[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN) – ตอนที่ 11 เทพธิดากับการสั่งพิซซ่า

Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN)
ชื่อไทย : มาฮิรุณคอแดง(?)
ผู้แปล : แปลแบบคนเหงาและง่วง
Chapter : 11 เทพธิดากับการสั่งพิซซ่า
 
“…ฟู่ว ในที่สุดก็สะอาดสักที”
 
พวกเขาให้เวลาทั้งวันในการทำความสะอาดห้องของอามาเนะ
เป็นเวลาหลายชั่วโมงที่พวกเขาจัดการกับสิ่งของบนพื้น ซักเสื้อผ้า ทำความสะอาดหลอดไฟ เช็ดหน้าต่าง ดูดฝุ่นที่พื้น กระทั่งอาทิตย์ตกดินเมื่อพวกเขาทำเสร็จ
 
แสงอาทิตย์สาดส่องมาที่มาฮิรุถึงข้างในห้อง นี่เป็นหลักฐานอย่างดีว่าพวกใช้เวลานานแค่ไหนกับการทำความสะอาดครั้งนี้
แต่นี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ห้องของอามาเนะออกมาดูสวยเหมือนใหม่อีกครั้ง
พื้นถูกทำความสะอาดหมดจด ไม่มีรอยฝุ่นบนกระจกหน้าต่าง และไฟก็ดูสว่างกว่าแต่ก่อน
ห้องนอนของอามาเนะก็สะอาดเช่นกัน ดังนั้นตอนนี้จึงไม่มีอะไรกระจายอยู่บนพื้นอีกแล้ว ในที่สุดพวกเขาก็สามารถพักผ่อนได้อย่างสะดวกสบายสักที
 
“พวกเราต้องใช้เวลาทั้งวันเลยนะ” 
“ก็มันรกซะขนาดนั้นนี่นะ…”
“ทั้งหมดต้องขอบคุณเธอล่ะนะ”
“แน่นอนค่ะ”
 
อามาเนะไม่สามารถจะหันหน้าไปหาเทพธิดาผู้ช่วยชีวิตตรงๆได้ ได้เพียงแค่แค่เหลือบมองไปที่มาฮิรุด้วยความเคารพเท่านั้น (เขาต้องการคุกเข่าขอบคุณ แต่เธอปฏิเสธ) เนื่องจากเธอได้ช่วยเขาไว้มากจริงๆ
[TL : อิหยังนิ งงประโยคเดสุ ขออภัยจริงๆ]
 
มาฮิรุใช้วันหยุดที่มีค่าของเธอไปกับเรื่องครั้งนี้ [เธอมีน้ำใจมากจริงๆ] เขาพึมพำในขณะที่เธอกำลังมัดถุงขยะ
การพูดของเธอดูเข้มงวดก็จริง แต่มันก็ทำให้เกิดผลสำเร็จขึ้นจริงๆ อย่างไรก็ตาม เธอดูเหนื่อยเล็กน้อย และนั่นมันเป็นเรื่องปกติเพราะว่าเธอต้องทำงานตลอดทั้งวัน
เขาคงไม่สามารถปล่อยให้เธอทำอาหารเย็นทั้งๆแบบนี้ได้
มันจะเป็นปัญหาหากเขาปล่อยให้เธอทำอาหารให้เขาอีก เขาคงรู้สึกผิดหากให้เธอมีงานเพิ่มในขณะที่ยังคงเหนื่อยล้า
 
“ฉันไม่อยากออกไปซื้ออาหารเย็นด้วยสิ เรามาสั่งพิซซ่ากันไหม ฉันจะจ่ายให้เอง เพราะฉันได้รับจากเธอมามากพอแล้ว”
“เอ๋ แต่ว่า”
“ถ้าไม่อยากจะกินกับฉันล่ะก็ จะเอากลับไปกินที่ห้องก็ได้”
 
เขาไม่สามารถห้ามมาฮิรุได้ หากเธอไม่อยากที่จะกินกับเขา แต่เขาสามารถให้เธอนำกลับไปที่ห้องได้
มากกว่าการอยากกินกับเธอ เขารู้สึกขอบคุณเธอซะมากกว่า ดังนั้นเขาจึงคิดว่าไม่เป็นไรหากเขาจะกินคนเดียว
 
