[นิยายแปล] Hell mode – ตอนที่ 6 หมู่บ้านบุกเบิก

บทที่ 6 หมู่บ้านบุกเบิก

            โรดันกลับมาแล้ว

            “เฮ้ กลับมาแล้วเทเรเซีย”

            “อ้าว วันนี้เร็วจังเลยเป็นอะไรไหมคะ!?”

            เทเรเซียมุ่งหน้าไปยังห้องพื้นดิน พอเห็นสภาพของสามีอย่างโรดันก็ต้องประหลาดใจ เขามีเศษดินติดตามตัวราวกับไปล้มกลิ้งที่ไหนมา

            “อ้อ ไม่ได้บาดเจ็บอะไร แค่ล้มกลิ้งเพราะเกรซบอร์มันอาละวาดนิดหน่อยน่ะ อเลนตื่นอยู่หรือเปล่า?”

            ช่วงกลางฤดูใบไม้ร่วงอย่างกลางเดือนตุลาคม การเก็บเกี่ยวแทบจะเสร็จหมดแล้ว เหลือแค่เก็บมันฝรั่งอีกนิดหน่อยเท่านั้น ดูเหมือนวันนี้โรดันเองก็ออกไปล่าตรงป่าใกล้ๆพร้อมกับเหล่าผู้ชายในหมู่บ้าน แน่นอนว่าทุกคนเป็นทาสติดที่ดิน

            เนื่องจากเป็นทาสติดที่ดิน ก็ต้องทำการเกษตรไปด้วย แต่อเลนไม่รู้เหตุผลว่าทำไมถึงต้องออกไปล่าช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว

            “แหม ถ้าปลอดภัยก็ดีแล้วค่ะ ว่าแต่จะพาอเลนไปจริงๆเหรอคะ?”

            “อือ สัญญาไว้แล้วนี่ว่าจะพาไปยังสถานที่ชำแหละ ต้องรีบพาไปเพราะใกล้เริ่มแล้วด้วย”

            โรดันเดินตึงตังไปทางห้องสำหรับเด็ก

            “อเลนตื่นได้แล้ว จับเกรซบอร์ได้แล้วตัวใหญ่มากเลยด้วย”

            “จะ จริงเหรอครับป๊ะป๋ะ  อยากเห็นกุเรทบอจัง!!”

            ถึงภายในจะอายุ 35 ปี แต่ก็พยายามแสดงให้สมกับที่อายุ 1 ขวบ

            “กำลังจะพาไปไง! เพราะสัญญากับเด็กดีไว้แล้วนี่”

            “ว้าว สำเร็จ”

            ก่อนหน้านี้ตอนที่ได้ยินว่าล่าเกรซบอร์ได้ เลยขอว่าถ้ารอบหน้าจับได้แล้วอยากจะไปดูด้วย ซึ่งเขาบอกว่าถ้าเป็นเด็กดีจะพาไป อเลนซึ่งไม่ได้ร้องอะไรอย่างนั้นอยู่แล้วเลยถือว่าเป็นเด็กดี

            ดูเหมือนโรดันเองพอมีลูกแล้วก็อยากจะลองพูดคำว่า ‘ถ้าทำตัวเป็นเด็กดี’ อยู่

            ถูกโรดันอุ้มไว้ตรงหน้าอกแล้วออกไปข้างนอก ดูเหมือนเทเรเซียจะไม่ได้ไปด้วย

            ไม่อยากจะดูสถานที่ชำแหละ

            เสื้อผ้าของโรดันที่ออกไปตั้งแต่เช้าแล้ววิ่งไปมาทั่วป่าจนถึงตอนนี้ แม้จะมีล้มกลิ้งไปบ้างแต่ก็ยังจัดการกับเหยื่อได้ ตอนนี้มันเต็มไปด้วยเหงื่อและอะไรมากมายไปหมด แต่น่าแปลกที่อเลนไม่รู้สึกถึงความไม่สบายอะไรเลย

            รู้ได้เลยว่าโรดันพยายามทำงานขนาดไหนเพื่อครอบครัว

            จริงๆแล้วอเลนเพิ่งเคยเห็นวิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านบุกเบิกนี้เป็นครั้งแรก ทุกทีเห็นแต่วิวทิวทัศน์ผ่านหน้าต่างไม้ตรงห้องดิน หรือไม่ก็ตอนที่เทเรเซียอุ้มออกมาตรงสวนเท่านั้น

