสื้อผ้าที่สกปรกจากการสัมผัสพื้นเท่านั้น

            (หือ ถึกขนาดนั้นเลยเหรอ? ตอนเล่นติ๊ต่างแค่เหวี่ยงดาบไปมา เลยไม่มีบาดแผลสักเท่าไรอยู่หรอก)

            อเลนเล่นติ๊ต่างเป็นอัศวินกับคุเรนะทุกวัน วันละชั่วโมงนิดๆ ซึ่งมีบ้างที่โดนฟันเข้าตรงแขนและขาจนเป็นรอยฟกช้ำ แต่จะว่าไปจำได้ว่าไม่เคยเห็นคุเรนะบาดเจ็บอะไรอย่างนั้น

            หัวหน้าอัศวินเองพอมองร่างกายของคุเรนะที่ไร้บาดแผลก็มีเหงื่อเย็นๆไหลออกมาอีก เรแบรนด์ที่ต่อสู้ด้วยกลับต้องพาออกไปนอกลานกว้างเพราะไม่สามารถยืนได้แท้ๆ

            “เลี้ยงดูยอดนักดาบมาได้ดีนะเนี่ย มีพลังที่ยอดเยี่ยมอยู่”

            หัวหน้าอัศวินพูดกับเกลด้า แล้วค่อยๆยื่นมือไปหาเกลด้าที่คุกเข่าเพื่อตรวจดูว่าคุเรนะไม่เป็นอะไร

            เกลด้าเฝ้าระวัง จู่ๆถูกเรียกมาที่ลานกว้างแล้วให้ต่อสู้กับอัศวิน ถ้าชนะก็ดีไปแต่อาจจะทำให้คุเรนะตายได้อยู่

            หัวหน้าอัศวินค้างอยู่ในท่ายื่นมือออกไป เกลด้าคิดว่าอัศวินกับหัวหน้าอัศวินคงอนุญาตให้จับมือได้ เดิมทีเกลด้าเป็นพวกหัวร้อนง่าย ถ้าเลือดขึ้นหน้าจะหน้าแดงทันที การทะเลาะของโรกันตามปกติเกลด้าก็เป็นคนลงมือก่อน

            เกลด้าที่เป็นเช่นนั้นยื่นมือออกไป ความแตกต่างของหัวหน้าอัศวินกับทาสติดที่ดิน ความแตกต่างของฐานะราวฟ้ากับดิน แต่เนื่องจากที่นี่มีลูกคนสำคัญกับลูกของเพื่อนรักอยู่ด้วย เขาพยายามระงับความโกรธอย่างเอาเป็นเอาตายทั้งที่ยังหน้าแดง พร้อมกับยื่นมือไปจับอย่างนอบน้อม

            แกร๊ง

            รู้สึกประหลาดใจเพราะในมือมีอะไรแข็งๆอยู่ จากความรู้สึกตรงฝ่ามือทำให้รู้ว่ามันเป็นเหรียญจำนวนหลายเหรียญ เลยทำการหดมือทั้งที่ยังประหลาดใจแต่ก็ไม่ส่งเสียงออกมา พอชำเลืองมองดูก็เห็นว่าในมือมีเหรียญทองประมาณ 3 เหรียญ คงตั้งใจมอบเหรียญให้โดยเห็นว่าเป็นการจับมือ

            “ถ้าอย่างนั้น หัวหน้าหมู่บ้าน อยากจะขอคุยเรื่องต่อจากนี้ได้ไหม?”

            “คะ ครับ ตอนนี้ที่บ้านกำลังเตรียมงานเลี้ยงอยู่ครับ”

            เขาเริ่มพูดเกี่ยวกับเรื่องหลังจากนี้กับหัวหน้าหมู่บ้านราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดูท่าคงเป็นความห่วงใยของหัวหน้าอัศวินที่อยากจะมอบเหรียญทองที่ถือเป็นเงินจำนวนมากให้ โดยไม่อยากให้ทาสติดที่ดินและประชาชนจำนวนมากเห็น

            “อย่างนั้นค่อยน่าปลื้มหน่อย ชื่อว่าเกลด้าใช่ไหม? จะมาพร้อมกับลูกสาวด้วยไหม?”