“…ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกค่ะ ฉันแค่ไม่เคยสั่งพิซซ่ามาก่อน ดังนั้นฉันเลยแปลกใจนิดหน่อย”
“เอ๊ะ ไม่เคยหรอกหรอ?”
“เพราะว่าฉันไม่เคยสั่งพิซซ่าตอนอยู่คนเดียวมาก่อน…ถึงแม้ฉันจะเคยทำกินเองก็เถอะค่ะ”
“เธอทำพิซซ่าด้วยตัวเองได้ด้วยเนี่ย สุดยอดไปเลยนะ”
 
โดยทั่วไปแล้วผู้คนมักจะสั่งพิซซ่ามาบ้านหรือไม่ก็นั่งกินที่ร้านข้างนอก
น้อยคนนักที่จะพยายามทำกินมันด้วยตัวเอง
ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้อีกครั้งว่ามันเป็นความคิดของคนที่ทำอาหารได้ดีจริงๆ
 
“มันเป็นเรื่องปกติที่จะสั่งมากินที่บ้าน ฉันเองก็ทำอยู่บ่อยๆ เดี๋ยวนะ เธอคงไม่ใช่ประเภทที่จะไปร้านอาหารครอบครัวด้วยตัวคนเดียวสินะ?”
“ฉันไม่เคยไปที่แบบนั้นหรอกค่ะ”
“หายากนะเนี่ย ฉันมักจะไปคนเดียวเมื่อพ่อแม่ของฉันขี้เกียจทำกับข้าว พ่อแม่ไม่เคยไปกินข้าวนอกบ้านหรอกหรอ”
“…แม่บ้านจะเป็นคนทำอาหารให้เราค่ะ”
“แม่บ้านงั้นหรอ? บ้านเธอค่อนข้างรวยสินะ”
 
มันเป็นดังคาดเอาไว้ ดูเหมือนว่าเธอจะเป็นคนรวยจริงๆ
มารยาทเธอดีแถมเสื้อผ้าก็ดูสวยงาม
เมื่อพิจารณาจากบรรยากาศและรสนิยมของเธอแล้วมันก็ไม่แปลกที่จะคิดแบบนั้น
และเมื่อเธอได้ยินอามาเนะพูดแบบนั้นเธอก็แสดงรอยยิ้มจางๆออกมา
 
“อืม…ฉันคิดว่าค่อนข้างรวยค่ะ”
 
รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอไม่ได้มีความสุขหรือภาคภูมิใจอยู่เลยแม้แต่น้อย มีแต่ความทรมานราวกับกำลังเยาะเย้ยตัวเอง อามาเนะเริ่มเสียใจกับที่ตัวเองพูดออกไปเมื่อเห็นรอยยิ้มนั้น
การตอบสนองของเธอเริ่มเงียบลงเมื่อเขาพูดถึงครอบครัวของเธอ ดูเหมือนว่าครอบครัวเธอจะไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกันเท่าไหร่
 
ดูเหมือนว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่อยากพูดถึงนัก ดังนั้นเข้าจึงไม่ได้พยายามขุดคุ้ยไปมากกว่านี้
ทุกคนเองก็ต้องมีสักเรื่องหรือสองเรื่องที่ไม่อยากจะพูดถึงหรือบอกให้คนอื่นรู้ การไม่ถามเกี่ยวกับเรื่องนั้นก็เป็นมารยาทที่ดีของคนที่ไม่ได้สนิทกันนัก
 
“เอาเถอะ เป็นประสบการณ์ที่ดีไม่ใช่รึไง เอ้า เลือกอันที่ชอบสิ”
 
เขาตัดสินใจที่จะไม่พูดถึงครอบครัวของเธอ แล้วแสดงภาพโฆษณาของพิซซ่าให้เธอดู
อามาเนะมักจะสั่งจากร้านนี้เป็นประจำ มันเป็นร้านเดลิเวอรี่ที่ดีที่สุดที่เขารู้จักในพื้นที่แถบนี้
แน่นอนว่ามันสู้แบบที่อบในเตาพิซซ่าไม่ได้ แต่มันมีหน้าที่หลากหลายตั้งแต่แบบมาตรฐานจนไปถึงแบบพิเศษสำหรับเด็ก และอาจจะมีหน้าที่เหมาะกับความชอบของมาฮิรุ
 
เมื่อเขาเปลี่ยนเรื่องคุย มาฮิรุก็มองที่เมนูแล้วใช้ตาสแกนมองอย่างรวดเร็ว
แววตาสีชาของเธอเป็นประกายขณะจ้องมองไปที่พิซซ่าหน้าต่างๆ
ดวงตาของเธอนั้นดูไร้อารมณ์ในเวลาปกติ แต่ตอนนี้มันดูเต็มไปด้วยประกายแสงที่มีชีวิตชีวา
 
(…บางที เธออาจจะตั้งตารอกับมันมากกว่าที่คิด?)
 