            (ภาพวิวทิวทัศน์ของชนบทที่มีแต่สวนนะเนี่ย ทางฝั่งนู้นน่าจะมีบ้านเรือนอยู่

            เป็นหมู่บ้านที่มีสวนมากมายเรียงรายอยู่ สีของสวนมีหลากหลายแบ่งกันไปตามสิ่งที่ปลูก เพราะนี่ก็เข้าเดือนตุลาคมทำให้เก็บเกี่ยวไปเกือบหมดแล้ว ถึงจะยังมีของที่ยังเก็บเกี่ยวไม่หมดอย่างมันฝรั่ง แต่สิ่งนั้นก็อยู่ระหว่างสวนกับบ้าน 

            โรดันส่งเสียงมาหาอเลนที่มองดูทิวทัศน์ของหมู่บ้านในระดับความสูงหน้าอกของโรดันด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มที่

            “ดูสิอเลน! อัลบาเฮรอน !!”

            ปลายนิ้วของโรดันที่ชี้ขึ้นไปบนฟ้าไกลมีนก 1 ตัวบินอยู่ มันค่อนข้างใหญ่ ถึงจะไกลจนมองไม่ค่อยเห็นแต่ก็เป็นนกตัวใหญ่ที่บินอยู่บนฟ้าสูง ขนาดกี่เมตรกันแน่นะ รู้ได้เลยว่าขนาดใหญ่แบบนี้ไม่มีในโลกปัจจุบัน

            “อาลูบาเฮลอน?”

            “ใช่แล้ว ตอนนี้เป็นช่วงบินขึ้นเหนือ ถึงนั่นจะเป็นแค่ 1 ตัว แต่จำได้ว่ามันชอบบินกันเป็นฝูง เห็นเขาว่าจะเริ่มบินตอนต้นฤดูใบไม้ร่วง”

            “มอนสเตอร์?”

            “ใช่แล้ว มอนสเตอร์ไง เอาเถอะ ถึงเป็นมอนสเตอร์ที่ไม่ค่อยลงมาตรงพื้นสักเท่าไร แต่ป๊ะป๋ะเคยกินอยู่ครั้งหนึ่งมันอร่อยมากเลย”

            “โห”

            “ถ้ามีมอนสเตอร์ที่ใหญ่กว่านั้นบินบนฟ้าแล้วละก็ ต้องไปซ่อนให้บ้านให้ดีๆด้วย!!”

            “เข้าใจแล้ว ไม่งั้นจะโดนมางกรกินสินะ”

            “……”

            “ป๊ะป๋ะ มีอะไรเหรอ?”

            โรดันเอาแต่จ้องมองไปที่อัลบาเฮรอน เพราะคิดว่าเป็นความเงียบที่ผิดปกติ ทำให้อเลนส่งเสียงไป

            “อืม? ไม่หรอ ไม่มีอะไร ใกล้ถึงที่ชำแหละแล้ว ใหญ่มากเลยนะ”

            “อือ!!”

            ถึงตอนนั้นจะไม่รู้แต่หลังจากนั้นหลายเดือนถึงจะได้ยินเหตุผลว่าชื่อของอเลนเอามาจากชื่อชองอัลบาเฮรอน พ่อหวังไว้ว่าอยากให้ลูกชายของตัวเองมีอิสระเหมือนอย่างอัลบาเฮรอนที่บินไปไหนบนท้องฟ้าก็ได้

            แน่นอนว่าอเลนในตอนนี้ยังไม่รู้ถึงความรู้สึกนั้น ได้แต่มองไปรอบๆหมู่บ้านด้วยจิตใจอยากรู้อยากเห็น

            (ดูเหมือนบริเวณนี้จะเป็นที่อยู่อาศัย ไม่รู้ว่าที่ฉันอาศัยอยู่เป็นชานเมืองของหมู่บ้านบุกเบิกหรือเปล่า บอร์! เกรซบอร์ล่ะ มอนสเตอร์ตัวแรก!!)

