[นิยายแปล] Hell mode – ตอนที่ 91 กรรมสิทธิ์

บทที่ 90 กรรมสิทธิ์

            เพื่อที่อเลนจะปราบรังมดเกราะเลยพักแรมข้างนอกโดยไม่ขออนุญาต ถึงจะอธิบายบารอนไปแล้วแต่ดูเหมือนจะสื่อไปไม่ถึง

            เพราะถูกเรียกร้องมาเลยทำการอธิบายอีกรอบ พออธิบายเสร็จ บารอนที่ไม่แสดงสีหน้าก็พูดสรุปออกมา

            “จะบอกว่าปราบราชินีมดเกราะ และยึดรังของมดเกราะมาได้อย่างนั้นหรือ?”

            (โอ๊ะ! ครั้งนี้ถ่ายทอดได้แล้ว)

            “ครับ ใช่แล้วครับ”

            บารอนมองพ่อบ้าน

            “รีบไปเรียกหัวหน้ากลุ่มอัศวินมาเดี๋ยวนี้ ถึงจะยังเหนื่อยเพราะเพิ่งกลับมาเมื่อคืน แต่บอกให้รีบมาที่นี่ที”

            “ครับ!!!”

            (หือ? เรียกหัวหน้ากลุ่มอัศวินเหรอ เคยบอกหัวหน้ากลุ่มอัศวินไว้แล้วว่าจะทำการปราบรังมดเกราะอยู่หรอก)

            ตอนที่กำจัดหมู่บ้านออร์ค หัวหน้ากลุ่มอัศวินบอกว่าหลังจากนี้อยากจะให้รายงานสภาพที่ไปปราบด้วย ตั้งแต่นั้นอเลนก็รายงานสถานการณ์การปราบให้ทราบ มีบ่อยครั้งที่หัวหน้ากลุ่มอัศวินไม่อยู่ แต่เนื่องจากไม่มีหมู่บ้านออร์คเหลือแล้ว คราวหน้าเลยจะไปโจมตีรังของมดเกราะ แต่ก็เคยบอกแค่ครั้งเดียวเมื่อราวๆ 2 เดือนที่แล้ว

            “แล้วเอาเกราะของราชินีมดเกราะกลับมาไว้ที่สวนด้วยสินะ”

            “ครับ”

            “ถ้างั้น ไปดูเกราะนั้นก่อนระหว่างรอหัวหน้ากลุ่มอัศวินมาก็แล้วกัน”

            (โอ๊ะ เหมือนจะให้อภัยแล้วแฮะ? สมกับเป็นท่าขอโทษของคุณริกเกล)

            ไม่มีการพูดถึงเรื่องที่พักแรมข้างนอกโดยไม่ขออนุญาต ตระกูลบารอนทุกคนมุ่งหน้าไปที่สวนพร้อมกับอเลน

            ตรงสวนมีเกราะของราชินีมดเกราะที่ส่องประกายสีชมพูทองตั้งอยู่ อนึ่ง เกราะของมดเกราะธรรมดาจะเป็นสีเงิน

            บารอนสัมผัสเกราะของราชินีมดเกราะ ซึ่งโทมัสเองก็เข้าไปจับพร้อมกัน

            “ดูเหมือนจะมาถึงแล้วสินะ”

            พ่อบ้านที่ไปเรียกหัวหน้ากลุ่มอัศวินกลับมาแล้ว

            “ใช่แล้ว เซบาสเอ๋ย อเลนบอกว่านี่เป็นเกราะของราชินีมดเกราะ เคยเห็นหรือเปล่า?”

            “ตะ ต้องขอประทานโทษด้วยครับ ไม่ค่อยทราบเรื่องเกี่ยวกับมอนสเตอร์สักเท่าไรครับ”

            (หือ? เอาเถอะเป็นมอนสเตอร์แปลกๆระดับ B ที่อยู่ในโพรงด้วย จะเป็นเกราะของราชินีมดเกราะจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะอย่างนั้นเลยเรียกหัวหน้ากลุ่มอัศวินมางั้นเหรอ?)

            พ่อบ้านที่ตอบว่าไม่รู้ เข้าไปลูบเกราะของมดเกราะดู แล้วหัวหน้ากลุ่มอัศวินก็วิ่งเข้ามาในสวน

            “บอกให้รีบมามีอะไรหรือครับ?”

            อเลนคิดว่าทั้งที่เพิ่งเลยเที่ยงและเป็นช่วงเวลาพักผ่อนสบายๆ แต่เสื้อผ้าหน้าผมกลับดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

            “โทษทีนะ ทั้งที่อยู่ระหว่างพักแท้ๆ เซนอฟเอ๋ย มีสิ่งที่อยากให้เจ้ายืนยันหน่อย นี่คือเกราะของราชินีมดเกราะหรือเปล่า?”