            “เอ๊ะ? อ๊ะ? ครับ”

            ถึงจะตอบไปอย่างนั้น แต่ก็ชำเลืองมองไปทางโรดัน

            “หือ? อ้อ นั่นสินะ ถ้ากังวลจะพาเพื่อนไปด้วยก็ได้”

            คิดว่าคงปลดการเฝ้าระวังไปแล้ว พอฉันมองโรดันก็พยักหน้าให้ คุเรนะบอกว่าให้อเลนไปด้วยกัน

            เนื่องจากต้องเตรียมการ หลังจากนี้ 3 ชั่วโมงจะจัดงานเลี้ยงควบอาหารเย็นที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน เนื่องจากมีเรื่องเลยมีแค่โรดันเท่านั้นที่จะไปบอกมิทิลด้ากับเทเรเซีย เลยบอกให้อเลนไปกับเกลด้าและคุเรนะก่อน

            เลยตามเกลด้าไป ตามปกติไม่ค่อยได้มาใจกลางของหมู่บ้านบุกเบิก ทำให้ได้เห็นภาพที่แปลกใหม่

            (ค่อนข้างใหญ่นะเนี่ย ตรงลานกว้างเมื่อกี้ก็มารวมกันมากกว่า 100 คน จำนวนประชากรของหมู่บ้านน่าจะประมาณ 300 คนสินะ)

            ที่นี่เป็นใจกลางของหมู่บ้าน ทำให้มีร้านอยู่มากมาย เลยมองไปยังมุมหนึ่งที่ชวนให้คิดว่าเป็นย่านการค้า

            (โอ๊ะ ร้านขายอาวุธ ร้านทางโน้นเหมือนเห็นใบไม้ของพืชด้วย ร้านขายผักเหรอ? ไม่สิเหมือนร้านขายยา)

            ในระหว่างที่ตามเกลด้า ก็มองดูสภาพของร้านค้า

            บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านไม่ไกลจากลานกว้างมากนัก ตอนที่เห็นครั้งแรกคิดว่าค่อนข้างใหญ่อยู่ มันใหญ่ประมาณบ้านในโลกแห่งความเป็นจริง 2 หลัง เพราะว่าอาศัยอยู่ในเพิงมาโดยตลอด ทำให้คิดว่าเป็นบ้านที่ค่อนข้างมั่นคง

            เนื่องจากยังเตรียมการอยู่ เกลด้าเลยโดนถูกพาไปยังห้องที่น่าจะเป็นห้องรับแขกและให้รออยู่ที่นี่

            (เนื่องจากเลยเที่ยงไปกลุ่มอัศวินก็มาถึง งานเลี้ยงน่าจะเริ่มตอนบ่าย 3 – 4 โอ๊ะ ต้องทำการสร้างกับผสมแล้วสิ)

            ตรวจสอบในสมุดเวทมนตร์แล้วว่าพลังเวทฟื้น ถึงเกลด้าและคุเรนะจะอยู่ด้วย แต่ก็ไม่สนใจเพราะการ์ดกับสมุดเวทมนตร์นอกจากอเลนแล้วไม่มีใครเห็น เลยทำการสร้างและผสมเพื่อทำการเก็บเลเวลสกิล

            กิจวัตรประจำวันที่เริ่มทำตั้งแต่ตอนอายุ 1 ขวบเพื่อเพิ่มสกิลของการอัญเชิญ ตอนแรก 1 วันทำแค่ 2 รอบ แต่ตอนนี้มันเริ่มเสถียรแล้วเลยทำการสร้างและผสมวันละ 3 รอบ  ถ้าอยากจะแข็งแกร่งแล้วละก็คิดว่าจะต้องทำให้เป็นกิจวัตรประจำวันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

            หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีกิจวัตรประจำวันก็จบลง พร้อมกับมองดูรอบๆห้อง

            (กะแล้วเชียวว่าระดับการใช้ชีวิตของทาสติดที่ดินกับประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหัวหน้าหมู่บ้านมันช่างแตกต่างกัน)

            แล้วก็ไม่มีอะไรให้ทำ ตอนอยู่บ้านยังมีอะไรให้ทำเยอะแยะเช่นดูแลมัชชูบ้าง ตรวจสอบสัตว์อัญเชิญบ้าง ปาหินบ้าง อย่างนี้มันค่อนข้างว่างอยู่ พอคิดว่าพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมโอเทโร่ถึงได้เป็นที่นิยมในต่างโลกที่ไม่มีอะไรเลยทำให้เริ่มสะลึมสะลือ พออเลนนอน ทำให้คุเรนะนอนลงข้างๆด้วย เกลด้าจ้องมองทั้งคู่ที่นอนอยู่ด้วยสายตาที่อ่อนโยน

            “นี่ ดูเหมือนจะเริ่มแล้วนะ”

            “ปะ ป๊ะป๋ะ?”