บางทีเขาอาจจะคิดมากเกินไป แต่เธอก็ดูตื่นเต้นเล็กน้อยเมื่อเธอมองไปที่เมนู เธอชี้ไปที่พิซซ่าสี่หน้าที่มักจะกินกันในงานปาร์ตี้ [งั้น ฉันเลือกอันนี้ค่ะ]
 
ดวงตาของมาฮิรุเริ่มเปล่งแสงเป็นประกายขณะที่มองไปที่เขา
อามาเนะดูเหมือนจะมีความสุขเมื่อเห็นการแสดงออกของเธอ เขายิ้มเจื่อนขณะที่หยิบโทรศัพท์ออกมาและป้อนหมายเลขตามโฆษณา
 
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมาพิซซ่าก็มาถึง เขากับมาฮิรุก็รีบกินมัน
พิซซ่ามีสี่รสชาติให้เลือก และดูเหมือนว่าเธอจะมีปัญหากับการตัดสินใจเลือกรสชาติ ก่อนที่เธอจะเริ่มด้วยเบคอนและไส้กรอก
มันไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเมื่อเห็นเธอค่อยๆกัดคำเล็กๆ เหมือนกับเด็กผู้หญิงน่ารักๆคนหนึ่ง
 
แม้ว่าเธอจะจับกินด้วยมือของเธอ แต่มันกลับดูมีความส่างามบางอย่างกับวิธีที่เธอกิน ดูเหมือนว่าเธอจะถูกอบรมมาอย่างดี
แต่ในขณะเดียวกันเขาก็พบว่ามันน่ารักเหมือนสิ่งมีชีวิตตัวเล็กๆ น่ารักๆ ที่ไหนสักแห่ง
เธอชำเลืองมองชีสที่ยืดออกมาและมีรอยยิ้มผ่อนคลายบนแก้มของเธอมันช่างน่ารักแปลกๆเสียจริง
ปกติแล้วเธอจะวางตัวและให้บรรยากาศเหมือนกับผู้ใหญ่ แต่ตอนนี้เธอให้บรรยากาศที่ดูเหมาะกับอายุของตัวเอง
 
ในขณะที่เธอกัดพิซซ่าด้วยปากเล็กๆของเธอ มันทำให้อามาเนะมีแรงกระตุ้นที่อยากจะลูบหัวเธอขึ้นมา
 
“…มีอะไรงั้นหรอคะ?”
“เปล่าหรอก ก็แค่เธอดูสนุกกับมันดีน่ะ”
“…อย่าจ้องฉันมากนักสิคะ”
 
แต่หน้าบึ้งไม่พอใจของเธอไม่ได้น่ารักแม้แต่น้อยเลยจริงๆ
 
“…อืม แบบนี้เธอนี่ไม่น่ารักจริงๆ เลยน้า”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ กลับกัน ถ้าฉันทำตัวตามปกติที่โรงเรียนตอนนี้คุณก็คงรู้สึกขนลุกค่ะ”
“ก็จริงนะ ฉันคุ้นกับเธอแบบนี้มากกว่าแบบที่โรงเรียน”
 
เขาแทบไม่เคยติดต่อหรือมีปฏิสัมพันธ์ใดๆกับมาฮิรุที่โรงเรียนเลย
ในบางครั้งเขาก็เห็นรอยยิ้มที่สวยงามไร้ที่ติซึ่งทักทายทุกคนอย่างอ่อนโยนโดยไม่มีช่องว่างแม้แต่วินาทีเดียว
ในทางตรงกันข้ามเธอได้แสดงด้านที่เข้มงวดและผ่อนคลายในตอนนี้
บางทีนี่อาจจะเป็นตัวตนที่แท้จริงของมาฮิรุ และท่าทางที่โรงเรียนของเธอเป็นเพียงโหมด ‘ออกนอกบ้าน’ ของเธอเท่านั้น
 