            “ราชินีมดเกราะอย่างนั้นหรือครับ?”

            หัวหน้ากลุ่มอัศวินแสดงสีหน้าว่าพูดเรื่องอะไรออกมาก่อนจะมองดูเกราะของราชินีมดเกราะ

            “ต้องขออภัยด้วยครับ ไม่เคยเห็นราชินีมดเกราะมาก่อนเลยครับ”

            ดูเหมือนหัวหน้ากลุ่มอัศวินเองก็ไม่เคยเห็น

            “อเลนบอกว่านี่เป็นเกราะของราชินีมดเกราะ เพราะเป็นเรื่องเมื่อนานมาแล้วเลยทำให้จำได้ไม่ค่อยชัดเจนเท่าไร แต่รังของมดเกราะไม่สามารถปราบได้ไม่ใช่หรือ?”

            (เอ๊ะ? ไม่สามารถปราบได้? ไม่ใช่ยาก แต่ปราบไม่ได้งั้นเหรอ?)

            “ครับ ไม่สามารถปราบได้ ต่อให้ส่งกลุ่มอัศวินไปก็ไม่มีทางทำได้ครับ หรือต่อให้เป็นพายุเขี้ยวเงินก็คิดว่าน่าจะทำไม่ได้เช่นกันครับ”

            ต่อให้ส่งกลุ่มอัศวิน หรือจะเป็นปาร์ตี้นักผจญภัยระดับ A อย่างพายุเขี้ยวเงินก็ไม่สามารถทำได้ เขาพูดออกมาอย่างชัดเจนในขณะที่มองเกราะของราชินีมดเกราะที่อยู่ตรงหน้า

            “เอ๊ะ? มดเกราะเป็นมอนสเตอร์ระดับ C ไม่ใช่หรือครับ?”

            ในขณะที่มองดูเกราะของราชินีมดเกราะ อเลนก็ถามว่าทำไมการปราบรังมดเกราะถึงเป็นไปไม่ได้ โดยตัวของมันเองมดเกราะเป็นมอนเตอร์ระดับ C กลุ่มอัศวินหรือปาร์ตี้นักผจญภัยระดับ A ไม่น่าจะทำไม่ได้นี่

            “อืม เรื่องนั้นมัน”

            หัวหน้ากลุ่มอัศวินอธิบายออกมา ถ้าคิดจะปราบรังมดเกราะแล้วละก็ ยังไงก็ต้องปราบมดเกราะมากกว่า 1000 ตัว แถมปราบไปเท่าไรมันก็ออกมาจากรังเรื่อยๆ บางครั้งต้องปราบเป็น 1000 ตัว หรือ 2000 ตัวก็มี

            (นั่นสินะ มันอย่างนั้นเลย ฉันเองก็ปราบไป 5000 ตัว)

            หัวหน้ากลุ่มอัศวินพูดออกมาต่อ

            การจะปราบมดเกราะหลายพันตัว ต่อให้ส่งกลุ่มอัศวินไป ยังไงก็ต้องต้องเกิดการสูญเสียจำนวนมาก มอนสเตอร์ระดับ C ที่มากกว่า 1000 ตัว จะทำให้มีคนตายเรื่อยๆ

            แล้วสิ่งที่ยากยิ่งกว่านั้นคือการปราบราชิมิมดเกราะที่อยู่ในส่วนลึกสุดของรัง กว่าจะไปถึงราชินีมดเกราะมีทางแยกมากมายคล้ายกับเขาวงกต แล้วผู้ที่บุกเข้าไปจะโดนตัวของมดเกราะเป็นกำแพงขวางทางไว้ตรงห้องเล็กหรือไม่ก็ทางตัน ต่อให้ปราบมดเกราะที่ขวางทางได้ แต่ก็ไม่สามารถหาทางออกจากการโดนปิดล้อมได้ทำให้ต้องเสียชีวิตไป

            (จะว่าไปก็โดนปิดล้อมหลายครั้งอยู่)

            ทุกครั้งที่โดนปิดล้อมจะให้สัตว์อัญเชิญกลับมาเป็นการ์ด แล้วค่อยเรียกออกมาใหม่

            “ดังนั้นการปราบรังเลยเป็นไปไม่ได้ เอาเถอะ ต่อให้ปราบได้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องเสียสละอะไรไปมากแค่ไหนด้วย อย่างน้อยไม่เคยได้ยินเรื่องที่จะปราบรังมดเกราะได้เลย”

            การจะปราบรังมดเกราะจำเป็นต้องสังเวยชีวิตของอัศวินและนักผจญภัยจำนวนมาก แต่ไม่มีใครที่อยากจะสละชีวิตของตัวเองเพื่อเข้าไปในรังของมดเกราะ