            พอเดินจากบ้านมาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็มาถึงบริเวณตรงที่ไม่มีสวนและมีบ้านเรือนเรียงราย เหมือนจะเห็นสิ่งที่เป็นทางเข้าหมู่บ้านอยู่ปลายทาง เห็นได้ชัดเลยว่าสิ่งก่อสร้างที่ใหญ่โตข้างหน้าเป็นประตู

            และสิ่งที่อยู่ข้างหน้าคือเกรซบอร์ที่ถูกชำแหละไปเยอะแล้ว ถึงการชำแหละจะคืบหน้าแต่รูปลักษณ์เดิมยังคงเหลืออยู่จนเห็นได้ว่าเป็นหมูป่า ตรงสถานที่ชำแหละมีคนเกือบๆ 50 คนอยู่  ซึ่งมีหลายคนที่กำลังแบ่งเนื้อให้แก่กันอยู่

            (ใหญ่มาก เกิน 3 เมตรนะเนี่ย ไม่ใช่ขนาดของหมูป่าเลย)

            การคงอยู่ของเกรซบอร์นั้นน่าเกรงขามมาก ถ้าจะให้เทียบกับโลกปัจจุบันคงใหญ่พอๆกับฮิปโปเลย เขี้ยวที่งอกออกมาเหมือนถูกเจาะลึกเข้าไปตรงใบหน้า

            ถึงจะได้ยินเกี่ยวกับมอนเสอต์ของโลกนี้จากโรดันแล้วก็ตาม แต่เพิ่งจะเคยเห็นมอนสเตอร์เป็นครั้งแรก

            โรดันอุ้มอเลนแล้วค่อยๆเข้าไปใกล้ ทำให้รู้สึกถึงสายตาของทุกคน

            (อย่างนี้นี่เอง กะแล้วเขียวว่าต้องเด่น)

            พอจะรู้อยู่ว่าทำไมทุกคนถึงมองมาที่อเลน

            “โอ้! โรดันมาแล้ว นี่ทุกคนผู้ทำผลงานมาถึงแล้ว!!”

            หนึ่งในฝูงชนที่ทำการชำแหละอยู่ ตะโกนบอกการมาถึงของโรดัน

            “นี่ๆ อย่าเสียงดังสิ มันอายนะเฟ้ย”

            “ช้าจริงเลย เดี๋ยวเนื้อหมดไม่รู้ด้วยนะ ผู้ทำผลงาน!”

            ชายที่อยู่หน้าโรดันมีกล้ามเนื้อไม่แพ้โรดันเลย เค้าหน้าแลดูคล้ายกอริลลาไหนจะมีหนวดและขนตรงหน้าอกอีก

            ในแขนอุ้มเด็กผู้หญิงอยู่ อายุน่าจะไล่เลี่ยกับอเลน

            “ถึงบอกให้หยุดไง แค่บังเอิญแทงไปโดนจุดสำคัญตรงคอเท่านั้นเอง”

            ดูเหมือนว่าโรดันจะเป็นคนจัดการกับเกรซบอร์ เลยรู้สึกเขินที่ได้รับคำชมจากคนที่มารวมตัวกันอยู่

            “โอ้!? วันนี้พาอเลนมาด้วยเหรอ? ไม่ได้เจอตั้งนาน ผมกับตาสีดำจริงๆด้วยสินะ”

            เทเรเซียและโรดันต่างก็มีผมสีน้ำตาล แต่ว่าสีตาและผมของอเลนกลับเป็นสีดำแบบเดียวกับก่อนที่จะมาเกิดใหม่ ทำให้มันค่อนข้างแปลกประหลาดอยู่ จนรู้สึกถึงสายตามากมายที่จับจ้องอยู่

            อนึ่ง ใบหน้าของอเลนเหมือนกับแม่อย่างเทเรเซียมากกว่าหน้าที่ดิบเถื่อนของโรดัน

            “ใช่แล้วเป็นเด็กดีด้วยนะเกลด้า อเลนทักทายสินี่เพื่อนบ้านเกลด้า”

            “ยินดีที่ได้รู้จัก ผมชื่ออเลนครับ”

            (อืม ทักทายตามปกติไปซะได้ เด็กทารก 1 ขวบทักทายยังไงกันนะ ที่ถูกต้องมันต้องแบบไหนกัน)

            “นี่ๆ 1 ขวบจริงดิ ต่างกับเด็ก 1 ขวบบ้านฉันลิบลับเลย อยากให้ดูเป็นแบบอย่างบ้างนะเนี่ย”

            “ใช่แล้ว ฉลาดต่างกับฉัน”

            ทั้งโรดันและเกลด้าเอง แทบจะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติที่อเลน 1 ขวบสามารถพูดได้

            อาจจะเพิ่งเคยมีลูกด้วยก็ได้ แถมเป็นทาสติดที่ดินไม่น่าจะได้รับการศึกษาระดับประถมในแบบเดียวกับในโลกแห่งความเป็นจริง