            ตอนที่ขยี้ตาแล้วมองดูรอบๆ ก็เห็นโรดัน พร้อมกับนึกออกว่ามาที่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน คงงีบหลับไปราวๆ 2 ชั่วโมง

            พอตามโรดันกับเกลด้าไป ก็มุ่งหน้าสู่ห้องโถงของบ้านหัวหน้าหมู่บ้าน

            ได้ยินเสียงจอแจ ดูท่าคนจำนวนมากจะมาถึงแล้ว เหล่าอัศวินเองก็เกือบ 10 คน ไหนจะชาวบ้านและเหล่าเด็กๆ เป็นห้องโถงที่ค่อนข้างกว้างอยู่

            (โอ๊ะ? ลูกของหัวหน้าหมู่บ้าน กับเด็กคนโน้นมัน? เด็กที่มีพรสวรรค์ของผู้ใช้ขวานสินะ)

            ดูเหมือนจะไม่ใช่งานเลี้ยงสำหรับอัศวิน, หัวหน้าหมู่บ้านและเกลด้า มีชาวบ้านที่แต่งตัวดีเหมือนเป็นผู้มีอิทธิพลของหมู่บ้านอยู่ด้วย

            พอโดนบอกว่าที่นี่ มันเป็นโต๊ะทรงเกียรติ คนที่นั่งโต๊ะด้วยมีหัวหน้าอัศวิน, หัวหน้าหมู่บ้าน, ผู้หญิงที่ชวนให้คิดว่าเป็นภรรยาของหัวหน้าหมู่บ้านกับลูก แล้วก็เด็กผู้ใช้ขวานกับคนที่คิดว่าน่าจะเป็นครอบครัวของเขา เนื่องจากมีการเตรียมโต๊ะไว้ประมาณ 3 โต๊ะ ตัวที่ดีสุดคือโต๊ะทรงเกียรติ ส่วนอีก 2 โต๊ะเป็นของอัศวินคนอื่น กับชาวบ้าน

            เพราะยอดนักดาบมาด้วยทำให้เริ่มงานเลี้ยง แบบว่าเริ่มด้วยการทักทายจากหัวหน้าหมู่บ้านและหัวหน้าอัศวินแต่อเลนแทบจะไม่ได้สนใจเลย นั่นก็เพราะว่าเป็นการทักทายขอบคุณในการบุกเบิกหมู่บ้าน

            (โอ้ นี่มันผลโมลโม่นี่! เอากลับไปให้มาม้าสัก 2 ไม่สิ 3 ลูกดีกว่า)

            อเลนที่เห็นผลไม้ต่างโลกอย่างผลโมลโม่วางอยู่บนโต๊ะ เขาเลยเล็งช่วงคนอื่นเผลอเพื่อเอากลับไปเป็นของฝากที่บ้าน

            แต่ละคนก็กินอาหารของตัวเอง เนื่องจากกลุ่มอัศวินเดินทางมาไกลเลยกินกันอย่างเต็มที่ จนทำให้รู้สึกว่าจิตสังหารตอนพบกันที่ลานกว้างเป็นเรื่องโกหกเลย

            อนึ่ง รองหัวหน้าอัศวินไม่อยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าอยู่ในสภาพที่ยังกินข้าวไม่ได้ หรือรู้สึกไม่ดีจากการต่อสู้กับคุเรนะกันแน่

            (บรรยากาศของกลุ่มอัศวินเปลี่ยนไปนะเนี่ย เพราะรู้ว่าเป็นยอดนักดาบหรือเปล่านะ แต่ว่าถ้าคุเรนะไม่ใช่ยอดนักดาบจริงๆแล้วละก็ อาจจะมาเพื่อกำจัดทิ้งก็ได้)

            พออเลนคิดอะไรอย่างนั้น หัวหน้าอัศวินก็พูดกับหัวหน้าหมู่บ้าน

            “แล้วก็หัวหน้าหมู่บ้าน บุกเบิกหมู่บ้านได้อย่างยอดเยี่ยมมาก มันพัฒนาไปมากกว่าตอนมาเมื่อ 3 ปีก่อนเสียอีก”