            การเดินทางไกลครั้งของของกลุ่มอัศวิน มีเป้าหมายอยู่ที่หมู่บ้านก็อบลินและหมู่บ้านออร์ค แต่รังมดเกราะไม่ได้อยู่ในเป้าหมายที่จะไปกำจัด

            “เอ๊ะ แต่ได้ยินมาว่าแหล่งขุดแร่มิธริลที่มีในตอนนี้ หลายแห่งเคยเป็นรังของมดเกราะมาก่อนไม่ใช่หรือครับ”

            “สิ่งนั้นเป็นรังที่ราชินีมดเกราะตายแล้วบ้าง หรือไม่ก็ไม่ได้ใช้แล้วบ้างไง”

            พอได้ยินถึงขนาดนี้ ก็เข้าใจเหตุผลแล้วว่าทำไมบารอนกับพ่อบ้านถึงได้แสดงสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ไม่เคยมีผู้ที่ปราบมันได้ และไม่เคยได้ยินถึงเรื่องที่จะปราบมัน ทำให้ไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นได้มาก่อน เลยไม่เข้าใจว่าพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่

            “อ้อ ใช่แล้วครับ ไม่ใช่แค่เกราะของราชินีมดเกราะ แต่มีสิ่งนี้ด้วยครับ”

            เอาถุงกระสอบที่พาดไหล่ลงมา พร้อมกับแจ้งถึงสิ่งที่ยังไม่ได้รายงาน

            “นี่มัน?”

            “หินที่เก็บมาจากตรงที่ราชินีมดเกราะอยู่ครับ อาจจะเป็นแร่มิธริลก็ได้”

            “““นี่มัน!!”””

            “ทะ ท่านบารอน!”

            ทุกคนตอบสนองต่อหินที่อเลนเอาออกมาจากถุงกระสอบ เป็นปฏิกิริยาที่ดียิ่งกว่าเกราะของราชินีมดเกราะ สีหน้าที่ราวกับเคยเห็นหินก้อนนี้ ดูเหมือนทางนี้จะให้ความรู้สึกที่เป็นจริงมากกว่าอยู่สินะ

            บารอนกับหัวหน้ากลุ่มอัศวินเดินเข้าไปใกล้อเลนพร้อมกับดูหินที่เอากลับมา

            “อเลนเอ๋ย ไปคุยต่อที่ห้องประชุมเถอะ”

            จากการนำของบารอน พ่อบ้าน และหัวหน้ากลุ่มอัศวินได้พาอเลนไปที่ห้องประชุมชั้น 3

            “แล้วก็ เอาของที่อยู่ในถุงกระสอบวางไว้บนโต๊ะที”

            “ครับ”

            ถึงจะรู้สึกผิดเพราะเอาหินซึ่งอาจจะโดนของเหลวจากราชินีมดเกราะไว้บนโต๊ะที่ผ่านการใช้งานมานาน แต่ก็ทำตามที่สั่ง

            บารอนพอเห็นสิ่งนั้นก็ออกจากห้องประชุมไป แต่รู้สึกได้ว่าอยู่ห้องข้างๆ ดูเหมือนจะไปทำธุระอะไรบ้างอย่างที่ห้องข้างๆอยู่

            “นี่คือแร่มิธริล”

            (โอ๊ะ! สมกับเป็นแคว้นที่เคยรุ่งเรืองด้วยมิธริล มีของจริงอยู่ด้วย)

            บารอนเอาแร่มิธริลวางไว้ข้างๆหินของอเลน

            สิ่งนั้นมีความวาวและผิวสัมผัสเหมือนกับสิ่งที่อเลนเอากลับมา

            “เหมือนกันเลยนะครับ”

            “ใช่แล้วล่ะ เซบาสเอ๋ย ไปเอาแผนที่มาที”

            เซบาสไปเอาแผนที่จากห้องอื่นมา ก่อนจะกางแผนที่ของแคว้นไว้บนโต๊ะ พร้อมกับถามว่ารังของมดเกราะอยู่แถวไหน

            อเลนต้องอธิบายถึงตำแหน่งที่ไปปราบหมู่บ้านออร์คตามคำสั่งของหัวหล้ากลุ่มอัศวิน นี่จึงไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยเห็นแผนที่

            จากเหมืองที่มีอยู่ทั้งหมด 4 แห่ง ทำการชี้ไปยังรังมดเกราะที่อยู่ระหว่างเหมืองที่อยู่บนสุดกับอันรองบนสุด แล้วบอกว่า “แถวนี้ครับ”

            “อย่างนี้นี่เอง ตรงนี้อยู่ใกล้หมู่บ้านที่กำลังบุกเบิกสินะ”

            พ่อบ้านและหัวหน้ากลุ่มอัศวินตอบว่าใช่แล้วครับต่อคำพูดของบารอน

            “อย่างนี้จำเป็นต้องส่งกลุ่มอัศวินไป เพื่อไม่ให้มอนสเตอร์ตัวอื่นเข้าไปอยู่อาศัยครับ”

            หัวหน้ากลุ่มอัศวินบอกว่าจะรีบกลับไปที่เมืองเพื่อมุ่งหน้าไปยังรังมดเกราะ

            “อ้อ แล้วก็”

            อเลนนึกถึงสิ่งที่ยังไม่ได้รายงานออกไปออก

            “ยังมีอะไรอีกงั้นหรือ?”