“สำหรับฉัน ส่วนนี้ของเธอตอนนี้ทำให้ไม่รู้สึกเหนื่อยเท่าไหร่”
“ส่วนที่ไม่น่ารักน่ะหรอคะ?”
“อย่าโกรธกันนักเลยน่า…ฉันหมายถึง ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่ตอนอยู่ที่โรงเรียน”
“ส่วนใหญ่ก็เป็นเกี่ยวกับอาหารเย็นแล้วก็เนื้อหาในการเรียนค่ะ”
“ยังทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกนะเธอน่ะ”
 
อามาเนะบอกเป็นนัยๆว่ามาฮิรุกำลังซ่อนบางอย่างไว้อยู่ แต่ดูเหมือนมาฮิรุจะปล่อยไปทั้งอย่างงั้น
[TL : เอ๋ออีกแล้วครับผม งงเดสุ ขออภัย]
เธอไม่ได้เสแสร้งและมองเขาด้วยสายตาไม่พอใจ
 
“ไม่ได้หมายความว่าอย่างงั้น ฉันจะบอกว่าฉันไม่เห็นใจจริงของเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธอคิดอะไรตอนอยู่โรงเรียน แล้วตอนนี้เธอดูไม่เป็นมิตรก็จริง แต่มันพูดคุยง่ายกว่าเมื่อเธอมาสามารถแสดงความรู้สึกได้ออกมาตรงๆ”
“…ท่าทางที่โรงเรียนของฉันมันไม่เหมาะสมอย่างงั้นหรอคะ?”
“นั่นเป็นวิธีที่ต้องจัดการกับสิ่งต่างๆ ของเธอ ฉันไม่คิดว่ามันแย่หรอก แค่คิดว่าเธอไม่เหนื่อยบ้างหรอ?”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว”
“มันฝังแน่นไปแล้วสินะ”
 
ไม่แปลกใจเลยที่พฤติกรรมแบบนั้นของเธอถึงฝังแน่นแบบนั้นหากปลูกฝังมาตั้งแต่อายุยังน้อย แต่ก็หมายความว่าเธอต้องตั้งใจพยายามเป็น ‘เด็กในอุดมคติ’ มาอย่างมากแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เขาไม่สามารถที่จะไล่ถามรายละเอียดเกี่ยวกับครอบครัวของเธอที่เธอบอกให้รู้อย่างคลุมเครือได้อีก
 
“เอาเถอะ มันคงจะดีถ้าได้ผ่อนคลายสักหน่อยจริงไหม? ฉันจะพยายามช่วยให้เธอเครียดน้อยลงก็แล้วกัน”
“…ฉันคงผ่อนคลายไม่ได้หรอกเมื่อคุณยังดูสิ้นหวังแบบนี้ค่ะ”
“ขอโทษด้วยละกันนะ”
 
เขายอมแพ้แล้วยักไหล่ขึ้นอย่างเกินจริง มาฮิรุหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข
 
 
*———-จบตอน———-*
TL :  ผมยังไม่หายไปนะครับ ฮ่าๆ งานเริ่มกลับมาเยอะ(อีกแล้ว) อาจจะเว้นช่วงกว่าเดิมหน่อย แต่ยังคอยอัพเรื่อยๆอยู่นะครับ เป็นตอนที่บรรยากาศเบาๆอีกตอนครับ ใกล้จะถึงช่วงที่มากินข้าวเย็นด้วยกันทุกวันซะแล้ว
**แปลจากอิ้ง แปลผิดยังไงก็ขออภัยนะครับ มือใหม่แปล อาจจะมีผิดบ้างทักท้วงกันได้นะครับ
นี่เป็นเวอร์ชั่น WN (เว็บโนเวล) อาจจะมีบางส่วนที่ต่างกับแบบเล่มอยู่บ้างนะครับ แต่ก็ยังคงความหวานไว้เช่นเคย
อย่าลืมกดไลก์และกดติดตามเพจเพื่อเป็นกำลังใจให้ผู้แปลด้วยนะครับ ที่เพจลงล่วงหน้าตอนนึง ถึงตอนที่ 12 แล้ว
เพจ แปลแบบคนเหงาและง่วง

[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN)

[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN)

[นิยายแปล] Otonari no Tenshi-sama ni Itsu no Ma ni ka Dame Ningen ni Sareteita Ken (WN)

Comment

Options

not work with dark mode
Reset