            “คะ ครับ ทุกคนในหมู่บ้านพยายามกันอย่างเต็มที่เพื่อการพัฒนาหมู่บ้านครับ”

            หัวหน้าหมู่บ้านคำนับปะหลกๆ พอดูใกล้ๆแล้วเป็นหัวหน้าหมู่บ้านที่ค่อนข้างอ้วนท้วมอุดมสมบูรณ์อายุ 40 ปีกว่าๆ แต่ลูกกลับค่อนข้างผอมแห้ง ทำให้คิดว่าร่างกายไม่ได้ถูกถ่ายทอดตามพันธุกรรม

            “เรื่องนั้นแหละ การจะพูดเรื่องนี้เกี่ยวกับความพยายาม 10 ปีในการสร้างหมู่บ้านของหัวหน้าหมู่บ้านมันรู้สึกต้องขอโทษอยู่…”

            “เอ๊ะ? เรื่องอะไรเหรอครับ?”

            หัวหน้าหมู่บ้านทำหน้าเหมือนกับจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

            “ท่านเจ้าเมืองบอกมาว่าถ้าหากยอดนักดาบเป็นของจริงแล้วละ จะให้ตั้งชื่อหมู่บ้านว่าหมู่บ้านคุเรนะ”

            “““เอ๊ะ?”””

            จนถึงตอนนี้ถูกเรียกว่าหมู่บ้านบุกเบิก และมีการพูดกันว่าปีนี้จะมีการตั้งชื่อหมู่บ้าน และคิดว่าน่าจะตั้งชื่อตามผู้ที่เหนื่อยยากในการพัฒนาอย่างหัวหน้าหมู่บ้าน แต่ท่านเจ้าเมืองตัดสินว่าจะให้ชื่อคุเรนะ จนหัวหน้าอัศวินต้องกล่าวขอโทษออกมา

            (แบบว่า ดูนอบน้อมกว่าตอนแรกที่พบเสียอีก หรือเดิมทีก็เป็นอย่างนี้อยู่แล้วกันแน่นะ?”)

            “นะ นั่นสิครับ ท่านเจ้าเมืองตัดสินลงมาแล้วด้วยสิ”

            ไม่มีการคัดค้านอะไรเป็นพิเศษ ต่อให้คัดค้านไปก็คงโดนบอกว่าไม่มีทางเปลี่ยนแปลงได้

            (ใช่แล้ว เพราะว่าหมู่บ้านนนี้เป็นหมู่บ้านที่ให้กำเนิดยอดนักดาบ)

            คงอยากจะบอกตั้งแต่แรกแล้วก็ได้แต่มันฉุกละหุกไปหน่อย ระหว่างที่คุยอาหารก็ถูกขนเข้ามาเรื่อยๆ ต้องบอกว่าตั้งแต่มาต่างโลก สำหรับอเลนที่ได้กินแค่ผักหรือเนื้อที่เอาไปนึ่งหรือไม่ย่างเท่านั้น นี่ถือเป็นอาหารที่ผ่านการปรุงซึ่งไม่ได้กินมาเนิ่นนาน ในระหว่างที่กินไปก็ค่อยๆเอาผลโมลโม่ซ่อนไว้ตรงเท้าทีละลูก

[นิยายแปล] Hell mode

[นิยายแปล] Hell mode

Artist: ,
อ่านนิยาย Hell modeยามาดะ เคนอิจิ พนักงานกินเงินเดือน อายุ 35 ปี ผู้ชื่นชอบเกมที่ต้องฟาร์มหนักๆ ตอนนี้กำลังสิ้นหวังกับยุคที่เกมเล่นผ่านง่ายๆกำลังเป็นที่แพร่หลาย ระหว่างนั้นเองที่เขาโดนเว็บไซต์หนึ่งที่เขียนว่า "สำหรับผู้ชื่นชอบการฟาร์มอย่างคุณ" ทำให้ไปเกิดใหม่ในต่างระดับเฮลโหมด ป.ล. 1 แปลจากเว็บโนเวล ถ้าไม่เหมือนฉบับรุปเล่มต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ป.ล. 2 การอัพขึ้นอยู่กับเวลาว่างจากการทำงาน อย่าคาดหวังมาก(แต่จะพยายามอัพเรื่อยๆถ้าแปลเสร็จ

Options

not work with dark mode
Reset