            จะบอกว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้มันก็ใช่อยู่

            “แกเนี่ยพ่อบ้าเห่อจริงๆเลยนะ เอ้าคุเรนะเองก็ทักทายด้วยสิ”

            “คุเรนะ…”

            (อย่างนี้นี่เอง อย่างนี้สินะถึงจะถูกต้อง)

            คุเรนะมีเส้นผมสีชมพู ตาสีฟ้า

            บางทีอาจจะอายสายตาของทุกคนก็ได้ ทำให้คุเรนะเอาหน้าซุกไปหลบอยู่ตรงหน้าอกของคนเป็นพ่ออย่างเกลด้า

            อเลนได้พบกับคุเระนั้นวันนั้นเป็นครั้งแรก

            “นี่ๆ ทุกทีคุเรนะออกจะเป็นเด็กแก่นแก้วไม่ใช่เหรอ?”

            เกลด้าหัวเราะลั่น ส่วนคุเรนะก้มหน้า บางครั้งก็ชำเลืองมองมาทางอเลน และสบตากัน

            โรดันที่คุยเรื่อยเปื่อยกับเพื่อนบ้านเข้าไปใกล้ที่ชำแหละ ดูเหมือนจะให้เข้าไปดูเกรซบอร์ใกล้ๆตามที่สัญญาไว้

            (โอ้วว มอนสเตอร์เหรอ บางทีถ้าจัดการมอนสเตอร์ได้เลเวลน่าจะเพิ่มอยู่หรอก อยากจะจัดการเร็วๆแล้วสิ)

            “มอนสเตอร์ตัวนี้แข็งแกร่งขนาดไหนเหรอ?”

            “อ้อ นั่นสินะ นี่เป็นมอนสเตอร์ระดับ C ถ้าเห็นมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่งกว่านี้ไม่หนีไม่ได้ด้วย”

            (อืมๆ จะว่าไปใช้คน 20 คนในการจัดการสินะ แค่ 20 คนก็สามารถจัดการมอนสเตอร์ระดับ C ได้เหรอ)

            ระหว่างที่อยู่ในแขนของโรดันก็เข้าไปดูสถานที่ชำแหละเกรซบอร์ก็มีคนเข้ามาคุยกับโรดัน เนื่องจากเตรียมการเสร็จ เลยไปสถานที่วางเนื้อจากการชำแหละ ก่อนจะได้รับมอบเนื้อที่ทำการผูกไว้ด้วยเชือก

            (เนื้อชิ้นใหญ่นะเนี่ย น่าจะประมาณ 10 กิโลกรัมเลย รางวัลสำหรับการล่าเกรซอร์คือเนื้อ บางครั้งก็ได้กินสิ่งนี้ตากแห้งบ้าง)

            แน่นอนว่าโรดันรับเนื้อมาในสภาพที่อุ้มอเลนด้วยมือข้างเดียว เพราะมีผู้เข้าร่วมการปราบด้วยทำให้มีหลายคนที่ได้รับการแบ่งเนื้อไปก่อนแล้ว

            “น่าจะพอแล้วสินะ? เอาเนื้อกลับไปให้เทเรเซียที่กำลังรอกันเถอะ?”

            “อืม”

            พอบอกอย่างนั้น โรดันกับอเลนก็เอาเนื้อที่เป็นของฝากกลับไปยังทางที่เดินมา

[นิยายแปล] Hell mode

[นิยายแปล] Hell mode

Artist: ,
อ่านนิยาย Hell modeยามาดะ เคนอิจิ พนักงานกินเงินเดือน อายุ 35 ปี ผู้ชื่นชอบเกมที่ต้องฟาร์มหนักๆ ตอนนี้กำลังสิ้นหวังกับยุคที่เกมเล่นผ่านง่ายๆกำลังเป็นที่แพร่หลาย ระหว่างนั้นเองที่เขาโดนเว็บไซต์หนึ่งที่เขียนว่า "สำหรับผู้ชื่นชอบการฟาร์มอย่างคุณ" ทำให้ไปเกิดใหม่ในต่างระดับเฮลโหมด ป.ล. 1 แปลจากเว็บโนเวล ถ้าไม่เหมือนฉบับรุปเล่มต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ป.ล. 2 การอัพขึ้นอยู่กับเวลาว่างจากการทำงาน อย่าคาดหวังมาก(แต่จะพยายามอัพเรื่อยๆถ้าแปลเสร็จ

Options

not work with dark mode
Reset