            “ครับ ถ้ามีกระดาษ จะวาดภาพรวมของรัมดเกราะแบบคร่าวๆให้ได้อยู่ครับ”

            ถึงจะแค่วาดตามแผนที่ที่จดอยู่ในสมุดเวทมนตร์ก็ตามที ถึงจะคร่าวๆ แต่มันเป็นเขาวงกตที่ยาวถึง 5 กิโลเมตร การมีหรือไม่มีจะทำให้การดูแลหลังจากนี้แตกต่างกันอยู่

            “จะ จริงเหรอ! รีบไปเตรียมกระดาษมาเดี๋ยวนี้เลย”

            “นายท่าน แล้วเรื่องของกรรมสิทธิ์ล่ะครับ”

            “อึม รู้แล้วน่า”

            บารอนตอบพ่อบ้านว่าไม่ต้องบอกก็รู้อยู่แล้ว

            “อเลนเอ๋ย เรื่องในครั้งนี้ถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม จะไม่สอบสวนเรื่องที่หยุดงานโดยพลการ”

            “ขอบพระคุณมากครับ”

            “แล้วแน่นอนว่า จะให้อเลนเป็นผู้ที่ค้นพบเหมืองมิธริลคนแรกด้วย”

            “ครับ”

            (ต้องบอกว่ายึดมาแทนที่จะค้นพบอยู่หรอก)

            “มาตรฐานของเมืองหลวง ไม่ได้กำหนดแค่มิธริลแต่รวมไปถึงเหมืองแร่ทุกชนิด จะมอบกรรมสิทธิ์ให้แก่ผู้คนพบ 30%”

            “ให้มากถึงขนาดนั้นเลยหรือครับ?”

            “อืม กรรมสิทธิ์เหมือง 30% เป็นของอเลนไง”

            (จริงดิ อย่างนี้จะได้เป็นเศรษฐีที่ต่างโลกเลยนะเนี่ย แล้วกรรมสิทธิ์คือ?)

            แล้วก็ได้รับการอธิบายที่ละเอียดยิ่งขึ้น

            ถึงจะบอกว่า 30% แต่จริงๆแล้วมันค่อนข้างน้อย

            กำไรที่ได้จากการขายมิธริล จะถูกหักออกไปเป็นค่าจ้างคนดูแลเหมือง, คนขุด, กลุ่มอัศวินและค่าสร้างเตาหลอม แล้วกำไรที่หักจากค่าใช้จ่าย จะต้องเสียภาษี 60% ให้กับราชวงศ์

            กำไรสุทธิที่เหลือหลังจากหักภาษีที่ส่งให้กับราชวงศ์แล้ว ถึงจะแย่งให้กับผู้ถือกรรมสิทธิ์

            เนื่องจากอเลนได้รังของมดเกราะ กรรมสิทธิ์ 30% จึงเป็นของอเลน ส่วนที่เหลืออีก 70% จะเป็นของเจ้าเมืองที่ปกครองแคว้น

            อเลนที่อายุ 11 ปี ได้กรรมสิทธิ์เหมืองถึง 30% จากการปราบรังของมดเกราะ

[นิยายแปล] Hell mode

[นิยายแปล] Hell mode

Artist: ,
อ่านนิยาย Hell modeยามาดะ เคนอิจิ พนักงานกินเงินเดือน อายุ 35 ปี ผู้ชื่นชอบเกมที่ต้องฟาร์มหนักๆ ตอนนี้กำลังสิ้นหวังกับยุคที่เกมเล่นผ่านง่ายๆกำลังเป็นที่แพร่หลาย ระหว่างนั้นเองที่เขาโดนเว็บไซต์หนึ่งที่เขียนว่า "สำหรับผู้ชื่นชอบการฟาร์มอย่างคุณ" ทำให้ไปเกิดใหม่ในต่างระดับเฮลโหมด ป.ล. 1 แปลจากเว็บโนเวล ถ้าไม่เหมือนฉบับรุปเล่มต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ป.ล. 2 การอัพขึ้นอยู่กับเวลาว่างจากการทำงาน อย่าคาดหวังมาก(แต่จะพยายามอัพเรื่อยๆถ้าแปลเสร็จ

Options

not work with dark mode
Reset